Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 301

ตอนที่ 301

เซียนชี้ทาง

เมิ่งฮ่าวตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโส ข้ามั่นใจว่าท่านไม่เพียงแค่เรียกข้ามาเพื่อกินมังกรขาวตัวนี้” สายตาที่บุรุษผู้นั้นมองมายังเขาเมื่อครู่นี้ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเห็นเขาเป็นอาหาร และทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาในทันที

ในตอนนี้เองที่บุรุษผู้นั้นมองไปที่อื่นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ จากที่เห็น เหมือนกับมันต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำเช่นนั้น มันเงยหน้ากลับขึ้นไปมองยังดวงดาว

“ดวงดาวเหล่านี้มาจากความทรงจำของข้าตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณ…” มันกล่าวเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงโศกเศร้าเล็กน้อย “โชคร้ายที่ข้าได้นอนหลับมาเป็นเวลาที่นานมาก…เมื่อข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็มาอยู่ที่นี่ ในพื้นดินนี้ ข้าไม่อาจบอกได้ว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนี้เหมือนกันหรือไม่ หรือว่ามันมีดวงดาวมากกว่าหรือน้อยกว่า”

“ฟังนะเด็กน้อย ข้าแซ่โฉ่วเหมิน เกิดที่ด้านนอกของขุนเขาที่เจ็ด บนดาวหู่เหลา (กรงพยัคฆ์) มีนามว่า โฉ่วเหมินไถ” มันเลื่อนสายตากลับมาจากหมู่ดาว และจ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เพราะว่าข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับสหายเก่าจากขุนเขาที่แปด ข้าจึงได้มีส่วนร่วมในสงครามเต๋า ระหว่างขุนเขาที่แปดและเก้า ในช่วงของการทำสงคราม ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนน่าจะถึงแก่ความตาย แต่ข้าก็ยังเหลือลมหายใจสุดท้าย จนทำให้ยืนหยัดมาได้จนกระทั่งถึงตอนนี้

“ข้าอาจจะตายไป แต่ก็ไม่ยอมให้มรดกของข้าต้องจบลงไปด้วย…สำหรับเจ้า ตอนที่เจ้ามองเห็นข้าในตอนนั้น ก็ทำให้ข้ารับรู้ถึงตำแหน่งของดาวดวงนี้ ข้าจึงตกลงมายังที่นี่ได้ เจ้ามีสายโลหิตที่พิเศษเฉพาะ ถ้าโชคดี เจ้าน่าจะสามารถออกไปจากดาวหนานเทียน (สวรรค์ทิศใต้)เล็กๆ นี้ได้ เดินทางไปยังบ้านเกิดของข้า และกลายเป็นผู้สืบทอด…”

“นั่นคือความหวังของข้า ถ้าเจ้าสามารถทำได้ ก็จะดีมาก ถ้าไม่ ข้าก็ไม่เสียใจใดๆ!” มันศึกษาเมิ่งฮ่าวสักพัก “ข้ามีของสามชิ้นให้เจ้า เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน!”

“ของชิ้นแรกก็คือ เครื่องหมายที่ข้าสร้างขึ้น หลังจากที่ข้าบรรลุการรู้แจ้ง และกลายเป็นเซียน มันเรียกว่า ‘เซียนชี้ทาง’ มีเพียงคนที่กลายเป็นเซียนในเก้าขุนเขาหนึ่งทะเล และคนที่ตั้งใจสละพื้นฐานฝึกตนบางส่วนไปเท่านั้น ถึงจะสร้างของสิ่งนี้ขึ้นมาได้ มันควรจะมอบเป็นสมบัติให้กับลูกหลานของข้า”

“เมื่อเจ้าอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของค้นหาเต๋า เจ้าก็สามารถใช้มันเพื่อก้าวจากขั้นสูงสุด ไปยังขั้นเซียนอมตะ จะมีบางคนมาแสดงเส้นทางต่อเจ้า และโอกาสที่เจ้าจะสำเร็จเป็นเซียนอมตะก็จะเพิ่มขึ้นถึงสามในสิบส่วน!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็ไม่ต้องใช้พลังของตัวเอง เซียนชี้ทางจะทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวคล้อยต่ำลงมา!!” มันยกมือขึ้น และกดลงไปบนหน้าผากของเมิ่งฮ่าว แสงเจิดจ้ารูปทรงกลมปรากฎขึ้นในทันที

แสงเจิดจ้ารูปทรงกลมกระจายกลิ่นอายซึ่งไม่ใช่ของโลกแห่งนี้ออกมา ทันทีที่เมิ่งฮ่าวสัมผัสมัน จิตใจเขาก็เริ่มเกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา รู้สึกอย่างแรงกล้าว่าแสงนี้ประกอบไปด้วยพลังอันน่ากลัว ถ้ามันระเบิดออกมา คงทำให้ทั่วทั้งดินแดนด้านใต้กลายเป็นผุยผง

“นี่…” เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจ ขณะที่มองไปยังแสงเจิดจ้ารูปทรงกลมในมือของบุรุษผู้นั้น เขารู้สึกได้ว่าเมื่อกลิ่นอายนั้นกระจายออกมา บุรุษผู้นั้นก็เริ่มอ่อนแอลงเกือบครึ่งในทันที ดวงดาวและพื้นดินที่อยู่รอบๆ พวกเขาดูเหมือนจะเริ่มไม่คงที่ เลือนลางลงเล็กน้อย

“เซียนอมตะเป็นเรื่องยาก…แต่ด้วยเซียนชี้ทางนี้ ความยุ่งยากนั้นก็จะลดลงไปค่อนข้างมาก สิ่งที่เจ้าต้องทำทั้งหมดก็คือ ก้าวหน้าต่อไปจนกระทั่งถึงจุดนั้น เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าก็จะสามารถก้าวไปถึงจุดสุดท้ายได้!”

“ของชิ้นแรกนี้ข้าจะส่งมอบให้แก่เจ้า” ใบหน้ามันซีดขาว และร่างกายก็เริ่มแตกต่างไปเล็กน้อย แต่มันก็หัวเราะเสียงดังออกมา โดยไม่ลังเล มันกดแสงเซียนชี้ทางเข้าไปในหน้าผากเมิ่งฮ่าว ของสิ่งนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายในหมู่ดาวต้องต่อสู้กันอย่างไร้ความปราณี แต่มันก็ยื่นส่งให้อย่างง่ายดาย แสงนั้นหลอมรวมเข้ากับร่างของเมิ่งฮ่าวในทันที

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และหลับตาลงสักพัก เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็รู้สึกว่ามีความแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่อาจจะบอกได้ว่ามีอะไรที่แตกต่าง สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือ รู้สึกว่าสมองของเขาโล่งโปร่งกระจ่างชัดขึ้น

“ของชิ้นที่สองที่ข้าจะส่งมอบให้เจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าเคยได้ยินมาก่อน หนึ่งในสามคัมภีร์หลัก, คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์! สุดยอดวิญญาณ, เต๋าศักดิ์สิทธิ์, ตัดสวรรค์ คัมภีร์ทั้งสามเล่มนี้ไม่เพียงแต่ถูกส่งต่อลงมาบนดาวที่เจ้าอาศัยอยู่นี้ คัมภีร์ทั้งสามยังถูกส่งต่อไปทั่วทั้งเก้าขุนเขาหนึ่งทะเล!”

“โชคร้ายที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้ครอบครองแค่บางส่วนของคัมภีร์ที่สมบูรณ์ จนกระทั่งถึงตอนนี้ มีเพียงสองคนที่สามารถรวบรวมได้ครบสมบูรณ์ของหนึ่งในคัมภีร์เหล่านี้ และสามารถได้รับสมญานามแดนเต๋า หนึ่งในนั้นก็คือเต๋าศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาแรก!”

