Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 465

ตอนที่ 465

วิญญาณอสูรปรากฎ

จื่อเซียงทันใดนั้นก็มีท่าทางเคร่งเครียดจริงจัง “เมิ่งต้าซือ สะพานเซียนเดินหนนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยสำนักเยาเซียน (เซียนอสูร) เมื่อหลายปีนานมาแล้ว สถานที่ซึ่งพวกเราอยู่ในตอนนี้เป็นชั้นล่างสุดของอาณาจักรทั้งสาม ที่ประกอบขึ้นเป็นสะพานแห่งเซียน เป็นราชวังที่อยู่อาศัยของเซียนอสูรทั้งเก้าสิบเก้าหลัง อาคารราชวังที่ใหญ่โตมากที่สุดถูกสะกดด้วยเวทป้องกัน และแทบจะเป็นหนึ่งในจุดศูนย์รวมของสะพานแห่งเซียน”

“ยังมีจุดศูนย์รวมเช่นนี้อยู่อีกสามพันหกร้อยจุด แต่ละจุดมีของวิเศษอันล้ำค่าถูกผนึกอยู่ด้านใน ถูกใช้ในหลายปีที่ผ่านมาเพื่อช่วยค้ำจุนพลังของแก่นแท้แห่งจิ่วซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเล)”

“เวทป้องกันในที่แห่งนี้ทรงพลังมากที่สุด แม้ข้าจะมายังที่แห่งนี้ด้วยร่างกายของข้าเอง การเปิดอาคารนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่…ด้วยการช่วยเหลือของท่าน เมิ่งต้าซือ, มันก็น่าจะง่ายมากขึ้นกว่าเดิม”

“เมิ่งต้าซือ โปรดบอกข้าว่ากำแพงส่วนไหนที่จะเอาออกไปได้ง่ายมากที่สุด?” นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้แสดงท่าทีสุภาพต่อเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวได้สังเกตเห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของจ้าวโยวหลันพร้อมกับนิ้วก้อยของนาง แต่สีหน้าเขาก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย มองไปยังจื่อเซียง ขบคิดอยู่ชั่วขณะว่าทำไมนางถึงเรียกเขาว่าเมิ่งต้าซือ เพียงไม่นานเขาก็ตระหนักว่ามันต้องเป็นเพราะว่า เขาได้รื้อถอนอาคารได้อย่างง่ายดาย ทำให้จิตใจนางต้องสั่นสะท้าน

เขากระแอมไอออกมา และจากนั้นก็มองอย่างเสียดายไปยังอาคารที่เหลืออยู่อีกครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนความสนใจไปยังห้องโถงหลัก ศึกษามันชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็ชี้ตรงไปยังจุดหนึ่ง

“ด้านขวา, แถวที่เจ็ดสิบสาม, ชิ้นที่เก้าจากด้านบน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความคมกริบ ขณะที่เขามองไปยังชิ้นส่วนที่เพิ่งจะกล่าวถึง จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของเขา นั่นต้องเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นรื้อถอนอย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จื่อเซียงก็มองไปอย่างเงียบๆ สักพักก่อนที่ดวงตาของนางจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางเริ่มขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว จ้าวโยวหลันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเริ่มร่ายเวทด้วยเช่นกัน คนทั้งสองผลักแขนออกไปในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดเป็นลำแสงสองลำ หนึ่งสีขาวและหนึ่งสีแดง พุ่งผ่านอากาศตรงไปยังชิ้นที่เจาะจงนั้น

เพียงชั่วพริบตา ลำแสงนั้นก็พุ่งไปถึง ทำให้กำแพงทั้งหมดเริ่มเรืองแสงเจิดจ้าขึ้น

“ด้านซ้าย, แถวที่สามสิบสาม, ชิ้นที่เจ็ดนับจากล่าง!” เมิ่งฮ่าวกล่าว อีกครั้งที่จ้าวโยวหลันและจื่อเซียงปลดปล่อยพลังโจมตีออกไป

