Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 476

ตอนที่ 476

เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?

ด้านนอกของภูเขาเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ป้อมปราการหนามกระจายออกไปรอบๆ ภูเขา ก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน ต้นเถาวัลย์พุ่งออกไปต่อสู้กับอี้เฉินจื่อ

ท่ามกลางเสียงระเบิด ฝ่ามือกลุ่มหมอกสีดำทั้งสี่แตกกระจายไป ดวงตาอี้เฉินจื่อฉับพลันนั้นก็สาดประกายออกมา เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

“พวกเจ้ามีเกราะป้องกันเช่นนี้ด้วย! สมกับที่เคยเป็นเผ่าอันยิ่งใหญ่มาก่อน” มันกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “แต่โชคร้ายที่ภายใต้ฝนม่วงนี้ ต้นเถาวัลย์ของพวกเจ้าราวกับเป็นตะเกียงที่ขาดน้ำมัน…ถ้าข้านำมันมารวมอยู่กับการสังเวยโลหิต ผลลัพธ์ที่ได้คงจะดีขึ้นกว่าเดิม” ในตอนนี้เองที่ดวงจันทร์สีดำจู่ๆ ก็ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของมัน

จันทร์ดวงนี้สาดประกายความมืดมิดออกมา และทันใดนั้นก็ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มหมอกที่เดือดพล่านในทันที ภาพที่เห็นนี้ทำให้อี้เฉินจื่อดูคล้ายกับเป็นปีศาจบางอย่าง กลิ่นอายของมันพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า ขณะที่พุ่งตรงมายังเส้นเถาวัลย์อย่างรวดเร็ว เมื่อเส้นเถาวัลย์สะบัดตรงไปที่มัน อี้เฉินจื่อเลียริมฝีปาก และจากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป

ทันใดนั้น ดวงจันทร์สีดำก็ปรากฎขึ้นตรงปลายนิ้วของมันอย่างน่ามหัศจรรย์ เมื่อมันไปแตะสัมผัสโดนเส้นเถาวัลย์ เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี เส้นเถาวัลย์สั่นสะท้าน และจากนั้นก็ระเบิดออก ของเหลวเหนียวเหนอะหนะจำนวนมากมายกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ต้นเถาวัลย์ที่เหลืออยู่ส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กและเศร้าเสียใจออกมา

อี้เฉินจื่อหัวเราะอย่างเย่อหยิ่งเสียงดัง สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูก ขณะที่กระจายพลังออกมา มันอยู่ใกล้กับยอดเขา ขณะที่เข้าไปใกล้ เส้นเถาวัลย์อื่นๆ ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง พุ่งเข้าไปต่อต้านไว้อีกครั้ง

ต้นเถาวัลย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่าย แม้ว่าหลังจากที่หลอมรวมเข้ากับต้นป้อมปราการหนาม มันก็ยังไม่ได้ฉลาดมากมายนัก อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เคยลืมหน้าที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวกำหนดไว้ก่อนที่เขาจะจากไป

ปกป้องเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์…

ในจิตใจที่เรียบง่ายของมัน มันรู้ว่าต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ถึงแม้ว่านั่นจะหมายความว่า มันต้องตายไปอย่างโหดร้ายก็ตามที!

เส้นเถาวัลย์มากมายพุ่งฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็กตรงไปยังอี้เฉินจื่อ ซึ่งแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมาและโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ดวงจันทร์สีดำปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้ามัน กระจายแสงสีดำออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ต้นเถาวัลย์สัมผัสโดนแสงสีดำ มันก็เริ่มหลอมละลาย ส่งเสียงกรีดร้องออกมาให้ได้ยิน ทำให้กลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งพันคนของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ต้องกำหมัดของพวกมันจนแน่น ความเศร้าโศกและไม่พอใจเต็มอยู่ในแววตา

พวกมันรู้ว่ามีเพียงเหตุผลเดียวที่ต้นเถาวัลย์กำลังจะตายไปในการต่อสู้ ก็คือการปกป้องพวกมัน