“อีกคนก็คือ สุดยอดวิญญาณ แห่งขุนเขาที่เก้าของเจ้า!”

“มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังสองคนนี้เท่านั้น ที่สามารถรวบรวมคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ และคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้สมบูรณ์ คนอื่นๆ ได้ครอบครองแค่บางส่วน คัมภีร์ตัดสวรรค์เป็นสิ่งที่ลึกลับมากที่สุด หลายปีมาแล้วที่ยังไม่มีใครเคยรวบรวมมันได้ทั้งหมด และยังไม่มีใครสามารถฝึกฝนจนถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรที่ถูกสร้างขึ้นมาจาการตัดสวรรค์”

“สำหรับคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีเพียงแค่เล่มเดียว แต่จริงๆ แล้วก็มีค่ามากกว่าเล่มอื่นๆ ทั้งหมด นั่นก็คือตำราสัมผัสศักดิ์สิทธิ์! หนึ่งในเหตุผลหลัก ที่ทำไมข้าถึงยังไม่ตายในสงครามเต๋า ก็เป็นเพราะตำราเล่มนี้”

“สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้ามีความแข็งแกร่งกว่าทุกคนในขั้นเดียวกันถึงสามเท่า นื่คือ…สิ่งยอดเยี่ยมที่มาจากการฝึกฝนตำรานี้ของคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ สามเท่าเป็นขีดจำกัด แต่ถ้าเจ้าได้ครอบครองตำราอื่นๆ ของคัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็สามารถเพิ่มมากกว่าสามเท่าได้!”

“วิชานี้ ข้าขอมอบให้เจ้า!” บุรุษผู้นั้นยกมือขวาขึ้น และกดลงไปบนหน้าผากเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ตัวอักษรในคัมภีร์ก็เริ่มลอยอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว อักษรเวทแต่ละตัวเปล่งแสงสีดำ ประทับลงไปบนจิตใจเขา จู่ๆ ร่างเขาก็สั่นสะท้าน ขณะที่จิตสัมผัสได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็พบว่าจิตสัมผัสของเขได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ในตอนนี้ เขาสามารถส่งมันออกไปปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นได้อย่างง่ายดาย

ผู้ใดมีจิตสัมผัสแข็งแกร่ง ผู้นั้นก็จะมีแกนปราณที่แข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ด้วยวิชาเวทแกนปราณอันทรงพลัง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยิ่งน่าตกตะลึงมากขึ้น เช่นเดียวกันนี้ ความสามารถของเมิ่งฮ่าวได้ก่อตัวเป็นวิชาอันทรงพลังสูงสุดซึ่งสามารถสะกดข่มคนอื่นๆ ในขั้นเดียวกันได้ทั้งหมด

ในตอนนี้ เป็นเพียงแค่การจารึกตัวอักษรเข้าไปในจิตใจ และเมิ่งฮ่าวก็ได้รับจิตสัมผัสเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ถ้าผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เขาก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากขึ้นกว่านี้

นี่จะดูเหมือนเป็นความโชคดีอย่างมหาศาลของเมิ่งฮ่าว เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง

“เจ้าคิดว่าอย่างไร?” บุรุษผู้นั้นหัวเราะ “แค่ประทับมันลงไป เจ้าก็มีจิตสัมผัสเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า นั่นเป็นเพราะมังกรที่เจ้ากินไปครึ่งหนึ่ง พลังของมังกรขาวเกิดขึ้นมาจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ พื้นฐานฝึกตนของเจ้าไม่อาจจะดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์ คงต้องใช้เวลาสักพัก หลังจากนั้น สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็จะมีความมั่นคงมากขึ้น”

“มังกรขาว…” เมิ่งฮ่าวกล่าวโดยไม่ต้องคิด “ท่านหมายความว่า นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา?” ความรู้สึกของจิตสัมผัสที่เพิ่มขึ้น ทำให้เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณได้ในไม่ช้า

“ใครบอกว่านี่คือภาพลวงตา!?” บุรุษผู้นั้นกล่าว ขณะที่จ้องมอง ยื่นมือออกมาและตีไปที่ศีรษะเมิ่งฮ่าว “เจ้าเด็กตะกละ! นั่นคือมังกรขาวแห้งตัวสุดท้ายที่ข้าเก็บไว้ ประสิทธิภาพของมันค่อนข้างต่ำ แต่ข้าก็วางแผนจะเก็บมันไว้เป็นอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่ข้าจะตายไป โชคร้าย ที่ข้ามอบให้เจ้าไปครึ่งหนึ่ง! อืม, ไม่เป็นไร”

บุรุษผู้นั้นดูเหมือนจะอิจฉาต่อความโชคดีของเมิ่งฮ่าวเล็กน้อย มันถอนหายใจ และจากนั้นก็สอดมือเข้าไปในเสื้อ “ข้ายังพูดไม่จบ เจ้าได้รับของชิ้นแรกและชิ้นที่สองแล้ว ตอนนี้ ข้าจะมอบชิ้นสุดท้ายให้…เด็กน้อย, ข้าอยากจะให้เจ้าจดจำบางสิ่งบางอย่าง ถ้าเจ้าไม่อาจจะส่งมอบมรดกของข้ากลับไปยังดาวหู่เหลา ถึงข้าจะตายไป ข้าก็จะสาบแช่งเจ้าอย่างแน่นอน!” จากภายในร่างของมัน มันหยิบเอาเม็ดกลมๆ เล็กๆ ที่เรืองแสงสีขาวออกมา

แสงนั้นกระจายเป็นกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนเบาบางออกมา เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างเมื่อเขาเห็นมัน แสงนั้นประกอบด้วยบางสิ่งที่ดูคล้ายกับชิ้นส่วนของลูกเกาลัด

“นี่คือ…”

“นี่คือมรดกของข้า” มันกล่าวด้วยเสียงกระซิบ “ในนี้ประกอบด้วยลมหายใจแห่งปราณเซียนของข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องนำไปยังดาวหู่เหลา เมื่อละลายปราณเซียน เจ้าก็จะมองเห็นมรดก เพียงเจ้าเท่านั้น! ถ้าเจ้าปรารถนาที่จะศึกษามัน เจ้าต้องไปยังดาวหู่เหลา!”

“บอกตามตรง จากการคำนวนของข้า มันเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่กี่ร้อยปี” มองดูอย่างเจ็บปวดใจ เอาลูกเกาลัดสีขาวกดเข้าไปที่หน้าอกเมิ่งฮ่าว

ร่างเมิ่งฮ่าวกระตุก จู่ๆ ลูกเกาลัดสีขาวก็ปรากฎขึ้นท่ามกลางเสาแห่งเต๋าทั้งสิบต้น เปล่งแสงสีขาวออกมา เชื่อมต่อกับเสาแห่งเต๋าของเขา

ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงกระหึ่มกึกก้องอันไร้ขอบเขตก็เต็มอยู่ในพื้นฐานฝึกตน ระเบิดออกไปทั่วร่าง เสาแห่งเต๋าทั้งสิบต้นสั่นไปมา และกระจายปราณม่วงจำนวนมากมายมหาศาลออกมา จากนั้นก็เชื่อมต่อกับลูกเกาลัดสีขาว จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เหมือนกับเขาได้กลืนเม็ดยาสามมฤตยูลงไป เพื่อความพยายามในการบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ

“ข้า…กำลังเข้าใกล้สร้างแกนลมปราณ!” เมิ่งฮ่าวกล่าว หอบหายใจ

ร่างของบุรุษผู้นั้นเริ่มจางหายไป ทำให้มันต้องรีบพูดขึ้นมา “เจ้าได้มาถึงจุดวิกฤตที่จะเข้าไปสู่ขั้นสร้างแกนลมปราณ กระจายปราณเซียนของข้าบางส่วนออกไป มันจะช่วยให้เจ้าสร้างแกนขึ้นมา…ระมัดระวังตัวด้วย ข้าได้ฝากความหวังทั้งหมดของข้าไว้กับเจ้า ให้ระวังสำนักชิงหลัว ระวังพลังโบราณซึ่งมาจากทิศตะวันออกของดาวดวงนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ของดาวดวงนี้ ซึ่งได้ควบคุมพลังทั้งหมดไว้ได้บรรลุถึงจุดสูงสุดเรียบร้อยแล้ว”

“ความพิเศษของสายโลหิตของเจ้า และจากการคาดเดาของข้า ในอดีตเจ้าเคยมีลมหายใจของปราณเซียน ไม่กี่ปีนับจากนี้ หลังจากที่เจ้าละลายปราณเซียนของข้าอย่างสมบูรณ์ เจ้าจะสามารถมองเห็น แต่ข้าก็ไม่อาจรับประกันว่าทั้งหมดนี้จะเป็นจริง…” โลกรอบๆ พวกเขาเริ่มแตกร้าวและพังทลายลง “ข้าได้เดิมพันเป็นครั้งสุดท้าย ในการเข้ามายังถ้ำกำเนิดใหม่ในดาวของเจ้า จากการวิเคราะห์ของข้า ความลับของมันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับทะเลเต๋าใต้ขุนเขาลูกที่เก้า ดูแล…ตัวเอง…ดินแดนแห่งจิตใจของข้ากำลังพังทลายลง เมื่อมัน…ทุกคนที่ด้านในก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกไป…” เสียงได้ยินอย่างไม่ต่อเนื่อง และจากนั้นก็หายไปในที่สุด เสียงกึกก้องดังมากขึ้นเต็มอยู่ในบริเวณรอบๆ เมิ่งฮ่าว และจากนั้น…ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังทลายลง

อีกครั้งที่เขาถูกล้อมด้วยกำแพง แต่ครั้งนี้ กำแพงเต็มไปด้วยรอยร้าว

เสียงแตกร้าวดังกระจายไปทั่ว เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทั้งหมดเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาคิดย้อนกลับไป ก็ดูเหมือนจะคล้ายความฝัน แต่คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังอยู่ในจิตใจของเขา และภายในร่างก็มีปราณเซียน ในรูปร่างของลูกเกาลัด มันเป็นความจริงทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น เสาแห่งเต๋าทั้งสิบต้นก็เริ่มหลอมละลายด้วยความรวดเร็ว ปลดปล่อยปราณม่วงอันเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมปราณห่อหุ่มไปรอบๆ ลูกกำลัด และค่อยๆ สร้างเป็นรูปร่างของแกนขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าในตอนนี้เขากำลังเข้าไปสู่ขั้นสร้างแกนลมปราณ ขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้เวลานานมากตามปกติทั่วไป แต่เนื่องจากการช่วยเหลือของปราณเซียน ขั้นตอนจึงเร็วขึ้น ตอนนี้ เขากำลังอยู่ในช่วงวิกฤต!

ในตอนนี้เองที่เสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่ว เป็นเสียงที่ดังออกมาจากกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ซึ่งจู่ๆ ก็ระเบิดออกมา กลิ่นอายอันทรงพลัง ทันใดนั้น ก็ไหลผ่านมา

“ในที่สุดก็พบมัน” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “นี่เป็นสถานที่ซึ่งท่านปรมาจารย์ได้กล่าวไว้ เจตจำนงเซียนของคนผู้นั้นกำลังหลับอยู่ในที่นี้…หือ?” บุรุษหนุ่มแซ่จี้ จู่ๆ ก็ปรากฎขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดใจ มันสวมใส่ชุดยาวสีฟ้า

ดวงตามันเปลี่ยนไป ขณะที่ตกกระทบมาบนร่างเมิ่งฮ่าว แสงอันลึกลับส่องประกายอยู่ด้านใน สีหน้ามันเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นในทันที “เจ้าขโมยมันไป?” มันถาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version