ตอนที่ 1433
สังหารต่อหน้าต่อตา
เสียงนั้นทำให้ความเงียบในที่แห่งนี้ต้องพังทลายลงไป กลุ่มคนจากชางหมางพ่ายหันหน้าไปมองกันทั้งหมด และเมื่อเห็นว่าตี้ปาจื้อจุนกำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางนี้ สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไป
สาเหตุที่ทำให้พวกมันต้องมีปฏิกิริยาเช่นนั้น
ไม่ใช่สถานการณ์ที่สิ้นหวังของตี้ปาจื้อจุน แต่เป็นสิ่งอื่น เป็นสิ่งที่น่าตกใจซึ่งไม่อาจจะสังเกตเห็นได้ในทันที
พวกมันทำการสำรวจดูแท่นบูชาด้วยความตั้งใจ จนไม่ได้สังเกตดูสิ่งอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในบริเวณนั้น เห็นได้ชัดว่า…สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันถูกผนึกไว้ และสัมผัสทั้งห้า (รูป, รส, กลิ่น, เสียง, สัมผัส) ของพวกมันก็ถูกแทรกแซง โดยที่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
ไม่ใช่จากความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว แต่เป็นผลกระทบที่แปลกๆ จากการยืนอยู่ใกล้กับแท่นบูชา!
เพราะว่าพวกมันอยู่ใกล้กับแท่นบูชา
ทำให้ไม่อาจจะรับข้อความใดๆ จากตี้ปาจื้อจุนได้!
“เป็นเหล่าปา! (อันดับแปด)”
“มันอยู่บริเวณเดียวกับเหล่าลิ่ว (อันดับหก) อะไรทำให้มันต้องรีบพุ่งมาด้วยท่าทางที่เลวร้ายเช่นนั้น !?!?” คนทั้งหมดสั่นสะท้าน ธรรมชาติอันน่ากลัวของสุสานแห่งนี้ทำให้จิตใจของคนทั้งหมดเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เองที่พวกมันมองเห็นลำแสงอีกสายหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาจากที่ห่างไกล!
ภายในลำแสงนั้นก็คือเมิ่งฮ่าว มีท่าทางเหมือนกับเป็นฆาตกรอันโหดเหี้ยม!!
“นั่นเป็นตี้จิ่วจื้อจุน!!”
“มันยังไม่ตายไปจริงๆ!!” คนทั้งหมดตกตะลึง แต่ก็มีเวลาให้ขบคิดน้อยมากว่าทำไมเขาถึงยังไม่ตายหลังจากที่ตกลงไปในหุบเหว ตอนนี้เขากำลังไล่ล่าตี้ปาจื้อจุนจนมันต้องหลบหนีมาอย่างรีบร้อน เห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจที่จะสังหารมันไป
ตี้ปาจื้อจุนแผดร้องออกมาอย่างน่าอนาถใจเมื่ออากาศรอบๆ ตัวมันบิดเบี้ยวไปมา และเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้น ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก หลังจากนั้นมันก็พุ่งตรงมายังกลุ่มคนด้วยความรวดเร็วมากขึ้น
“ช่วยด้วย!! มันสังหารเหล่าลิ่วไปแล้ว ข้าเห็นด้วยตาตัวเอง! มันเป็นคนสังหารเหล่าลิ่ว!!” เสียงของมันดังก้องขึ้น เต็มไปด้วยความวิตกและกระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ ไม่กี่คนก้าวเดินตรงมา และกำลังจะขัดขวางเมิ่งฮ่าว พวกมันจะไม่ยอมมองดูตี้ปาจื้อจุนถูกสังหารไปอย่างแน่นอน และจะทำเช่นเดียวกันนี้กับเมิ่งฮ่าว ซึ่งไม่ได้กระทำเพราะความชอบหรือเกลียดชัง
เมื่อพวกมันได้ยินคำพูดของตี้ปาจื้อจุนว่าตี้ลิ่วจื้อจุนถูกเมิ่งฮ่าวสังหารไปแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป และคนทั้งหมดก็บินตรงมาเพื่อขัดขวางในทันที!
“เหลาจิ่ว (อันดับเก้า) หยุดมือเดี๋ยวนี้!!”
“พวกเราทั้งหมดคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งชางหมางพ่าย พวกเรามายังที่แห่งนี้เพื่อค้นหาโชควาสนาแห่งจุดสูงสุด ไม่มีเหตุผลที่ต้องมาต่อสู้และสังหารกันเอง!!”
แม้ในขณะที่พวกมันบินตรงมาเพื่อทำการขัดขวาง ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้น และมองไปยังจินหยุนซานในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งสามบนแท่นบูชา รับรู้ได้ถึงธรรมชาติอันเก่าแก่โบราณของแท่นบูชานั้น และร่องรอยกลิ่นอายแห่งพื้นฐานเต๋าบนร่างพวกมันด้วยเช่นกัน
ภาพที่เห็นนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน การที่ได้เห็นสถานที่แห่งนี้จากด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต และการมาอยู่ในที่แห่งนี้และรับรู้ถึงกลิ่นอายแห่งพื้นฐานเต๋าได้อย่างแท้จริง เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวตะหนักแล้วว่าเหตุผลที่เจ้าสำนักและคนอื่นๆ มายังสุสานแห่งนี้ และค้นหาวิธีที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดก็คือ แท่นบูชานี้นั่นเอง!
