Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1607

ตอนที่ 1607

จะมาหรือไม่?

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาวขณะที่พลังปราณไหลออกไป แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ขณะที่ร่างกายเริ่มแห้งเหี่ยวลงไป ก็กล่าวขึ้นมาอย่างเงียบๆ ว่า “แล้วจะอย่างไร…?”

พลังชีวิต พลังวิญญาณ และพลังการฝึกตนอย่างไร้จุดสิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่างของเมิ่งฮ่าว กำลังไหลเข้าไปในร่างของหลัวเทียนในรูปแบบของกลุ่มหมอกสีขาว ซึมเข้าไปในดวงตา หู จมูกและปากของมัน จากนั้นก็เริ่มกลายเป็นผลไม้อสูรที่เปล่งประกายเจิดจ้า

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่ความจริงแล้วก็เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เท่านั้น เมิ่งฮ่าวเริ่มดูคล้ายกับซากศพที่แห้งกรัง และเสียงปะทุก็ดังก้องขึ้นเมื่อร่างเขากลายเป็นเถ้าธุลี จนดูเหมือนว่าจะถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

หลัวเทียนกำลังสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ร่างกายเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา และผลไม้อสูรตรงหน้าอกก็เปล่งแสงอสูรอันระยิบระยับออกมา

“เนี่ยผาน (ผลไม้แห่งการเกิดใหม่) ข้าถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!” มันแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องตะโกนออกมา ขณะที่อวัยวะภายในเริ่มหดตัว จากนั้นก็ฟื้นฟูกลับคืนมาใหม่ เมิ่งฮ่าวซึ่งกลายเป็นผลไม้อสูรลูกที่เก้าสิบเก้า ดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไปแล้ว แม้ในขณะที่ดวงตาของหลัวเทียนกำลังสาดประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไป

“เป็นไปไม่ได้!” มันร้องอุทานขึ้น เพ่งสมาธิไปยังกลิ่นอายผลเนี่ยผานที่อยู่ภายในร่าง ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่มันต้องการเป็นอย่างยิ่ง แต่ทันใดนั้นก็ต้องตระหนักว่ากลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่นี้ไม่ได้เป็นของมัน แต่กำลังออกมาจากเมิ่งฮ่าวซึ่งเป็นผลไม้อสูรลูกที่เก้าสิบเก้า!

 

สีหน้าหลัวเทียนสลดลงขณะที่ผลไม้อสูรเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ทำให้แสงสีแดงอันไร้ขอบเขตพุ่งทะลวงผ่านออกมาคล้ายกับเป็นเส้นใย เป็นแสงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอสูร และการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อย่างไร้ขอบเขต กระจายออกไปทั่วทั้งร่างหลัวเทียนอย่างรวดเร็ว บรรลุถึงสองแขนสองขา ใบหน้า จนแม้แต่ดวงตาของมัน! ขณะที่แสงนั้นกระจายเต็มไปทั่วร่าง ก็ผนึกทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับมันไว้โดยสิ้นเชิง!

นี่คือการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการถือกำเนิดขึ้นมาของอสูร เป็นการเกิดใหม่ของเมิ่งฮ่าว!

ในตอนนี้เองที่เห็นได้ชัดว่าภายในเส้นใยสีแดงที่กำลังกระจายออกไป สามารถจะรับรู้ได้ถึงเวทผนึกอสูรรุ่นแรก จากนั้นก็เป็นรุ่นสอง และรุ่นสาม…ไปจนกระทั่งถึงเวทรุ่นเก้า ทั้งหมดนั้นอยู่ที่นั่น ผนึกร่างกายหลัวเทียนไว้โดยสิ้นเชิง จนมันไม่อาจจะทำอะไรได้! รากฐานของมันกำลังถูกตัดออกไป!

