Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1599

ตอนที่ 1599

การเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของหลัวเทียน

ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ทุกสรรพสิ่งดูเหมือนกับเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา เศษซากปรักหักพังนับไม่ถ้วนยืดยาวออกไปทั่วทุกทิศทาง เป็นเศษชิ้นส่วนแห่งความรุ่งเรืองจากก่อนหน้านี้ แต่ก็มีสถานที่แห่งหนึ่งในท่ามกลางเศษซากปรักหักพังเหล่านั้นที่ดูคล้ายกับเป็นแอ่งน้ำที่อยู่ภายในทะเลทราย

สถานที่แห่งนั้นไม่ได้ใหญ่โตมากนัก มีขนาดเท่ากับภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสำนักมาก่อน และถูกฟื้นฟูขึ้นมาจากเศษซากปรักหักพัง ถูกปกคลุมด้วยความเงียบโดยสิ้นเชิง

มองเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามอยู่บนภูเขาลูกนั้น แต่ก็ว่างเปล่าไปทั้งหมด มีอาคารที่สร้างขึ้นมาจากไม้หลังหนึ่งมองเห็นซากศพอยู่ภายใน เป็นซากศพของสตรีนางหนึ่งที่ตายไปในช่วงของการเข้าฌานเมื่อนานมาแล้ว

เมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นตรงด้านในของอาคารไม้หลังนั้น ไปอยู่ที่เบื้องหน้าซากศพ ซึ่งก็คือเซียนไป๋อู้เฉินนั่นเอง

หลังจากที่เมิ่งฮ่าวบอกเล่าถึงความจริงเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต นางก็ยังคงขอร้องให้ส่งตนเองมายังที่แห่งนี้ นางหมกมุ่นอยู่กับความทรงจำที่เป็นภาพลวงตาของ

ตนเอง ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงส่งนางมาพร้อมกับให้สัญญาว่า ถ้านางต้องการกลับไป ก็แค่ร้องตะโกนเรียกนามของเขาออกมา

ในช่วงหนึ่งหมื่นปีต่อมา นางไม่เคยเรียกนามเขามาก่อน หลังจากที่ไม่เห็นอะไรเลยตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต นางก็นึกย้อนกลับไปยังบ้านเกิดที่อยู่ในความทรงจำ และพบว่าตนเองได้กลับไปยังสำนัก จึงได้ทำความสะอาดและฟื้นฟูกลับมาตามความทรงจำเดิม และจากนั้นก็อาศัยอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ตามลำพัง

ในที่สุดนางก็ตายไปในช่วงของการเข้าฌาน

 

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังซากศพของไป๋อู้เฉินเป็นเวลานานมากๆ จากนั้นก็หันหลังจากไป นางตัดสินใจเลือกแล้ว บางทีก็อาจจะมีความสุขที่ได้ตายไปในสถานที่แห่งความทรงจำของตนเองก็เป็นได้

หลังจากที่ออกไปจากภูเขาลูกนั้น เมิ่งฮ่าวก็ท่องไปตรงด้านนอกท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต จนกระทั่งไปลอยตัวอยู่ใกล้กับเสาที่สูงเด่นในที่แห่งนั้น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่ครุ่นคิดด้วยความต้องการสังหารหลัวเทียน!

เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าโอกาสที่จะทำได้สำเร็จมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าสังหารหลัวเทียนไปแล้ว ก็สามารถจะค้นหาวิธีในการทำลายคำสาปแช่งนี้ได้ต่อไป ถ้าล้มเหลว ก็จะเหมือนกับปีศาจ มารและเทพ เขาไม่อาจจะคงอยู่ได้อีกต่อไป

“ออกมา เจ้าและข้าเลื่อนการต่อสู้นี้ออกไปนานมากพอแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ ถึงแม้ว่าจะพูดเป็นเสียงแผ่วเบา แต่ก็ยังคงดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไป ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว ราวกับเป็นผิวน้ำที่สั่นกระเพื่อมไปมา

หลังจากที่ผ่านไปมานานสักพัก เสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก็ได้ยินออกมาจากที่ห่างไกลออกไป หญิงสาวผู้หนึ่งก้าวเนิบนาบออกมา พร้อมด้วยรอยยิ้มและชุดสีม่วงที่ดูหรูหราสง่างาม

ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่านางคือใคร

“พี่เมิ่ง ในตอนนั้นข้าบอกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก ใช่หรือไม่?” ถึงแม้จะดูเหมือนว่านางไม่ได้เคลื่อนที่มาอย่างรวดเร็วมากนัก แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็มาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมรอยยิ้มที่กระจายไปทั่วใบหน้า

ซึ่งก็คือ…หานเป้ยนั่นเอง!

“ข้าคือบุตรีแห่งหลัวเทียน และท่านก็คือบุตรแห่งหลัวเทียน พวกเราทั้งสองมีโชคชะตาที่เชื่อมต่อถึงกัน ถูกลิขิตให้เกิดมาเป็นราชันแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เกิดมาเพื่อ…กลายเป็นหลัวเทียนที่แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุด!”

“แล้วท่านจะปฏิเสธไปทำไม?” สายตานางดูอ่อนโยน คล้ายกับเป็นระลอกคลื่นที่อยู่ในสระน้ำ

เมิ่งฮ่าวมองกลับไปและหัวเราะกล่าวว่า “นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่เท่าไหร่ของหลัวเทียน?”