ขณะที่ต้นเถาวัลย์ถูกแสงสีดำละลายไป และเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนก็ดังก้องออกมา ทันใดนั้น ลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากทะเลสาบสีม่วงที่อยู่ด้านล่างยอดเขา มันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงชั่วพริบตาก็แทงทะลุผ่านแสงสีดำของอี้เฉินจื่อ และพุ่งตรงมายังหน้าผากมันในทันที

สีหน้าอี้เฉินจื่อเปลี่ยนไป ขณะที่รู้สึกได้ถึงวิกฤตความเป็นตายอย่างลึกล้ำ ดวงตามันเบิกกว้าง ส่งเสียงคำรามออกมา เสียงคำรามนั้นกลายเป็นคลื่นพลังพุ่งกระแทกไปยังลำแสงนั้น

จากนั้น ดวงจันทร์สีดำก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของอี้เฉินจื่ออย่างน่ามหัศจรรย์อีกครั้ง มันพุ่งตรงไปยังลำแสงสีดำ เมื่อพวกมันกระแทกเข้าหากัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ดวงจันทร์สีดำแตกกระจาย และลำแสงสีดำก็พุ่งตรงไปยังอี้เฉินจื่ออย่างต่อเนื่อง

ลำแสงสีดำนี้ก็คือต้นหนามอันแหลมคม ต้นหนามนี้แตกต่างไปจากหนามต้นอื่นๆ มันกระจายพลังชีวิตอันแข็งแกร่งออกมา จริงๆ แล้ว นี่ก็คือแก่นแท้ของพลังชีวิตหลักที่ก่อตัวขึ้นมาจาก การรวมตัวของต้นเถาวัลย์และต้นหนามป้อมปราการ

โชคร้ายที่พลังการทำลายล้างของฝนม่วง ได้ทำให้ต้นเถาวัลย์อ่อนแอลงอย่างมากมาย และพลังชีวิตของต้นหนามนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน การที่ถูกขัดขวางถึงสองครั้งทำให้อี้เฉินจื่อมีเวลาเตรียมตัวอย่างเพียงพอ แม้ในขณะที่ต้นหนามพุ่งตรงมา มันก็หลบไปด้านข้างได้ทันท่วงที ต้นหนามอันแหลมคมกรีดผ่านแก้มมันไปอย่างรวดเร็ว ถึงอี้เฉินจื่อจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงแต่อย่างใด

ดวงตามันกลายเป็นสีแดงขณะที่ความโหดเหี้ยมปรากฎขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความกระหายเลือดกระจายออกมา ขณะที่มันเลียโลหิตที่อยู่ตรงมุมปากของมัน เปล่งรังสีสังหารออกมาอย่างเต็มที่

“สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่ทำให้ข้าบาดเจ็บ ต้องกลายเป็นเครื่องสังเวยโลหิต…” ดวงตามันแวบแสงอันเย็นชาออกมา ขณะที่โบกสะบัดมือตรงไปยังทะเลสาบสีม่วงที่ด้านล่าง เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่พื้นน้ำระเบิดออก ระลอกคลื่นกระจายไป ขณะที่ต้นเถาวัลย์ซึ่งมีความยาวสิบจ้างถูกดึงขึ้นมาจากผิวน้ำโดยอี้เฉินจื่อ

“เจ้านี่เอง…ตายซะเถอะ!” มันเลียริมฝีปาก และดวงตาก็สาดประกายความโหดเหี้ยม ยกมือซ้ายขึ้นมา ทำให้ดวงจันทร์สีดำปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์

มันกำลังจะสับมือลงไปยังต้นเถาวัลย์ แต่หัวหน้าเผ่าอูปิงและผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังคนอื่นๆ ของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยออกมาขัดขวางมัน

“ไสหัวไป!” อี้เฉินจื่อตวาดออกมาอย่างวางมาด มันโบกสะบัดมือขวา ทำให้หัวหน้าเผ่าและคนอื่นๆ ลอยละลิ่วไปด้านหลัง ร่างกายสั่นสะท้าน พ่นโลหิตออกมาจากปากในทันที

