Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1432

ตอนที่ 1432

แท่นบูชาสูงสุด

หลังจากที่พบเจอกับการถูกทำลายล้างของอาณาจักรขุนเขาทะเล เมิ่งฮ่าวก็มีความเกลียดชังและอาฆาตมากขึ้น จิตใจรุมเร้าไปด้วยความเคียดแค้น ความกระหายที่จะได้ล้างแค้นลุกโชนขึ้นมาในสายโลหิต ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าเขาถูกแปดเปื้อน ต้องเปลี่ยนจากเซียนเป็นอสูร กลายเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงและค่อนข้างจะหวาดระแวง

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวแตกต่างไปจากนักศึกษาเยาว์วัย ที่เคยยืนอยู่บนยอดเขาต้าชิงในแคว้นจ้าวไปโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้มองไม่เห็นรอยยิ้มเขินอายอีกต่อไปแล้ว มีแต่ความดุร้ายเท่านั้น เขายิ้มน้อยครั้งมากและเต็มไปด้วยความเย็นชาราวน้ำแข็ง โลกของเขาถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัวมานานแล้ว

นั่นไม่ใช่สิ่งที่เมิ่งฮ่าวปรารถนา และไม่ใช่พื้นฐานธรรมชาติของตนเอง แต่โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง สิ่งที่เขาพบเจอมาคล้ายกับเป็นใบมีดอันโหดร้ายที่กรีดเฉือนลงมา ทำการเปลี่ยนแปลงตนเองไปโดยสิ้นเชิง

การผนึกตี้ลิ่วจื้อจุนไว้เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวคิดว่าจะจัดการกับใครก็ตามที่แสดงความเป็นปรปักษ์ต่อตนเองเช่นนี้ทั้งหมด ด้วยเช่นนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้ตี้ปาจื้อจุนหนีรอดไปได้ ถึงแม้ว่ามันจะโจมตีเขาแค่ครั้งเดียวก็ตาม แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ เขาจะไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสทำเช่นนั้นเป็นครั้งที่สอง

คนอื่นๆ ในรายนามที่ต้องสังหารของเมิ่งฮ่าวคือบุรุษหนุ่มชุดสีทองจินหยุนซาน ถึงแม้เมิ่งฮ่าวไม่มั่นใจว่าจะสามารถโจมตีคนที่มีระดับพลังเช่นนั้นในตอนนี้ได้ แต่เขาก็ไม่แยแส

เขาไม่สนใจที่จะตรวจสอบดูว่า ทำไมเหตุการณ์ถึงได้เกิดขึ้นเช่นนี้

สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สำคัญ ถ้าเจ้าไม่มาตอแยข้า ข้าก็จะไม่ไปตอแยเจ้า แต่ถ้าเจ้ามาหาเรื่องข้า ข้าก็จะกำจัดเจ้าไป!

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวบึ้งตึงขณะที่พุ่งฝ่าอากาศไปจนกลายเป็นลำแสงเจิดจ้า เคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วจนได้ยินเสียงที่คล้ายกับเป็นสายฟ้าปะทุขึ้นมา มองไม่เห็นเงาร่างอยู่ภายในลำแสงนั้น แต่ดูคล้ายกับลูกธนูที่พุ่งตรงไป

เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่เร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนท้องฟ้าคล้ายกับจะฉีกขาดออกจากกัน เสียงการเคลื่อนที่ผ่านไปของเมิ่งฮ่าวดังก้องกระหึ่มไปมา เกิดเป็นระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นพุ่งกระจายออกไป ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนและอากาศก็บิดเบี้ยวไปมา

ช่างเป็นภาพที่น่าประหลาดใจและยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!

เมื่อเมิ่งฮ่าวไล่ตามตี้ปาจื้อจุนไป ก็รับรู้ได้ว่ามันกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางเดียวกับที่ตนเองต้องการจะไปอย่างแน่นอน…ตรงไปยังจุดศูนย์กลางของดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกของสุสาน!

