ตอนที่ 647
ท่านปรมาจารย์เมิ่งฮ่าว
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง
ตกตะลึงไปชั่วครู่ด้วยเสียงแผดร้องว่า ‘โชคบางอย่าง’ จากนั้นศีรษะขนาดใหญ่มหึมาของปรมาจารย์เอกะเทวะ ก็พุ่งตรงมาที่มันด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
มันเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพซ้อนทับกันขึ้น และอากาศก็แยกออกจากกัน
ปัง!
โทสะพุ่งขึ้นมาอยู่ในแววตาของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง โลหิตกระจายออกมาจากปากมัน และเกราะป้องกันเรืองแสงก็แวบขึ้นมา แต่เสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกไป เกราะป้องกันเริ่มแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ใบหน้ามันซีดขาว และเริ่มใช้สองมือขยับร่ายเวท ถามหาสายลม, ร้องเรียกสายฝน ทันใดนั้น พลังเวทก็หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน และวิชาเวทก็พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง พุ่งถอยไปด้านหลัง หนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิดจากมหันตภัยครั้งนี้
จิตใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หลังจากที่บรรลุขั้นตัดวิญญาณ มันไม่เคยพบเจอกับสิ่งใดๆ ที่ทำให้มันต้องหวาดกลัวมาก่อน โดยไม่ต้องกล่าวถึงตำแหน่งหลังจากที่บรรลุขั้นค้นหาเต๋า ทั่วทั้งดินแดนแห่งดาวหนานเทียน มันไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดๆ แม้แต่ความคิดที่จะหักหลังตระกูลจี้ ก็ยังไม่ทำให้มันต้องหวาดกลัว
แต่ตอนนี้มันกำลังหวาดกลัว รีบหลบหนีจากไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ในเวลาเดียวกันนั้นก็หยิบเอาอาวุธเวทสิบกว่าชิ้นออกมา ซึ่งแต่ละชิ้นก็ถือได้ว่าเป็นของวิเศษอันทรงคุณค่า มันต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเก็บรวบรวมมาได้ทั้งหมด มันปลดปล่อยอาวุธเวทเหล่านั้นออกไป ทำให้เกิดเป็นแสงเจิดจ้าขึ้น หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน ขณะที่พยายามหลบหนีจากไป
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของปรมาจารย์เอกะเทวะก็เต็มไปด้วยรังสีสังหาร ศีรษะมันจมกลับลงไป แต่จากนั้นก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง รวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า
เสียงแผดร้องอย่างโหยหวน ดังก้องออกมาจากปากของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ครั้งนี้มันไม่อาจจะหลบหนีไปได้ ของวิเศษอันล้ำค่าของมันถูกทำลายไป และเสียงขบเคี้ยวก็ได้ยินมา ขณะที่ครึ่งท่อนร่างของมันถูกบดขยี้ และถูกตัดออกไปโดยปรมาจารย์เอกะเทวะ
เสียงแผดร้องของมันดังอย่างน่ากลัวไร้ที่เปรียบ ปรมาจารย์ตระกูลหวังพยายามจะหลบหนีด้วยร่างที่ยังเหลืออยู่ครึ่งท่อนต่อไป เห็นได้ชัดว่ามันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โลหิตกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย โดยไม่หยุดเหลียวหลังกลับไปดูแม้แต่น้อย เขาโบกสะบัดมือทำให้โลหิตบางส่วนหมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง จากนั้นก็พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
ที่ด้านหลัง ปรมาจารย์เอกะเทวะระบายโทสะยังไม่เสร็จสิ้น ขณะที่ศีรษะมันพุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังอีกครั้ง มันรับรู้ได้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังอยู่ห่างออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆ แต่เพลิงโทสะของมันก็ยังไม่ลดลง แต่กลับเดือดพล่านออกมาจากด้านใน มันเปลี่ยนทิศทางในทันที เคลื่อนที่ไปราวกับเป็นสายฟ้า ฉับพลันนั้นก็ไปปรากฏอยู่ข้างเมิ่งฮ่าว ปากขนาดใหญ่โตของมันอ้าขึ้น ราวกับว่ามันกำลังจะกลืนกินเขาลงไป