เมื่อท่าทางสิ้นหวังปรากฎขึ้นบนสีหน้าพวกมัน ขณะที่ตระหนักว่าพวกมันไร้พลังที่จะต่อสู้กลับไป เสียงเห่าหอนของสุนัขป่าก็ดังขึ้นมา ต้าเหมา, เอ้อร์เหมา และสุนัขป่าชิงมู่ที่เหลือ พุ่งออกมาจากปากถ้ำในภูเขา พวกมันมีสีหน้าหงอยเหงา แต่ก็พุ่งฝ่าอากาศตรงมายังอี้เฉินจื่อ

ยังมีจระเข้ซึ่งมีปีกสีแดง และจิ้งเหลนขนาดใหญ่ รวมทั้งฝูงอีกาดำ และกลุ่มเมฆของยุงเขียว พวกมันทั้งหมดมีท่าทางเศร้าซึม และอ่อนแอ ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของฝนม่วง ด้วยการกำจัดพลังชีวิต และทำให้พลังลมปราณอ่อนแอลง พวกมันจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส

แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกมันก็ยังพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล เต็มอยู่ในท้องฟ้า ภาพที่เห็นนี้น่าตกใจนัก แม้กระทั่งอี้เฉินจื่อก็ยังต้องหรี่ดวงตาลง

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานมันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจเหล่านี้ จากนั้นสีหน้ามันก็เต็มไปด้วยการดูถูกและโหดร้าย

“พลทหารกุ้งนายพลปู” มันกล่าว “กองทหารที่ไร้ประโยชน์!” เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและโหดร้าย อี้เฉินจื่อโบกสะบัดมือซ้าย ยกต้นเถาวัลย์ขึ้นไปในอากาศ จากนั้นมันก็พุ่งตรงไป ใช้มือขวาร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ดวงจันทร์สีดำมากมายปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์และพุ่งตรงไป

เสียงกระหึ่มดังก้องเต็มอยู่ในอากาศ โลหิตกระจายออกมาจากปากของต้าเหมา และร่างของมันก็ลอยละลิ่วไปด้านหลัง เอ้อร์เหมาและสุนัขป่าชิงมู่ตัวอื่นๆ ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่พวกมันลอยไปทางด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน

อีกาดำและฝูงยุง ถูกกักอยู่ในสายลมอันพร่ามัวในทันที ถ้าพวกมันอยู่ในจุดสูงสุดของพลังเรื่องราวก็คงจะแตกต่างไป แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจจะหลุดออกมาจากสายลมอันพร่ามัวนั้นได้

จระเข้ที่มีปีกและจิ้งเหลนก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโศกเศร้าออกมาเช่นเดียวกัน พลังของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ดวงจันทร์สีดำ ส่งผลให้พวกมันลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง ร่างของพวกมันแทบจะถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ

เสียงหัวเราะของอี้เฉินจื่อดังเต็มอยู่ในอากาศ ไม่มีสัตว์ปีศาจตัวใด หรือผู้ฝึกตนคนไหน จะสามารถต่อต้านมันได้แม้แต่น้อย แม้แต่เข้าไปใกล้มันก็ยังทำไม่ได้ ต้นเถาวัลย์ซึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ถูกคว้าจับไว้โดยอี้เฉินจื่อ ตอนนี้มันแทบจะอยู่ห่างจากความตายอีกไม่ไกลแล้ว

กลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ที่อยู่บนยอดเขามีท่าทางสิ้นหวัง และสีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ หัวหน้าเผ่าอูปิงกวาดเช็ดโลหิตที่มุมปาก ถอนหายใจยาวออกมาอย่างขมขื่น