เมื่อเวลาเลื่อนผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็เคลื่อนที่เร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ และเหตุการณ์ที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านไปของเขาก็สามารถจะรับรู้ได้ออกไปไกลและเป็นวงกว้าง

ตี้ปาจื้อจุนอยู่ห่างไกลออกไปที่เบื้องหน้า สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ขวัญหนีดีฝ่อไปโดยสิ้นเชิง กำลังใช้พลังทั้งมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้เพื่อหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด ปลดปล่อยเวทลับออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปมากขึ้น แต่ก็กลายเป็นแรงขับให้ตนเองพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วราวคลุ้มคลั่ง

“บัดซบ, บัดซบ, บัดซบ…!” มันแอบก่นด่าอยู่ภายในใจ ไม่อาจจะเสียใจมากไปกว่านี้อีกแล้วในสิ่งที่ไปตอแยเมิ่งฮ่าว มันไม่เคยคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะมีกลิ่นอายแห่งพื้นฐานเต๋าอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับเก้าแก่นแท้ ก็ถือได้ว่าเป็นพลังคุกคามอันลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง

“มันต้องการสังหารข้า!!” นี่คือความคิดที่วิ่งไปมาทั่วจิตใจของมันอยู่ตลอดเวลา เมิ่งฮ่าวต้องการสังหารมันเป็นอย่างมาก จนทำให้ตนเองต้องไร้ทางเลือกนอกจากต้องหลบหนีจากไปเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะหมุนตัวกลับและชิงโจมตีออกไปก่อน มันต้องพึ่งพาการเผาไหม้พลังชีวิตของตนเองเพื่อให้มีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น ได้แต่หวังว่าจะบรรลุถึงตำแหน่งที่เจ้าสำนักและจินหยุนซานอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนทั้งหมดต้องมาพบเจอกัน ถ้าเมิ่งฮ่าวพยายามจะสังหารมันในสถานที่เช่นนั้น ก็คงเป็นเรื่องยากอย่างถึงที่สุด เนื่องจากผู้คนมากมายในที่แห่งนั้นจะต้องสอดมือเข้ามาขัดขวางอย่างแน่นอน

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเมื่อตี้ปาจื้อจุนกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ และความรวดเร็วก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ด้านหลังมันคือเมิ่งฮ่าว ซึ่งมีใบหน้าที่เย็นชาราวน้ำแข็ง กำลังไล่ล่าติดตามมาอย่างไม่ลดละ

ไม่ใช่ว่าตี้ปาจื้อจุนไม่ได้ลองพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านแผ่นหยกไป มันได้ลองทำไปแล้ว แต่ก็ต้องตระหนักขึ้นอย่างรวดเร็วว่า การส่งข้อความไปเช่นนั้นเหมือนกับการโยนก้อนศิลาลงไปในทะเล ไม่มีคำตอบกลับมาแม้แต่น้อย

จิตใจมันเต็มไปด้วยความขมขื่น และหวาดกลัวด้วยเช่นกัน

ชั่วขณะต่อมาสายฟ้าก็ฟาดลงมาอยู่รอบๆ ตัว มันแผดร้องออกมาพุ่งผ่านสายฟ้าออกไปยังอีกด้านพร้อมกับกระอักโลหิตออกมา โดยไม่ยอมมองกลับไปแม้แต่น้อย รีบพุ่งไปข้างหน้าในทันที

ไม่นานต่อมาเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏตัวขึ้น รวบรวมสายฟ้าไว้ รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่ไล่ติดตามเหยื่อของตนเองต่อไป

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ผู้ล่าและผู้ถูกล่าเข้ามาใกล้เขตศูนย์กลางมากขึ้นเรื่อยๆ

เขตตรงกลางของดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกคือแท่นบูชาโบราณ มีความสูงถึงหนึ่งหมื่นจ้างเต็ม ตรงมุมทั้งสี่ถูกตกแต่งด้วยมังกรแกะสลักที่ดุร้ายน่ากลัว แท่นบูชานั้นดูคล้ายกับเป็นเจดีย์ที่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า

มีสีดำสนิทและกระจายเป็นบรรยากาศในยุคสมัยโบราณออกมา ราวกับว่ามันคงอยู่ในกระแสแห่งกาลเวลามานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ระลอกคลื่นกระจายออกมาจากแท่นบูชานั้น หลอมรวมเข้ากับสวรรค์และปฐพี ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอันกว้างใหญ่ขณะที่ตั้งอยู่ตรงนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสอดคล้องกับตัวของสุสานด้วยเช่นกัน

กลุ่มคนจากชางหมางพ่ายกระจัดกระจายอยู่รอบๆ บริเวณแท่นบูชาสีดำ เฝ้ามองขึ้นไปด้วยความตื่นเต้น บนตัวแท่นบูชาเอง มีคนนั่งขัดสมาธิอยู่สามคน หนึ่งในคนทั้งสามคือบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีทอง จินหยุนซาน!