หานเป้ยขมวดคิ้ว เมื่อนางไม่ตอบ เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และพลังสะกดข่มก็พุ่งขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง

“หลัวเทียน ข้านับถือในพลังของเจ้า แต่เจ้าก็ต้องเคารพข้าด้วยเช่นกัน จงแสดงความนับถือที่เจ้ามีต่อข้าออกมา!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวน้ำแข็ง ดังก้องออกไปคล้ายเสียงฟ้าร้องคำราม เกิดเป็นพลังที่ทำให้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือนจนแทบจะพังทลายลงไป

แววตาหานเป้ยแวบขึ้น ความอ่อนโยนจากเมื่อครู่นี้จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยแสงอันเย็นเยียบราวน้ำแข็ง

“ข้าคือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปด” นางกล่าวตอบจากนั้นก็ยกมือขึ้นมาชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นความว่างเปล่าที่อยู่ระหว่างนางและเมิ่งฮ่าวเริ่มบิดเบี้ยวไปมา เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป ชั่วขณะต่อมาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอยู่ตรงหน้าหานเป้ย ยกมือขึ้นมาและชี้นิ้วออกไปด้วยเช่นกัน

นิ้วของคนทั้งสองแตะสัมผัสซึ่งกันและกัน และเสียงกระหึ่มที่สามารถจะทำให้สวรรค์ต้องพังทลายปฐพีต้องแหลกสลายไปก็ดังก้องขึ้น สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่หานเป้ยมีสีหน้าเปลี่ยนไป และถอยหลังไปโดยไม่รู้สึกตัว เสียงกระหึ่มเริ่มดังก้องออกมา

ขณะที่ร่างกายนางแต่ละส่วนเริ่มระเบิดขึ้น โลหิตและชิ้นเนื้อพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง จนกระทั่งร่างกายนางเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงเข้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดุร้าย และดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

“เมิ่งฮ่าว!!” นางกรีดร้องออกมา กลายร่างเป็นลำแสงสีโลหิตพุ่งตรงไป ขณะที่ใกล้เข้ามา ก็ยื่นมือออกไปราวกับว่าต้องการจะคว้าจับเมิ่งฮ่าวไว้

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวแตกกระจายไป แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย มองไปยังหานเป้ยด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไป ทำให้เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นมา กระแทกไปบนร่างหานเป้ย

ดวงตาหานเป้ยเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ระดับพลังอันน่าประหลาดใจที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยออกมานี้ ทำให้นางไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง

แต่ก่อนที่นางจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็เดินตรงไปหนึ่งก้าว กำมือเป็นหมัด ต่อยตรงไปที่หน้าท้องนาง

หานเป้ยกรีดร้องเป็นเสียงโหยหวนเมื่อร่างกายระเบิดขึ้น ชั่วขณะต่อมาก็ปรากฏร่างขึ้นมาใหม่ แต่ก่อนที่จะทันได้ทำสิ่งใดๆ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวอีกครั้ง ต่อยหมัดออกไปอีกครา

ร่างกายนางระเบิดขึ้นอีกครั้ง และขั้นตอนนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่นางปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ เมิ่งฮ่าวก็จะต่อยหมัดไปอีกครั้ง สิบครั้ง หลายสิบครั้ง หนึ่งร้อยครั้ง

ตูม! ตูม! ตูมมมมมมม!

“แสดงพลังที่แท้จริงของเจ้าออกมา หลัวเทียน ถ้านี่คือทั้งหมดที่เจ้าสามารถจะใช้ออกมาได้ ข้าคงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง” พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้น หมัดต่อไปกลายเป็นทะเลเปลวไฟ เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขต

เป็นพลังที่สามารถจะทำให้พลังชีวิตทั้งปวงต้องแห้งเหี่ยวลงไป กลายเป็นน้ำป่าที่ไหลทะลักท่วมท้น เต็มไปด้วยพลังแห่งธาตุทั้งห้า เป็นหมัดที่ต่อยออกไปด้วยพลังทำลายล้างอย่างสูงสุด

เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ขณะที่ร่างหานเป้ยระเบิดกลายเป็นชิ้นเนื้อและโลหิตพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เนื่องจากพลังแห่งห้าธาตุกระจายเต็มไปทั่วทั้งเศษชิ้นเนื้อบนร่างนาง ทำให้ยากที่จะรวมตัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง

คำพูดของเมิ่งฮ่าวยังคงดังก้องไปมาในอากาศ ขณะที่ชิ้นเนื้อซึ่งยังคงเหลืออยู่ของหานเป้ยเกิดเป็นเสียงดังออกมา แต่เสียงนั้นก็ไม่ใช่เสียงของหานเป้ย เป็นเสียงที่ดังขึ้นอย่างเลือนราง แต่ก็กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“เมิ่ง…ฮ่าว…”

“การเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของหลัวเทียน การเปลี่ยนแปลงแห่งห้วงบรรพกาล…”

“หลายปีก่อนนับไม่ถ้วนในยุคสมัยบรรพกาล ผู้อยู่เหนือสูงสุดคนแรกภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งข้า คือผู้ที่ถูกเรียกว่าปีศาจ…จงออกมา!”

ตูม!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version