Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 466

ตอนที่ 466

ฉีหนานปรากฎเพื่อแย่งวิญญาณอสูร

ไม่อาจจะใช้คำพูดใด มาอธิบายถึงผีเสื้อหลากสีที่ลอยอยู่กลางอากาศนี้ได้ มันได้เปลี่ยนจากความดำมืด ราวกับว่ามันแทบจะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่จากความตาย ไม่มีความรู้สึกถึงอันตรายกระจายออกมาจากผีเสื้อหลากสีตัวนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เปล่งประกายออกมาก็คือ ความงดงามตามธรรมชาติอย่างมากมายของมัน

ขณะที่มันกระพือปีกไปมา ก็มองเห็นฝุ่นผงเล็กๆ หลากสีรวมถึงแสงอันเจิดจ้า ลอยอยู่รอบๆ ตัว ฉับพลันนั้น ผีเสื้อก็เริ่มบินขึ้นไปในท้องฟ้า

จ้าวโหยวหลัน…หรือน่าจะดีกว่าถ้าจะพูดว่าภูติสาวจื่อเซียง บินไล่ตามขึ้นไป ดวงตานางสาดประกาย เหตุผลหลักที่นางมายังอาณาจักรแห่งซากสะพานนี้ก็คือ เพื่อตามหาวิญญาณอสูรนี้!

“ถ้าได้มันมาครอบครอง ข้าก็จะมีคุณสมบัติผ่านเข้าไปในอาณาจักรของเซียนอสูรโบราณ ในฐานะของการเป็นศิษย์รุ่นปัจจุบันแห่งสำนักเยาเซียน ข้าต้องสามารถไขว่คว้าความโชคดีบางอย่างได้แน่นอนเมื่อข้าเข้าไปในอาณาจักรโบราณนั่น!” จื่อเซียงใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย เพียงชั่วพริบตา ก็มาอยู่ข้างผีเสื้อ

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า ในตอนนี้เองที่เขายกเลิกการหลบหนีจากไป เท่าที่เขาคิด ของสิ่งนี้…ทำให้เขาต้องมายังอาณาจักรแห่งซากสะพานเพื่อครอบครองมันให้จงได้

ด้วยวิญญาณอสูรนี้ กลุ่มคนของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองพันคน ก็จะมีสิทธิ์ผ่านเข้าไปในดินแดนสีดำ และจะมีโอกาสรอดชีวิตจากวันแห่งการทำลายล้าง

ไม่มีเวลาที่จะขบคิด ร่างเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่เขาใช้วิชาระเบิดโลหิตในพริบตา และจากนั้นก็ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย ปราณโลหิตทั้งหมดในร่างเขาระเบิดขึ้นมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังผีเสื้อวิญญาณอสูร

ขณะที่เขาขยับตัวเคลื่อนไหว ก็โคจรหมุนเวียนปราณสุราที่อยู่ภายในร่าง เตรียมพร้อมที่จะใช้ปราณกระบี่เริงระบำ

รังสีสังหารสาดประกายอยู่ในแววตาจื่อเซียง แต่ในตอนนี้เองขณะที่คนทั้งสองพุ่งขึ้นไปในอากาศ ไล่ตามผีเสื้อหลากสีไป ผีเสื้อก็พุ่งตรงไปข้างหน้า ร่างมันเลือนลางลง ไม่นานต่อมา มันก็อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะมีแสงอันเจิดจ้ากระจายออกมาจากร่างมัน ก็คงจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป ขณะที่เขาใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยอีกครั้ง จื่อเซียงดึงความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะใช้ออกไปกลับมา คนทั้งสองหยุดความคิดที่จะโจมตีซึ่งกันและกันไว้ ขณะที่พุ่งไล่ตามวิญญาณอสูรไป

