Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 521

ตอนที่ 521

เมื่อหยดน้ำตาตกลงไปในทะเล

หลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นผู้คนที่คุ้นเคยมากมายปรากฎกายขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะจดจำใครไม่ได้เลย

สวี่ไป๋ก็มา เช่นเดียวกับเฉินฟ่าน และเจ้าอ้วน หรือแม้แต่…ต้าเหมา

ตอนนี้ ต้าเหมาก็คือเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็อยู่แค่ระดับสิบเอ็ดเท่านั้นไม่ใช่ระดับสิบสอง พื้นฐานฝึกตนของมันยังไม่ได้บรรลุถึง อาณาจักรแห่งสัตว์ปีศาจสวรรค์ในตำนาน ซึ่งเทียบเท่ากับขั้นตัดวิญญาณ

แต่มันอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก สัตว์ปีศาจสามารถเติบโตขึ้นได้ทั้งหมดสิบสองระดับ จากบันทึกในอดีตที่ผ่านมา ระดับสูงสุดมักจะถูกคิดว่าเป็นสัตว์ปีศาจระดับสิบเอ็ด ซึ่งคล้ายกับขั้นตัดวิญญาณ สัตว์ปีศาจระดับสิบสองถูกเรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งเทียบได้กับขั้นค้นหาเต๋า สัตว์ปีศาจเช่นนั้นมีอยู่แต่ในช่วงยุคทองของทะเลทรายตะวันตกเท่านั้น พลังที่แท้จริงของเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ แทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ที่ศรัทธาพวกมัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องตกลงมา นั่นก็คือเรื่องทั้งหมดในอดีต หลังจากที่วันสิ้นโลกได้มาโจมตีทะเลทรายตะวันตก แม้แต่เผ่าอันยิ่งใหญ่ที่มีปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณอยู่ด้วย ก็ไม่อาจจะเทียบได้กับสิ่งที่พวกมันเคยเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เจริญรุ่งเรืองของทะเลทรายตะวันตก ดังนั้น สัตว์ปีศาจระดับสิบเอ็ดจึงเทียบได้กับขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่วิญญาณแรกก่อตั้ง ระดับสิบสองคล้ายกับขั้นตัดวิญญาณ และได้ครอบครองพลังประทับภาพศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบถึงเรื่องเหล่านี้ มีเพียงหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุดเท่านั้น ถึงจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้ทั้งหมด

ก็เหมือนกับเมิ่งฮ่าวในฐานะที่เป็นเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งชนเผ่ามีสมาชิกมากขึ้นเท่าใด ก็จะมีพลังแห่งความศรัทธามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้เขามีความแข็งแกร่งมากขึ้น

เมื่อวันสิ้นโลกทะเลทรายตะวันตกมาถึง พลังชีวิตถูกทำลายล้างไป สัตว์ปีศาจก็ถูกกระทบด้วย และยิ่งมีผลต่อเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์มากกว่า เซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดอ่อนแอลงอย่างรุนแรง โชคดีที่เมิ่งฮ่าวเลี้ยงต้าเหมา และสัตว์ปีศาจตัวอื่นๆ ด้วยปราณอสูร เนื่องจากเช่นนั้น ต้าเหมาและเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ของเผ่าจินอูเฮยหลง จึงพัฒนาความสามารถในการประทับภาพศักดิ์สิทธิ์ได้เร็วขึ้นกว่าปกติทั่วไป

พวกมันจึงสามารถบรรลุถึงระดับสิบเอ็ด!