อีกคนมีรูปร่างที่ผอมแห้งและเหลืองซีด ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มทรายที่ลอยวนไปมา ทำให้ยากที่จะมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็คือซาจิ่วตง!

คนสุดท้ายคือเจ้าสำนักนั่นเอง

คนทั้งสามนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากที่สุดบนแท่นบูชา ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน บางครั้งก็ดูดีใจจนแทบจะบ้าคลั่ง บางครั้งก็มีท่าทางสับสน บางครั้งก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง คนทั้งหมดกำลังก่อตัวเป็น…กลิ่นอายพื้นฐานเต๋าอย่างช้าๆ!!

ผู้ฝึกตนอื่นๆ จากชางหมางพ่ายกำลังพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กันไปมา

“จากบันทึกโบราณ สุสานแห่งนี้มีอยู่ในดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งเก้า แต่ละสุสานมีแท่นสูงสุดอยู่หนึ่งแห่ง ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่มาค้นหาความรู้แจ้งบนแท่นบูชาก็จะเริ่มรับรู้ถึงเส้นทางที่จะไปสู่จุดสูงสุดได้!”

“บันทึกเหล่านั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน!”

“เจ้าสำนักพร้อมกับสหายเต๋าซาและจิน คือกลุ่มแรกที่ก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชา พวกมันทำการค้นหาความรู้แจ้งมานานกว่าห้าวันแล้ว!”

“ในช่วงเวลานั้น กลิ่นอายพื้นฐานเต๋าบนร่างพวกมันค่อยๆ เริ่มแข็งแกร่งขึ้น สถานที่แห่งนี้…ต้องประกอบไปด้วยวิธีสำหรับการเข้าไปสู่จุดสูงสุดอย่างแน่นอน!!”

“บันทึกโบราณได้กล่าวไว้ว่าแท่นบูชาแต่ละแห่งในเก้าดินแดนอันกว้างใหญ่ของสุสานสามารถช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเข้าไปสู่จุดสูงสุดของแต่ละคนได้หนึ่งในสิบส่วน ถ้ารวมแท่นบูชาจากดินแดนอันกว้างใหญ่ที่แตกต่างกันทั้งหมด…ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าได้รับความรู้แจ้งมาทั้งเก้าแท่นบูชา…ก็จะมีโอกาสเข้าไปสู่จุดสูงสุดได้สำเร็จถึงเก้าในสิบส่วน และเข้าไปสู่อาณาจักรพื้นฐานเต๋าได้!!” คนทั้งหมดจากชางหมางพ่ายยืนอยู่ตรงด้านนอกแท่นบูชา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความคลั่งไคล้ นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่พวกมันมายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อเข้าไปสู่จุดสูงสุด

ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือว่า วิธีก้าวเข้าไปสู่จุดสูงสุดอยู่ที่แท่นบูชาทั้งเก้าภายในเขตสุสาน!

ในตอนนี้เองเมื่อเจ้าสำนักและผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้อีกสองคน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการค้นหาความรู้แจ้ง และกลิ่นอายพื้นฐานเต๋าของพวกมันกำลังเริ่มชัดเจนและแข็งแกร่งขึ้น ลำแสงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป เข้ามาใกล้บริเวณนี้ด้วยความรวดเร็วราวคลุ้มคลั่ง เวลาเดียวกันนั้น น้ำเสียงที่สิ้นหวังก็ดังก้องออกมา

“ช่วยด้วย!! สหายเต๋าโปรดช่วยข้าด้วย!!!” เสียงนั้นฟังดูสิ้นหวังและอ่อนแอ เมื่อเข้ามาใกล้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นตี้ปาจื้อจุน เส้นผมยุ่งเหยิง ร่างกายผอมแห้ง ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ และกลิ่นอายก็ไม่เสถียรมั่นคง ขณะที่แผดร้องขอความช่วยเหลือออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version