คนทั้งสองเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงแม้จื่อเซียงจะมีความรวดเร็วกว่าเมิ่งฮ่าวอยู่เล็กน้อย แต่การรวมตัวกับจ้าวโยวหลันของนางยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวโยวหลันก็อยู่เพียงแค่ขั้นสร้างแกนลมปราณเท่านั้น จื่อเซียงอาจจะสามารถบังคับให้พื้นฐานฝึกตนของนาง พุ่งขึ้นไปจนถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จื่อเซียงซึ่งอยู่ในขั้นเซียนอมตะ จะสามารถใช้พลังของนางได้อย่างเต็มที่ด้วยการใช้ร่างกายนี้

ถึงแม้นางจะสามารถผลักดันให้จ้าวโยวหลันไปอยู่ในขั้นตัดวิญญาณ ก็ยังไม่อาจจะเทียบได้กับความเร็วของนางที่อยู่ในรูปแบบของเซียนศักดิ์สิทธิ์ ถ้านางกดดันร่างกายนี้มากเกินไป มันก็คงจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ กระจายไปทั่วในอากาศ

ทุกครั้งที่ผีเสื้อวิญญาณอสูรพุ่งตรงไป มันก็เคลื่อนที่ไปไกลหลายร้อยจ้าง จริงๆ แล้ว ในการขยับตัวของมันหนึ่งครั้ง ก็จะบินไปไกลมากกว่าหนึ่งพันหลี่ในครั้งเดียว

โชคดีที่แสงหลากสีที่กระจายออกมาจากตัวมัน เหมือนกับเป็นแสงตะเกียงในยามค่ำคืนอันมืดมิด บอกให้รู้ถึงตำแหน่งของมันได้อย่างชัดเจน ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็คงไม่อาจจะไล่ติดตามมันไปได้โชคร้ายที่การบินไปของผีเสื้อวิญญาณอสูรดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างมาก ในที่สุด มันก็เริ่มเป็นที่สนใจของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกคนอื่นๆ ในบริเวณนั้น

ขณะที่ผู้ฝึกตนมากมายเริ่มรับรู้ถึงการคงอยู่ของผีเสื้อ ฉับพลันนั้นพวกมันก็คิดไปถึงวิญญาณอสูร พวกมันทั้งหมดมายังอาณาเขตแห่งซากสะพาน ด้วยเป้าหมายเดียวกันก็คือ ค้นหาวิญญาณอสูรที่มีอยู่ในสถานที่แห่งนี้

ทันใดนั้น ดวงตาของผู้ฝึกตนเหล่านี้ก็กลายเป็นสีแดง วิญญาณอสูรนี้เป็นตัวแทนของโอกาสที่จะมีชีวิตรอดของเผ่าพวกมัน เพียงมองแค่แวบแรกผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด ต่างก็ระเบิดพื้นฐานฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลัง ขณะที่พุ่งตรงไปยังผีเสื้อ

ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ ผีเสื้อหลากสีทำให้เกิดเป็นพายุแห่งการต่อสู้ขึ้นมาในทันทีเมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย ขณะที่ไล่ติดตามไปอย่างต่อเนื่อง

สำหรับจื่อเซียง นางได้หายตัวไปมานานแล้ว เมิ่งฮ่าวรู้ว่านางต้องอยู่ใกล้ๆ กับวิญญาณอสูรอย่างแน่นอน รอคอยโอกาสเหมาะที่จะเคลื่อนไหว ในตอนที่ผีเสื้อเคลื่อนที่ช้าลงเล็กน้อย

ในขณะหนึ่ง จู่ๆ ก็มีพื้นที่ซึ่งดูบิดเบี้ยวปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าผีเสื้อวิญญาณอสูร และบุรุษผู้หนึ่งก็ปรากฎกายขึ้น ร่างของมันเต็มไปด้วยรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ ที่เห็นได้ชัดมากที่สุดก็คือ บนหน้าผากของมันมีมังกรสีดำปรากฎอยู่ กลิ่นอายและระลอกคลื่นที่กระจายออกมาร่างของมันดูเหมือนจะน่าตกใจเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น พื้นฐานฝึกตนของมันก็อยู่ในขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง!

