ตอนที่ 1382
หอกสามคัมภีร์
ครั้งหนึ่งนกแก้วเคยพูดถึงสิ่งที่มันรู้
การฝึกฝนสามคัมภีร์ดั้งเดิมแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล สามารถจะทำให้กลายเป็นบรรพจารย์ได้ เมิ่งฮ่าวมักจะสงสัยว่าบรรพจารย์มีความแข็งแกร่งอย่างไรกันแน่ เขาไม่เคยพบเจอกับบุคคลในตำนานเช่นนั้นมาก่อน
ดูเหมือนว่า…พวกมันคือบุคคลที่อยู่เหนือราชันขุนเขาทะเล
แต่ก็เป็นแค่สิ่งที่ในตำนานเคยกล่าวไว้เท่านั้น ในการต่อสู้ครั้งนี้ การปรากฏกายขึ้นของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้สตรี ทำให้ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ได้เห็นสามบรรพจารย์อันยิ่งใหญ่ และตอนนี้ก็สามารถจะรู้สึกได้ว่า…พวกท่านมีกลิ่นอายของราชันจักรพรรดิอยู่บนร่าง!
บรรพจารย์เทียบเท่ากับราชันจักรพรรดิ!
อันที่จริงเมิ่งฮ่าวอดที่จะสังเกตเห็นไม่ได้ว่า มีบางสิ่งที่แปลกๆ อยู่ภายในความผันผวนที่กำลังกระจายออกมาจากสามบรรพจารย์ แต่ตอนที่เขาปรากฏกายขึ้นในสนามรบ สามบรรพจารย์ก็อยู่ในท่ามกลางการผนึกผู้ยิ่งใหญ่สตรีแล้ว รวมทั้งตนเองก็กำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างเข้มข้น ทำให้ยากที่จะสังเกตดูพวกท่านอย่างละเอียด แต่ลึกลงไปในจิตใจ กลับมีความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวจดจำได้อย่างแม่นยำที่นกแก้วเคยบอกว่าภายในอาณาจักรขุนเขาทะเล คัมภีร์สุดยอดวิญญาณมีไท่หลิงจุนเจ่อ (บรรพจารย์สุดยอดวิญญาณ) และคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็มีเต้าเสินจุนเจ่อ (บรรพจารย์เต๋าศักดิ์สิทธิ์) แต่สำหรับคัมภีร์ตัดสวรรค์…ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยมีบรรพจารย์ปรากฏขึ้น!
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ก็มีจ่านเทียนจุนเจ่อ (บรรพจารย์ตัดสวรรค์) อย่างแท้จริง แม้จะดูเหมือนว่าเป็นผู้อ่อนแอมากที่สุดในคนทั้งสาม
และเห็นได้ชัดว่ากำลังแห้งเหี่ยวจนตกตายไปแล้ว การตายไปของท่านเหมือนจะทำให้ผนึกอ่อนแอลงไป และทำให้ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้มีหนทางที่จะทำลายมันไปได้
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะขบคิดได้ลึกซึ้งมากนัก เกี่ยวกับข้อสงสัยเหล่านี้ในตอนนั้น แต่อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็สามารถจะมองเห็นด้วยสองตาของตนเองถึง…พลังของบรรพจารย์!
คำพูดของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ยังคงดังก้องไปมา ขณะที่นางยื่นมือออกไปแตะสัมผัสโดนเครื่องหมายผนึก ทันใดนั้นผนึกรูปสามเหลี่ยมก็เริ่มพังทลายลงไป เมื่อเป็นเช่นนั้นบริเวณรอบๆ ตัวนางทั้งหมดก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งสามารถจะคาดเดาได้ อันเนื่องมาจากพลังที่ประกอบอยู่ภายในผนึก ขณะที่มันแตกกระจายไป เส้นใยนับไม่ถ้วนที่ตรึงร่างผู้ยิ่งใหญ่ไว้ก็เริ่มสั่นกระเพื่อมไปมา
พวกมันไม่อาจจะคงอยู่ได้นานมากนัก และเมื่อผนึกพังทลายลงไป เส้นใยเหล่านั้นก็เริ่มหายไปทีละเส้น พื้นที่ซึ่งถูกดูแลโดยจ่านเทียนจุนเจ่อเป็นตำแหน่งแรกที่ไม่มีเส้นใยเหล่านั้นหลงเหลืออยู่
ต่อมาก็เป็นพื้นที่ซึ่งถูกควบคุมโดยอีกสองบรรพจารย์ ซึ่งตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะที่แห้งเหี่ยวลงไปโดยสิ้นเชิง อันที่จริงศิษย์หนุ่มทั้งสามที่อยู่ด้านหลังของแต่ละบรรพจารย์ ในตอนนี้ก็ดูเหมือนกับซากศพไปแล้วด้วยเช่นกัน
ตูมมมมมมม!