ทันทีที่เกิดความคิดมุ่งร้ายเช่นนั้น เวทผนึกชั้นแล้วชั้นเล่าก็พุ่งออกมาอยู่รอบๆ ร่างมัน มองเห็นเป็นสัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วน เชื่อมต่อเข้าด้วยกันจนคล้ายกับเป็นสายโซ่ ซึ่งสาดประกายเจิดจ้า ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะ ไม่ว่ามันจะดิ้นรนต่อต้านอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่กระดองของมันก็ยังได้รับผลกระทบ รอยร้าวแตกกระจายออกไป ราวกับว่ามันกำลังจะถูกบดขยี้ทั้งเป็น
ความเจ็บปวดทำให้ปรมาจารย์เอกะเทวะ ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา ศีรษะมันพุ่งกลับไป จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรังเกียจ
“ตั้งแต่ข้ามาพบกับเจ้า ก็มีแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น!” ปรมาจารย์เอกะเทวะแผดร้องออกมา
“สักวันหนึ่ง เต่าของเมิ่งฮ่าวจะต้องขอร้องให้ข้าขี่มัน!” เมิ่งฮ่าวพุ่งถอยไปด้านหลังด้วยความเกลียดชัง มองไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะอย่างเย็นชา ขณะที่เขาพุ่งห่างออกไปไกล
คำพูดของเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะทำให้ปรมาจารย์เอกะเทวะเกิดเป็นโทสะขึ้นอยู่ภายในใจ ดวงตามันกลายเป็นสีแดงจ้า เริ่มบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้พยายามจะกินเมิ่งฮ่าวลงไปอีก ยังคงมองเห็นโซ่ที่เรืองแสงอยู่บนร่างมัน ทำให้ทั่วทั้งร่างรวดร้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด โทสะที่อยู่ภายในใจมันยากที่จะอธิบายออกมาได้ เมื่อไม่อาจจะทำอะไรเพื่อสังหารเมิ่งฮ่าวได้ สิ่งที่มันทำได้ทั้งหมดก็คือแวบตรงไปยังปรมาจารย์ตระกูลหวัง เพื่อระบายโทสะของมันต่อไป
จิตใจปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ในความฝัน มันก็ไม่เคยจะคาดคิดว่า จะต้องมาเผชิญหน้ากับเซียนอสูรในสถานที่เช่นนี้ ดาวหนานเทียนแห่งนี้เกินกว่าความเข้าใจของมันโดยสิ้นเชิง
“นี่เป็นไปไม่ได้! จะไปมีเซียนอสูรอยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนได้อย่างไรกัน?! บัดซบ! ตระกูลจี้ช่างไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง! ทำไมมันถึงยอมให้เซียนอสูรมาหลบซ่อนตัวอยู่ในทะเลเทียนเหอได้!?” ในตอนนี้ เมื่อต้องสูญเสียร่างกายไปครึ่งตัว ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็รู้อยู่ลึกๆ ในจิตใจว่า มันกำลังจะตายไป ไม่มีทางที่มันจะสามารถหลบหนีไปจากเซียนอสูรได้
“เจ้าบัดซบเมิ่งฮ่าว! ตอนแรกมันใช้กระบี่เซียนสังหารร่างจำแลงของข้า และตอนนี้มันก็ยังมีผู้พิทักษ์เต๋าเช่นนี้อีก! คนผู้หนึ่งจะโชคดีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!” ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังแทบจะรู้สึกว่ามันไม่อาจจะยอมรับได้ แต่จากนั้นก็ตระหนักว่า บางทีอาจจะเป็นเพราะเมิ่งฮ่าวมีโชคเช่นนั้น จึงทำให้มันสามารถก่อตัวพื้นฐานเต๋าสมบูรณ์ขึ้นมาได้
“โชคดีจริงๆ ที่ร่างนี้เป็นเพียงแค่ร่างจำแลง แต่มันก็เป็นร่างจำแลงที่มีเลือดเนื้อ และข้าก็จะได้รับความเสียหายบางส่วนถ้าร่างนี้ตายไป อย่างไรก็ตามข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วในตอนนี้…เช่นนั้นถ้าข้าจะต้องตายไป ข้าก็จะสู้กับเซียนอสูรตัวนี้!” แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นในดวงตามัน ขณะที่ศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะเข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงแผดร้อง ปรมาจารย์ตระกูลหวังหมุนวนไปรอบๆ และเริ่มขยับมือร่ายเวท