ต้าเหมาอาศัยอยู่ที่ทะเลม่วงเป็นเวลานาน มันส่งเสียงร้องครางหงิงๆ และเห่าออกมา ขณะที่มองหาเมิ่งฮ่าว แต่ก็จบลงด้วยการไร้สิ่งใดๆ เกิดขึ้น และจากไปอย่างโศกเศร้าเสียใจ

วันหนึ่ง ชายชราอีกคนก็มาถึง สีหน้ามันดูน่ากลัว มองเห็นพื้นฐานฝึกตนได้ไม่ชัดเจน เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ว่ามันถูกปกคลุมด้วยรังสีสังหารอย่างน่าเหลือเชื่อ รวมถึงกลิ่นอายที่ดูเก่าแก่โบราณ ความเข้มข้นของมันทำให้พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน

ชายชรามองลงมาที่ทะเลเป็นเวลานานก่อนที่จะขมวดคิ้ว สุดท้ายมันก็แค่นเสียงเย็นชาและจากไปชายชราผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นปรมาจารย์รุ่นสิบแห่งตระกูลหวัง!

ผู้คนมากมายได้มายังที่แห่งนี้ วันหนึ่งเป็นหญิงสาวในชุดสีแดง ถึงแม้นางจะมีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยริ้วรอยของการขมวดคิ้ว สายตากวาดมองไปทั่ว จากนั้นก็มองลงมายังทะเลม่วง กลายเป็นว่านางมาอยู่ตรงตำแหน่งด้านบน ซึ่งเมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ใต้ก้นทะเล

“กูไหนไหน่รอคอยเจ้ามาหลายปี เพื่อแค่จะพบว่าเจ้ามาอยู่ในที่แห่งนี้กลายเป็นอสูรจำแลง!?!? แทนที่จะฝึกฝนอย่างหนักในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตน เจ้ากลับตัดสินใจที่จะกลายเป็นอสูร?”

“สมองเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร? เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่? เจ้าเอาเปรียบกูไหนไหน่แล้วสะบัดก้นเดินจากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้? เจ้ามันไร้ความรับผิดชอบ ข้า, ข้า, ข้า…เจ้าจะให้กูไหนไหน่ทำอย่างไรในอีกสิบปีหลังจากนี้? จะให้กูไหนไหน่เข้าไปในอาณาจักรเซียนอสูรโบราณเพียงคนเดียว!?!?” หญิงสาวในชุดแดงไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากกัดฟันแน่น สองสามวันหลังจากนั้น นางก็จากไปพร้อมกับโทสะ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

อีกไม่กี่วันผ่านไป จากนั้นก็มีหญิงสาวที่สวมใส่ชุดยาวสีเขียวมาถึง นางมีหน้าตาสวยงามน่ารัก และกระจายกลิ่นอายของตัวยาออกมา ลอยตัวอยู่กลางอากาศเป็นเวลานาน ขณะที่มองออกไปยังทะเล

“เมิ่งฮ่าว ท่านอยู่ไหนกันแน่…?” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา เวลานานผ่านไป นางถอนหายใจออกมาและเตรียมตัวเดินทางกลับ

ก่อนที่จะจากไปไกล นางมองไปยังทะเลม่วงอีกครั้ง จากนั้นก็โยนเม็ดยาลงไปในน้ำทะเล นี่เป็นเม็ดยาที่นางปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง และเป็นตัวแทนของเต๋าแห่งการปรุงยาของนาง ซึ่งได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว

เม็ดยาตกลงไปในน้ำ และละลายไป

ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังฉุดดึงอยู่ในจิตใจ แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วซากศพของเขา ซึ่งยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นทะเล

ในยามรุ่งอรุณที่สลัวเลือนลางของวันหนึ่ง หญิงสาวในชุดขาวบินผ่านทะเลมาจากทิศทางของดินแดนสีดำ ดูเหมือนนางจะไม่มีทั้งโทสะหรือความยินดี มีแต่ความเย็นชา นางลอยตัวอย่างเงียบๆ อยู่กลางอากาศ มองไปรอบๆ ท้องทะเล หลังจากเวลานานผ่านไป นางค่อยๆ มองลงไปยังน้ำทะเลม่วงอย่างช้าๆ

สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ จริงๆ แล้ว นางกำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวก็ไม่รู้ว่า หญิงสาวที่เขากำลังมองดูอยู่นั้นก็คือ…สวี่ชิง

การถูกแยกออกจากใครบางคน ไม่ใช่ความรู้สึกสิ้นหวังไร้หนทางมากที่สุดในโลกนี้ แต่ที่เลวร้ายมากไปกว่านั้นก็คือ เมื่อได้มาอยู่ตรงหน้าคนที่คิดถึง แต่จริงๆ แล้วก็ไม่อาจจะมองเห็นได้

ในตอนแรกเมิ่งฮ่าวมีความรู้สึกสั่นสะท้าน ความสั่นสะท้านนั้นวิ่งผ่านออกไปทั่วทั้งทะเลม่วง เวลาต่อมามันก็เงียบสงบลง แต่ตอนนี้ กำลังมีคลื่นยักษ์ม้วนกวาดไปทั่วทั้งพื้นผิวท้องทะเล

สวี่ชิงจ้องมองลงไปยังน้ำทะเลด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ตลอดทั้งหนึ่งปีเต็ม

ในช่วงหนึ่งปีนั้น นางไม่ได้จากไป แต่ใช้เวลาที่ผ่านไปอยู่บนเกาะภูเขา ทุกวันนางจะมองออกไปยังทะเล ทุกวันเมิ่งฮ่าวก็จะมองกลับไปยังนาง

ตลอดช่วงหนึ่งปีนั้น เมิ่งฮ่าวพยายามจะนึกว่านางคือใครอยู่ตลอดเวลา…

สวี่ชิงไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ แต่เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้นางถูกรบกวน เมิ่งฮ่าวได้ทำให้พื้นที่รอบๆ เกาะบริเวณนั้น กลายเป็นเขตที่ไร้สิ่งมีชีวิต ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกไม่อาจจะก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่แถบนั้นได้

กลายเป็นโลกของเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงเท่านั้น

หนึ่งปีต่อมา แผ่นหยกของสวี่ชิงเริ่มเปล่งแสงเจิดจ้า ดูเหมือนว่ากำลังส่งเสียงร้องเรียก แสงนั้นกระพริบด้วยความถี่มากขึ้น ทำให้นางต้องลุกขึ้นมายืน มองอย่างเงียบๆ ออกไปยังทะเลก่อนที่จะหมุนตัวจากไป

ทันทีที่นางหมุนตัว หยดน้ำตาหนึ่งหยดก็กลิ้งลงมาจากหางตา ตกลงไปในทะเล

หยดน้ำตาหลอมรวมเข้าไปในน้ำทะเล

ฉู่อวี้เยียนจากไป ทิ้งเม็ดยาไว้เบื้องหลัง

สวี่ชิงจากไป ทิ้งน้ำตาไว้หนึ่งหยด

เม็ดยาทำให้เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน แต่หยดน้ำตาที่ตกลงมาในทะเล ได้ทำให้ทะเลม่วงแห่งทะเลทรายตะวันตก ฉับพลันนั้น ระเบิดออกกลายเป็นคลื่นยักษ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“นางคือใคร…?” เมิ่งฮ่าวถามตัวเอง ขณะที่เขาเกิดคำถามนี้อยู่ในใจ คลื่นยักษ์ก็ยิ่งใหญ่โตจนน่าตกใจมากขึ้นกว่าเดิม พวกมันม้วนกวาดออกไปทั่วทั้งทะเลม่วงแห่งทะเลทรายตะวันตก ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในดินแดนสีดำสั่นสะท้าน

“ทำไมข้าถึงได้เจ็บปวดใจเช่นนี้…?”

“ข้าหลงลืมอะไรไป…?”

“หญิงสาวนั่นคือใคร…?”

