Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1600

ตอนที่ 1600

ข้าคือปีศาจ

แม้ในขณะที่เสียงของหลัวเทียนดังก้องออกมา เศษชิ้นเนื้อและหยดโลหิตเหล่านั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีหายไปโดยสิ้นเชิง

ลำแสงสีน้ำเงินม่วงปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อเมิ่งฮ่าวหันหน้าไปมอง ก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเขาแล้ว มองเห็นดรรชนีข้างหนึ่งกำลังพุ่งตรงมายังหน้าอก แต่ก่อนที่ดรรชนีนั้นจะสัมผัสโดนตัว ดวงตาเต๋าของเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้นมา กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้ากระแทกลงไปยังดรรชนีข้างนั้น

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็ถอยโซเซไปทางด้านหลัง สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าแดงเรื่อขึ้น เมื่อมองกลับไปทางด้านหลัง ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าและความต้องการต่อสู้อย่างเต็มเปี่ยม

“ใช่แล้ว จงทุ่มออกมาจนสุดตัว ไม่ตายไม่เลิกรา!” เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เป็นใครบางคนที่ดูคุ้นเคยกับตนเอง เป็นบุรุษวัยกลางคนพร้อมกับเส้นผมสีดอกเลา สวมใส่ชุดยาวสีเทา และ

ลำแสงสีน้ำเงินม่วงปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อเมิ่งฮ่าวหันหน้าไปมอง ก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเขาแล้ว มองเห็นดรรชนีข้างหนึ่งกำลังพุ่งตรงมายังหน้าอก แต่ก่อนที่ดรรชนีนั้นจะสัมผัสโดนตัว ดวงตาเต๋าของเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้นมา กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้ากระแทกลงไปยังดรรชนีข้างนั้น

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็ถอยโซเซไปทางด้านหลัง สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าแดงเรื่อขึ้น เมื่อมองกลับไปทางด้านหลัง ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าและความต้องการต่อสู้อย่างเต็มเปี่ยม

“ใช่แล้ว จงทุ่มออกมาจนสุดตัว ไม่ตายไม่เลิกรา!” เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เป็นใครบางคนที่ดูคุ้นเคยกับตนเอง เป็นบุรุษวัยกลางคนพร้อมกับเส้นผมสีดอกเลา สวมใส่ชุดยาวสีเทา และดูเหมือนว่าจะกระจายเป็นความดูถูกออกมา ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่นั่นมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว

มันมีกลิ่นอายเหนือสูงสุด และเมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็เผยให้เห็นว่า มีบางสิ่งที่ดูเหนือธรรมดาเป็นอย่างมาก อยู่ห่างจากอาณาจักรบรรพจารย์แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น เหมือนกับกลิ่นอายที่กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าวเมื่อหลายปีก่อน อันที่จริงกลิ่นอายนี้ยังดูลี้ลับมากกว่าอีกด้วย

คนผู้นี้ก็คือ…บุคคลเดียวกันกับที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นในครั้งแรก ตอนที่อยู่ในเขตสุสานแห่งชางหมางพ่าย…ชางหมางเหลาจู่! (ปรมาจารย์ไร้สิ้นสุด)

มันคือบุคคลแรกที่เคยอยู่เหนือสูงสุดในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ เป็นบุคคลที่หลัวเทียนเรียกว่าปีศาจ

 

มันมีสีหน้าที่เย็นชา แต่ก็ไม่ปรากฏแววฉลาดใดๆ ในดวงตา แรงกดดันที่กระจายออกมาจากร่างนั้นดูเหมือนว่าจะสามารถสะกดข่มท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ได้ทั้งหมด และตรงด้านหลังมันเป็นเงาร่างภาพลวงตาขนาดใหญ่ ดูดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบ กระจายเป็นกลิ่นอายแห่งภูตผีออกมา มีท่าทางอหังการอย่างไร้จุดสิ้นสุด ราวกับว่ามันคือจักรพรรดิแห่งภูตผีทั้งปวง!

การเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของหลัวเทียน การเปลี่ยนแปลงแห่งห้วงบรรพกาล คือเวทอันยิ่งใหญ่ที่มีแต่ร่างจริงของหลัวเทียนเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้ออกมาได้ มันคือเต๋าที่คล้ายกับเป็นร่างจำแลง ช่วยให้สามารถลอกเลียนแบบผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ที่คงอยู่ในความทรงจำของมัน

 

มันมีสีหน้าที่เย็นชา แต่ก็ไม่ปรากฏแววฉลาดใดๆ ในดวงตา แรงกดดันที่กระจายออกมาจากร่างนั้นดูเหมือนว่าจะสามารถสะกดข่มท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ได้ทั้งหมด และตรงด้านหลังมันเป็นเงาร่างภาพลวงตาขนาดใหญ่ ดูดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบ กระจายเป็นกลิ่นอายแห่งภูตผีออกมา มีท่าทางอหังการอย่างไร้จุดสิ้นสุด ราวกับว่ามันคือจักรพรรดิแห่งภูตผีทั้งปวง!

การเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของหลัวเทียน การเปลี่ยนแปลงแห่งห้วงบรรพกาล คือเวทอันยิ่งใหญ่ที่มีแต่ร่างจริงของหลัวเทียนเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้ออกมาได้ มันคือเต๋าที่คล้ายกับเป็นร่างจำแลง ช่วยให้สามารถลอกเลียนแบบผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ที่คงอยู่ในความทรงจำของมัน

การเลียนแบบครั้งแรกของมันก็คือหานเป้ย ซึ่งไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่ก็มีความเกี่ยวพันกับเมิ่งฮ่าวอย่างแนบแน่น ตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นพลังอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าวแล้ว หลัวเทียนก็ไม่ลังเลที่จะใช้พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดเพื่อลอกเลียนแบบ…ปีศาจ!

ผู้อยู่เหนือสูงสุดคนแรกแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้มองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชาชั่วขณะ ก่อนที่จะก้าวเดินตรงมาในทันที เป็นความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ชี้นิ้วตรงมายังหน้าผากของเมิ่งฮ่าว ซึ่งมีดวงตาเต๋าอยู่ตรงตำแหน่งนั้น

เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง ดังนั้นจึงไม่พยายามที่จะทำเช่นนั้น เมื่อดรรชนีนั้นแทงเข้าไปในดวงตาเต๋า ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็พุ่งขึ้นมา รีบยกมือขวาขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว เพื่อปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นแปดออกไป เครื่องหมายผนึกตกกระทบไปบนร่างปีศาจ และเวลาเดียวกันนั้นใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็ซีดขาวไร้สีเลือด ปีศาจหยุดชะงักนิ่ง ขณะที่ร่างกายและวิญญาณถูกตรึงแน่นด้วยเวทผนึก จากระดับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ทำให้เวทรุ่นแปดกลายเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

 

ขณะที่ปีศาจถูกตรึงแน่นอยู่กับที่ เมิ่งฮ่าวก็ขยับร่างเคลื่อนไหวจนกลายเป็นเงาร่างอันเลือนราง กระแทกตรงไปยังร่างมัน พร้อมกับชี้นิ้วออกไป จากนั้นก็เป็นหมัด โจมตีไปสามครั้งอย่างต่อเนื่องติดตามกัน

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของปีศาจ ขณะที่หน้าอกมันกลายเป็นโพรง ดรรชนีและสองหมัดกระแทกลงไปบนหน้าผาก จนแตกละเอียดไป

ในทันที แต่แววตาดูถูกก็ยังคงสาดประกายขึ้นเหมือนเช่นเคย ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว ในตอนนี้เองที่ภาพลวงตาของจักรพรรดิภูตผีซึ่งมีความสูงหนึ่งหมื่นจ้างทันใดนั้นก็มีตัวตนขึ้นมาอย่างแท้จริง มีท่าทางดุร้ายอย่างถึงที่สุด พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าต้องการจะกลืนกินเขาลงไปทั้งเป็น

ความรู้สึกถึงอันตรายอันร้ายแรงเต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว สามารถจะบอกได้ว่าถ้าจักรพรรดิภูตผีตนนี้กัดลงมาบนร่าง ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ถูกสังหารไป ก็คงจะต้องพ่ายแพ้ไปในการต่อสู้นี้อย่างแน่นอน

และถ้าเขาพ่ายแพ้ไป ก็จะสูญเสียคุณสมบัติที่จะไปต่อสู้กับหลัวเทียนได้อีกครั้ง!