เมิ่งฮ่าวกำลังหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาจากไปเร็วมากจนแทบจะไม่มีเวลา เพื่อประสานมือและโค้งตัวลงให้กับกู๋อี่ติงซานอวี่ที่อยู่ห่างไกลออกไป ในตอนนี้ แผนการของเขาได้สำเร็จลุล่วงแล้ว และสิ่งที่อยู่ในจิตใจเขาทั้งหมดก็คือการหลบหนีจากไป
ตอนนี้ศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะอยู่ห่างไกลจากเมิ่งฮ่าว มันมีโทสะและรู้สึกผิดหวังด้วยเช่นกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่มันต้องมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว ก็ไม่เคยจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น ครั้งแรกมันถูกบังคับให้ต้องจากไปพร้อมกับแคว้นจ้าว ตอนนี้มันถูกลบหลู่ให้ได้รับความอัปยศ
ความรู้สึกรำคาญใจทำให้ความโกรธของมันเพิ่มมากขึ้น ปรมาจารย์เอกะเทวะต้องการระบายโทสะเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นพร้อมกับรังสีสังหารมันพุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตามมาด้วยเสียงแผดร้องอย่างโหยหวน เมิ่งฮ่าวไม่หยุดลงแม้แต่น้อย กลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพียงแค่สิบกว่าลมหายใจ เขาก็ไปอยู่ตรงชายขอบของทะเล
ที่ด้านหน้ามีศิษย์สำนักเซียวเหยาอยู่บางส่วน เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจทันที มีผู้ฝึกตนสองคนในกลุ่มพวกมัน ที่จดจำเมิ่งฮ่าวได้เมื่อครั้งที่เขายังอยู่ในแคว้นจ้าว
“ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์เมิ่งฮ่าว!” พวกมันกล่าว ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
เมื่อได้เห็นท่าทีของพวกมัน ก็ทำให้คนอื่นๆ ตระหนักว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเมิ่งฮ่าว เป็นบุคคลที่ปรมาจารย์พวกมันเสี่ยงชีวิตปกป้อง เป็นบุคคลที่มีอาวุโสมากที่สุดในสำนัก เพียงแค่รองลงมาจากท่านปรมาจารย์เองเท่านั้น แน่นอนว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่ได้สูงมากนัก ทำให้พวกมันไม่มีทางรู้เรื่องที่ ปรมาจารย์เอกะเทวะพยายามที่จะกลืนกินเมิ่งฮ่าวเข้าไป
นอกจากนี้ ในสำนักเซียวเหยา ไม่มีอะไรจะสำคัญมากไปกว่าเรื่องระดับอาวุโส มันถูกกำหนดขึ้นมาเป็นกฎของสำนัก และถูกประทับลึกอยู่ในจิตใจพวกมันมานานแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะกล้าต่อต้านขัดขืน เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวแล้วไม่โค้งตัวลงในทันที ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะยอมรับได้
“ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์เมิ่งฮ่าว!” คนทั้งหมดกล่าวขึ้น ประสานมือและโค้งตัวลง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาพยักหน้าให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นขณะที่พุ่งผ่านพวกมันไป
เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มันก็แทบจะกระอักโลหิตออกมา โทสะของมันเดือดพล่านมากขึ้นกว่าเดิม มันรู้สึกราวกับว่าเพิ่งจะยกก้อนศิลาขึ้นมาจะทุ่มใส่เมิ่งฮ่าว แต่ก็ทำก้อนศิลานั้นหลุดมือมาทับใส่เท้าตนเอง การกระทำจากก่อนหน้านี้ของมัน ได้ทำให้ศิษย์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดเชื่อโดยสนิทใจ ทำให้พวกมันตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง เพียงชั่วเวลาสั้นๆ นามเมิ่งฮ่าวก็กระจายออกไปทั่วรอบๆ บริเวณนั้น
“ไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นกับข้าเลย เมื่อมีเมิ่งฮ่าวอยู่! บัดซบ!!” โทสะของมันพุ่งทะยานขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปรมาจารย์เอกะเทวะกัดลงไปยังร่างครึ่งตัวของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ซึ่งกำลังเจ็บปวดทรมานอยู่
