Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1375

ตอนที่ 1375

ข้ากำลังรออยู่

เมื่อผ่านเข้าไปในรอยแตก เมิ่งฮ่าวก็อธิบายว่า “วิญญาณที่ถูกผนึกอยู่ในสามสิบสามนรกต่างก็เป็นผู้ทรยศที่เจ้าเล่ห์ สำหรับสัตว์อสูรนอกคอก พวกมันมีความฉลาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็แค่ข่มขู่พวกมันด้วยคำพูด และสะกดข่มด้วยพลังการฝึกตน พวกมันก็จะล่าถอยไปเอง”

“ด้วยการทำเช่นนี้ ก็ช่วยให้พวกเราจัดการกับพวกมันได้ง่ายดายมากขึ้น”

กลุ่มคนส่วนใหญ่ตอบรับด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด ยกเว้นคนส่วนน้อยที่รู้จักเมิ่งฮ่าวดี พวกมันมีสีหน้าแปลกๆ ขึ้น และกระแอมไอออกมา แต่ก็ไม่พูดจาใดๆ

“หลักการง่ายๆ ก็คือพวกท่านต้องทำให้พวกมันหวาดกลัว!” หลังจากที่เน้นย้ำในเรื่องนี้ เมิ่งฮ่าวก็นำกลุ่มคนทั้งหมดเข้าไปในเขตสุสาน จากความทรงจำเมื่อครั้งก่อนที่เคยมายังที่แห่งนี้ เขาพาพวกมันตรงไปยังวิหารหลักอย่างรวดเร็ว ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปก็เหลือบมองไปยังทุกสิ่งทุกอย่าง ที่โล่งเตียนจนแทบจะสะอาดหมดจดด้วยหางตา ซึ่งตนเองเป็นผู้ที่ทำให้เกิดขึ้นเช่นนี้

อย่างไรก็ตามคนทั้งหมดต่างก็มองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แต่ละห้องในเขตสุสานที่ทุกคนพุ่งผ่านไป ต่างก็มองเห็นฝาผนังที่ถูกรื้อและพื้นที่ปราศจากกระเบื้องไปโดยสิ้นเชิง สถานที่มากมายไร้การตกแต่งประดับประดาใดๆ ราวกับว่าถูกสุนัขมากัดแทะจนเกลี้ยงเกลา…

เสียงหอบหายใจได้ยินออกมาจากปากของผู้ถูกเลือก

“ไม่ถูกต้อง! ก่อนหน้านี้มีใครบางคนเข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว!!”

“ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้! คนผู้นั้นกวาดเอาสิ่งของทั้งหมดไปจนเกลี้ยงเกลา! ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปจนหมดสิ้น…”

“บัดซบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มคนนอกคอก!!”

ผู้ถูกเลือกต่างก็สะท้านใจในสิ่งที่ได้เห็นอยู่นี้ แม้แต่หลี่หลิงเอ๋อร์และคนอื่นๆ ที่รู้จักเมิ่งฮ่าวดีต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน มีแต่เฉินฝานเท่านั้นที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ชำเลืองมองไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวเดินอยู่ด้านหน้า เมื่อได้ยินสิ่งที่คนทั้งหมดกำลังพูดคุยกัน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย แต่แทนที่จะกล่าวคำอธิบายออกมา กลับเร่งความเร็วเพื่อให้มีระยะห่างมากขึ้น นำกลุ่มคนทั้งหมดที่กำลังประหลาดใจไปจนถึงจุดศูนย์กลางของสุสาน ที่ซึ่งตันหลางถูกผนึกไว้

เมื่อไปถึงผู้ถูกเลือกก็พูดคุยกันถึงสิ่งที่ได้เห็น นี่คือห้องในเขตสุสานที่มีขนาดใหญ่โตมากที่สุด แต่ก็แทบจะถูกขโมยสิ่งของไปจนเกือบจะเกลี้ยงเกลา ยกเว้นตรงจุดศูนย์กลางของห้องนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกวาดล้างไปจนสะอาดหมดจดด้วยเช่นกัน

“ช่างแปลกประหลาดนัก!!”

“แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าก็ไม่เหลือทิ้งไว้! บัดซบ, นี่ต้องเป็นฝีมือของกลุ่มคนนอกคอกอย่างแน่นอน!!” กลุ่มผู้ถูกเลือกต่างก็มีโทสะกันทั้งหมด แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ก็มีใบหน้าปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในเปลวไฟวิญญาณลูกทรงกลม ซึ่งอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยโทสะโดยสิ้นเชิง

“บัดซบ เจ้าอีกแล้ว…ครั้งนี้คิดจะทำอะไรอีก!?!?”

“เจ้าหลอกลวงเอาแก่นแท้พลังชีวิตของเหล่าฟูไป ขโมยเอาของประดับตกแต่งหลุมฝังศพ และจิตรกรรมฝาผนังไป แม้แต่พื้นกระเบื้องเจ้าก็ขุดเอาไป บัดซบ, เจ้าสารเลว ไม่ยอมเหลืออะไรไว้เลย แล้วตอนนี้ยังต้องการอะไรอีก!?!?”

“เมิ่งฮ่าว!!” เสียงแผดร้องคำรามด้วยความเสียใจดังก้องไปทั่วทั้งอาณาเขตสุสาน กลุ่มคนที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง และเลื่อนสายตามองไป ราวกับว่าพวกมันเพิ่งจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นครั้งแรก และสีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้น

พวกมันมีโทสะต่อใครบางคนที่มากเกินไป แม้แต่พื้นกระเบื้องก็ยังขุดเอาไป ในทั่วทุกที่ที่พวกมันผ่านมา แล้วจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเจ้าคนร้ายนั้นจริงๆ แล้วก็คือ…เมิ่งฮ่าว?

“นี่…นี่…”

“แค่ก แค่ก…เสาจู่ต้าเหรินช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง…”

คนทั้งหมดเริ่มฝืนหัวเราะขึ้นมา เมื่อพวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว แววตาแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้น ภาพของเมิ่งฮ่าวที่พวกมันสร้างขึ้นมาในจิตใจค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นเล็กน้อย ขมวดคิ้วและแค่นเสียงเย็นชา ก้าวเนิบนาบตรงไปยังเปลวไฟวิญญาณลูกทรงกลม จู่ๆ เสียงแผดร้องเริ่มดังก้องออกมาจากภายในเปลวไฟนั้น

“ไปให้พ้น บัดซบ! กลับไป เจ้าสารเลวที่ไร้ยางอาย เจ้ายังไร้ยางอายกว่าดาววิบัติในตอนนั้นซะอีก!!”

เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังผู้ถูกเลือกและอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยดูดกลืนวิญญาณบางส่วนของมันไป จนเหลืออยู่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น คงไร้ประโยชน์ใดๆ ต่อพวกท่าน” ด้วยเช่นนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา ไม่สนใจเสียงแผดร้องจากใบหน้านั้น ทำท่าคว้าจับออกไป ทำให้เปลวไฟวิญญาณลอยลงมาอยู่ในมือ และทำให้เสาผนึกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นพังทลายลงไป

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กำมือแน่นจนกลายเป็นหมัด ทำให้เปลวไฟวิญญาณหายเข้าไปในฝ่ามือ หลังจากที่ดูดกลืนมัน เขาก็ก้าวเดินตรงไปยังเขตผนึกก่อนหน้านี้ กระแอมไอออกมา ลังเลอยู่ชั่วขณะ หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ไม่สนใจกลุ่มคนที่ด้านหลัง หยิบเอากระบี่บินออกมางัดกระเบื้องปูพื้นทั้งหมดไป ในท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมดที่มองมา