“ด้านขวา, แถวที่หนึ่งร้อยสิบห้า, ชิ้นที่สองจากด้านบน!” นี่แน่นอนว่า เกิดจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเมิ่งฮ่าว กำแพงเรืองแสงขึ้นและเริ่มสั่นไปมา

ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ได้ยินออกมา ในที่สุด กำแพงบางส่วนก็ระเบิดออก ทำให้ค่ายกลเวทของกำแพงแตกร้าว แวบขึ้นและจากนั้นก็หายไป

จื่อเซียงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมีท่าทางเหน็ดเหนื่อย แต่ใบหน้านางก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น จ้าวโยวหลันเร่งเดินไป โดยมีเมิ่งฮ่าวติดตามไปที่ด้านหลังอย่างใกล้ชิด โดยไม่มีความวิตกกังวลแม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวเริ่มเก็บรวบรวมเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นไว้ จ้าวโยวหลันและจื่อเซียง รอคอยอยู่ที่ด้านนอกของห้องโถงหลัก มองไปขณะที่กำแพงรอบๆ อาคารราชวังหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เก็บรวบรวมชิ้นสุดท้าย เมิ่งฮ่าวก็เดินช้าๆ ตรงไปและเริ่มตรวจสอบดูพื้นกระเบื้อง ไม่สนใจจื่อเซียงและจ้าวโยวหลันโดยสิ้นเชิง

หญิงสาวทั้งสองมองมา ไม่กล้าจะขัดจังหวะ หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ไปยืนอยู่เหนือพื้นกระเบื้องชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็นั่งยองๆ ลงไปตรวจสอบดูอย่างละเอียด เขาก้าวเท้าถอยหลังไปสองสามก้าว ที่ตำแหน่งนั้นมีรอยร้าวเล็กๆ เกิดขึ้นที่ริมขอบของพื้นกระเบื้อง เขามองขึ้นไป

“ข้าไม่แน่ใจว่าต้องทำลายค่ายกลเวทในสถานที่นี้ได้อย่างไร แต่เท่าที่เขตพื้นกระเบื้องปูไปถึง ข้าต้องบอกว่า นี่เป็นสถานที่ซึ่งเป็นเป้าหมายของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของท่าน การโจมตีมันจะทำให้เกิดเป็นรอยร้าวซึ่งจะไปกระทบต่อพื้นกระเบื้องทั้งหมดในบริเวณนี้” เมื่อพูดจบ เมิ่งฮ่าวก็ถอยไปด้านหลังอีกสองสามก้าว

ดวงตาจื่อเซียงสาดประกาย นางขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังกระเบื้องที่มีรอยร้าว เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ตอนแรก ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จื่อเซียงขมวดคิ้ว และแสงอันคมกริบปรากฎขึ้นในดวงตา สองมือขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และนางก็พ่นปราณออกมาหนึ่งคำ

จ้าวโยวหลันเกิดปฏิกิริยาขึ้นในทันที ร่างกายสั่นสะท้าน พ่นโลหิตออกมา ไปผสมรวมกับปราณของจื่อเซียงกลายเป็นภาพของดรรชนี

เห็นได้ชัดว่าดรรชนีนั้นเต็มไปด้วยพลังอันน่าตกใจ ทันทีที่มันปรากฎขึ้น ม่านตาเมิ่งฮ่าวก็หดเล็กลง และปราณกระบี่เริงระบำภายในร่างก็เริ่มโคจรหมุนเวียน ถึงเมิ่งฮ่าวจะมีท่าทางสบายๆ แต่จริงๆ แล้วก็กำลังคิดหาวิธีที่จะทำให้คู่ต่อสู้สูญเสียพลังลมปราณอยู่ทุกวิถีทาง เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ได้ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน แต่ก็เนื่องมาจากการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่เพราะว่าความมีน้ำใจของสหาย

ดรรชนีนั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลัง ที่สามารถทำให้แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องตกอยู่ในอันตรายได้ ทันทีที่มันปรากฎขึ้น ท้องฟ้าก็สลัวเลือนลาง และแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อก็กดทับลงมายังรอบๆ บริเวณนั้น พลังของดรรชนีพุ่งตรงไปยังรอยร้าว กระแทกเข้าไป ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน เสียงแตกร้าวดังก้องออกมาขณะที่พื้นกระเบื้องเต็มไปด้วยรอยร้าว หนึ่งในรอยร้าวนั้นกระจายออกไปตามคำอธิบายของเมิ่งฮ่าว เสียงกระหึ่มกึกก้องดังรุนแรงมากขึ้นเต็มอยู่ในอากาศ

แรงสั่นสะเทือนมีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อพื้นกระเบื้องอีกแผ่นของอาคารราชวังนี้ เต็มไปด้วยรอยร้าวขนาดใหญ่สามรอย

ต่อมาไม่นาน แรงสั่นสะเทือนก็หายไป ในตอนนี้ เวทป้องกันทั้งหมดที่ด้านนอกของอาคารราชวังได้หายไป ใบหน้าจื่อเซียงซีดขาว และนางก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างเร่งร้อน

“ท่านต้องกระทำให้รวดเร็วกว่านี้” นางเตือนเมิ่งฮ่าว “วิชาที่ใช้สะกดเวทป้องกันของข้า จะอยู่ได้อีกไม่นาน พวกเราต้องเข้าไปในห้องโถงหลักให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย รู้สึกค่อนข้างกระวนกระวาย เร่งหยิบกระบี่บินออกมาและเริ่มงัดแงะพื้นกระเบื้อง เมื่อไม่มีเวทป้องกันอยู่ในสถานที่นี้ ก็ไม่มีอะไรมาปกป้องพื้นกระเบื้อง ด้วยความเชี่ยวชาญของเมิ่งฮ่าว พื้นกระเบื้องเริ่มหายเข้าไปอยู่ในถุงสมบัติของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนี้เองที่ดวงตาเขาทันใดนั้นก็หดเล็กลง

พื้นดินที่ด้านล่างของพื้นกระเบื้องไม่ได้ราบเรียบ แต่เริ่มมองเห็นเป็นสัญลักษณ์เวทอันซับซ้อน ขณะที่เขางัดพื้นกระเบื้องขึ้นมา สัญลักษณ์นั้นเป็นเครื่องหมายผนึก เป็นผนึกที่ดูคล้ายกับผีเสื้อจื่อเซียงมองลงไปยังผนึกผีเสื้อ และจากนั้นก็กล่าวขึ้นมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ผนึกนั้นเป็นเวทป้องกันที่ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนี้ แต่ข้าก็ได้สะกดมันไว้แล้ว มันไม่อาจจะมีผลอีกต่อไป”

เมิ่งฮ่าวพยักหน้า จากนั้นก็งัดแงะพื้นกระเบื้องแผ่นสุดท้ายออกมา ทันใดนั้น เขาก็มองขึ้นไปและจากนั้นก็ใช้วิชาระเบิดโลหิตในพริบตา และการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย เพียงชั่วพริบตา เขาก็อยู่ห่างออกไปไกล

เมื่อเขาอยู่ห่างออกไปจากห้องโถงหลัก เขาก็กระพริบตาด้านซ้ายติดต่อกันหลายครั้ง โคจรปราณของเซียนชี้ทางเข้าไปในดวงตาด้านซ้าย ทันใดนั้น ภาพของโลกที่เขาเห็นก็เปลี่ยนไป

อาคารราชวังที่ใหญ่โตในตอนนี้กลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำขนาดใหญ่ มีแหล่งที่มาเดียวกันกับผนึกผีเสื้อที่อยู่ในลานสี่เหลี่ยมของห้องโถงหลัก ผีเสื้อสีดำขนาดใหญ่นั้นกำลังดิ้นรนไปมาอยู่ในเส้นใยสีเงินซึ่งพันธนาการไปรอบๆ ร่างของมัน คล้ายกับว่าเส้นใยนั้นใกล้จะขาดออกไปได้ทุกขณะจิต