เมื่อผนึกแตกกระจายออกไป ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้กำลังเตรียมตัวจะเดินออกมา เมื่อไหร่ที่นางทำเช่นนั้นได้ ก็จะปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนแปดแก่นแท้ออกมา และเมื่อคิดว่าคงไม่มีใครจะสามารถต่อต้านนางได้ สงครามก็คงจะจบลงอย่างรวดเร็ว อาณาจักรขุนเขาทะเลคงไม่อาจจะอยู่ได้นานจนกระทั่งเห็นการมาถึงของอาณาจักรเทพเซียน และอาณาจักรมาร อาณาจักรคงจะถูกบดขยี้ไป และผู้คนทั้งหมดก็จะถูกกำจัดไป
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่ไท่หลิงจุนเจ่อลืมตาขึ้นมาในทันที และดวงตาทั้งคู่ก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ศิษย์ที่อยู่ด้านหลังก็ลืมตาขึ้นมาด้วยเช่นกัน พร้อมกับสีหน้าที่เยือกเย็นโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าในตอนนี้คือช่วงเวลาที่มันได้เตรียมตัวมาทั้งชีวิต
“เหว่ยเอ๋อร์ เจ้านับถือข้าเป็นเหวยซือ (อาจารย์) ตั้งแต่ตอนอายุเจ็ดขวบ หลายปีที่ผ่านมานี้ ซือจุน (อาจารย์)…ไม่ค่อยได้สั่งสอนเจ้ามากนัก”
“ซือจุน, ศิษย์ไม่เสียใจ ถ้าชาติหน้ามีจริง ศิษย์ก็ยังคงนับถือท่านเป็นเหวยซือเช่นเดิม!”
โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายมันแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สังเวยพลังชีวิตทั้งหมดไป แม้แต่วิญญาณของตนเอง กลายเป็นพลังคัมภีร์อันไร้ขอบเขต จากนั้นก็หลอมรวมเข้าไปในร่างของอาจารย์ซึ่งก็คือไท่หลิงจุนเจ่อ
ทันใดนั้นเลือดเนื้อของไท่หลิงจุนเจ่อก็แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง และดวงตาก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้า กลับคืนสู่จุดสูงสุดของพลังอย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ขณะที่ปราณและโลหิต พลังวิญญาณและพื้นฐานฝึกตน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวท่าน เริ่มมารวมตัวกันอยู่บนหน้าผาก
จากนั้นเสียงปะทุก็ดังก้องออกมา ขณะที่หน้าผากของท่านระเบิดออกไป และหอกสีโลหิตก็พุ่งออกมา!
สัญลักษณ์เกี่ยวกับคัมภีร์นับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ หอกเล่มนั้น ซึ่งก็คือคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ หอกนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูก และประกอบขึ้นมาจากทุกสรรพสิ่งที่อาจารย์และศิษย์สังเวยไป ทั้งหมดนั้นก่อตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็น…หอกสุดยอดวิญญาณ!!
ในทันทีที่หอกเล่มนั้นปรากฏขึ้น ไท่หลิงจุนเจ่อก็หลับตาลงตกตายไป ด้วยสีหน้าที่สงบเยือกเย็น แต่ก็พอจะมองเห็นถึงความเสียใจและรู้สึกผิดอยู่เลือนราง…
ถึงแม้ว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลจะไม่ได้ทำผิดต่อท่านและศิษย์ แต่ท่านก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ท่านได้ปฏิบัติต่อศิษย์เช่นนี้
“ถ้าชาติหน้ามีจริง…”
ตูม!
หอกสุดยอดวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นมาจากไท่หลิงจุนเจ่อและศิษย์ พุ่งตรงไปยังผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายได้
สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่สตรีเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก เนื่องจากความปั่นป่วนวุ่นวายของเครื่องหมายผนึกที่แตกกระจายอยู่รอบๆ ตัว ขัดขวางไม่ให้นางสังเกตเห็นหอกอันน่ากลัวนั้นโดยสิ้นเชิง!!
ทำให้นางไม่อาจจะหลบเลี่ยงไปได้!
เห็นได้ชัดว่าการผนึกนางไว้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกับดักเท่านั้น ส่วนของแผนการที่แท้จริงจะระเบิดออกมาเมื่อผนึกถูกทำลายไป แผนการนั้นก็คือ…การสังเวยตนเอง!!