ผู้ถูกเลือกอ้าปากค้างจ้องมองไปยังความชำนาญอย่างน่าเหลือเชื่อของเมิ่งฮ่าว ขณะที่จัดการพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แม้แต่เสาที่พังลงมาก็ยังเก็บรวบรวมไว้ด้วย จากนั้นหลังจากที่สะบัดชายแขนเสื้อ ก็กระทืบเท้าลงไปบนพื้นในทันที ทำให้รอยแตกปรากฏขึ้น

“พวกเราไปยังนรกชั้นที่สองกันเถอะ” ขณะที่เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าเข้าไปในรอยแตก ผู้ถูกเลือกก็สบตากันไปมาด้วยความงุนงง พฤติกรรมของเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ ทำให้ภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ภายในจิตใจพวกมันเปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก็ติดตามเข้าไปในรอยแตก

ภายในนรกชั้นที่สอง พวกมันได้เห็นนิสัยที่ชอบสะกดข่มไปทั่วของเมิ่งฮ่าว ด้วยสองตาตนเองอีกครั้ง…

“เจ้ารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวของเมิ่งโหม่วหรือไม่? ขอบอกให้รู้ไว้ เมิ่งโหม่วเคยสังหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้อีกคนกลายเป็นข้าทาส และบังคับให้คนที่สามต้องระเบิดตัวเองไป!” ในนรกชั้นที่สองเป็นสัตว์อสูรนอกคอกที่ก่อตัวขึ้นมาจากเปลวไฟ ตอนนี้มันกำลังสั่นสะท้านเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับความก้าวร้าวของเมิ่งฮ่าว จากแรงกดดันและกลิ่นอายที่กระจายออกมาจากร่าง ก็ทำให้สัตว์อสูรนั้นหวาดกลัวไปโดยสิ้นเชิง

จากนั้นผู้ถูกเลือกก็เฝ้ามองไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวกวาดล้างสุสานของนรกชั้นที่สองไปจนเกลี้ยงเกลา…ราวกับมีลมพายุอันน่ากลัวพัดผ่านไป ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้แม้แต่หญ้าสักต้น…

นิสัยเช่นนี้ และบุคลิกส่วนตัวเช่นนี้ ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย…

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าใช้เวลาทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองมากเกินไป จึงรีบตะโกนเรียกผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ให้มาช่วยในทันที “มา มา มา พวกเรามีเวลาไม่มากนัก มาช่วยข้ากวาดล้างสถานที่แห่งนี้ให้สะอาดหมดจด”

เฉินฝานหัวเราะเป็นเสียงดัง และเดินตรงไปช่วยอย่างรวดเร็ว หลี่หลิงเอ๋อร์ยกมือปิดปาก และใบหน้าของจี้ยินก็บึ้งตึง ริมฝีปากของหวังโหย่วฉายบิดขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ถูกเลือกอื่นๆ พวกมันสบตากันไปมาด้วยความกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ รีบเข้าไปช่วยอย่างรวดเร็ว

เรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกมันไม่เคยกระทำมาก่อน จึงได้แต่แอบถอนหายใจออกมา และบอกกับตัวเองว่าสาเหตุที่ทำให้เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้กระทำเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา

หลังจากที่กวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างจนเกลี้ยงเกลา ในที่สุดคนทั้งหมดก็บรรลุถึงจุดศูนย์กลางของวิหารในเขตสุสานของนรกชั้นที่สอง เปลวไฟวิญญาณในที่แห่งนี้มีความแข็งแกร่งกว่าตันหลางมากนัก และในทันทีที่คนทั้งหมดผ่านเข้าไปในวิหาร แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อก็ระเบิดออกมา แต่เมิ่งฮ่าวก็แค่แค่นเสียงเย็นชา ปลดปล่อยพลังการฝึกตน ก้าวเดินตรงไปและสะกดข่มมันไว้

ด้วยพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าว ได้รับการเกื้อหนุนจากพลังแห่งขุนเขาทะเล รวมเข้ากับค่ายกลเวทที่อยู่ภายในเขตสุสาน จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสะกดข่มวิญญาณในที่แห่งนี้ เสียงแผดร้องคำรามดังก้องออกมาจากเปลวไฟวิญญาณ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อต่อสู้กลับมาได้

สามสิบสามผู้ถูกเลือก ถูกทิ้งไว้ในที่แห่งนี้หนึ่งคน เพื่อดูดซับโชควาสนาซึ่งก็คือเปลวไฟวิญญาณของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังจากเมื่อในอดีต ถ้าผู้ถูกเลือกล้มเหลว ก็จะต้องตายไป แต่ถ้าทำได้สำเร็จ พื้นฐานฝึกตนก็จะก้าวหน้าพุ่งทะยานขึ้นไป ถ้ายอมเสียสละอายุขัยบางส่วนไป ก็จะทะลวงผ่านระดับจักรพรรดิเต๋า จนกลายเป็นราชันจักรพรรดิที่มีอายุขัยหกสิบปี!

หลังจากทิ้งผู้ถูกเลือกไว้หนึ่งคน เมิ่งฮ่าวก็นำกลุ่มคนทั้งหมดเข้าไปในนรกชั้นที่สาม จากนั้นก็สี่และห้า…ขณะที่มุ่งหน้าต่อไป เขาก็จะข่มขู่สัตว์อสูรนอกคอกด้วยตำนานการสังหารผู้ยิ่งใหญ่ และทำให้กลายเป็นข้าทาส พร้อมทั้งบังคับให้ระเบิดตนเองไป

ตอนแรกกลุ่มผู้ถูกเลือกจ้องมองไปด้วยความตกใจ แต่ในที่สุดพวกมันก็เริ่มคุ้นเคย และสุดท้ายก็เริ่มไม่สนใจ นอกจากนี้ความวิตกกังวลที่พวกมันรู้สึกเมื่อผ่านเข้ามาในสามสิบสามนรกก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ

หลังจากที่ได้เห็นเมิ่งฮ่าวสะกดข่มเปลวไฟวิญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า และทิ้งผู้ถูกเลือกไว้หนึ่งคนเพื่อดูดซับเปลวไฟวิญญาณ พวกมันก็ค่อยๆ รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมา ในทันทีที่กลิ่นอายอันน่ากลัวของเขาพุ่งกระจายออกไป ผู้ถูกเลือกอื่นๆ ก็จะกระโดดออกไปเพื่อช่วยประกาศสรรพคุณของเมิ่งฮ่าว

“มันเคยสังหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้อีกคนกลายเป็นข้าทาส และบังคับให้คนที่สามต้องทำการระเบิดตนเอง! ถ้าหวาดกลัวก็ให้รีบไสหัวไป!”

สุดท้ายแม้แต่การกวาดล้างเขตสุสานจนเกลี้ยงเกลา เมิ่งฮ่าวก็ไม่จำเป็นต้องจัดการมากนัก ความรู้สึกแปลกๆ ในตอนแรกของผู้ถูกเลือกหายไปนานแล้ว และตอนนี้พวกมันมีความคุ้นเคยกับวิธีการนี้เป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดพวกมันก็ทำได้เกินกว่าความคาดหวังของเมิ่งฮ่าว สามารถค้นพบบางสถานที่ที่เขาไม่ทันสังเกตเห็น และจัดการไปด้วยความเรียบร้อย ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชมอย่างช่วยไม่ได้

ด้วยเช่นนี้ทำให้กลุ่มคนที่เดิมทีมีแต่การสะกดกลั้นควบคุมตนเอง เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ ในตอนนี้การเดินทางเข้ามาในสามสิบสามนรกของพวกมัน ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับการมาท่องเที่ยวมากกว่า…

