Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1608

ตอนที่ 1608

จุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัย

เมิ่งฮ่าวเคยครุ่นคิดมานานแล้วว่า เป็นความจริงหรือไม่ที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตจะมีผู้อยู่เหนือสูงสุดเพียงแค่สามคนเท่านั้น และเขาก็ได้คำตอบนั้นมาเมื่อมองเห็นจินหยุนซาน

บางทีจำนวนของผู้ที่อยู่เหนือสูงสุดอาจจะไม่สำคัญอย่างแท้จริง ความสำคัญก็คือว่าผู้อยู่เหนือสูงสุดทั้งสามเคยทำลายดรรชนีของหลัวเทียนไป และเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของความหมายที่อยู่เหนือสูงสุด

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังเงาร่างทั้งสามเหล่านั้น จู่ๆ ก็ตระหนักว่ายังมีอีกคนที่คล้ายกับพวกมัน อยู่ลึกลงไปภายในห้วงจักรวาล…

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าโชคชะตาที่แท้จริงของตนเองก็คือจักรวาลแห่งนี้

นี่คือโลกของผู้อยู่เหนือสูงสุด เป็นสถานที่ซึ่งพวกมันสามารถจะค้นหาสิ่งที่อยู่เหนืออาณาจักรบรรพจารย์

เส้นทางแห่งการฝึกตนดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด คล้ายกับเป็นเต๋าอันไร้ขอบเขต คล้ายกับเป็นธรรมอันไร้ขีดจำกัด คล้ายกับเป็นเวทที่ไร้จุดจบ…

เมิ่งฮ่าวได้เรียนรู้มาจากหลัวเทียน และสามารถจะคาดคิดได้ว่ามันมีความน่ากลัวและทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อมากแค่ไหน ตอนอยู่ในยุคที่รุ่งเรืองมากที่สุดของตนเอง

“ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องจากไป” เมิ่งฮ่าวคิด มองเข้าไปในส่วนลึกของห้วงจักรวาลอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านไปนานมากๆ ก็ถอนหายใจออกมา ความเป็นจริงก็คือว่าความผูกพันกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลของตนเองเริ่มอ่อนแอลงไปเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจจะตัดการเชื่อมต่อนี้ไปได้อย่างง่ายดาย เขาต้องทำลายคำสาป

แช่งแห่งหลัวเทียน และกลับไปนำเมล็ดวิญญาณของคนทั้งหมดที่ตนเองรู้จักให้กลับเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่

เมิ่งฮ่าวยิ้ม พยักหน้าให้กับส่วนลึกแห่งห้วงจักรวาลเพื่ออำลาจากไป และจากนั้นก็หันหลังมุ่งหน้ากลับเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเล ในที่สุดก็ย้อนกลับเข้าไปยังบ้านเกิดที่ตนเองไม่คุ้นเคย ในอาณาจักรขุนเขาทะเล บนขุนเขาที่เก้า เมื่อบรรลุถึงถ้ำน้ำแข็งซึ่งใช้เก็บเมล็ดวิญญาณทั้งหมด ก็มองไปยังโลงศพทั้งสอง

หนึ่งในนั้นมีสวี่ชิงนอนหลับอยู่ และอีกหนึ่งก็เป็นผีเสื้อ ซึ่งดูเหมือนว่าแทบจะยังมีชีวิตอยู่ตามปกติทั่วไป

เมิ่งฮ่าวมองไปอย่างเงียบๆ จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ ดูเหมือนว่าจะตัดขาดจากโลกภายนอก โดดเดี่ยว แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่โดยสิ้นเชิง

“ข้ารู้วิธีแล้ว แค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น…” เมิ่งฮ่าวพึมพำเป็นเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็หลับตาลง จมดิ่งลงไปในห้วงการเข้าฌาน

หนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำลายคำสาปแช่งแห่งหลัวเทียนไปได้…ก็คือกลายเป็นหลัวเทียน!

หลัวเทียนตายไปแล้ว แต่ในช่วงก่อนที่มันจะหายไป เมิ่งฮ่าวได้หลอมรวมเข้ากับร่างมัน ในตอนนั้นเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ซึ่งก็คือความทรงจำของมัน

บางทีอาจจะดีกว่าถ้าจะเรียกความทรงจำนั้นว่าเจตจำนงแห่งวิญญาณ เป็นสิ่งที่เขาค่อยๆ ซึมซับมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งเติมเต็มได้ทั้งหมด…

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเยือกเย็นเป็นอย่างมาก นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เวลาเลื่อนผ่านไป แน่นิ่งไม่ไหวติงโดยสิ้นเชิง เขาจะถอนตัวออกจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวโดยสิ้นเชิง ไม่สนใจสิ่งใดๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวทั้งสิ้น

เวลาผ่านไปสามหมื่นปี…

 

ภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเล ผู้ฝึกตนรุ่นแล้วรุ่นเล่าถือกำเนิดขึ้นมาและจากไป สงครามระหว่างอาณาจักรขุนเขาทะเลและชางหมางพ่ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า กิ้งก่าชรากลายเป็นเถ้าธุลี จากนั้นก็เป็นศีรษะยักษ์ และต่อมาก็เป็นราชินีปลวก ในที่สุดบุปผาขนาดใหญ่ก็แห้งเหี่ยวและตายไป

ดูเหมือนว่านกแก้วและผีโต้งจะมีอายุขัยที่ไร้ขีดจำกัด แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงการแก่ชราลงไป ในที่สุดพวกมันก็เดินทางออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทิ้งตำนานในรูปแบบของพวกมันไว้ทางด้านหลังเรื่องแล้วเรื่องเล่า…

ซานเหยียเจี้ยว (นิกายปู่สาม) ปรากฏขึ้น และจากนั้นก็เป็นอู่เหยียพ่าย (สำนักปู่ห้า) ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเต็มไปด้วยความน่าเบื่อมานานหลายปี แต่ตอนนี้ตำนานอันน่าสนุกสนานบทใหม่กำลังเผยแพร่กระจายออกไปทั่ว

ผ่านไปอีกสามหมื่นปี นกแก้วก็กลับมา มีท่าทางเหน็ดเหนื่อยและแก่ชราลงไป เมิ่งฮ่าวมองไปชั่วขณะ จากนั้นก็ผนึกมันไว้ในโลงศพน้ำแข็งที่จัดเตรียมไว้แล้ว

ผีโต้งล่องลอยไปมาด้วยความโดดเดี่ยวไปอีกหลายพันปีก่อนที่จะกลับมานั่งอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว พูดคุยอย่างไม่รู้จบไปชั่วขณะก่อนจะในที่สุดก็เข้าไปอยู่ภายในโลงศพน้ำแข็งร่วมกับนกแก้ว

เมื่อเมิ่งฮ่าวทำลายคำสาปแช่งได้ ก็จะเรียกพวกมันกลับมา…กู๋อี่ติงซานอวี่และปรมาจารย์เอกะเทวะอดทนมาได้จนถึงตอนนี้ แต่ก็กำลังบรรลุถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว ด้วยการมีเมิ่งฮ่าวคอยช่วยเหลือ คนทั้งสองก็เข้าสู่สถานะที่หลับลึกลงไป ซึ่งช่วยให้สามารถอดทนได้นานมากขึ้น

เมิ่งฮ่าวมองไปยังโลงศพน้ำแข็งซึ่งประกอบด้วยนกแก้วและผีโต้ง ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าความผูกพันของตนเองกับโลกแห่งนี้ ในที่สุดก็หายไปจนแทบจะหมดสิ้น

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างแท้จริง นั่งเข้าฌานอยู่ในขุนเขาที่เก้าตามลำพังโดยสิ้นเชิง

เวลาผ่านไปหนึ่งแสนปี ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ช่วงเวลาถูกกักตัวของจินหยุนซานผ่านไป และมันก็โผล่ออกมา อีกครั้งที่มันนำชางหมางพ่ายม้วนกวาดไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อาณาจักรขุนเขาทะเลแม้แต่น้อย

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็กลายเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสักการะในท่ามกลางผู้ฝึกตนทั้งปวง หลังจากที่ผ่านไปอีกหนึ่งแสนปี จินหยุนซานก็รู้สึกเบื่อหน่าย มันยังคงไม่อาจจะบรรลุถึงระดับเหนือสูงสุดอย่างสมบูรณ์ ด้วยเช่นนั้นจึงยังได้รับผลกระทบจากคำสาปแช่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะกระทำตามคำแนะนำของเมิ่งฮ่าว ออกไปจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ เดินทางท่องไปในห้วงจักรวาล