ดูเหมือนว่าพื้นกระเบื้องในสถานที่แห่งนี้ได้สะกดร่างที่แท้จริงของผีเสื้อไว้ ตอนนี้เมื่อพื้นกระเบื้องได้หายไป และเวทผนึกถูกทำลายลง มันก็พยายามที่จะเป็นอิสระจากเส้นใยที่พันธการมันไว้

ในเวลาเดียวกันนั้น มังกรสีดำที่แผดเสียงร้องคำรามมากมายจนนับไม่ถ้วน กำลังบินตรงมายังผีเสื้อด้วยความตั้งใจจะกลืนกินมันลงไป แต่ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ ผีเสื้อแปลกๆ ตัวนั้นก็ดูดกลืนพวกมันเข้าไป ใช้พวกมันเป็นพลังเพื่อช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นเป็นอิสระ

ที่กำลังยืนอยู่ข้างผีเสื้อเป็นจ้าวโยวหลัน ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มีรอยยิ้มอันขมขื่นอยู่บนใบหน้า และแววตาที่โศกเศร้า แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังอย่างที่ไม่อาจจะปกปิดไว้ได้

อย่างน่าตกใจ ด้วยวิชาม่านตาเซียน เมิ่งฮ่าวมองเห็นจื่อเซียงนั่งอยู่บนไหล่ของจ้าวโยวหลัน มีเส้นใยสีแดงโผล่ออกมาจากร่างของนาง ไปพันธนาการอยู่รอบๆ ร่างผีเสื้อ ราวกับว่านางพยายามที่จะเชื่อมต่อกับผีเสื้อตัวนั้น

เมิ่งฮ่าวเริ่มบินออกไปในทันที ยังมีพื้นกระเบื้องบางส่วนที่เขายังไม่ได้เก็บมันขึ้นมา สำหรับจื่อเซียง สีหน้านางเปลี่ยนไป เมื่อนางมองขึ้นมาและเห็นเมิ่งฮ่าว นางก็หัวเราะอย่างเย็นชา

สีหน้านางเยือกเย็น และเห็นได้ชัดว่านางรู้ว่าเมิ่งฮ่าวได้รับรู้ร่องรอยบางอย่างในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

“คนผู้นี้ชาญฉลาดเป็นอย่างยิ่ง!” นางคิด “และมีบางอย่างที่ไม่เหมือนใคร มันสามารถนำดินเซียนที่สำนักเยาเซียนได้สาปแช่งไว้ไปได้ จากสมัยโบราณจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ มันต้องเป็นคนแรกที่มายังสถานที่แห่งนี้โดยไม่มีการป้องกัน และไม่เพียงแต่จะไม่ตายไปเท่านั้น ยังนำดินเซียนไปได้อีกด้วย!”

จื่อเซียงขมวดคิ้ว มีเหตุผลอยู่มากมายที่นางเลือกให้เมิ่งฮ่าวมาช่วยสะกดเวทป้องกัน แต่ในช่วงวิกฤตมากที่สุด นางก็ถูกเมิ่งฮ่าวพบเห็นแผนการ และดูเหมือนว่าเขากำลังจะจากไป ถึงแม้เขาจะได้พื้นกระเบื้องมาแล้วมากมาย แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งดูเหมือนจะกระจัดกระจายออกไป ช่างเป็นความฉลาดอย่างแท้จริง

“เมิ่งต้าซือ นี่หมายความว่าอย่างไร?” จื่อเซียงถามเสียงแผ่วเบา เสียงของนางดูเหมือนจะอ่อนหวาน แต่ก็เต็มไปด้วยความยั่วยวนใจ

“ไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น” เขาตะโกนกลับมา “ถุงสมบัติของข้าเต็มแล้ว” เร่งบินออกไปจากบริเวณของอาคารราชวังหลังนี้

เขาได้ดินเซียนมามากเพียงพอแล้วในตอนนี้ และไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับแผนการของจื่อเซียงอีกต่อไป สำหรับจ้าวโยวหลัน ตอนนี้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ ที่ด้านนอกบึงน้ำเขาได้ตั้งข้อสงสัยไว้

จริงอยู่ที่ระหว่างเขาและจ้าวโยวหลันยังมีความแค้นต่อกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้มาถึงจุดที่เขารู้สึกว่า ต้องโจมตีนางเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งมวล

นอกจากนี้ สงครามระหว่างเผ่าห้าพิษและเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ได้เริ่มขึ้นก็เนื่องมาจากการเข้ามารุกรานของเผ่าห้าพิษ เขาได้พยายามที่จะสังหารนางในครั้งนั้น แต่ก็เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีครั้งที่สองอีก

แม้จ้าวโยวหลันจะโจมตีเขาอย่างกระทันหันก่อนหน้านี้ เพียงแวบแรกก็ดูเหมือนว่านางจะมีเหตุผลอยู่มากมายที่จะกระทำเช่นนั้น แต่เมื่อครุ่นคิดดูอย่างละเอียด ก็จะเห็นว่าแรงจูงใจที่แท้จริงของนางยังไม่ชัดเจน

อันที่จริง ที่เขาได้คิดถึงเรื่องเหล่านั้นในตอนนี้ อาจจะเป็นท่าทางที่นางได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ ด้วยการชูนิ้วก้อยส่งสัญญาณให้เห็นว่านางกำลังทุกข์ใจ

อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เพื่อพยายามจะช่วยเหลือจ้าวโยวหลันอีกต่อไป

แววตาอันคมกริบปรากฎขึ้นในดวงตาจื่อเซียง และนางก็กัดฟันที่สวยงามของนางจนแน่น

“เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ใช่หรือไม่…?” นางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมา “ช่างน่าเศร้านัก โยวหลันเด็กดีที่เชื่อฟังของข้า ข้าคงต้องยึดครองร่างกายของเจ้าแล้ว” ฉับพลันนั้น นางก็บินออกมาจากไหล่จ้าวโยวหลัน ซึ่งกำลังเริ่มตัวสั่นสะท้าน เพียงไม่กี่อึดใจกลิ่นอายของนางก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นางไม่ได้เย็นชาและสง่างามอีกต่อไป แต่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างยิ่ง

ร่างของนางแวบขึ้น ขณะที่ยื่นมือออก กดลงไปบนพื้นดินห้าครั้ง เสียงระเบิดดังก้องออกมาขณะที่พื้นกระเบื้องห้าแผ่น ทันใดนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาเดียวกันนั้น เส้นใยสีเงินที่พันธนาการผีเสื้อสีดำ ฉับพลันนั้นก็แตกกระจายไป ผีเสื้อบินขึ้นไปในอากาศ!

ขณะที่เป็นเช่นนี้ เปลวไฟได้กระจายออกมาจากร่างของมัน ตอนนี้ร่างกายมันไม่ได้หายไป หรือมองไม่เห็นอีกต่อไป เพราะการลุกไหม้ของเปลวไฟ ทำให้ในตอนนี้ร่างของผีเสื้อมีสีสันขึ้นมา และใครก็ตามที่มองมาก็สามารถมองเห็นมันได้ ตอนนี้มันได้กลายเป็นผีเสื้อที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ มีสีสันสวยงาม ดึงดูดสายตาทุกคนที่มองมาโดยสิ้นเชิง

ทันทีที่ผีเสื้อปรากฎขึ้น มันก็กระพือปีก ทำให้เกิดเป็นลมพายุขนาดใหญ่กวาดออกไปทั่วทั้งดินแดนแถบนั้น ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีปราณอสูรที่เข้มข้นอย่างน่าเหลือเชื่อม้วนตัวออกมาจากร่างของมัน

มันมีปราณอสูร และได้สติกลับคืนมา ในขณะที่เมิ่งฮ่าวล่าถอยไป เขาก็มองเห็นผีเสื้อสีดำกลายเป็นผีเสื้อหลากสี และทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้น สองคำก็ปรากฎขึ้นในจิตใจ

“เยาหลิง!” (วิญญาณอสูร)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version