เดิมทีเมิ่งฮ่าวคิดว่าจะจากไป แต่จากนั้นก็หยุดลง เมื่อเขาคิดไปถึงการแสดงของปรมาจารย์เอกะเทวะก่อนหน้านี้ และความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง รวมถึงรังสีสังหารที่มันแสดงออกมาสองครั้งเมื่อครู่นี้ ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะปล้นอย่างรวดเร็วอีกเล็กน้อย เขาหมุนตัวกลับไปยังศิษย์สำนักเซียวเหยา
“นำหินลมปราณทั้งหมดของพวกเจ้าออกมา และส่งมอบมาให้ข้า หลังจากนี้ปรมาจารย์เซียวเหยาก็จะตอบแทนพวกเจ้านับร้อยเท่า! ไม่ต้องกังวล ปรมาจารย์เซียวเหยายินดีที่จะสละชีวิตของท่านเพื่อข้า แล้วพวกเจ้าคิดว่าท่านจะสนใจเรื่องหินลมปราณเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้?” ขณะที่เมิ่งฮ่าวกล่าว เขาก็กระจายพลังลมปราณเข้าไปในเสียง ทำให้คำพูดนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์
เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะได้ยินคำพูดเหล่านั้น โทสะของมันก็ยิ่งเดือดพล่านมากขึ้นกว่าเดิม มันมองไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังที่เบื้องหน้า ซึ่งแทบจะใกล้ตายไปแล้ว อีกครึ่งหนึ่งของจิตใจก็คิดจะไล่ตามเมิ่งฮ่าวไปอีกครั้งเพื่อจะไปสังหารเขา แต่มันก็รู้ว่าถ้าทำเช่นนั้น มันก็จะถูกขัดขวางจากเวทผนึก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามันพูดจาขัดแย้งกับเมิ่งฮ่าว ก็จะทำให้มันต้องเสียหน้า และผู้คนก็จะสงสัยในพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของมัน ตอนนี้คำพูดของเมิ่งฮ่าว กำลังดังก้องอยู่ในหูของศิษย์สำนักเซียวเหยาทั่วทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าในวันข้างหน้า ปรมาจารย์เอกะเทวะไม่มีทางเลือก นอกจากต้องจ่ายหินลมปราณคืนกลับไปให้แทนเมิ่งฮ่าว
“ฮึ่ม!” มันพยายามทำใจให้สบาย “ศิษย์กระจ้อยร่อยเหล่านั้นจะมีหินลมปราณมากมายเท่าไหร่กัน? ใครจะไปสนว่าข้าต้องจ่ายคืนให้พวกมันร้อยเท่า! น้ำลายของข้ายังมีค่ามากกว่านั้น!” ด้วยเช่นนั้น มันจึงหดศีรษะกลับเข้าไปด้านใน ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังที่ตอนนี้กำลังถูกงับอย่างดุร้ายอยู่ในฟันของมัน ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา
กลุ่มผู้ฝึกตนจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็หยิบถุงสมบัติออกมา และยื่นส่งหินลมปราณที่มีอยู่ในนั้นทั้งหมดให้กับเขา ศิษย์สำนักเซียวเหยาทั้งหมดเหล่านี้มีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกมันจึงมีหินลมปราณอยู่นับหมื่น เมิ่งฮ่าวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ขณะที่เขารวบรวมหินลมปราณทั้งหมดเข้าด้วยกัน
“ข้ารับของพวกเจ้ามาหนึ่งแสนหินลมปราณ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเป็นเสียงดัง เสียงของเขาดังก้องออกไปทั่วทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์ “อย่าลืมเก็บใบรับเงินนี้ไว้!” เขาโยนแผ่นหยกออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งจากไปยังที่ห่างไกล
กลุ่มคนทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าพวกมันส่งมอบไปให้น้อยกว่าห้าหมื่นหินลมปราณ แล้วจู่ๆ จะกลายเป็นหนึ่งแสนได้อย่างไรกัน? แต่หลังจากนั้น ดวงตาพวกมันก็เริ่มสาดประกาย ขณะที่ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวได้มอบโชคให้กับพวกมัน จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความยินดี คนทั้งหมดโค้งตัวลงต่ำให้กับเงาร่างที่กำลังหายลับไปของเมิ่งฮ่าว
“ขอน้อมส่งท่านปรมจารย์เมิ่งฮ่าวด้วยความเคารพ!”
