Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 328

ตอนที่ 328

ยืนกรานในศักดิ์ศรี

ทันทีที่ประตูแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ เสียงหวีดหวิวก็ได้ยินมา และนกแก้วก็หายไปโดยไร้ร่องรอย เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่ามันไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันได้เห็นสีหน้าเขา และรู้ว่ากำลังมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่แทนที่มันจะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง กลับปล่อยทิ้งไว้ให้กับเมิ่งฮ่าว อารมณ์ของเขาจมดิ่งลึกลงไปในทันที

ดวงตาสาดประกายด้วยความเย็นชา เขารู้ว่ากฎแห่งป่าสำคัญและเป็นที่เคารพเหมือนกับเป็นวิถีชีวิตในดินแดนสีดำ ความอ่อนแอและการหลบหนีจะทำให้ศัตรูยิ่งมีพลังและเหตุผลที่จะบดขยี้มากขึ้น

ในดินแดนสีดำ ไม่มีเหตุผลใดๆ มีแต่ความแข็งแกร่งเท่านั้น

ผู้เข้มแข็งสามารถบุกปล้นยึดเมืองและจับคนไปเป็นทาส ในดินแดนสีดำผู้คนสามารถทำได้ทุกสิ่งตามที่ต้องการ และไม่มีใครมาต่อต้านถ้าไม่ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกมัน ถ้าไม่ไปรุกล้ำอาณาเขตของใครบางคน พวกมันก็จะไม่สนใจ ถึงแม้จะมีผู้ฝึกตนมากมายถูกสังหารไป

ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลทั้งเก้าที่รวมตัวกันเป็นเก้าสหพันธ์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลหนึ่งอาจเจริญรุ่งเรือง อีกตระกูลตกต่ำลง เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ทุกวัน

หลังจากที่ประตูถูกทำลายไป มีสองคนพุ่งเข้ามาในห้อง ตามติดมาด้วยแสงเจิดจ้าเย็นเยียบ ขณะที่พวกมันพุ่งลงมาที่เขา เมิ่งฮ่าวส่งเสียงแค่นอันเย็นชาออกมา ไม่สำคัญว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนผิดหรือไม่ นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น รังสีสังหารแวบขึ้น ยกมือขวาขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และหนึ่งดรรชนีก็โจมตีออกไป

เสียงแผดร้องแหลมเล็กกระจายออกไปทั่วในทันที และซากศพก็ลอยกลับไปที่นอกประตู ในเวลาเดียวกันนั้น สี่นิ้วที่เหลือของเขาก็งองุ้มเป็นกรงเล็บ คว้าจับไปบนลำคอของผู้ฝึกตนชุดดำ

ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจจะขยับร่างได้แม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวส่งจิตสัมผัสเข้าไปในพื้นฐานฝึกตนของมันในทันที ผนึกมันไว้อย่างแน่นหนา

เมื่อทำการโจมตี ก็ต้องไร้ความลังเลแม้แต่น้อย ต้องไม่แสดงความอ่อนแอออกมา นี่เป็นกฎพื้นฐานในดินแดนสีดำ

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเยือกเย็นขณะที่มองไปยังประตู ที่กำลังยืนอยู่ด้านนอกเป็นผู้ฝึกตนสวมใส่ชุดดำแปดคน สีหน้าของพวกมันเคร่งเครียด แต่ก็ไม่กล้าจะเข้ามาในห้อง พวกมันยืนคุมเชิงอยู่ที่นั่น

“ตงลั่วหลิง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “นี่เป็นวิธีที่ตระกูลตงลั่วใช้ต้อนรับแขกเหรื่อ? เจ้าควรจะมีคำอธิบายต่อเรื่องนี้ มิเช่นนั้นข้าจะเปลี่ยนกระโหลกของเจ้าให้กลายเป็นหม้อปรุงอาหาร”