สีหน้าอี้เฉินจื่อเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งกล่าวว่า “เมื่ออี้เฉินจื่อต้องการจะกำจัดเผ่าใด ก็ไม่มีใครสามารถหลบหนีไปจากการเป็นส่วนหนึ่งของการสังเวยโลหิตได้!” มองอย่างดูถูกเหยียดหยามไปยังสัตว์ปีศาจและกลุ่มคนในเผ่า ปากของมันบิดขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มอันโหดเหี้ยม ยกมือซ้ายขึ้นและค่อยๆ กำจนแน่น

ต้นเถาวัลย์พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ขณะที่อี้เฉินจื่อกำมือจนแน่น สิ่งที่มันสามารถทำได้ก็คือการบิดตัวดิ้นไปมา เห็นได้ชัดว่ามันใกล้จะระเบิดออกในอีกชั่วขณะ

“ตาย!” อี้เฉินจื่อตวาดขึ้น หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา แต่ในตอนนี้เองที่เสียงแหลมเล็ก ฉับพลันนั้นก็ได้ยินมาจากที่ห่างไกล

“เจ้าสิตาย, สารเลว! เจ้าหนูกระจ้อยร่อย! เจ้ากำลังจะทำให้ข้ามีปัญหากับเมิ่งฮ่าว, สารเลว!?!? บัดซบ, อู่เหยียแค่ออกไปหาอาหารกลางวัน! เจ้าคิดว่าสามารถจะกวาดล้างสถานที่แห่งนี้ได้?” ขณะที่เสียงร้องแหลมเล็กดังก้องอยู่ในอากาศ ริ้วแสงหลากสีก็แหวกฝ่าอากาศตรงมายังก้นของอี้เฉินจื่อ ขณะที่มันใกล้เข้ามา ก็ได้ยินเสียงสดใสของระฆังดังพร้อมกันไปด้วย

ตอนแรกอี้เฉินจื่อจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นสีหน้ามันก็สลดลง ไม่มีเวลาที่จะบดขยี้ต้นเถาวัลย์อีกต่อไป มันปล่อยต้นเถาวัลย์ให้บินจากไป

ความรู้สึกถึงวิกฤตความเป็นตายปรากฎขึ้นอีกครั้ง ร่างกายอี้เฉินจื่อแวบขึ้นขณะที่มันพุ่งถอยไปด้านหลัง ขณะที่ทำเช่นนั้น ริ้วแสงเลือนลางหลากสีก็พุ่งฝ่าอากาศตรงมา ยังตำแหน่งที่มันเพิ่งจะอยู่ก่อนหน้านี้

เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากหน้าผากอี้เฉินจื่อ จิตใจมันเต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดกลัว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าถ้ามันไม่หลบออกไป ริ้วแสงหลากสีก็จะพุ่งตรงมายังก้นของมันเมื่อครู่นี้

เมื่อคิดไปถึงผลลัพธ์อันน่ากลัว ก็ทำให้แม้แต่อี้เฉินจื่อที่โหดเหี้ยมยังต้องอ้าปากค้าง

“บัดซบ, นั่นเป็นอะไรกัน?”

แสงหลากสีรวมตัวกันเป็นนกแก้ว จ้องมองไปยังอี้เฉินจื่ออย่างน่ากลัว

“สารเลว, เจ้าบังอาจมาทำให้ข้ามีปัญหา?! ข้าจะจัดการเจ้า! จัดการเจ้าให้ตาย!” แสงแปลกๆ ปรากฎขึ้นในดวงตานกแก้ว ขณะที่มันด่าทออี้เฉินจื่อ สีหน้าท่าทางและเสียงของมัน รวมถึงการกระทำเมื่อครู่นี้ ทำให้หนังศีรษะอี้เฉินจื่อเริ่มด้านชา

นกแก้วตะโกนออกมา พุ่งตรงไปยังอี้เฉินจื่อด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ อี้เฉินจื่อหอบหายใจและล่าถอยไปด้านหลัง ใช้สองมือขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ดวงจันทร์สีดำก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้ามันอย่างน่ามหัศจรรย์ ขณะที่มันพยายามจะป้องกันตัวเอง

เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในอากาศ ขณะที่นกแก้วกระแทกเข้าไปยังดวงจันทร์สีดำ เพียงชั่วพริบตา มันก็ไปปรากฎอยู่ตรงหน้าอี้เฉินจื่อ ขณะที่มันเข้าไปใกล้ อี้เฉินจื่อก็มองเห็นว่าจริงๆ แล้ว นกแก้วได้เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ…พุ่งตรงไปยังก้นของมัน!

