Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 626

ตอนที่ 626

วิญญาณแรกก่อตั้งอสูรดวงที่เก้า

ก้านธูปเผาไหม้จนหมดสิ้น!

เสียงกระหึ่มกึกก้อง ได้ยินมาจากภายในภูเขากำเนิดใหม่ ดูเหมือนว่ากำลังให้คำรับรองต่อเมิ่งฮ่าว เสียงของมันดังก้องไปมาทั่วทุกทิศทาง ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน กลุ่มควันสีดำม้วนตัวไปมา และเปลวไฟที่อยู่ด้านในก็กวาดออกไปทั่วทั้งบริเวณนั้น แสงในท้องฟ้าเริ่มสว่างมากยิ่งขึ้น จนถึงระดับที่น่าตกตะลึง

แสงอีกหนึ่งส่วนครึ่ง ถูกรวมเข้าไป

ท้องฟ้ามีพื้นที่ว่างสำหรับแสงสิบส่วน ในตอนนี้ ภูเขาอสูรอันยิ่งใหญ่ทั้งสาม ได้ส่องแสงสว่างไปแล้วเก้าส่วน

สวรรค์เต็มไปด้วยความสว่างไสว ราวกับว่าเป็นยามเที่ยงวัน สองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ชั้นสามในตอนนี้เต็มไปด้วยแสงสว่าง มองเห็นต้นไม้ใบหญ้าและตึกรามบ้านช่องได้อย่างชัดเจน

อันที่จริงยังมองเห็นด้วยอีกว่า หนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น มีเจดีย์ขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไป ด้านบนของมันถูกแกะสลักเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่

จี้!

ตัวอักษรนั้นดูเหมือนจะเก่าแก่โบราณ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ธรรมดา ไม่อาจจะมองเห็นได้ก็ตามที แต่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ ยกเว้นพวกที่มีความรู้สึกไวต่อพลังของกาลเวลา ก็ยังยากที่จะรับรู้ถึงการคงอยู่ของมัน แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว ความรู้สึกนั้นยังเป็นเรื่องรองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำไป

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้คงอยู่มานานนับแสนปี ก่อนที่ตัวอักษรจี้นี้จะปรากฏขึ้น

ซึ่งก็สอดคล้องกับตำนานที่เกี่ยวข้องกับราชันจี้ เดิมทีตระกูลจี้ไม่ได้ใช้แซ่นี้ แต่หลังจากที่รวบอำนาจของขุนเขาทะเลที่เก้าไว้ในกำมือ พวกมันก็เปลี่ยนมาใช้แซ่นี้ และสวรรค์ก็ถูกนำมาวางอยู่ด้านบนของตระกูลหลี่

เสียงเก่าแก่โบราณดังออกมาจากภูเขากำเนิดใหม่ ถึงแม้จะเป็นเสียงที่เย็นชา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ขณะที่มันดังก้องออกไปอย่างช้าๆ

“เต๋าก็คือทิศทาง…เสียงของเด็กทารก”

“ข้าจะจดจำคำตอบนี้” ขณะที่เสียงนั้นพูดขึ้นมา พลังของสวรรค์และปฐพีซึ่งประกอบด้วยกลิ่นอายของภูเขากำเนิดใหม่ ก็กระจายออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ มีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก จนดูราวกับว่ามันแทบจะกลายเป็นรูปร่างขึ้นมา ราวกับว่าจริงๆ แล้วมันก็คือน้ำตก จำนวนของมันมากมายเกินกว่าก่อนหน้านี้เป็นหลายเท่า ขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

มันเข้ามาใกล้ และจากนั้นก็ห้อมล้อมไปรอบๆ ตัว ส่งเสียงดังกระหึ่มขณะที่ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ โดยมีเมิ่งฮ่าวเป็นจุดศูนย์กลาง เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ คล้ายกับมังกรที่กำลังหายใจเข้าไป พลังของสวรรค์และปฐพีไหลเข้าไปในดวงตา, หู, จมูก และปาก รวมทั้งรูขุมขนทั่วร่างเขาทั้งหมด มันพุ่งเข้าไปและจากนั้นก็เริ่มรวมตัวกันที่จุดตันเถียน

มันหลอมรวมเข้าไปในเสาแห่งเต๋า ทำให้พลังพลุ่งพล่านปั่นป่วน ผลักดันให้พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไป เสาแห่งเต๋าเริ่มส่องประกายด้วยแสงอันไร้ขอบเขต ในเวลาเดียวกันนั้น วิญญาณแรกก่อตั้งที่อยู่ภายในร่างเขา จู่ๆ ก็ลอยออกมาทีละดวง ทีละดวง ลอยอยู่รอบๆ ตัวเขา

เมื่อวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่แปดปรากฏขึ้น ก็ทำให้เกิดเป็นภาพอันน่าประหลาดใจโดยสิ้นเชิง

ขณะที่วิญญาณแรกก่อตั้งทั้งแปด หมุนวนอยู่รอบๆ เมิ่งฮ่าว อย่างน่าตกใจยิ่ง พวกมันเริ่มดูดซับพลังของสวรรค์และปฐพี ซึ่งประกอบด้วยกลิ่นอายของภูเขากำเนิดใหม่ด้วยเช่นกัน มันไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว และอยู่ในขั้นตอนการกลายร่างอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายก็จะกลายเป็น…วิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้า!

ตูม!

แสงอันไร้ขอบเขตจากเสาแห่งเต๋าระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นแกนที่ส่องแสงวาววับมีขนาดเท่าเมล็ดข้าว!

สร้างแกนลมปราณขั้นต้น!

ทันทีที่แกนนั้นปรากฏขึ้น ความเร็วที่เมิ่งฮ่าวดูดซับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า ด้วยการเพิ่มวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่แปด ก็ทำให้กระแสน้ำวนอันไร้ขอบเขตที่อยู่รอบๆ ตัวเขา ใช้เวลาไม่กี่อึดใจก็หดตัวลงไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่มันหายไป สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็มองขึ้นไป ดวงตาสาดประกาย ที่นั่นในจุดตันเถียนของเขา มีแกนที่มีขนาดเกือบเท่ากำปั้นของเด็กทารก!

พื้นฐานฝึกตนของแกนนั้นพุ่งขึ้นไปในทันที กลายเป็นสร้างแกนลมปราณขั้นกลาง, สร้างแกนลมปราณขั้นสุดท้าย ต่อเนื่องไปจนถึง…วงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นสร้างแกนลมปราณ

แกนนั้นกระจายแสงหลากสีออกมา กลายเป็นแกนหลากสี แต่ด้านในของมันก็มีกลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียว…ทันทีที่เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายนี้ เขาก็จดจำมันได้

มันก็คือ…ปราณอสูร!!

นี่ก็คือ…แกนอสูร!

ภูเขากำเนิดใหม่ก็คือแก่นแท้ของอสูรผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในทาสที่แห้งเหี่ยวบนภูเขา ได้บรรลุเต๋าของมัน จากนั้นก็กลายเป็นหนึ่งในสามอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถด่าทอสวรรค์ จากเรื่องนี้ก็ทำให้มองเห็นได้ว่า ภูเขากำเนิดใหม่ช่างน่าตกใจถึงระดับใด

ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ว่า พลังของสวรรค์และปฐพีซึ่งประกอบด้วยกลิ่นอายของภูเขากำเนิดใหม่ จริงๆ แล้วก็คือปราณอสูร เมื่อเขาดูดซับปราณอสูรเพื่อฝึกฝนตนเอง ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะสร้างเป็นแกนอสูรขึ้นมาได้

นั่นก็หมายความว่า วิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้าของเขาจะเป็น…วิญญาณแรกก่อตั้งอสูร

วิญญาณแรกก่อตั้งอสูรดวงที่เก้า!

“อีกเพียงแค่ครั้งเดียวของพลังแห่งสวรรค์และปฐพีนี้ ข้าก็จะสามารถทำให้วิญญาณแรกก่อตั้งอสูรปรากฏขึ้นได้” ดวงตาเขาสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ และมองขึ้นไปยังภูเขากำเนิดใหม่ พร้อมกับความมุ่งหวัง

เขารับรู้ได้ถึงแกนอสูรที่อยู่ภายในร่าง ซึ่งอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่สร้างแกนลมปราณ อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะก่อตัวเป็นวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว

เสียงกระหึ่มที่ดังออกมาจากภูเขากำเนิดใหม่ ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ และภูเขาก็เปลี่ยนเป็นปกติเหมือนเดิม กลุ่มควันสีดำพุ่งออกไป และเปลวไฟก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เสียงเก่าแก่โบราณอันเย็นชาดังก้องออกมาอีกครั้ง

“ไม่มีคำถามสำหรับเจ้าแล้ว”

“ดังเช่นที่เจ้ากล่าวมา ขอบเขตและพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ของเจ้า ไม่อนุญาตให้เจ้ารู้ว่าเต๋าคืออะไร…”

“การถามคำถามที่สามต่อเจ้า ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากมีแต่คำพูดที่ว่างเปล่า ไม่มีผลใดๆ ต่ออารมณ์ความรู้สึกของเจ้าและข้า”

“ดังนั้น ไม่ต้องไปสนใจคำถามเหล่านั้นจะเป็นการดีที่สุด”

“แต่ข้าก็อยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าเต๋าของเจ้าคือทิศทาง และเจ้าก็ยังคงค้นหาอยู่ ถ้าเช่นนั้น…เจ้าได้ค้นพบร่องรอยใดๆ ของมันมาบ้างหรือไม่?” คำถามสุดท้าย ถามขึ้นมาจากเสียงที่เก่าแก่โบราณดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง

เมิ่งฮ่าวเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาเต็มไปด้วยแสงแห่งการหวนรำลึก แต่หลังจากเวลานานผ่านไป เขาก็ประสานมือให้กับภูเขากำเนิดใหม่และโค้งตัวลง เมื่อยืดตัวขึ้นมา ก็เริ่มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “หลายปีก่อน” เขาพึมพำ “ในยามราตรีที่หิมะปกคลุมเต็มท้องฟ้า ข้านั่งอยู่ในรถม้าร่วมกับคนผู้หนึ่ง”

“ที่ด้านนอกหนาวเย็นอย่างแสนสาหัส แต่ก็มีเตาผิงไฟอยู่ในรถม้า ทำให้มันอบอุ่นขึ้นเป็นอย่างมาก ราวกับว่ามีสองโลกที่แตกต่างกัน แยกออกจากกันและกัน ในตอนนั้น ข้าเพิ่งจะเหยียบย่างเข้ามาในโลกแห่งการฝึกตน ข้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นผู้ฝึกตน เมื่อข้ามองออกไปด้านนอกยังหิมะ ข้ารู้สึกว่ากำลังมองดูตัวเองอยู่”

“หิมะคงอยู่ได้เพียงแค่ในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น มันอาจจะโหยหาวันคืนแห่งฤดูร้อน และโหยหาความอบอุ่น แต่ถ้ามันเข้าไปใกล้ ก็จะละลายไป ข้าเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หลังจากที่ก้าวเดินไปในโลกแห่งการฝึกตน ข้าไม่อาจจะหันหลังกลับไป ไม่อาจจะพบเจอกับความสงบสุขที่ครั้งหนึ่งข้าเคยมี” แน่นอนว่า เมิ่งฮ่าวกำลังคิดย้อนกลับไปยังปีนั้นในแคว้นจ้าว เมื่อเขาได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งในรถม้าร่วมกับนักศึกษาเจิ้งยง

“เดิมทีข้าเป็นเพียงแค่นักศึกษา…ข้าจำได้ว่าในตอนที่ออกจากบ้านเกิด ฝนกำลังตกลงมา…”

“ชีวิตข้าคล้ายกับหิมะ คงอยู่ได้แต่เพียงแค่ในฤดูหนาวเท่านั้น ข้าอาจต้องการจะกลับไปในวันคืนที่สดใสของโลกมนุษย์ธรรมดา แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้าอีกต่อไป…”

“ชี่วิตก็คล้ายกับการเดินทาง เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าจะกล่าวว่า ประสบการณ์ที่แตกต่าง จะช่วยสร้างทัศนียภาพที่ต่างกันบนเส้นทางนั้น ถ้าท่านประสบพบกับความทุกข์ยากของสายลมอันหนาวเหน็บ ท่านก็จะกลายเป็นหิมะ ถ้าท่านพบเจอกับดวงตะวันอันเจิดจ้า ท่านก็จะกลายเป็นสายฝน…”

“รูปแบบของชีวิตที่ท่านประสบพบเจอ จะเป็นตัวกำหนดว่าท่านจะเป็นบุคคลแบบใด นั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตช่างน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง”

เคอจิ่วซือมองไปยังเมิ่งฮ่าว และความคิดมากมายก็ลอยขึ้นมาในจิตใจ มันคิดไปถึงเคออวิ๋นไห่ และคิดไปถึงชีวิตของตนเอง สิ่งที่เห็นก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับมัน และโลกแห่งนี้

“ข้าอยู่ในที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน เต็มไปด้วยความคิดคำนึง…”

เจินหลิงเยี่ยถอนหายใจออกมา คำพูดของเมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะประกอบไปด้วยเต๋าอันยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่คำพูดนั้นยังได้แตะสัมผัสไปที่ตัวมันอีกด้วย ก่อนหน้านี้ มันไม่เคยจะเชื่อว่า ผู้ฝึกตนอันกระจ้อยร่อยผู้นี้ ซึ่งไม่อาจแม้แต่จะต่อต้านการตบลงมาเพียงแค่ครั้งเดียวของมัน จะมีคุณสมบัติทำให้มันเกิดความรู้สึกอันลึกล้ำเช่นนี้ขึ้นมาได้

จื่อเซียงมองไปยังเมิ่งฮ่าว อีกครั้งที่นางรู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ต้องคิดย้อนกลับไปยังประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของนางเอง

“สำหรับข้าแล้ว เต๋าก็คือทิศทาง” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไป “ข้าคิดว่า…ด้วยความเชื่อที่แตกหน่อขึ้นมาในช่วงเวลาแห่งหิมะตกเช่นนั้น มันได้นำข้า…นำข้ามายังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป”

“หลายปีต่อมา” เขาพึมพำ คิดย้อนกลับไปยังตานกุ่ย (โอสถปีศาจ) “ข้าโขกศีรษะให้กับอาจารย์ของข้าในโลกแห่งภาพลวงตา ตลอดช่วงชีวิตนั้น ข้าโขกศีรษะสามครั้ง โขกศีรษะให้กับความไร้เดียงสา, โขกศีรษะให้กับการท่องไปในโลกกว้าง และโขกศีรษะให้กับการมองไปยังวาระสุดท้ายของชีวิต ในช่วงเวลานั้นข้าก็รู้แจ้งขึ้น”

“ในตอนนั้น ข้าเข้าใจว่าชีวิตก็คือการเดินทาง ทุกๆ เส้นทางที่เดินไป ก็จะนำไปสู่ทัศนียภาพใหม่ๆ รอยเท้าของข้าปรากฏอยู่บนเส้นทางเหล่านั้น และไม่ว่าพวกมันจะลึกหรือตื้น ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะนี่คือทางเลือกของข้าเอง”

“สวรรค์และปฐพีเป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เวลาเป็นตัวแทนของผู้เดินทางที่ผ่านไปจากรุ่นสู่รุ่นนับไม่ถ้วน”

เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ทันใดนั้นดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ดูเหมือนว่าในตอนนี้ ตัวเขามีบางสิ่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

“นั่นก็คือทิศทางที่ข้าเลือก ถึงแม้ว่าเส้นทางจะไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะมองเห็นร่องรอยได้บ้าง”

“ไม่ว่าท่านจะพูดถึงเวลาของพวกเราบนโลกนี้ หรือการเกิดใหม่ ชีวิตก็คือการเดินทาง ทะเลแห่งความทุกข์ก็เป็นแค่ทิวทัศน์ภาพหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ การทิ้งเครื่องหมายของพวกเราไว้บนเส้นทางที่พบเจอและเดินผ่านไป”

“สำหรับข้า ข้าต้องการจะเดินต่อไป จนกระทั่งหายลับไปยังที่ห่างไกล!” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ประสานมือ และโค้งตัวลงต่ำให้กับภูเขากำเนิดใหม่อีกครั้ง

เสียงหัวเราะดังก้องออกมาจากภายในภูเขากำเนิดใหม่ เสียงหัวเราะนั้นทำให้กลุ่มควันสีดำกระจายหายไป และเปลวไฟก็เหือดแห้งไปด้วย ท้องฟ้าเต็มไปด้วยระลอกคลื่น

“ที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย? ยอดเยี่ยม ผู้เดินทางที่ผ่านไปจากรุ่นสู่รุ่นนับไม่ถ้วน? ช่างมหัศจรรย์ยิ่ง! และเจ้าก็ต้องการจะเดินจนกระทั่งหายลับไปยังที่ห่างไกล? พูดได้ดี!”

