ตอนที่ 624
เป้าหมายสูงสุด
ขณะที่เสียงเก่าแก่โบราณ จากภูเขาอสูรกำเนิดใหม่ดังก้องออกมา ทั่วทั้งภูเขาก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศ ธูปที่กำลังเผาไหม้ขนาดใหญ่ก็ลอยออกมาจากภูเขา พุ่งตรงขึ้นไปในกลางอากาศ ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มหมอก
ธูปนั้นเผาไหม้อย่างช้าๆ กระจายกลุ่มควันไปหลอมรวมเข้ากับกลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ มัน ทำให้ยากที่จะบอกได้ถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสอง เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่ากลุ่มหมอกกำลังหลบซ่อนอยู่ภายในกลุ่มควัน หรือกลุ่มควันทำให้กลุ่มหมอกหนาแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
เสียงเก่าแก่โบราณดังก้องอยู่ในความเงียบขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเจ้าไม่ตอบภายในเวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ไฟแห่งภูเขากำเนิดใหม่ก็จะไม่ทำให้แสงเกิดขึ้นแม้แต่ครึ่งส่วน”
หลังจากนั้น ทั้งโลกนี้ก็เงียบลง เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในความงุนงง มองไปยังภูเขากำเนิดใหม่ เขามองเห็นกลุ่มควันสีดำ และเปลวไฟมากมายพ่นออกมาจากปากภูเขาไฟ ทำให้ดูราวกับว่าทั้งโลกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกลุ่มควันและเปลวไฟ
ท้องฟ้ามีที่ว่างสำหรับแสงสิบส่วน เขาได้ครอบครองเจ็ดส่วนจากภูเขาอสูรดินยะเยือก และภูเขาอสูรโลหิต ตอนนี้ ยังเหลืออยู่อีกสามส่วน ที่ถูกปกปิดโดยเปลวไฟและกลุ่มควัน ทุกสิ่งทุกอย่างมืดสลัวดูเลือนลาง…
ที่น่าตกใจเป็นพิเศษก็คือ ความมืดนี้มีผลกระทบต่อแสงทั้งเจ็ดส่วนที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า เพียงมองแค่แวบเดียว ก็จะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันนี้ การพยายามมองขึ้นไปยังสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็คล้ายกับการพยายามมองไปยังบุปผาในสายหมอก, ดวงจันทร์ในสายน้ำ
“ถ้าข้าเป็นมัน, ข้าควรทำเช่นใด?” เมิ่งฮ่าวคิด ภูเขากำเนิดใหม่ไม่ต้องการให้คารวะ แต่ต้องการจิตใจ มันต้องการแก่นแท้ของคน เป็นบางสิ่งที่ไม่อาจจะถูกทำลายลงไป แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตามที
เคอจิ่วซือมองไปอย่างครุ่นคิด นานมาแล้ว มันเคยได้รับคุณสมบัติเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับภูเขากำเนิดใหม่ มันก็ได้ครอบครองแสงเพียงแค่สองส่วนเท่านั้น ซึ่งท้องฟ้ายังต้องการแสงอีกแปดส่วน สุดท้ายมันก็ล้มเหลว ไม่อาจจะไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ก็ทำให้ต้องนึกไปถึงตนเองจากเมื่อหลายปีก่อนที่ผ่านมา เมื่อมันตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า สำนักเซียนอสูรได้กลายเป็นซากปรักหักพัง เหลือแต่มันเพียงผู้เดียว
ม่านตาเจินหลิงเยี่ยหดเล็กลง ขณะที่มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว มันรู้ว่าจากการคารวะเก้าครั้ง และสามภูเขาแห่งสวรรค์ชั้นสอง ภูเขากำเนิดใหม่มีความยากมากที่สุด! นั่นเป็นเพราะว่า…ภูเขานี้ถามสิ่งแรกที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ, ส่วนที่สองเกี่ยวข้องกับเต๋า และส่วนที่สามเกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดเกิดใหม่!
“คำตอบมันจะเป็นอะไร?” เยี่ยคิด จากความเข้าใจของมัน เมิ่งฮ่าวไม่ใช่คนที่มันและราชันหลี่กำลังรอคอยอยู่ เขาไม่มีโชควาสนาที่จะเป็นผู้สืบทอด แต่เยี่ยก็ยังอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง ว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวจะกล่าวตอบ สำหรับคำถามของภูเขากำเนิดใหม่คืออะไร
ในตอนนี้ เจินหลิงเยี่ยและเคอจิ่วซือ ต่างก็สังเกตเห็นถึงบางสิ่ง ถึงแม้จะดูเหมือนว่าพวกมันไม่ได้สนใจมากนักก็ตามที ที่ห่างไกลออกไป เงาร่างปรากฏขึ้นอยู่ในอากาศ และกำลังจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว
เป็นเงาร่างของหญิงสาว ค่อนข้างมีเสน่ห์ และงดงามอย่างถึงที่สุด แน่นอนว่านี่ก็คือ…จื่อเซียง!
คนทั้งหมดจากดาวหนานเทียนจากไปแล้ว มีเพียงเมิ่งฮ่าวและจื่อเซียงที่ยังเหลืออยู่!
ตรงกันข้ามกับเมิ่งฮ่าว เหตุผลที่จื่อเซียงไม่ได้จากไป ก็เป็นเพราะว่านางไม่ต้องการจะกลับไปยังดาวหนานเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจู่ๆ เมิ่งฮ่าวดันมีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครองมรดกแห่งราชันหลี่ นางก็คงจะจากไปนานแล้ว
นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว และภูเขาอสูรลูกที่สาม ด้วยสีหน้าทั้งงุนงงและความรู้สึกอันซับซ้อน
“คำพยากรณ์ของท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนัก ซึ่งถูกรวบรวมจนกลายมาเป็นทักษะของคนรุ่นนี้ ได้กล่าวไว้ว่า ผู้สืบทอดของราชันหลี่ จะมาจากดาวตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก) มีคนในสำนักเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เมิ่งฮ่าวมาจากดาวหนานเทียน (สวรรค์ทางใต้) มันไม่ใช่บุคคลที่มีดวงชะตาถูกลิขิตให้เป็นผู้สืบทอด” จื่อเซียงแอบถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
สักพักต่อมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้น
“มีคำตอบที่เป็นไปได้อยู่มากมาย สำหรับคำถามของภูเขากำเนิดใหม่” เมิ่งฮ่าวคิด “มีทฤษฎีมากมายที่สามารถเสนอได้ ถ้าข้าเป็นทาสของภูเขากำเนิดใหม่ ข้าก็จะมีทางเลือกอยู่มากมาย” ความคิดนับร้อยผุดขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว นอกจากนี้ เขาก็เป็นนักศึกษา และยังคงจำได้ถึงการสอบคัดเลือกขุนนาง ซึ่งเขาได้เข้าร่วมตอนที่อยู่ในแคว้นจ้าว ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว
โดยไม่รู้สึกตัว เขาวิเคราะห์ร่องรอยของคำพูดที่ถามมา
หลังจากเวลาผ่านไปสิบกว่าลมหายใจ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มส่องประกายเจิดจ้า เขาอ้าปากจะพูดออกมา แต่จากนั้นก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าเขาไม่อาจจะพูดคำตอบที่คิดออกมาได้
ราวกับว่าในตอนนี้ ปากของเขาถูกปิดผนึกไว้ และเขาก็เป็นใบ้!