“มันพยายามจะทำอะไรกันแน่!?!?” อี้เฉินจื่อเกิดความหวาดกลัว ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ร่างของมันจู่ๆ ก็กลายเป็นกลุ่มหมอกพุ่งไปปรากฎตัวขึ้นใหม่ยังที่ห่างออกไปหนึ่งพันจ้าง อีกครั้งที่การโจมตีของนกแก้วต้องพบกับความว่างเปล่า ทันใดนั้น มันก็เริ่มมีโทสะ

“ยา ยา ยา, เจ้าบังอาจหลบข้า!? อู่เหยียต้องจัดการเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน!!”

การปรากฎขึ้นของนกแก้ว และการกระทำของมัน ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จ้องมองขึ้นไปด้วยความตกตะลึง

อี้เฉินจื่อปาดเช็ดเหงื่อจากคิ้วของมัน ในตอนนี้มันตระหนักว่าเผ่านี้มีอะไรมากกว่าที่ตามองเห็น เผ่านี้ดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่ก็มีต้นเถาวัลย์, สัตว์ปีศาจ และจากนั้นก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชอบที่จะจู่โจมตรงก้น

ในขณะที่อี้เฉินจื่อเต็มไปด้วยความตกตะลึง นกแก้วที่กำลังกราดเกรี้ยวกับการโจมตีที่ไร้ผลถึงสองครั้ง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างยิ่งใหญ่ออกมา “อ้ายเฟย!!” (นางสนมอันเป็นที่รัก)

ทันทีที่สองคำนี้ดังก้องออกมา กลุ่มเมฆขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงมาจากท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อขณะที่มันใกล้เข้ามา ภายในกลุ่มเมฆขนาดใหญ่นั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเทียนฟาง (สัตว์อสูรเทียมสวรรค์) อันใหญ่โต

“เทียนฟาง!!”

เสียงคำรามของสัตว์อสูรเทียมสวรรค์ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ดวงตาอี้เฉินจื่อเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความประหลาดใจและหวาดกลัว มันรีบล่าถอยไปด้านหลังในทันที ดวงตาสาดประกายด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“บัดซบ มีสัตว์อสูรเทียมสวรรค์อยู่ที่นี่ด้วย นี่…นี่เป็นเผ่าอะไรกันแน่? แม้แต่สัตว์อสูรเทียมสวรรค์พวกมันก็ยังเลี้ยงได้! ข้าอยู่ต่อไม่ได้แล้ว บัดซบ! ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางมายังที่แห่งนี้ พวกมันมีผู้คนไม่มากนัก แต่ก็ยากเย็นแสนเข็ญที่จะกำจัดไป” ศีรษะอี้เฉินจื่อด้านชา ขณะที่มันล่าถอยไปด้านหลังโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นกลุ่มควันสีเขียว ขณะที่ใช้วิชาหลบหนี พุ่งออกไปไกลหลายพันจ้างเพียงชั่วพริบตา

ทันทีที่ร่างของมันปรากฎขึ้นอีกครั้ง เสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ได้ยินมาจากด้านข้าง ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ปรากฎกายขึ้น โดยใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย

เมื่ออี้เฉินจื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าว สีหน้ามันก็เต็มไปด้วยความตกใจในทันที และจากนั้นมันก็แผดร้องออกมา ตั้งแต่ที่มันกลับออกมาจากอาณาจักรแห่งซากสะพาน มันไม่เคยจะแผดร้องเช่นนี้มาก่อน เป็นเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวสยองขวัญ กลายเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้วิญญาณมันต้องสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้นไปอีก

“เจ้า…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?!?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version