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่หอกเล่มนั้นพุ่งตรงเข้าไปยังหน้าอกของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ ตรงเข้าไปยังหัวใจของนาง การพุ่งแทงเข้าไปอย่างดุร้ายของหอกเล่มนี้ทำให้เกิดเป็นเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เต้าเสินจุนเจ่อลืมตาขึ้นมาพอดี
เมื่อเต้าเสินจุนเจ่อถอนหายใจ ศิษย์ที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะขึ้นมาด้วยความสบายใจไร้ความวิตกใดๆ “ซือจุน ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด ศิษย์คือผู้ดูแลคัมภีร์ และรู้มาโดยตลอดว่าจะต้องจบลงอย่างไร ได้เตรียมใจไว้นานแล้ว ชีวิตนี้ของศิษย์เป็นซือจุนมอบให้ มีความเสียใจเพียงอย่างเดียวก็คือ ไม่อาจจะดูแลซือจุนได้อีกต่อไปแล้ว”
“ซือจุน ศิษย์ขอล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว…”
ศิษย์ผู้นั้นระเบิดออก กลายเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์นับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปยังอาจารย์ของตนเอง ซึ่งก็คือเต้าเสินจุนเจ่อ
ร่างของเต้าเสินจุนเจ่อฟื้นฟูกลับคืนมาในทันที ถอนหายใจอย่างเงียบๆ พยักหน้า และจากนั้นโดยไม่ลังเลใดๆ ก็ปล่อยให้ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไป ขณะที่ปราณและโลหิต พลังชีวิต วิญญาณ และทุกสิ่งทุกอย่างของท่าน มารวมตัวกันอยู่บนหน้าผาก
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่จู่ๆ ก็มีหอกหนึ่งเล่มพุ่งออกมา
มันคือ…หอกเต๋าศักดิ์สิทธิ์!!
หอกเล่มนี้ประกอบไปด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขตขณะที่พุ่งตรงไป ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนอย่างรุนแรง ท้องฟ้าจืดจางลงไปและสายลมก็กรีดร้องระงม เมื่อมันพุ่งตรงไปยังผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ นางถูกตรึงไว้โดยเศษชิ้นส่วนของเครื่องหมายผนึก และไม่อาจจะหลบเลี่ยงหอกสุดยอดวิญญาณได้ ซึ่งแทงเข้ามาในร่างแล้วตอนนี้ แล้วนางจะสามารถหลีกเลี่ยง…หอกเต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร!?
เสียงปังดังก้องออกมา เมื่อหอกเล่มนั้นแทงเข้าไปในหน้าผากของผู้ยิ่งใหญ่ เข้าไปในสมองของนางโดยตรง!
เสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัวจนโลหิตต้องแข็งตัวดังก้องออกมาจากปากนาง แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง เส้นผมยุ่งเหยิงเป็นกระเซิงขณะที่ถอยโซเซไปทางด้านหลัง พยายามจะหลบหนีออกไปจากเครื่องหมายผนึก และจากนั้นก็โคจรหมุนวนพลังการฝึกตนอย่างบ้าคลั่ง เพื่อจะผลักดันให้หอกทั้งสองเล่มหลุดออกไปจากร่าง หอกทั้งสองเล่มนี้ทำให้นางเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรง
อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่ร่างอันแห้งเหี่ยวของจ่านเทียนจุนเจ่อจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา
ท่านยังไม่ตายไป! ขณะที่ท่านลืมตาขึ้นมา ก็มีบางสิ่งที่ดูแตกต่างออกไป คล้ายกับว่าท่านไม่ใช่จ่านเทียนจุนเจ่ออีกต่อไป แต่เป็นอีกผู้หนึ่ง!
ท่านมองไปยังผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่กำลังหลบหนีจากไป และถอนหายใจออกมา ขณะที่ถอนหายใจ บุรุษหนุ่มที่แห้งเหี่ยวซึ่งอยู่ด้านหลังท่านก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคัมภีร์นับไม่ถ้วน และจากนั้นก็ลอยเข้าไปในร่างของจ่านเทียนจุนเจ่อ
บุรุษหนุ่มตกตายไปโดยไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียว อย่างไรก็ตามดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยในการกระทำเช่นนี้ของตนเอง
ขณะที่จ่านเทียนจุนเจ่อดูดซับสัญลักษณ์เหล่านั้นเข้าไป เสียงที่คล้ายกับการสูดลมหายใจเข้าไปอย่างลึกล้ำก็ได้ยินมา เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายของชายชราจู่ๆ ก็เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
อันที่จริง ก็ดูเหมือนว่าพื้นฐานฝึกตนของท่านกำลังพุ่งขึ้นมา ทำให้กลิ่นอายที่แปลกๆ นั้นมีความเข้มข้นมากขึ้น
“เหล่าฟู…ไม่ใช่จ่านเทียนจุนเจ่อ!” ท่านกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังพูดเตือนตัวเอง สีหน้าเสียใจปรากฏขึ้น ขณะที่ค่อยๆ หันหน้ามองไปยังขุนเขาทะเลที่เก้าในตอนแรก จากนั้นก็มองไปยังกองกำลังของตระกูลฟางที่อยู่ภายในสนามรบ และในที่สุด…ก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว
สายตานั้นประกอบไปด้วยความไม่ต้องการแยกจากไป รวมทั้งความโศกเศร้าเสียใจอย่างลึกล้ำ และเมื่อท่านมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็ประกอบไปด้วยความรัก ราวกับว่าท่านกำลังมองไปยังลูกหลานของตนเอง
“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าเติบใหญ่แล้ว…” ท่านพึมพำ
เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เมื่อมองไปยังดวงตาของจ่านเทียนจุนเจ่อ ก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังสั่นสะท้าน ร่างกายเริ่มสั่นไปมา ขณะที่…ความรู้สึกของครอบครัวพุ่งขึ้นมาอยู่ในใจอย่างรุนแรง
“นั่นคือ…” เมิ่งฮ่าวรู้สึกคล้ายกับสายฟ้ากำลังฟาดลงมาในจิตใจ ชายชราผู้นี้น่าจะเหมือนกับคนแปลกหน้า แต่ในตอนนี้สายตานั้นดูเหมือนว่าจะเสียดแทงเข้าไปในความทรงจำของตนเอง เขาจดจำได้ถึงภาพจากในวัยเยาว์ จำได้ว่ามีชายชราผู้หนึ่งกำลังอุ้มตนเองด้วยความอ่อนโยน และทันใดนั้นสายตาของชายชราผู้นั้นก็ดูเหมือนกับสายตาคู่นี้ในทันที
“เหยียเยี่ย (ท่านปู่)…!” เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนขึ้นโดยไม่รู้สึกตัว
ทันใดนั้นคนทั้งหมดในตระกูลฟางต่างก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา
ต่อสายตาของจ่านเทียนจุนเจ่อที่มองมายังพวกมัน สีหน้าของคนทั้งหมดเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และตกใจขณะที่มองกลับไปยังท่าน
ทันใดนั้นใบหน้าของจ่านเทียนจุนเจ่อก็เริ่มเปลี่ยนไป ตอนนี้ท่านดูคล้ายคลึงกับฟางซิ่วเฟิงเป็นอย่างยิ่ง และดูคล้ายกับเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน ใบหน้าของท่าน…ดูเหมือนว่าจะทรงอำนาจโดยที่ไม่ต้องมีโทสะแม้แต่น้อย!
ท่านคือ…ท่านปู่ของเมิ่งฮ่าว บิดาของฟางซิ่วเฟิง! เป็นผู้อาวุโสสูงสุดก่อนหน้านี้ของตระกูลฟาง เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมทั้งในแง่ของพรสวรรค์ และพลังแห่งการรู้แจ้ง ซึ่งมีนามว่า…ฟางเฮ่อไห่!
หลายปีก่อนท่านและเมิ่งไว่กง ได้จากไปค้นหาคนภายนอกมาช่วยเหลือเมิ่งฮ่าว บุคคลภายนอกนั้นมาถึง แต่พวกท่านไม่เคยกลับมาอีกเลย จนกระทั่งเมิ่งฮ่าวไปยังขุนเขาทะเลที่แปด และพบว่าเมิ่งไว่กงก็คือราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด
ในตอนนั้นเขามักจะสงสัยว่า…ฟางเหยียเยี่ยไปอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่เมิ่งไว่กงก็บอกกับเขาว่าท่านไม่ได้อยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล
เมิ่งฮ่าวเคยคาดเดาว่าบางทีฟางเหยียเยี่ย…อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในสามสิบสามสวรรค์
แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของจ่านเทียนจุนเจ่อ จิตใจก็หมุนคว้างขณะที่ตระหนักว่า…นี่คือชายชราคนเดียวกับที่อยู่ในความทรงจำของตนเอง ฟางเหยียเยี่ย!
“แต่ทำไมเมิ่งไว่กงถึงได้บอกว่าท่านไม่อยู่ในอาณาจักรนี้?” นี่คือคำถามที่ผุดขึ้นมาในจิตใจของเมิ่งฮ่าวอย่างฉับพลัน
ในตอนนี้เองที่จ่านเทียนจุนเจ่อ, ฟางเฮ่อไห่ มองไปทางอื่น เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันดุร้าย ท่านมองไปยังผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ที่กำลังหลบหนีจากไป และจากนั้นหน้าผากก็ระเบิดออกมา
“หอก…ตัดสวรรค์!”