“คนเหล่านั้นทั้งหมดคือใคร…?” ขณะที่เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง ลมพายุก็ลุกโชนขึ้น และคลื่นยักษ์ก็โหมกระแทกอยู่บนพื้นผิวของน้ำทะเล เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ

ขณะที่เขาเฝ้าถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ เมิ่งฮ่าวก็ส่งเสียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งแต่ไร้เสียงออกมา ขณะที่หยดน้ำตาตกลงมา น้ำทะเลก็แยกออก สร้างเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นเส้นทางให้กับมัน

หยดน้ำตาตกลงมาโดยไร้สิ่งกีดขวาง ราวกับว่ามันกำลังมุ่งหน้าลงไปในส่วนลึกที่สุดของทะเลม่วง ตกลงไปอย่างต่อเนื่องเข้าไปในความมืดมิด ตรงไปยังซากศพของเมิ่งฮ่าวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่

หยดน้ำตาเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็ตกลงไปบนริมฝีปากที่ซีดขาวไร้สีเลือด จากนั้นก็ไหลซึมเข้าไปในปาก และกลายเป็นความขมขื่นอย่างลึกล้ำ

หยดน้ำตาอันขมขื่นนี้ กระจายออกไปทั่วในปากเมิ่งฮ่าว ทำให้ซากศพเขาทันใดนั้นก็ขยับตัว กลิ่นอายที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ฉับพลันนั้นก็ระเบิดออกมาจากร่างซากศพนั้น

ขณะที่เป็นเช่นนั้น คลื่นยักษ์บนน้ำทะเลก็ยิ่งใหญ่โตจนน่าประหลาดใจมากขึ้น!

หลังจากเวลานาน, นานมากผ่านไป ดวงตาเมิ่งฮ่าว ฉับพลันนั้น…ก็ลืมขึ้น!

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังเต็มอยู่ภายในใจ ความทรงจำและภาพมากมายนับไม่ถ้วน ไหลออกมาเต็มอยู่ในจิตใจ สติสัมปชัญญะเขาฟื้นกลับคืนมา

“ความตายไม่ใช่จุดจบแห่งชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มต้น…ข้าก็คือเมิ่งฮ่าว!” หลังจากเวลานานผ่านไป เขามองออกไปยังพื้นทะเลที่มืดมิดอย่างเงียบๆ แต่สิ่งที่เขามองเห็นจริงๆ แล้วก็คือท้องฟ้าที่อยู่ด้านบนพื้นผิวของทะเล

เขาตื่นขึ้นมาแล้ว! เขารู้แจ้งแล้ว!

ทันทีที่เขารู้แจ้ง ก็ตระหนักว่าหลังจากที่หยดน้ำตาตกลงมาก็ผ่านไปสิบปีแล้ว สำหรับเวลาที่ผ่านไป ตั้งแต่เริ่มต้นทำความเข้าใจทะเลม่วง รวมทั้งหมด…หนึ่งร้อยห้าสิบปี!

ถ้าปราศจากหยดน้ำตา เมิ่งฮ่าวก็จะไม่ตื่นขึ้นมา เขาก็จะกลายเป็นอสูรจำแลงต่อไป หลังจากนั้นอีกหนึ่งหมื่นปี เขาถึงจะตื่นขึ้นมา ถ้ามันเกิดขึ้นเช่นนั้น โลกนี้ก็คงจะมีผู้ฝึกตนน้อยลงไปหนึ่งคน ทายาทของผู้ผนึกอสูรก็คงจะถูกตัดขาดไป ในเวลาเดียวกันนั้น อสูรอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพีตนใหม่ก็จะปรากฏขึ้น!