“เมิ่งฮ่าว!!” หลัวเทียนแผดร้องออกมา ในตอนนี้เองที่เสียงของเมิ่งฮ่าวก็กล่าวขึ้นมาจากภายในร่างมัน

“ความผิดพลาดของเจ้าก็คือ ประเมินเวทผนึกสวรรค์ของข้าต่ำมากเกินไป”

“หลายหมื่นปีก่อน ข้าได้ข้อสรุปว่าหลังจากเวทผนึกอสูรรุ่นเก้า…ก็ยังมีเวทอันดับสิบอยู่อีก!”

“เวทอันดับสิบนี้คงอยู่ในอาณาจักรที่ข้าไม่อาจจะไขว่คว้าได้ มีแต่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสมเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้มันออกมาได้ ยกตัวอย่างเช่นเวทรุ่นเก้าจะเป็นเสมือนกับพื้นฐาน พร้อมกับพลังแห่งการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่เพื่อสร้างเป็นเวทผนึกนี้ขึ้นมา”

“ข้าจำเป็นต้องใช้ร่างเจ้าเพื่อปลดปล่อยมันออกมา!”

“เวทผนึกอสูรอันดับสิบ…”

“ข้าถูกลิขิตให้กลายเป็นอสูร…เพื่อผนึกสวรรค์!”

หลัวเทียนแผดร้องคำรามด้วยโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะควบคุมร่างกายตนเองได้โดยสิ้นเชิง ได้แต่มองดูขณะที่มือขวาถูกยกขึ้นมา และทำการขยับร่ายเวท ความรู้สึกหวาดกลัวเต็มอยู่ในจิตใจ ขณะที่รู้สึกว่าพลังกำลังระเบิดออกไป เป็นพลังที่เหมือนกับเวทผนึกสวรรค์ แต่ก็แตกต่างกัน เป็นพลังที่สะกดข่มอย่างถึงที่สุด เป็นสิ่งที่ทำให้ฟ้าดินต้องกราบกรานสักการะอย่างสูงสุด

ดังเช่นที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกล่าวมา…

ข้าถูกลิขิตให้กลายเป็นอสูร…เพื่อผนึกสวรรค์!

อสูรคือการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อันหลากหลายรูปแบบ!

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังใช้การเปลี่ยนแปลงอันหลายหลายเหล่านั้นเป็นเสมือนกับหัวใจ และหลัวเทียนเป็นเสมือนกับร่างกาย เพื่อปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุดออกมา เมื่อเขายกมือขวาขึ้นไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตก็เริ่มหดตัวเล็กลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งส่องแสงริบหรี่ลอยตัวอยู่เหนือฝ่ามือ!

ไม่มีสิ่งที่เป็นท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตอีกต่อไป มีแต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ตรงด้านนอกก็คือจักรวาลอันไร้ขอบเขต ซึ่งเมิ่งฮ่าวกำลังลอยตัวอยู่ในตอนนี้

ดวงตาข้างซ้ายของหลัวเทียนไม่ได้ดิ้นรนอีกต่อไป ดูเหมือนว่าความโดดเดี่ยวกำลังจางหายไปอย่างช้าๆ ราวกับว่ารู้สึกโล่งใจที่ได้มองออกไปในส่วนลึกของห้วงจักรวาล…

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังมองไปยังดวงตาข้างซ้ายของหลัวเทียน มือขวาของมันค่อยๆ ยกขึ้นมา อย่างที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ ขณะที่กำมือเป็นหมัดและต่อยตรงไปยังดวงตาข้างนั้น!

ตูม!

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างมัน และดวงตาก็เริ่มหดเล็กลงไป มองเห็นความสิ้นหวังอยู่ภายในนั้น ไม่ยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ด้วยความขมขื่น จากนั้นก็เริ่มกลายเป็นเถ้าธุลีไป…

ก่อนที่มันจะตายไป หลัวเทียนก็มองเข้าไปในส่วนลึกของห้วงจักรวาล ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่มันกำลังมองไปนั้นคืออะไร บางทีอาจจะเป็นแค่ความมืดมิดอันไร้ขอบเขตแห่งห้วงจักรวาล หรือบางทีมันกำลังมองไปยัง…สถานที่ไหนสักแห่งที่ตนเองจากมา

ร่างหลัวเทียนสั่นสะท้านขณะที่กลายเป็นเถ้าธุลี เสียงแตกร้าวดังก้องออกมา และร่างกายก็แห้งเหี่ยวลงจนกระทั่งไม่มีสิ่งใดๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป

กระแสกลุ่มหมอกสีขาวนับไม่ถ้วนไหลออกมา กลายเป็นรูปร่างของเมิ่งฮ่าว ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่นั่น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน และในที่สุดก็ถอนหายใจยาว

ความจริงที่ว่าเมื่อในอดีตอาจจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นในการสังหารหลัวเทียนไป แต่จากการที่มันอ่อนแอลงไปเป็นอย่างมาก ทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถจะสังหารมันไปได้อย่างไม่ยุ่งยากมากนัก อันที่จริงถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าคำสาปแช่งนั้น เมิ่งฮ่าวคงจะไม่ต้องมีเวลาที่ยุ่งยากเช่นนี้ และคงจะไม่ต้องถูกบังคับให้มาเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันน่ากลัวเช่นนั้น

ส่วนที่ยากที่สุดก็คือการต่อสู้กับผู้อยู่เหนือสูงสุดทั้งสาม ซึ่งถือได้ว่ามีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากความคาดคิดของเมิ่งฮ่าวอย่างแท้จริง

สิ่งอื่นๆ ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างในการกระทำของเขา ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ตนเองคิดขึ้นมาทั้งสิ้น

เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่าหลัวเทียนได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และมักจะเชื่อว่าเวทผนึกสวรรค์คือเวทผนึกที่ยิ่งใหญ่สูงสุด การใช้เวทผนึกนี้ออกมา ก็เพื่อให้หลัวเทียนกล้าที่จะปรากฏกายขึ้นมาด้วยตนเองอย่างแท้จริง ด้วยความคิดที่ว่ามันกำลังได้เปรียบ

แต่ความเป็นจริงก็คือว่า เมิ่งฮ่าวใช้แค่พลังบางส่วนของเวทผนึกสวรรค์ออกมาเท่านั้น ถ้าเขาใช้ออกมาอย่างเต็มกำลัง ก็สามารถจะสังหารหลัวเทียนไปได้โดยตรง

แต่การสังหารมันไปก็ไม่อาจจะทำลายคำสาปแช่งได้ เมิ่งฮ่าวตระหนักดีถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน คำตอบที่แท้จริงอยู่ภายในแผ่นหยกที่สุ่ยตงหลิวมอบให้มา

เนื่องจากข้อมูลในแผ่นหยก เมิ่งฮ่าวจึงกระทำการทุกอย่างจนกระทั่งบรรลุได้ถึงจุดนี้

“ตอนนี้ข้ารู้วิธีการทำลายคำสาปแช่งนั้นแล้ว แค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น…”

เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็หลับตาลงเป็นเวลานานก่อนที่จะลืมขึ้นมาอีกครั้ง และมองออกไปยังที่ห่างไกล

เขารู้สึกราวกับว่าสามารถจะมองเห็นบุคคลทั้งสาม หนึ่งคือชางหมางเหลาจู่ หนึ่งคือบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีดำ และอีกคนก็คือบุคคลคนเดียวกับที่ตนเองเคยเห็นอยู่บนอาณาจักรเทพ

ราวกับว่าพวกมันกำลังเดินทางอยู่ที่ไหนสักแห่งตรงด้านนอกที่ห่างออกไปไกล จากนั้นจู่ๆ ก็หยุดลงและมองผ่านห้วงจักรวาลกลับมา จนกระทั่งสายตาตกกระทบมาบนร่างเมิ่งฮ่าว พวกมันยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น ราวกับว่าคนทั้งหมดเป็นสหายกัน

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงดังก้องขึ้นในจิตใจ “พวกเรากำลังรอเจ้าอยู่ จะมาหรือไม่…?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version