นรกชั้นที่เจ็ด, ชั้นที่แปด, ชั้นที่เก้า…

จำนวนผู้ถูกเลือกที่กำลังติดตามเมิ่งฮ่าวเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่พบกับเปลวไฟวิญญาณ เขาก็จะทิ้งผู้ถูกเลือกไว้หนึ่งคน ซึ่งจะกล่าวอำลาเมิ่งฮ่าวรวมทั้งกลุ่มคนอื่นๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะ อย่างไรก็ตามเบื้องหลังเสียงหัวเราะเหล่านั้นเป็นความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่

“เสาจู่ ข้าอยู่ที่นี่ หวังว่าท่านจะจัดการกับสิ่งของต่างๆ ได้มากกว่าพวกเรา! สหายเต๋าทั้งหลาย ข้าหวังว่าพวกท่านจะได้ครอบครองโชควาสนาของตนเอง…” คำกล่าวลาเช่นนี้ถูกพูดขึ้นมาในทุกๆ ที่ ที่มีเปลวไฟวิญญาณ

เวลาผ่านไป นรกชั้นที่สิบห้า, สิบหก, สิบเจ็ด…ในที่สุดก็ผ่านไปจนถึงนรกชั้นที่สามสิบเอ็ด จากนั้นก็สามสิบสอง และสุดท้ายก็ชั้นที่สามสิบสาม!

เมิ่งฮ่าวใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการผ่านลงไปจนครบทั้งสามสิบสามนรก เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีผู้ถูกเลือกติดตามมาอีก ตรงตำแหน่งที่เปลวไฟวิญญาณตั้งอยู่บางแห่ง เปลวไฟวิญญาณมีความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้ผู้ถูกเลือกเพียงคนเดียวดูดซับไป เมิ่งฮ่าวจึงทิ้งผู้ถูกเลือกไว้มากกว่าหนึ่งคน

ดังนั้นเมื่อถึงตอนที่เขาบรรลุถึงนรกชั้นที่สามสิบสาม ก็เหลือตนเองอยู่ตามลำพัง นรกชั้นที่สามสิบสามอยู่ในส่วนลึกมากที่สุดของความว่างเปล่า เมื่อผ่านเข้าไปเมิ่งฮ่าวก็มองเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา

บุรุษผู้นั้นสวมใส่ชุดยาวสีเขียว และกระจายเป็นความรู้สึกที่เย็นชาออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใคร นี่ไม่ใช่ร่างจริงของมันแต่เป็นแค่ร่างจำแลงเท่านั้น!

มีขวดน้ำเต้าสุราวางอยู่ตรงหน้า และมันก็ยกขึ้นมาดื่มเป็นระยะ ตรงด้านล่างลงไปยังเชิงเขา มีหุบเขาอันกว้างใหญ่อยู่แห่งหนึ่งซึ่งมีแต่ความว่างเปล่า

เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ก็มองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า จนกระทั่งในที่สุดสายตาก็ตกกระทบไปบนร่างของบุรุษหนุ่มผู้นั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้สถานที่แห่งนี้แตกต่างไปจากสามสิบสองนรกที่เหลือ ที่แห่งนี้ไม่มีสุสาน ไม่มีสัตว์อสูรนอกคอก ไม่มีเปลวไฟวิญญาณ ไม่มีแม้แต่ผนึกหรือเวทป้องกันใดๆ ราวกับว่าจิ่วเฟิงจื้อจุนไม่ได้ทิ้งของวิเศษไว้ในที่แห่งนี้แม้แต่น้อย

บุรุษชุดเขียวที่อยู่บนภูเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเมิ่งฮ่าวอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นร่างจำแลง แต่ก็ไม่อาจจะมองเห็นพื้นฐานฝึกตนของมันได้ ในชั่วขณะหนึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยโทสะอย่างไม่รู้จบ และอีกชั่วขณะต่อมาก็ดูเหมือนว่ามันจะสงบนิ่งและเยือกเย็นลง

บุรุษหนุ่มมองมายังเมิ่งฮ่าว และดวงตาก็แวบประกายขึ้นด้วยความเก่าแก่โบราณ “ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว…เปิ่นจุนรอเจ้าอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version