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่มองไปยังภูเขากำเนิดใหม่
เคอจิ่วซือมองไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็กล่าวขึ้นช้าๆ “ภูเขากำเนิดใหม่ถามสามคำถาม และจากนั้นก็ผนึกปากของเจ้าไว้ คำตอบใดๆ ที่ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณของเจ้า ก็ไม่อาจจะเปล่งออกมาได้ คำถามแรกนี้ก็คือคำถามของจิตใจเจ้า”
“เปิดจิตใจเจ้าออก ค้นหาวิญญาณของเจ้า หาคำตอบที่แท้จริงจากภายในจิตใจเจ้า และเจ้าจะสามารถพูดมันออกมาได้ เจ้าต้องค้นหาเพื่อจิตใจเจ้า, ธรรมชาติของเจ้า และตัวเจ้าเอง” ท่าทางอันลึกล้ำแวบขึ้นมาภายในแววตาเคอจิ่วซือ
เมิ่งฮ่าวเงียบไปนานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย มองไปยังธูป และเห็นว่ามันได้เผาไหม้ไปแล้วหนึ่งในสามส่วน ดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน และจากนั้นก็หลับตาลง
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ…
“มีทาสที่ผอมแห้งบนภูเขาลูกนี้กล่าวว่า ชีวิตก็คือความเจ็บปวด” เมิ่งฮ่าวคิด “มันปรารถนาจะเป็นอิสระจากทะเลแห่งความทุกข์นี้ ทะเลนั้นคล้ายกับเป็นเปลวไฟที่เผาไหม้ทุกสรรพสิ่ง ซึ่งไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ ต่อมา มันก็เรียกสถานที่แห่งนี้ว่าไฟมอดไหม้ และให้คำสัตย์ปฏิญาณว่า มันจะกำจัดทะเลแห่งความทุกข์นี้ มันต้องการให้มั่นใจว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะไม่มีความทุกข์อีกต่อไป นอกจากความเป็นอิสระเท่านั้น!”
“นั่นก็คือทางเลือกของมัน บางทีคนผู้นั้นอาจจะไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นสามอสูรผู้ยิ่งใหญ่แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า, อสูรไฟมอดไหม้!”
“ข้าไม่รู้ว่าอสูรผู้ยิ่งใหญ่อีกสองท่านของภูเขาอสูรแห่งนี้ ปรากฏกายขึ้นได้อย่างไร แต่สำหรับภูเขากำเนิดใหม่ แม้แต่ทาสก็สามารถกลายเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ได้…ดังนั้นภูเขานี้ต้องต่อต้านสวรรค์อย่างแน่นอน!” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็แอบทำให้ตัวเองเยือกเย็นลง
“ถ้าข้าเป็นมัน…เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทะเลแห่งความทุกข์ ข้าจะทำอย่างไรดี?” เมิ่งฮ่าวพึมพำ “ข้าจะทำเช่นเดียวกับมัน, ตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะกำจัดทะเลแห่งความทุกข์? หรือ…ข้าควรจะมีทางเลือกที่แตกต่างออกไปดี?” เขาค่อยๆ ลืมว่า กำลังอยู่ในสำนักเซียนอสูร เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ขณะที่จมลงไปในจิตวิญญาณของตนเอง
เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง ค้นหาคำตอบที่แท้จริง ซึ่งอยู่ภายในส่วนลึกของตนเอง
ทันใดนั้น ภาพก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ ภายในภาพนั้น เขาเป็นหนึ่งในทาสบนภูเขากำเนิดใหม่ เขาปีนขึ้นไปบนภูเขาอย่างต่อเนื่อง ดิ้นรนที่จะไปให้ถึงยอดเขาและหลุมแห่งเปลวไฟ ในที่สุด เขาก็กระโดดเข้าไป ถูกเผาไหม้โดยเปลวไฟ และหินลาวาที่อยู่ข้างใน
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไปอยู่ที่เชิงเขา และอีกครั้งที่เขาเริ่มเดินไปในเส้นทางเดียวกันกับก่อนหน้านี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดขึ้นเช่นนี้เป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จบ
“มันถูกต้อง แต่ก็ผิดด้วยเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวพึมพำ
“นี่สามารถมองได้ว่าเป็นทะเลแห่งความทุกข์ แต่ก็…ไม่ใช่ด้วยเช่นกัน ถ้าเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือความทุกข์ มันก็จะใช่ แต่ถ้าเราเชื่อว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความทุกข์ มันก็ไม่ใช่”
“การกระโจนเข้าไปในหลุมแห่งไฟนั้นเป็นตัวแทนของความตาย การปรากฏขึ้นใหม่ตรงเชิงเขาก็หมายถึงการกำเนิดใหม่ การปีนขึ้นไปยังยอดเขาเป็นตัวแทนของขั้นตอนแห่งชีวิต…”
“ข้าไม่สาบานที่จะกำจัดสถานที่แห่งนี้ และจะไม่จมอยู่ในความขี้ขลาด สิ่งที่ข้ามีก็คือ…ความมุ่งมั่นที่จะเดินไป ยังสถานที่ที่ข้าปรารถนา ข้าจะควบคุมชะตาชีวิตของตนเอง ข้าไม่สามารถเลือกเกิดเองได้ แต่ข้าสามารถเลือกวิธีการตายได้”
“และเป้าหมายสุดท้ายจะต้องไม่ใช่ หลุมที่อยู่บนยอดภูเขาไฟอย่างแน่นอน” ถึงแม้เขากำลังพึมพำอยู่ แต่เสียงของเมิ่งฮ่าวจริงๆ แล้ว ก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งสำนักเซียนอสูร แม้เขาจะไม่รู้สึกตัวก็ตามที
ขณะที่เสียงของเขาดังก้องไปมา ภาพในความคิดของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป การเกิดใหม่ของเขาไม่ได้กลายเป็นทาสที่ผอมแห้ง ซึ่งสอดคล้องกับวัฏจักรนี้อีกต่อไป ไม่ได้พุ่งกระโจนเข้าไปในหลุมแห่งไฟ แต่ยืนอยู่ที่ด้านนอกของภูเขาไฟ ไม่เหมือนกับทาสผอมแห้งคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น เขามองขึ้นไปในท้องฟ้า สีหน้าไม่ได้งุนงงว่างเปล่าอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ราวกับว่า…เขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ราวกับว่าภาพวาดสีดำและสีขาว ทันใดนั้นก็กลายเป็นภาพสี
เขาหันหลังให้กับหลุมแห่งไฟนั้น และเริ่มเดินออกไปจากภูเขา เขายินยอมที่จะให้ตัวเองตกลงไปในหุบเหว ดีกว่าจะตกลงไปในหลุมแห่งไฟนั้น…ในที่สุด รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“เส้นทางแห่งชีวิต ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นจากเชิงเขาสู่จุดบนสุดของมันเท่านั้น…” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา คิดว่าเขาได้หลุดออกมาจากวัฏจักรของการเกิดใหม่ ในฐานะของทาสที่ผอมแห้งจากภูเขากำเนิดใหม่แล้ว เขาไม่ได้หันกลับไปมองยังด้านหลัง แต่เดินออกไปยังที่ห่างไกล
ที่ด้านหลัง คนอื่นๆ มากมายนับไม่ถ้วนบนภูเขากำเนิดใหม่ ยังคงกระทำเหมือนเช่นเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันแล้ววันเล่า สำหรับเขา เขาได้เดินห่างออกไปจากภูเขาไกลออกไป, ไกลออกไปเรื่อยๆ…
“ถ้าเราเชื่อว่ามันคือทะเลแห่งความทุกข์ มันก็จะเป็นทะเลแห่งความทุกข์ แต่ถ้าเราเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่ทัศนียภาพบนเส้นทางแห่งชีวิต มันก็จะคือทัศนียภาพ…ทะเลแห่งความทุกข์ไร้จุดจบ แต่ทัศนียภาพใช่”
“นั่นก็คือคำตอบของข้า”
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของตนเอง ดังก้องไปทั่วรอบๆ ตัว
เคอจิ่วซือแอบสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว คำตอบของเขาไกลเกินกว่าสิ่งที่มันจะคาดคิดได้ มันคาดเดาว่าเมิ่งฮ่าวจะเลือกกำจัดทะเลแห่งความทุกข์ และจากนั้นก็ไปเกิดใหม่
“ถ้ามันไม่ตายไปก่อนวัยอันควร” เคอจิ่วซือคิด “ก็เป็นไปได้ที่อนาคตของมันจะไร้ขีดจำกัด!” ความตื่นตระหนกในดวงตาของมัน ค่อยๆ กลายเป็นความชื่นชม “พื้นฐานฝึกตนของมันไม่อาจจะเทียบกับข้าได้ แต่จิตใจของมัน…ช่างยิ่งใหญ่กว่ามากนัก!”