ทันทีที่เขาตื่นขึ้น คลื่นยักษ์ที่อยู่บนพื้นผิวทะเลม่วงก็สงบลง ภูติผีทั้งหมดจมลงไปในน้ำทะเล หายไปจากโลกที่ด้านบน

ทั่วทั้งทะเลม่วงเงียบสงบราวกับความตาย

ลึกลงไปในทะเลม่วง พลังชีวิตเมิ่งฮ่าวเริ่มลุกไหม้อย่างร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากผ่านไปสองสามวัน เขาก็ทะลวงผ่านจุดสูงสุดในครั้งก่อนไปได้ ก่อนหน้านี้ พลังชีวิตที่เข้มข้นเช่นนี้จะไปกระตุ้นปฏิกิริยาอันน่าเหลือเชื่อ ของเจตจำนงแห่งการทำลายล้างในทะเลม่วง เขาต้องถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง

แต่ตอนนี้ ทะเลม่วงไม่ได้ทำอะไรเพื่อจะกำจัดเขาไป

นั่นเป็นเพราะว่า เมิ่งฮ่าวก็คือทะเลม่วง และทะเลม่วง…ก็คือเมิ่งฮ่าว!

เขายกมือขวาขึ้นมาช้าๆ ขณะที่ทำเช่นนั้น ทั่วทั้งทะเลม่วงก็จมลงไปอย่างเงียบๆ ถึงสิบจ้าง

ทะเลม่วงแห่งทะเลทรายตะวันตกอันยิ่งใหญ่ จมลงไปสิบจ้าง ทำให้มองเห็นเกาะภูเขามากยิ่งขึ้นภาพที่เห็นนี้ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดในดินแดนสีดำ ตกตะลึงไปตามๆ กัน มีกลุ่มผู้คน กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าออกเดินทางมาสำรวจตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีใครรู้ถึงคำตอบ หรือแม้แต่จะคาดเดาได้ว่าทำไมจู่ๆ ทะเลถึงได้จมลงไปถึงสิบจ้าง

เหตุผลที่แท้จริงก็คือ เพราะต้องใช้น้ำทะเลเป็นจำนวนมาก ในการผนึกให้กลายเป็นตัวอักษร 水 (สุ่ย = น้ำ) สีม่วงบนหลังมือของเมิ่งฮ่าว

เครื่องหมายนี้เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่า เมิ่งฮ่าวสามารถควบคุมพลังแห่งความตายของทะเลม่วงได้ นี่ก็คือ…รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำของเขา!

ขณะที่เขามองลงไปที่มือ เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมัน ทำให้น้ำทะเลซึ่งอยู่รอบๆ ตัวเขาแยกออกจากกัน เกิดเป็นช่องว่างกว้างถึงหนึ่งร้อยจ้าง ภายในช่องว่างนั้น ไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่

ในเวลาเดียวกันนั้น แสงสีโลหิตก็ปะทุขึ้นมาบนนิ้วชี้ของเขา แสงนี้เป็นตัวแทนของพลังชีวิตแห่งภาพศักดิ์สิทธิ์โลหิต ขณะที่มันปรากฏขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์

ภายใต้การควบคุมของเมิ่งฮ่าว ร่างภูติผีของภาพศักดิ์สิทธิ์โลหิตก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น บนหลังมือข้างขวา ค่อยๆ เริ่มหลอมรวมเข้ากับภาพศักดิ์สิทธิ์ทะเลม่วง ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความตายอย่างช้าๆ

เมื่อพวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกัน ขณะที่ร่างภูติผีพุ่งขึ้นมา ร่างเมิ่งฮ่าวฉับพลันนั้นก็สั่นสะท้าน“โลหิต เป็นตัวแทนแห่งชีวิต!”

“ทะเลม่วง เป็นตัวแทนแห่งความตาย!”

“เมื่อชีวิตและความตายมาปะทะกัน นั่นก็คือการทำลายล้าง เมื่อชีวิตและความตายผสมผสานรวมเข้าด้วยกัน มันก็เป็นแหล่งที่มาของชีวิตทั้งหมด…นี่ก็คือธาตุน้ำ ธาตุที่ห้าของข้า!”

“มันเป็นตัวแทนของชีวิต และเป็นตัวแทนแห่งความตายด้วยเช่นกัน มันเป็นแหล่งแห่งการทำลายล้าง และเป็นแหล่งแห่งชีวิตด้วยเช่นกัน!”

“ภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำของข้าจะก่อตัวเป็นวิญญาณแรกก่อตั้งดวงแรกของข้า สีของมันจะเป็นการผสานรวมกันของสีม่วงและโลหิต มัน…คือธาตุที่ห้าของข้าซึ่งก็คือน้ำ วิญญาณแรกก่อตั้งโลหิตม่วง!” ดวงตาเขาสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่จู่ๆ เขาก็กำมือเป็นหมัด รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำก็หายไป มันไม่ได้แยกย้ายออกไป แต่จมลงไปในร่างเมิ่งฮ่าวแทน ประทับตัวมันเข้าไปในแกนสีทองสมบูรณ์

ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่ในตอนนี้ ฉับพลันนั้นเขาก็มีท่าทางที่ไม่เหมือนกับผู้ฝึกตน แต่เหมือนกับนักปรุงยา!

ในตอนนี้ เขาก็คือตานติ่งต้าซือ! (เจ้าโอสถจอมกระถาง)

“ร่างของข้าก็คือกระถางปรุงยา…” เขาพึมพำ โลหิตเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง ทำให้ดูราวกับว่าจริงๆ แล้ว เขาได้กลายเป็นกระถางปรุงยาอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี

ภายในร่างเขา ไม่มีเปลวไฟ แต่เป็น…พลังชีวิต!

ใช้ชีวิตปรุงเม็ดยา ใช้วิธีการปรุงยามาปรุงวิญญาณแรกก่อตั้ง เขาจะสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งห้าสีของเขาขึ้นมาเอง!

“จิตใจของข้าก็คือสูตรยา!” เขาวางมือไปบนหัวเข่าและหลับตาลง ภายในจิตใจเกิดเป็นวิธีการที่ไม่มีผู้ใดเคยใช้มาก่อน และไม่มีทางจะเกิดขึ้นอีก เพื่อทำการทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนของเขา นี่เป็นวิธีที่จะได้ครอบครองวิญญาณแรกก่อตั้งสมบูรณ์ ถึงแม้เขาไม่เคยรู้ถึงวิธีการที่แท้จริงในการสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งเช่นนั้นมาก่อนก็ตามที

นี่ก็คือสูตรยาของเมิ่งฮ่าว

“ปรุงวิญญาณแรกก่อตั้งห้าสี! ก้าวแรกไม่ได้สร้างขึ้นมาแค่หนึ่ง แต่เป็นห้าวิญญาณแรกก่อตั้ง!” ร่างเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่เขาใช้วิธีการปรุงเม็ดยา มาเริ่มกลั่นสกัดร่างกายของตัวเอง

หลังจากที่หลอมรวมภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำเข้าไปในแกนสีทองสมบูรณ์ เมิ่งฮ่าวก็ใช้ร่างกายของตัวเองเป็นกระถางปรุงยา และจิตใจเป็นสูตรยา เพื่อปรุงเป็นวิญญาณแรกก่อตั้ง

นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกแห่งการฝึกตนก่อนหน้าเมิ่งฮ่าว มันเป็นเส้นทางของเขาเอง เป็นวิธีการฝึกฝนพลังฝึกตนของเขาเอง เป็นเส้นทางที่นำไปสู่จุดสูงสุดแห่งความสมบูรณ์แบบ!

เวลาผ่านไป ฉับพลันนั้น เสียงแตกร้าวก็ได้ยินมาจากแกนสีทองสมบูรณ์ของเขา รอยร้าวปรากฏขึ้น ไม่นานต่อมา แกนสีทองสมบูรณ์จู่ๆ ก็ระเบิดออก กลายเป็นกระแสน้ำวนของแก่นแท้ลมปราณ

ทันใดนั้น ก็มองเห็นเป็นแสงสีม่วงโลหิต!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version