ก่อนที่จะจากไป มันไปยังอาณาจักรขุนเขาทะเล ไปยืนอยู่ตรงด้านนอกขุนเขาที่เก้าและมองตรงไปยังยอดเขา ในที่สุดก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

จินหยุนซานคือคนสุดท้ายภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ ที่สามารถจะถือได้ว่าเป็นสหายเก่าของเมิ่งฮ่าว การจากไปของมันเป็นการบ่งบอกว่าภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะจดจำได้ว่าเมิ่งฮ่าวคือใคร

หรือบางทีเขาอาจจะลืมเลือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลไปแล้ว ในที่สุดก็ไม่มีใครสามารถจะกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าความเป็นจริงคือสิ่งใด

หนึ่งแสนปี สองแสนปี สามแสนปี สี่แสนปี…

ในที่สุดช่วงเวลาหนึ่งล้านปีก็ผ่านไป กองกำลังที่อยู่ภายในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลเจริญรุ่งเรืองและตกต่ำลงไป ผู้แข็งแกร่งทรงพลังถือกำเนิดขึ้นมาและตายไป บางคนยังได้บรรลุถึงระดับเดียวกับจินหยุนซานอีกด้วย

เป็นหญิงสาวนางหนึ่ง เป็นคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ น่าเสียดายที่นางไม่สามารถจะมีวิญญาณอยู่เหนือสูงสุดได้

 

นางนำกองกำลังไปต่อสู้กับชางหมางพ่าย ซึ่งกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งมานับล้านปี แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นแต่เพียงตำนานจากเมื่อในอดีตเท่านั้น สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ตั้งแต่ยุคสมัยโบราณก็คืออาณาจักรขุนเขาทะเล

แทบจะดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ ที่ผูกพันกับเมิ่งฮ่าวไม่มีอะไรจะคงอยู่ไปตราบชั่วนิรันดร์ แม้แต่อาณาจักรขุนเขาทะเลเองก็ตาม หลังจากที่ผ่านไปอีกหนึ่งล้านปี ผู้อยู่เหนือสูงสุดอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้น มาทำการโจมตีอาณาจักรขุนเขาทะเล

เกิดเป็นสงครามใหญ่ขึ้นมา และอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ได้รับชัยชนะในที่สุด แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างสูงลิ่ว ยอดผู้เสียชีวิตมากมายมหาศาลเป็นอย่างยิ่ง

หลายปีผ่านไป อาณาจักรขุนเขาทะเลกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว ในทุกๆ หนึ่งล้านปี ใครบางคนก้าวหน้าขึ้นไปจนอยู่ห่างจากเหนือสูงสุดแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น และพยายามจะมายึดครองมัน บางครั้งก็มีมากกว่าหนึ่งคนที่ก้าวเดินไปถึงระดับนั้น แต่บางครั้งก็มีถึงสามคน

คนทั้งหมดเฝ้ามองไปยังอาณาจักรขุนเขาทะเล ด้วยความเชื่อว่ามีแต่ครอบครองอาณาจักรขุนเขาทะเลได้เท่านั้น พวกมันถึงจะสามารถยกระดับวิญญาณให้บรรลุถึงขั้นเหนือสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์

แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะทำได้สำเร็จอย่างแท้จริง กลายเป็นว่าหลังจากที่ผ่านไปห้าสิบล้านปี อาณาจักรขุนเขาทะเลก็เกิดปัญหาขึ้นภายใน กลายเป็นสงครามกลางเมืองขึ้นมา

ผู้ฝึกตนเกิดการแตกแยกกันเอง และในที่สุดก็มีหลายคนที่ออกไปจากท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ อาณาจักรขุนเขาทะเลเริ่มกลายเป็นเศษซากปรักหักพังไปอย่างช้าๆ ในที่สุดสิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ก็คือขุนเขาทะเลที่เก้า

เมื่อถึงเวลาที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา เมิ่งฮ่าวก็นั่งเข้าฌานตามลำพังนานถึง…หนึ่งร้อยล้านปีแล้ว

ในปีหนึ่งเกิดภัยพิบัติขึ้นภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เป็นธรรมชาติอันลี้ลับอย่างถึงที่สุด สายลมแห่งการทำลายล้างม้วนกวาดออกไปยังทุกสรรพสิ่ง นำพาชีวิตทั้งหมดไปพร้อมกับมัน…

มันคือจุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version