นี่เป็นผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้งคนแรก ที่เมิ่งฮ่าวพบเห็นในอาณาจักรแห่งซากสะพาน มันมีรูปร่างสูงใหญ่และกำยำแข็งแรง มีหน้าตาค่อนข้างหยาบกร้าน ขนคิ้วที่ดกหนาและดวงตาที่ปูดโปน ทันทีที่มันปรากฎกายขึ้น ก็ส่งเสียงกู่ร้อง และยกแขนทั้งสองขึ้น ทันใดนั้นร่างของมันก็เริ่มขยายออก เส้นโลหิตโผล่ออกมาจากผิวหนัง และมังกรดำขนาดใหญ่ จู่ๆ ก็ระเบิดออกมาจากด้านหลังของมัน

ผีเสื้อวิญญาณอสูรมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น และไม่มีพื้นฐานฝึกตน เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจะนับได้ว่าเป็นสิ่งที่ทรงพลัง ใครๆ ก็สามารถคว้าจับนำมันจากไปได้ อย่างไรก็ตาม ความเร็วของมันก็ยากที่จะอธิบายออกมาได้ ทำให้มันมีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันทีที่บุรุษผู้นั้นปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้า มันก็พุ่งตรงไป กระแทกเข้าไปที่ร่างบุรุษผู้นั้น เกิดเป็นเสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ

ท่ามกลางเสียงระเบิด ร่างที่กำยำของบุรุษผู้นั้นสั่นสะท้าน รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของมันแวบขึ้น มังกรดำเชิดศีรษะขึ้นไปในอากาศ บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้อง ขณะที่มันพุ่งถอยไปด้านหลังหนึ่งพันจ้าง ก่อนที่จะหยุดชะงักลง

อย่างไรก็ตาม มันยังคงถือผีเสื้อไว้ในสองมืออย่างมั่นคง

ในบริเวณนี้มีมากกว่าสิบคนที่ถูกผีเสื้ออสูรวิญญาณโจมตี พวกมันทั้งหมดจดจำบุรุษผู้นี้ได้ และเริ่มส่งเสียงพูดคุยกันขึ้น

“นั่นก็คือสวี่ไป๋แห่งเผ่ามังกรดำ!”

“เผ่ามังกรดำอันยิ่งใหญ่อยู่ในเขตตะวันออกของทะเลทรายตะวันตก และมีปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณอยู่ด้วย ช่างเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!”

“เผ่ายิ่งใหญ่ที่มีปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ ไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณอสูรเพื่อที่จะเข้าไปในดินแดนสีดำ สวี่ไป๋เป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่ามังกรดำ กล่าวกันว่ามันจะเป็นคนต่อไปของเผ่าที่จะก้าวไปถึงขั้นตัดวิญญาณ มันจะจับวิญญาณอสูรไปเพื่ออะไร!?”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ทำให้เขาต้องสั่นสะท้านอยู่ในจิตใจ บุรุษร่างกายกำยำแข็งแรงนามสวี่ไป๋ ได้สร้างความประทับใจให้กับเขาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพลังพื้นฐานฝึกตนหลักของมันจะมุ่งเน้นไปที่ร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สวี่ไป๋จับวิญญาณอสูรไว้ได้ เสียงหัวเราะอย่างแผ่วเบาก็ได้ยินมา ระลอกคลื่นทันใดนั้นก็แวบขึ้น มองเห็นเป็นแสงสีแดงเจิดจ้า ภายในแสงสีแดงนั้นเป็นบุรุษที่สวมใส่ชุดยาวสีแดง มันมีรูปร่างผอมและท่าทางเหมือนผู้หญิง ทันทีที่มันปรากฎกายขึ้น สัญลักษณ์เวทก็ปรากฎขึ้นรอบๆ ร่างมัน มีลักษณะไม่เหมือนใคร กระจายแสงแปลกๆ ออกมา จริงๆ แล้ว ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่าสัญลักษ์เวทแต่ละชิ้นนั้นดูเหมือนจะเป็นพลังชีวิต

ที่ยิ่งแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์อยู่บนหน้าผากของบุรุษผู้นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของร่างกายที่ไม่ได้ถูกเสื้อผ้าปกปิดไว้ ก็มองเห็นเป็นสัญลักษณ์เวทอยู่มากมาย