“ภายในสุสานแห่งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีแท่นบูชาที่ทำให้ผู้คนก้าวไปถึงจุดสูงสุดได้!” เมิ่งฮ่าวคิด ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทั้งปวง มีน้อยคนนักที่จะเคยบรรลุถึงจุดสูงสุดนั้นได้
สำหรับสถานที่เช่นนี้ ซึ่งช่วยในการค้นหาความรู้แจ้งของการบรรลุถึงจุดสูงสุด ทำให้เมิ่งฮ่าวสรุปได้ว่าดินแดนอันกว้างใหญ่อื่นๆ ก็คงจะมีแท่นบูชานี้เช่นเดียวกัน เก้าดินแดนอันกว้างใหญ่ก็จะมีแท่นบูชาอยู่เก้าแห่ง
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว…แท่นบูชาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร?!?!
คำถามมากมายปะทุขึ้นมาอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ทำให้ดวงตาต้องสาดประกายขึ้น แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะไปครุ่นคิด รีบยกมือขวาขึ้นมาและชี้ตรงไปยังตี้ปาจื้อจุนที่กำลังหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
การกระทำเช่นนั้นทำให้เวทผนึกอสูรปรากฏขึ้น เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้องขณะที่ตี้ปาจื้อจุนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในช่วงเวลานั้นเองที่เมิ่งฮ่าวขยับร่างเคลื่อนไหว แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากร่างและเปลี่ยนเป็นสีดำไปในทันที กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีดำ พุ่งผ่านอากาศไปคล้ายสายฟ้าปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังตี้ปาจื้อจุน
ในตอนนั้นเอง ไม่ว่าผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ จะพยายามเข้ามาขัดขวางอย่างไร
ก็ไม่มีใครจะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเท่ากับเมิ่งฮ่าว ซึ่งใช้กรงเล็บกรีดเฉือนลงไปยังตี้ปาจื้อจุนที่อ่อนแออยู่โดยไม่ลังเลใดๆ
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น และตี้ปาจื้อจุนก็แผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา โลหิตพุ่งกระจายออกมาจากบาดแผลทั่วร่าง แต่ก็ยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังแท่นบูชานั้น
เมิ่งฮ่าวรีบไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ ก็ดูเหมือนว่าแทบจะมาขัดขวางไว้ได้ในทันที ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเย็นชาและพื้นฐานฝึกตนก็พุ่งทะยานขึ้นไป พลังแก่นแท้ปะทุขึ้นกลายเป็นลมพายุกระแสน้ำวนที่ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง เวลาเดียวกันนั้นเสียงอันเย็นชาของเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินขึ้นมา
“ท่านทั้งหลาย เปิ่นจุนไม่มีความแค้นใดๆ กับพวกท่าน แต่ตี้ปาจื้อจุนผู้นี้พยายามมาทำร้ายข้าก่อน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ขออย่าได้สอดมือเข้ามา วันนี้ข้าต้องสังหารคนผู้นี้ไปอย่างแน่นอน!”
เสียงของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกมาจากภายในลมพายุ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างถึงที่สุด
ผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ รวมทั้งซ่างกวนหงต่างก็ขมวดคิ้วและหยุดชะงักนิ่งโดยไม่รู้ตัว ในตอนนั้นเองที่เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วที่ระเบิดออกมา ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองเข้ามาใกล้กันอีกครั้ง
ตี้ปาจื้อจุนจ้องมองไปด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นสะท้าน มองไปยังความหวังสุดท้ายของมัน ซึ่งก็คือบุรุษหนุ่มชุดสีทองที่อยู่บนแท่นบูชา
“สหายเต๋าจิน ช่วยข้าด้วย!!”
เมิ่งฮ่าวในรูปแบบวิหคยักษ์แค่นเสียงเย็นชา
เมื่อเข้ามาใกล้ก็ใช้มือขวาขยับร่ายเวท และปลดปล่อยเวทผนึกออกไปหลายครั้ง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากตี้ปาจื้อจุน ขณะที่เวทผนึกพุ่งไปยังร่างมัน กัดฟันแน่นบังคับให้ตนเองพุ่งตรงไปยังแท่นบูชา แต่เมื่อกำลังจะก้าวเท้าลงไปบนแท่นบูชานั้น มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็วขึ้นอีกครั้ง และชี้นิ้วตรงไป ในตอนนั้นเองที่เวทผนึกเริ่มระเบิดออกมาอย่างแท้จริง!
เวทผนึกทั้งแปดหลอมรวมเข้าด้วยกัน แต่ก็เกิดขึ้นอยู่ภายในร่างของตี้ปาจื้อจุน ทำให้ไม่สามารถจะมองเห็นได้! ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่สิ่งที่เมิ่งฮ่าวทำเพียงแค่อย่างเดียวในตอนนี้ เขาได้เตรียมเวทผนึกและส่งเข้าไปในร่างมันช่วงที่กำลังไล่ล่ามาโดยตลอด
เขาต้องการสังหารตี้ปาจื้อจุน
และต้องการทำต่อหน้าของบุรุษหนุ่มชุดทองจินหยุนซาน เพื่อเป็นคำเตือนให้กับกลุ่มคนอื่นๆ ในชางหมางพ่าย เป็นคำเตือนที่บอกว่า…อย่ามาหาเรื่องข้า!
ตอนนี้ก็บรรลุถึงเป้าหมายนั้นแล้ว ตี้ปาจื้อจุนแผดร้องออกมา ขณะที่กระแสปราณจำนวนมากบดขยี้อยู่ภายในร่าง ร่างกายมันเริ่มบวมเป่งขึ้นมา และเงาแห่งความตายก็ระเบิดออกมาจากภายในร่าง
สีหน้ามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจ ร้องโอดครวญออกมาว่า “สหายเต๋าจิน!!!”
ในทันทีที่มันพูดจบ ดวงตาของจินหยุนซานก็ลืมขึ้นมา สาดประกายราวกับเป็นคมมีดอันเย็นเยียบ ขณะที่หันหน้าจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว
“บังอาจ!!”