ที่ประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือ เจินหลิงเยี่ย มันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว จิตใจหมุนคว้าง เสียงที่ดังก้องอยู่ในจิตใจมันก็คือคำพูดของเมิ่งฮ่าว “ทะเลแห่งความทุกข์ไร้จุดจบ แต่ทัศนียภาพใช่”
“ทางเลือกเช่นนั้นดูเหมือนจะธรรมดา” เยี่ยคิด “แต่ถ้าคิดวิเคราะห์ดูให้ละเอียด…ความปรารถนาของมันไกลเกินกว่าคนอื่นๆ! การตัดสินใจในส่วนลึกของมัน ช่างยิ่งใหญ่อย่างไร้ขอบเขตนัก!”
“สำหรับมัน ทะเลแห่งความทุกข์ เปรียบเสมือนกับทัศนียภาพบนเส้นทางแห่งชีวิต! ยิ่งมันเดินทางออกไปไกลมากเท่าใด ก็ยิ่งพบเห็นกับทัศนียภาพมากขึ้นเท่านั้น!”
“การเกิดใหม่ก็คือการทดสอบของจิตใจ มันคือการสอบถามแก่นแท้ของคนผู้นั้น, ธรรมชาติของคนผู้นั้น และตัวตนของคนผู้นั้น คำตอบของมันไม่อาจจะผิดพลาดไปได้ ถึงแม้คนผู้นี้จะ…พูดจาเสียงแผ่วเบา แต่ก็สามารถทำให้สวรรค์สั่นสะเทือน!”
ที่ห่างไกลออกไป จื่อเซียงกำลังสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง นางได้ข้อสรุปมานานแล้วว่า เมิ่งฮ่าวไม่ใช่คนธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินความคิดในจิตใจของเขาด้วยตนเอง ทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่านางได้ประเมินเขาต่ำเกินไป
“ทางเลือกของมันเป็นตัวแทนของจิตใจมัน ไม่ว่าจะพูดถึงดาวหนานเทียน หรือขุนเขาทะเลที่เก้า ถ้ามันมีชีวิตรอดไปได้ เรื่องทั้งหมดในที่แห่งนี้ ก็จะเป็นเพียงแค่การหยุดพักผ่อนบนวิถีการเดินทางของมัน”
“ขณะที่มันเดินตรงไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากมองมันเดินจากไปในที่ห่างไกล…”ในตอนนี้ มองไม่เห็นกลุ่มหมอกหรือเปลวไฟ พุ่งออกมาจากภูเขากำเนิดใหม่อีกต่อไป แม้แต่ก้านธูปก็ยังหยุดการเผาไหม้ ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบอย่างน่าเหลือเชื่อ
เมิ่งฮ่าวมองไปยังภูเขากำเนิดใหม่ และดูเหมือนราวกับว่าภูเขากำลังมองกลับมายังเขา
หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจ ซึ่งสามารถแยกสวรรค์หั่นปฐพีก็ได้ยินมา ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือนไปมา
“ช่างเป็นจิตใจที่มีเป้าหมายอันสูงส่งนัก, ข้ายอมรับ!” เสียงเก่าแก่โบราณกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม คำพูดเหล่านี้ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง เห็นได้ชัดว่าให้คำรับรองต่อเมิ่งฮ่าว
ในเวลาเดียวกันนั้น เปลวไฟอันไร้จุดสิ้นสุดก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ส่องสว่างไปทั่วท้องนภา ก่อนหน้านี้มีแสงอยู่เจ็ดส่วน แต่ตอนนี้แสงที่กระจายออกไป ได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งส่วน
ทั่วทั้งท้องฟ้าสว่างสดใสด้วยแสงทั้งแปดส่วน ซึ่งดูเหมือนจะเชื่อมต่อกันโดยตรงกับสวรรค์ชั้นสาม สองดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
มีพลังธรรมชาติอย่างน่าเหลือเชื่อ พุ่งออกมาจากภายในของภูเขากำเนิดใหม่ด้วยเช่นกัน และจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ขณะที่พื้นฐานฝึกตนเริ่มพุ่งขึ้นไป