“เมื่อเจ้าตอบคำถามของข้าทั้งสามข้อแล้ว ก็ให้ข้าช่วยเหลือเจ้า เพื่อให้เดินจนกระทั่งหายลับไปยังที่ห่างไกล!” ขณะที่เสียงนั้นจางหายไป ภูเขากำเนิดใหม่ก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ พลังแห่งสวรรค์และปฐพี ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงมากกว่าก่อนหน้านี้ถึงสิบกว่าเท่า พุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ พุ่งผ่านอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าว หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเขา และจากนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำวนอันโอ่อ่าเกรียงไกรกระแสน้ำวนหมุนไปมาอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็เริ่มไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว

จิตใจเขาสั่นสะท้าน และแกนอสูรหลากสีด้านในจุดตันเถียน ก็เริ่มเต็มไปด้วยรอยร้าวในทันที รอยร้าวเหล่านั้นกระจายออก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ ในที่สุดแกนอสูรก็พังทลายลง และภาพลวงตาของมนุษย์ตัวเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นอยู่ภายใน!

มนุษย์ผู้นั้นดูเหมือนกับเมิ่งฮ่าวในทุกแง่มุม แตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือว่า เห็นได้ชัดถึงความเป็นอสูรในตัวของมันมากกว่าเขา นี่ก็คือวิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้าของเมิ่งฮ่าว, วิญญาณแรกก่อตั้งอสูร

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็ดูอ่อนแอ ดวงตาหลับอยู่ และไม่อาจจะลืมขึ้นมาได้ ทั้งหมดนี้ของมันไม่อาจจะเทียบได้กับวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งแปดของเมิ่งฮ่าว แต่ขณะที่พลังแห่งสวรรค์และปฐพีไหลเข้าไปในร่างมันมากขึ้น มันก็เริ่มเติบโตไปเรื่อยๆ

อยู่ในจุดสูงสุดของวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นต้น!

วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นกลาง!

จุดสูงสุดของวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นกลาง!

วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นสุดท้าย!

เส้นผมเมิ่งฮ่าวพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ศีรษะ และเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศ วิญญาณแรกก่อตั้งทั้งแปดที่หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเขา เมื่อวิญญาณแรกก่อตั้งอสูรยังคงอยู่ด้านใน กระแสน้ำวนที่อยู่รอบๆ ร่างก็เริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพลังทั้งหมดแห่งสวรรค์และปฐพี ก็ไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว

วิญญาณแรกก่อตั้งอสูรดูดพลังทั้งหมดเข้าไป ทันใดนั้นกลิ่นอายของวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็กระจายออกไป ในเวลาเดียวกันนั้น วิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้าก็ลอยออกมาจากจุดตันเถียน ลอยวนอยู่รอบๆ ร่างเขา

มันไปรวมกับวิญญาณแรกก่อตั้งอื่นๆ ลอยเป็นวงกลมอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ในที่สุด ดวงตามันซึ่งปิดอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นก็ลืมขึ้นมา

ม่านตามันเป็นสีเขียว และมีกลิ่นอายของอสูรโดยสิ้นเชิง

วิญญาณแรกก่อตั้งดวงที่เก้า…วิญญาณแรกก่อตั้งอสูร!

พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ประสบพบกับพลังที่ระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สายลมและกลุ่มเมฆม้วนตัวไปมา สวรรค์เปลี่ยนสีปฐพีสิ้นแสง ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเป็นจุดสนใจของทั่วทั้งสำนักเซียนอสูร

———————

หมายเหตุ 1. เมิ่งฮ่าวร่วมทางในรถม้ากับนักศึกษาเจิ้งยง ตอนที่ 58 2. เมิ่งฮ่าวออกเดินทางไปยังดินแดนด้านใต้ ตอนที่ 95 ในช่วงที่ฝนกำลังตก 3. โขกศีรษะสามครั้งในชีวิตภาพลวงตา ช่วงการแข่งขันเทพกระถางม่วง เริ่มตอนที่ 289 4. เป็นคำพูดที่เมิ่งฮ่าวเคยกล่าวไว้ใน ตอนที่ 291 ในโลกแห่งภาพลวงตา ช่วงการแข่งขันเทพกระถางม่วง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version