แน่นอนว่าหลัวเทียนต้องการให้เป็นเช่นนี้อยู่พอดี พยายามจะบังคับให้เมิ่งฮ่าวใช้เวทผนึกออกมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จริงๆ แล้วมันต้องการบังคับให้เมิ่งฮ่าวใช้เวทผนึกสวรรค์ซึ่งน่ากลัวมากที่สุดออกมา ถ้าทำเช่นนั้นหลัวเทียนก็สามารถจะลอกเลียนแบบ และไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป

“ข้ายังมีไพ่ไม้ตายอื่นอีก นอกจากเวทผนึกสวรรค์!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่ความว่างเปล่าตรงด้านหลังจู่ๆ ก็บิดเบี้ยวไปมา เสียงแผดร้องอย่างดุร้ายดังก้องออกมาจากเงาร่างที่มีขนาดใหญ่โตเท่ากับจักรพรรดิภูตผีปรากฏขึ้นมา

เงาร่างนั้นมีผิวหนังสีเขียว และเขาอันดุร้ายอยู่หนึ่งข้าง ระเบิดเป็นปราณอสูรซึ่งเป็นพลังที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือนออกมา นี่คือรูปแบบแก่นแท้ชีวิตของเมิ่งฮ่าว เป็นรากฐานแห่งพลังการฝึกตนของเมิ่งฮ่าว, จักรพรรดิอสูร!

เมื่อจักรพรรดิอสูรปรากฏกายขึ้นมา ก็เริ่มต่อสู้กับจักรพรรดิภูตผีในทันที จักรพรรดิภูตผีอ้าปากกัดลงไปบนร่างของจักรพรรดิอสูร ซึ่งใช้มือแทงเข้าไปในร่างของจักรพรรดิภูตผีราวกับเป็นคมมีด

ตูมมมมมมม…

การต่อสู้ที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งต้องสั่นสะเทือนไปทั่วก็เริ่มต้นขึ้น เศษซากปรักหักพังนับไม่ถ้วนในบริเวณนั้นกลายเป็นเถ้าธุลี ขณะที่เงาร่างยักษ์ทั้งสองต่อสู้กันไปมาตรงด้านบน เมิ่งฮ่าวและปีศาจก็ต่อสู้กันอยู่ตรงด้านล่าง

หลังจากที่ปะทะกันไปมานับพันครั้ง โลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และปีศาจก็ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต คนทั้งสองกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีเท่าเทียมกันเป็นอย่างยิ่ง

“ปีศาจนี้เกิดขึ้นมาจากความทรงจำของหลัวเทียน เป็นรูปแบบจากในอดีตตอนที่มันอยู่ในจุดสูงสุดของพลัง เท่าที่เห็นปีศาจเป็นผู้อยู่เหนือสูงสุดที่ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย!”

เมิ่งฮ่าวกวาดเช็ดโลหิตออกมาจากมุมปาก จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา ปลดปล่อยเวทกลืนภูเขาออกไป ภูเขาจำนวนมากเริ่มตกลงมา ก่อตัวเป็นสายโซ่ที่ม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งสนามรบ

ปีศาจแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็กลายเป็นเงาร่างอันเลือนราง ขณะที่ปลดปล่อยร่างจำแลงนับไม่ถ้วนออกมา จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังภูเขาที่ตกลงมาและทำให้แตกละเอียดไป

เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมาขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้เศษชิ้นส่วนของภูเขากลายเป็นหมัดศิลาขนาดใหญ่ ขณะที่หมัดนั้นกระแทกตรงไปยังปีศาจ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งตรงไปคล้ายกับเป็นดาวตก หลอมรวมเข้ากับหมัดนั้น ทำให้มีพลังระเบิดขึ้นไปมากกว่าเดิม

“ประตูแห่งอาณาจักรปีศาจ!” ปีศาจพูดขึ้น ดวงตาสาดประกายด้วยแสงอันลี้ลับ ยกสองมือขึ้นไปเหนือศีรษะ ทำให้ดวงดาวสั่นสะเทือนไปมา เกิดเป็นรอยแตกขนาดใหญ่เปิดออกตรงด้านบน เผยให้เห็นประตูสีดำสนิทบานใหญ่มหึมา

ขณะที่ประตูบานนั้นตกลงมา ก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นหัตถ์ยักษ์ที่เต็มไปด้วยเกล็ดขนาดใหญ่ หัตถ์ยักษ์นั้นยื่นออกมา และเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ ทำให้ดูเหมือนกับว่าหัตถ์ยักษ์นั้นสามารถจะดูถูกสิ่งมีชีวิตทั้งปวง หัตถ์ยักษ์คว้าจับไปยังหมัดศิลาขนาดใหญ่ในทันที จากนั้นก็กำแน่นลงไป

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่หมัดศิลาแตกกระจายไป เมิ่งฮ่าวปรากฏตัวขึ้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งก็ไปอยู่ตรงที่ห่างไกลออกไป ดวงตาแวบประกายขึ้น

“เวทผนึกอสูรรุ่นแปด เวทร่างกายจิตใจ!”

“ตรึงความว่างเปล่า ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และกฎธรรมชาติทั้งปวง ตรึงทุกสรรพสิ่งที่ข้าต้องการจะตรึงไว้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version