ปรมาจารย์เอกะเทวะได้ยินคำพูดของพวกมัน และเริ่มสั่นไปทั้งร่าง จากนั้นมันก็ส่งเสียงแผดร้องออกมาด้วยความเดือดดาล
“เมิ่งฮ่าว!!!”
“ท่านปรมาจารย์, ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันข้าอีก!” เมิ่งฮ่าวร้องตอบกลับไป “ศิษย์จะจากไปแล้วในตอนนี้ ท่านปรมาจารย์, ท่านได้เสี่ยงชีวิตเพื่อข้า ทำให้ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก! ข้าจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป!” ในตอนนี้ เขาได้บินออกไปจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ และลอยอยู่เหนือทะเล ไกลออกไปด้านหลัง ร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง เต็มไปด้วยโลหิตและชิ้นเนื้อ มันส่งเสียงแผดร้องโหยหวนอย่างน่ากลัวเป็นครั้งสุดท้าย และจากนั้นก็กระจายออกเป็นชิ้นๆ ถูกกลืนลงไปโดยปรมาจารย์เอกะเทวะ
ศีรษะปรมาจารย์เอกะเทวะหมุนไปจ้อง ยังเงาร่างที่กำลังจากไปของเมิ่งฮ่าวอย่างเกลียดชัง หลังจากผ่านไปนานชั่วครู่ มันก็ยกศีรษะขึ้นและส่งเสียงกู่ร้องออกมา คลื่นขนาดใหญ่พลุ่งพล่านไปทั่วทั้งท้องทะเล ก่อตัวขึ้นเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ กวาดไปรอบๆ เกาะศักดิ์สิทธิ์ สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับทุกคน ทำให้ทั่วทั้งเกาะพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
สายลมพัดผ่าน และคลื่นก็แตกกระจาย เพียงชั่วพริบตา ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเกาะเหลืออยู่ มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังมีอยู่ในทะเล ก็คือเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ
ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในตระกูลหวังแห่งดินแดนด้านใต้…
ร่างจริงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง นอนอยู่ในโลงในหลุมฝังศพของมันใต้เทือกเขา ทันใดนั้นมันก็ลืมตาขึ้นมา และจากนั้นก็กระอักโลหิตออกมากองโต ลุกขึ้นมานั่งและขณะที่ทำเช่นนั้น หน้าตาของมันก็แก่ลงไปมากกว่าเดิม ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปมากขึ้น กลิ่นอายตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโกลาหล
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นดูโบราณของมันซีดขาว ขณะที่คว้าจับไปที่ด้านข้างของโลงไม้ มันมองขึ้นไป และภายในม่านตาก็ปรากฏเป็นความเกลียดชังอย่างชั่วร้ายเข้มข้น
หลังจากเวลานานผ่านไป ดวงตามันก็สาดประกาย
“มีความเป็นศัตรูกันระหว่างปรมาจารย์เอกะเทวะและเมิ่งฮ่าว มันโจมตีเมิ่งฮ่าวไปสองครั้ง…แต่ก็ไม่อาจจะกำจัดเจ้าเด็กนั่นไปได้ เนื่องจากเวทผนึก”
“เหตุผลที่มันโจมตีข้าก็เพราะว่า ข้าบังเอิญไปตอแยมัน”
“ในทางกลับกัน นั่นก็หมายความว่า มันจะไม่ช่วยเมิ่งฮ่าวอีกเป็นครั้งที่สอง”
“ครั้งต่อไป…ครั้งต่อไปเมื่อข้าไล่ตามมันทัน ก็จะเป็นวันที่เมิ่งฮ่าวต้องสูญเสียพื้นฐานเต๋า!” ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่แสงอันเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตา