Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1434

ตอนที่ 1434

สู้จินหยุนซาน

“ในชั่วชีวิตข้า มักจะได้ยินคำพูดเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง เมื่อถึงจุดวิกฤตผู้คนชอบพูดว่าบังอาจ พวกมันคงคิดว่าจะทำให้คนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะทำจริงๆ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ

“และคำตอบของข้าทุกครั้ง ก็มักจะเป็นเช่นเดียวกัน…”

มือขวาเมิ่งฮ่าวขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็ชี้ตรงไปยังตี้ปาจื้อจุน ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อร่างที่บวมเป่งของตี้ปาจื้อจุนขยายใหญ่มากขึ้น และจากนั้นก็ระเบิดเป็นเสียงดังก้องออกไป

โลหิตและชิ้นเนื้อพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง กลายเป็นหยาดพิรุณโลหิตที่ตกลงมาบนแท่นบูชา ไม่ได้ไปโดนตัวเจ้าสำนัก แต่ตกลงไปบนร่างของซาจิ่วตงและจินหยุนซาน!

ใบหน้าจินหยุนซานบิดเบี้ยวขึ้นจนไม่อาจจะดูน่ากลัวไปมากกว่านี้อีกแล้ว ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว รังสีสังหารหมุนวนอยู่ในดวงตา

“เจ้าน่าจะพูดอีกครั้ง” เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ มองไปยังจินหยุนซานอย่างเย็นชา ถ้าให้กล่าวกันตามตรงแล้ว เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ตี้ปาจื้อจุนต้องถูกสังหารไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่าถูกไล่ล่ามาเป็นเวลานาน ทำให้เมิ่งฮ่าวมีเวลาเตรียมตัว ผลก็คือสามารถจะกำจัดมันไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เมื่อเมิ่งฮ่าวบอกว่าจะสังหารมันก็สามารถจะทำตามคำพูดได้ในทันที!

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวได้ฝังเวทผนึกไว้ภายในร่างมันทีละเวท ในที่สุดก็ทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าตกใจเช่นนี้

ความเงียบปกคลุมไปทั่ว ซ่างกวนหงและผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ มองมาอย่างเงียบๆ แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว เมื่อครู่นี้เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะใช้การกระทำ เพื่ออธิบายให้คนทั้งหมดรับรู้ถึงความหมายของอำนาจที่เด็ดขาด!

ทันใดนั้นจินหยุนซานก็หัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย เมื่อเสียงหัวเราะนั้นดังก้องออกมา มันก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว

“เจ้าสังหารตี้ลิ่วจื้อจุนและตี้ปาจื้อจุนไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องการมาสังหารข้า?” สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้าและลมพายุก็พุ่งขึ้นมา ทุกสรรพสิ่งบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่ลมพายุซึ่งมีขนาดหนึ่งหมื่นหลี่ปรากฏขึ้น

คนทั้งหมดจากชางหมางพ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียด เริ่มล่าถอยไปทางด้านหลังอย่างช้าๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้จินหยุนซานที่เต็มไปด้วยโทสะ

พวกมันต่างก็ตระหนักดีว่าถึงแม้จินหยุนซานจะดูคล้ายบุรุษหนุ่ม แต่จริงๆ แล้วก็ฝึกตนมาหลายยุคสมัยจนแทบจะเทียบได้กับเจ้าสำนัก

มันมีบุคลิกที่ไม่ค่อยมั่นคง มักจะเต็มไปด้วยโทสะและความดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ ยิ่งมันหัวเราะเป็นเสียงดังก้องมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีโทสะมากขึ้นเท่านั้น

“ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ

เมื่อจินหยุนซานได้ยินคำตอบของเมิ่งฮ่าว ก็ราวกับว่ามันเพิ่งจะได้ยินเรื่องขำขันมากที่สุดในโลก แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา เวลาเดียวกันนั้นสายฟ้าก็ปะทุขึ้นมาในท้องฟ้าและเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องขึ้น

จินหยุนซานก้าวตรงไปในทันที กลายเป็นเงาร่างอันเลือนรางซ้อนทับกันไปมา ช่องว่างระหว่างมันและเมิ่งฮ่าวดูเหมือนว่าจะพังทลายลงไป รอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา

จินหยุนซานเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

จนอากาศไม่อาจจะต้านทานความรวดเร็วเช่นนั้นได้และถูกทำลายไป ในชั่วพริบตาก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

“เจ้ามันก็แค่สุนัขจรจัดที่ไร้บ้านให้กลับไป บังอาจมาหาเรื่องเปิ่นจุน?!”

จินหยุนซานยกมือขึ้น ชี้นิ้วตรงไปยังหน้าอกเมิ่งฮ่าว

ทันใดนั้นดรรชนีของมันก็ปะทุขึ้นด้วยพลังอันเข้มข้นของพื้นฐานฝึกตนขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ จินหยุนซานไม่เคยประเมินคู่ต่อสู้ต่ำจนเกินไป มันปลดปล่อยพลังทั้งหมดเท่าที่มีออกมา

ถึงแม้ดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยในโทสะ แต่จริงๆ แล้วก็สามารถจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้โดยสิ้นเชิง ตระหนักดีว่าเมิ่งฮ่าวสังหารตี้ปาจื้อจุนต่อหน้าตนเองก็เพื่อจะรบกวนจิตใจของมัน เมื่อฝึกตนมาจนถึงระดับนี้แล้ว เหตุการณ์เช่นนั้นก็สามารถจะรับรู้ได้อย่างง่ายดาย!

อันที่จริงคำพูดที่มันกล่าวกับเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ ก็ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างเป็นความสับสนวุ่นวายให้เช่นเดียวกัน

เมิ่งฮ่าวยังคงเยือกเย็นโดยสิ้นเชิง ตอบรับดรรชนีที่โจมตีมา ด้วยการยกมือขวาขึ้นมาและโบกสะบัดออกไป ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้น หลอมรวมเข้ากับเวทผนึก รวมทั้งพลังแห่งกายเนื้อของตนเอง พลังที่ฟ้าสะท้านดินสะเทือนพุ่งกระจายออกไปทั่ว เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็ถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว ขณะที่มองขึ้นไป ดวงตาของจินหยุนซานก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร และใกล้เข้ามาเพื่อโจมตีอีกครั้ง

“ขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้…ช่างเฉียบคมนัก” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ ระเบิดเป็นความเคลื่อนไหวออกไป และในชั่วพริบตาก็ต่อสู้ไปมากับจินหยุนซานอย่างเต็มกำลัง

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป บางครั้งเมิ่งฮ่าวก็เหมือนกับอสูรร้าย บางครั้งก็เย่อหยิ่งทระนงไปโดยสิ้นเชิง ทำการโจมตีไปอย่างดุร้ายและสะกดข่ม แต่ในอารมณ์ที่หลากหลายเหล่านั้น เขามักจะเคลื่อนที่ไปมาคล้ายกับเป็นกลุ่มควัน ชั่วขณะต่อมากลิ่นอายอันโหดเหี้ยมก็พุ่งขึ้นมาคล้ายกับเป็นสัตว์ร้ายบางอย่าง

จินหยุนซานโจมตีไปด้วยพลังขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ใดๆ ออกมา แต่พื้นฐานฝึกตน, กายเนื้อ และทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวมัน ก็อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของระดับนี้ เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็ทำให้มันสามารถจะโจมตีไปจนสวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน

ในชั่วพริบตาคนทั้งสองก็ต่อสู้กันไปมาจนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง ยากที่จะรู้ได้ว่าปะทะกันไปกี่ครั้งแล้ว โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากเมิ่งฮ่าวขณะที่ถอยไปทางด้านหลัง สำหรับจินหยุนซานใบหน้ามันซีดขาวเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารมากขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้สึกประหลาดใจมากนักต่อระดับพลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว สำหรับมันแล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่เมิ่งฮ่าวจะเหนือกว่าระดับเก้าแก่นแท้ธรรมดาทั่วไป เมื่อคิดว่าเขาสามารถจะสังหารตี้ลิ่วจื้อจุนและตี้ปาจื้อจุนไปได้

“เจ้าประเมินตนเองสูงส่งเกินไปแล้ว!” มันกล่าวขึ้นพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา รังสีสังหารแวบประกายขึ้นมา โบกสะบัดมือขวาออกไป จากนั้นแสงสีทองอันไร้ขอบเขตก็สาดประกายขึ้น เมื่อหนามสีทองอันคมกริบราวใบมีดจำนวนมากพุ่งออกไป

ถ้าตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็จะพบว่าพวกมันไม่ใช่หนาม แต่จริงๆ แล้วก็เป็นลำแสงสีทอง ในชั่วพริบตาจินหยุนซานก็เรียกดวงตะวันสีทองมาลอยวนอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งขยายขนาดใหญ่ขึ้นและทรงพลังมากขึ้นอย่างรวดเร็ว คนทั้งหมดเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับว่าดวงตะวันนี้จะมาแทนที่ดวงตะวันของโลกแห่งนี้!!

“เต๋าแห่งดวงตะวันสีทอง เวทแห่งเทพผู้ยิ่งใหญ่!” จินหยุนซานกางแขนออกเป็นวงกว้าง ทำให้พลังแห่งฟ้าดินจำนวนมากรวมทั้งกลิ่นอายแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว พลังของมันพุ่งทะยานขึ้นไป ทำให้สีหน้าของกลุ่มคนแห่งชางหมางพ่ายต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว รีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง ไม่ยินดีที่จะมายุ่งเกี่ยวกับพลังที่มองเห็นอยู่นี้

แม้ในขณะที่พวกมันถอยไปทางด้านหลัง สองมือของจินหยุนซานก็ขยับร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว และผลักออกไปอย่างรุนแรง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อดวงตะวันสีทองเริ่มบิดเบี้ยวไปมา จนดูเหมือนว่าจะกลายเป็น…กลุ่มเมฆแห่งกระบี่บินสีทองนับไม่ถ้วน!

ยากที่จะบอกได้ว่ากระบี่เหล่านั้นมีจำนวนมากน้อยเท่าใด และคนทั้งหมดต่างก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของตนเองกำลังด้านชาขึ้นมาด้วยความตกตะลึงต่อภาพเบื้องหน้านี้ ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้มีปฏิกิริยาไม่ค่อยมากนัก แต่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้กำลังหอบหายใจออกมา

เท่าที่เห็นมีกระบี่อยู่นับร้อยล้านเล่ม!

กระบี่บินสีทองนับร้อยล้านเล่มพุ่งออกไป หมุนวนอยู่ในอากาศ เพื่อกลายเป็นภาพที่ดูคล้ายกับดวงตะวัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version