ขณะที่มันหัวเราะเสียงแผ่วเบาออกมา ก็ยิ่งดูคล้ายกับเป็นหญิงสาวมากขึ้น พร้อมกับการปรากฎกาย มันยกแขนขวาขึ้นมา และโบกสะบัดไปอย่างสุภาพที่เบื้องหน้ามัน ทันใดนั้น สัญลักษณ์เวทจำนวนมากมายก็ปรากฎขึ้น และเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน ขณะที่เป็นเช่นนั้น พวกมันก็กลายเป็นหัตถ์ยักษ์ที่สร้างขึ้นมาจากสัญลักษณ์เวท ฉับพลันนั้นมันก็พุ่งตรงไปยังทิศทางของสวี่ไป๋ด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ขณะที่มันเข้าไปใกล้ ก็ดูเหมือนว่ากำลังเข้าใกล้ผีเสื้อวิญญาณอสูร ราวกับว่ามันจะไปคว้าจับไว้“เฉินโม่!!” สวี่ไป๋แผดร้องออกมา

ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกมา สีหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันที

“เฉินโม่? นั่นก็คือเฉินโม่แห่งเผ่ายันต์อสูรอันยิ่งใหญ่ มันบรรลุขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้งเมื่อสองร้อยปีก่อน!”

ขณะที่เสียงกระหึ่งดังก้องออกไป ใบหน้าสวี่ไป๋ก็เต็มไปด้วยความดุร้าย มันปล่อยมือออก และผีเสื้อก็กระพือปีกพาตัวเองหลุดออกมา และหลบเลี่ยงจากหัตถ์ยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจากสัญลักษณ์เวท

ในตอนนี้เองเมื่อผีเสื้อหลุดเป็นอิสระ ทันใดนั้นเงาร่างจื่อเซียงก็ปรากฎขึ้น นางยื่นมือที่เรียวยาวไปคว้าจับผีเสื้อไว้ จากนั้นก็แวบหายตัวไป

ความรวดเร็วในการขยับตัวของนาง ทำให้ไม่มีใครป้องกันนางได้ทันท่วงที ใบหน้าของสวี่ไป๋และเฉินโม่เต็มไปด้วยความตกตะลึง การที่วิญญาณอสูรต้องถูกหยิบฉวยไปจากปลายจมูกของพวกมัน ทำให้คนทั้งสองรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่จื่อเซียงหายตัวไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยแสงอันเย็นเยียบ

“ทิ้งมันไว้” เขากล่าวเสียงราบเรียบ ปราณสุรากระจายออกไปจากภายในร่าง เสียงหัวเราะอย่างเย็นชาของจื่อเซียงได้ยินก้องออกมาจากในอากาศ

“ถ้าเจ้าไม่ได้ใช้ปราณกระบี่เริงระบำมาก่อน ก็อาจจะมีผลต่อข้าในตอนนี้ โชคร้า…” ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบก็หยุดลง เป็นเพราะว่าปราณสุราได้หยุดการกระจายออกมาจากร่างของเมิ่งฮ่าว แม้แต่เศษสุราก็ไม่อาจจะตรวจพบได้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ระลอกคลื่นอย่างน่าตกใจทันใดนั้นก็กระจายออกมาจากร่างเขา

ระลอกคลื่นนั้นกระจายจนเต็มไปทั้งบริเวณห้าพันจ้างทั่วทุกทิศทาง ท้องฟ้าสลัวเลือนลาง และสีหน้าของผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นสลดลง สำหรับเฉินโม่และสวี่ไป๋ ม่านตาพวกมันหดเล็กลง ขณะที่รู้สึกได้ถึงอันตรายอันร้ายแรง

ในช่วงที่น่าตกใจนี้ สัตว์อสูรที่มีความยาวหนึ่งพันจ้างได้ปรากฎขึ้นตรงหน้าเมิ่งฮ่าว

ร่างของมันเป็นมังกร ในขณะที่มีหางเป็นหงส์ และเป็นมังกรสองหัว อย่างน่าตกใจ สัตว์อสูรที่ยาวหนึ่งพันจ้างนี้ กระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมาในทันที สะกดข่มทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในรัศมีห้าพันจ้างไว้

นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นฉีหนาน!

เมิ่งฮ่าวได้รับมรดกฉีหนานมา และสามารถใช้มันได้สามครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงจากความตาย เมื่อฉีหนานปรากฎขึ้น ร่างของมันก็แวบขึ้นและเริ่มส่งเสียงคำรามออกมา จริงๆ แล้ว ร่างของมันได้หายไปในตอนนี้ แต่พลังของมันได้พุ่งโจมตีตรงไป ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวมันสั่นสะเทือน

อากาศที่อยู่ในรัศมีห้าพันจ้างทั่วทุกทิศทางดูเหมือนกำลังจะพังทลายลงไป ร่างจื่อเซียงทันใดนั้นก็ถูกบีบบังคับให้ต้องปรากฎตัวขึ้นมาใหม่ในกลางอากาศ โลหิตกระจายออกมาจากปาก และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ฉี…หนาน…” นางคิด สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นางได้หยุดการดูถูกเมิ่งฮ่าวมานานแล้ว การที่เขาใช้ปราณกระบี่เริงระบำได้ ก็ทำให้นางต้องระมัดระวังตัว จากนั้นก็เป็นตอนที่เขาไม่มีผลกระทบใดๆ จากคำสาปแช่งของเซียนอสูร ซึ่งทำให้นางเต็มไปด้วยความสงสัย และทำให้นางต้องปรับเปลี่ยนแผนการ แต่ตอนนี้…ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่นางได้รู้จักเมิ่งฮ่าว ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้พบเห็น รวมถึงความเจ้าเล่ห์และการต่อสู้ของเขา ทำให้เมิ่งฮ่าวมีความสำคัญอยู่ในจิตใจของนางเป็นอย่างมาก

โลหิตกระจายออกมาจากปากของนางอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นางพุ่งถอยไปทางด้านหลังโดยไม่รู้ตัว การโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้นางต้องปล่อยมือจากผีเสื้อ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า ขณะที่เขาพุ่งตรงไป โบกสะบัดชายแขนเสื้อและคว้าจับผีเสื้อไว้

สีหน้าสวี่ไป๋เปลี่ยนไป ขณะที่มันพยายามจะล่าถอยออกไป อย่างไรก็ตาม พลังของการโจมตีก็มาถึงตัวมันเช่นกัน และทำให้มันต้องลอยละลิ่วไปทางด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน ไปหยุดนิ่งไกลออกไปหลายร้อยหลี่ กระอักโลหิตออกมาแปดครั้ง

เฉินโม่ก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกัน ถึงแม้มันจะหลบหนีไป และพยายามจะใช้วิชาเวทเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ก็จบลงโดยการอยู่ห่างออกไปไกลหลายร้อยหลี่ กระอักโลหิตออกมา

เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับคนทั้งสอง ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่นๆ ทั้งสิบที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นพวกมันทั้งหมดรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่วิ่งผ่านไปทั่วร่าง สามถึงสี่คนร่างกายระเบิดออกมาโดยตรง และวิญญาณแรกก่อตั้งของพวกมันก็หลบหนีไป บางคนได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส ศิลาเซียนที่นำพวกมันมายังสถานที่แห่งนี้ถูกดึงออกไปจากพวกมันทั้งหมดในทันที และถูกบดขยี้ไป ขณะที่เป็นเช่นนี้ ร่างกายของพวกมันก็เริ่มหายไป

นี่ไม่ใช่การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย แต่เป็นการเคลื่อนย้ายทางไกลใหญ่ เป็นวิธีในการออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เป็นหนทางเดียวที่จะกลับไปยังทะเลทรายตะวันตก ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรแห่งซากสะพานนี้ สามารถใช้วิธีการนี้เพื่อหลบหนีจากไปได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ที่พวกมันจากไป ก็ไม่อาจจะกลับมาได้อีก โดยหลักการแล้วมันเป็นการละทิ้งยอมแพ้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version