ผู้คนที่อยู่ด้านนอกยังคงรักษาความเงียบไว้ ขณะที่มีหญิงสาวก้าวเท้าออกมาจากด้านหลังพวกมัน นางสวมใส่ชุดยาวสีเขียวมรกต แลดูงดงาม ผิวกายของนางช่างละเอียดอ่อนจนดูเหมือนแม้แต่สายลมที่พัดมาก็อาจจะทำให้มันเสียหายได้ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตงลั่วหลิง คิ้วของนางขมวดขึ้นขณะที่จ้องเข้าไปในห้องเมิ่งฮ่าว

“เมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ก็ควรจะปล่อยคนของข้าไปในทันที แล้วเราค่อยมาพูดคุยกัน” เสียงของนางไพเราะน่าฟัง แต่ก็เต็มไปด้วยความเย็นชา พื้นฐานฝึกตนของนางก็ไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าอยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ

เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา เขาอาจจะมีรูปลักษณ์ของนักศึกษา แต่เมื่อมองมาที่เขาในตอนนี้ ก็ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็กำมือขวาจนแน่น เสียงแตกร้าวดังออกมา ร่างของบุรุษผู้นั้นกระตุก ขณะที่ลำคอของมันถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด หลังจากที่มันตกตายไป เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นยืน และกลายเป็นภาพเลือนลางขณะที่เขาพุ่งตรงไปที่ประตู

ตงลั่วหลิงหัวเราะเสียงเย้ยหยันออกมา นางยืนอยู่ที่พื้นไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ขณะที่นางมองลงไปยังซากศพของบุรุษผู้นั้น บุรุษทั้งแปดที่อยู่รอบๆ ตัวนางก็เคลื่อนที่ตรงไปขวางกั้นเมิ่งฮ่าวไว้ สองคนในกลุ่มพวกมันเป็นชายชราผมขาว สายตาของคนทั้งสองราวกับสายฟ้า มีรูปร่างสูงใหญ่ น่าตะลึงยิ่งที่คนทั้งสองมีรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์อยู่บนแขน แต่ก็ดูไม่เหมือนผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก พวกมันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ ร่างพวกมันแวบขึ้นขณะที่เคลื่อนที่ตรงมาปกป้องตงลั่วหลิง

พวกมันรวดเร็วยิ่ง แต่เมิ่งฮ่าวรวดเร็วกว่า เพียงชั่วพริบตา เขาก็ออกไปนอกประตู โบกสะบัดแขนเสื้อ และสายลมอันรุนแรงทันใดนั้นก็ระเบิดออกมา ส่งเสียงดังออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ร่างกายของผู้ฝึกตนทั้งแปดสั่นสะท้าน ขณะที่พวกมันพ่นโลหิตออกมา ทั้งหมดล่าถอยออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

นี่ทำให้สีหน้าของตงลั่วหลิงเปลี่ยนไป และม่านตาของนางก็หดเล็กลง ก่อนที่นางจะทันได้ขบคิด ใบหน้าของชายชราที่อยู่ด้านหน้านางก็สลดลง

เมิ่งฮ่าวยังคงเยือกเย็นเหมือนเช่นเคย ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ตงลั่วหลิง ดวงตาของสองชายชราสาดประกายขณะที่พวกมันก้าวเท้าไปข้างหน้า ขยับมือร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว พื้นฐานฝึกตนของพวกมันส่งเสียงกระหึ่มเต็มไปด้วยพลัง ขณะที่วิชาเวทของพวกมันปรากฎขึ้น

“ไม่มีแกนปราณ” เมิ่งฮ่าวกล่าว แสร้งทำสีหน้าหยิ่งทรนง “ก็แค่มดตัวเล็กๆ” ขณะที่เขาพูด มือขวาก็ยกขึ้นมา และจากนั้นก็กระแทกหมัดออกไป

ตูม!

สีหน้าตกใจเต็มอยู่บนใบหน้าของหนึ่งในสองชายชรา วิชาเวทที่มันเพิ่งจะใช้ไปแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ในทันที รู้สึกถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อพุ่งเข้ามา และโลหิตก็พ่นออกมาจากปาก ขณะที่มันโซเซถอยไปด้านหลังหลายก้าว

สำหรับชายชราอีกคน ดวงตามันหดเล็กลง และส่งเสียงกู่ร้องออกมาขณะที่มันโจมตี มือซ้ายเมิ่งฮ่าวยื่นออกไป และกดไปที่หน้าผากของมันเบาๆ ทันใดนั้น ปราณอสูรก็พุ่งขึ้นมา มีเพียงเมิ่งฮ่าวผู้เดียวที่มองเห็น ปราณอสูรไหลเข้าไปในร่างชายชรา ทำให้เส้นโลหิตของมันโป่งพอง และดวงตาก็เต็มไปด้วยความสับสน

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในทันที และจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็มายืนอยู่เบื้องหน้าตงลั่วหลิงที่กำลังตกตะลึงอยู่

ตงลั่วหลิงรู้ว่านางได้กระทำการอย่างหุนหันวู่วาม และบุคคลผู้นี้ก็แข็งแกร่งกว่านางมากนัก มีเพียงสิ่งเดียวที่นางจะทำได้ในตอนนี้ก็คือพูดอย่างมีโทสะออกมา “เจ้ากล้ามีเรื่องกับข้าในเมืองของตระกูลข้าจริงๆ? เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!”

เมิ่งฮ่าวมองไปที่นางด้วยความเย็นชา จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้น และกำลังจะจับนางไว้ ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว และหยุดชะงัก จากนั้น ก็ชี้มือลงไปบนพื้น ทั่วทั้งโรงเตี๊ยมก็เริ่มสั่นสะเทือน ขณะที่ปราณซึ่งมองไม่เห็นพุ่งขึ้นมาทั่วทุกทิศทาง หมุนเป็นวงกลมอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว มันก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน ปกป้องหอกสีดำซึ่งกำลังพุ่งตรงมาที่เขาจากที่ห่างไกลในตอนนี้

หอกนั้นมีความหนาเท่ากับแขนเด็ก และมีลวดลายอันซับซ้อนม้วนตัวพันไปรอบๆ ด้ามหอก มันแหวกฝ่าอากาศส่งเสียงแหลมเล็กออกมา กระแทกเข้ามาในวังน้ำวนปราณอสูรที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว เสียงระเบิดดังก้องออกไป หอกสั่นสะท้านจากนั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นกลายเป็นแกนปราณสีเขียว ซึ่งจากนั้นก็แตกสลายหายไปทั่วทุกทิศทาง แต่ส่วนคมหอกไม่ได้หายไปด้วย มันยังคงปักอยู่ในวังน้ำวนปราณอสูร ขณะที่ดูเหมือนจะแทงทะลุผ่านเข้าไป เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกมาและแตะไปที่ปลายคมหอก

ทันทีที่เขาแตะสัมผัสมัน คมหอกก็สั่นสะท้านและจากนั้นก็ระเบิดออกเป็นชิ้นส่วนของแกนปราณ

ตงลั่วหลิงรีบใช้โอกาสนี้ถอยหลังออกไปเกือบสิบจ้าง เหมือนนางกำลังจะหลบหนีไปได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็กล่าวเสียงราบเรียบว่า “กลับมา”

เป็นคำพูดที่ธรรมดา แต่ทันทีที่นางได้ยิน สีหน้าตงลั่วหลิงก็ซีดขาว ทันใดนั้นนางก็พบว่าร่างกายไม่อาจจะขยับเคลื่อนไหวได้

ชายชราซึ่งเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะแตะไปที่หน้าผากดูท่าทางสับสน ราวกับว่าวิญญาณของมันหลุดลอยไป ดูเหมือนมันไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ มันพันธนาการตงลั่วหลิง คว้าจับนางไว้ จากนั้นก็ลอยกลับมายังเมิ่งฮ่าว

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น และมองออกไปยังที่ไกลตา ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ และไม่เห็นผู้ฝึกตนใดๆ อยู่รอบๆ บริเวณนั้น แม้แต่โรงเตี๊ยมก็ดูเหมือนจะว่างเปล่า แต่ที่ห่างไกลออกไป มีบุรุษวัยกลางคนยืนอยู่บนหลังคา ร่างของมันผอมแห้งลีบเหี่ยว เกือบดูคล้ายโครงกระดูก แต่ก็กระจายกลิ่นอายอันผ่าเผยสง่างามออกมา ขณะที่มันมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว

สายตาของคนทั้งสองประสานกัน และจิตสัมผัสก็พุ่งออกไป กระจายเป็นแรงกดดันอันมหาศาล ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นระเบิดออกมา เมิ่งฮ่าวไม่ได้ขยับตัว แต่ใบหน้าของบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไป มันถอยหลังไปสองสามก้าว กระอักโลหิตออกมา

“แกนปราณของขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่ามดแมลงอยู่เล็กน้อย” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา

“ท่านที่นับถือเป็นใคร?” บุรุษวัยกลางคนโค้งตัวลงแล้วถาม “ทำไมท่านถึงต้องการเป็นศัตรูกับตะกูลตงลั่ว?” สีหน้าของมันเคร่งเครียด และดูเหมือนมันไม่อาจจะมองเห็นพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวได้

“นั่นเป็นคำถามที่ข้าต้องการจะถามท่านเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าไม่มีความบาดหมางกับตระกูลตงลั่ว ทำไมท่านถึงอพยพคนในบริเวณนี้ออกไป จากนั้นก็ล้อมกักข้าและพยายามจะสังหารข้า!?”

ตงลั่วหลิงขบฟันแน่น และจ้องมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาส่องประกายความเกลียดชังออกมา “ในวันที่นกยูงแดงได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งถึงวันนี้ มีอยู่สิบสามคนได้เข้ามาในเมือง ข้าได้ตรวจสอบอีกสิบสองคนด้วยตัวเอง เจ้าเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด!” เมื่อนางคิดไปถึงนกยูงแดงที่ยังไม่อาจจะบินได้ในตอนนี้ และยังตัวสั่นสะท้านอยู่ตลอดเวลาขณะที่นอนหลับ ความเกลียดชังของนางที่มีต่อเมิ่งฮ่าวก็ซึมลึกลงไปถึงกระดูก

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง กล่าวเสียงเย็นชา “ไร้สาระ! เจ้ากำลังหาเรื่องข้า!” เขาไม่แม้แต่จะพยายามอธิบายเรื่องราวใดๆ การโต้ตอบอย่างเรียบง่ายทำให้เขาดูเหมือนจะยิ่งมีศักดิ์ศรีมากขึ้นกว่าเดิม

บุรุษวัยกลางคนลังเลอยู่สักพัก ในที่สุด มันก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว ใบหน้ามีรอยยิ้มอันขมขื่น “นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด” มันกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “น้องสาวข้าออกมาสอบสวนเรื่องนี้ด้วยความคิดเห็นของนางเอง สหายเต๋า ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะยกโทษให้กับพวกเรา นกยูงแดงตัวนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงที่น้องสาวข้ารักมากที่สุด และสิ่งที่เกิดขึ้นกับมันก็ทำให้พวกเรามีโทสะขึ้นอย่างแท้จริง ดังนั้น พวกเราจึงได้ไปมีเรื่องกับท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้านามว่า ตงลั่วฮั่น ขอให้ท่านช่วยไว้หน้าข้าสักเล็กน้อยเป็นอย่างไร?”

เมิ่งฮ่าวดูท่าทางลังเล เขาโบกมือขวา และชายชราผู้ซึ่งพันธนาการตงลั่วหลิงไว้ก็ไม่ได้มีท่าทางสับสนอีกต่อไป ความรู้สึกมันกลับคืนมา จากนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านในทันที มันมองมายังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าเขาเป็นภูติผี

ร่างตงลั่วหลิงแวบขึ้น กลายเป็นลำแสงขณะที่นางบินไปยืนอยู่ข้างกายบุรุษวัยกลางคน นางจ้องมายังเมิ่งฮ่าวอย่างดุร้าย

“ขอบคุณมาก, สหายเต๋า” บุรุษผู้นั้นกล่าว “ได้โปรดรับเหรียญคำสั่งเมืองตงลั่วนี้ไว้ ด้วยเหรียญนี้ เวลาที่ท่านอยู่ในเมืองก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น” ตงลั่วฮั่นหยิบเอาเหรียญคำสั่งสีดำโยนตรงมาที่เมิ่งฮ่าว เขาคว้าจับมันไว้และมองไปที่มัน ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเมืองเมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้เรียนรู้ว่าในเมืองตงลั่วมีเหรียญคำสั่งอยู่ห้าชนิดที่แตกต่างกัน สีแดงคือคำสั่งสูงสุด, สีดำรองลงมา จากนั้นก็สีเหลือง, ฟ้าและขาว เหรียญแต่ละชนิดก็มีสิทธิ์ที่แตกต่างกันอยู่ภายในเมือง

ยกตัวอย่างเช่น ในการที่จะเข้าร่วมงานประมูลที่ใกล้จะเริ่มขึ้น จำเป็นต้องมีเหรียญคำสั่งอย่างน้อยก็สีเหลือง

หลังจากที่เมิ่งฮ่าวรับเหรียญคำสั่งไป ตงลั่วฮั่นก็ประสานมือและโค้งตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็จับมือตงลั่งหลิงที่ดื้อรั้นไว้และจากไป ตามด้วยผู้ฝึกตนอื่นๆ ขณะที่นางจากไป ท่าทางของตงลั่วหลิงก็เต็มไปด้วยโทสะ

“พี่สาม, ทำไมท่านถึงยอมอ่อนข้อให้กับคนผู้นั้น?” นางถาม “พวกเราแอบตรวจสอบมันมาหลายวัน ด้วยการเป็นผู้ต้องสงสัยคนที่สิบสาม มันน่าสงสัยมากที่สุด บางคนยังได้เห็นมันอยู่กับนกแก้วหลากสี”

ก่อนที่ตงลั่วฮั่นจะกล่าวตอบ เสียงอันผ่าเผยภูมิฐานจู่ๆ ก็ได้ยินมาจากด้านข้าง

“ข้าเป็นคนบอกมันเอง” ตามมาด้วยเสียงนั้น ก็ปรากฎร่างบุรุษขึ้น ดูเหมือนอยู่ในวัยกลางคน แต่ก็ดูท่าทางเก่าแก่โบราณด้วยเช่นกัน ทันทีที่มันปรากฎตัว ตงลั่วฮั่นและตงลั่วหลิงก็ก้มศีรษะลงคำนับ

“ขอคารวะท่านผู้นำตระกูล”

“ดินแดนสีดำกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย จิ่วเหมิงใกล้จะเผชิญหน้ากับอันตราย ในตอนนี้ ที่พวกเราต้องทำเป็นสิ่งสุดท้ายก็คือการไปมีเรื่องกับศัตรูอันแข็งแกร่ง ชายผู้นั้นอยู่ในขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ แต่การโจมตีของมันเมื่อครู่นี้ก็โหดเหี้ยมอย่างไร้ที่เปรียบ

มันสังหารผู้ฝึกตนขั้นกลางสร้างแกนลมปราณอื่นๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น ดูเหมือนมันจะเป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อน แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ใช่ ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องระมัดระวังตัวไว้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version