ตอนที่ 669
เจ้าคนหลอกลวง!
ในตอนที่แผ่นศิลาระเบิดออก หยางหุนเซิ่ง (ผู้ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณหยาง) ซึ่งนั่งอยู่ในหอคอยแห่งเมืองไห่เฉิง จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา มันส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปในเมือง เชื่อมต่อกับจุดที่เมิ่งฮ่าวอยู่ในทันที
หลังจากที่ตรวจสอบสถานการณ์ ใบหน้ามันก็บิดเบี้ยวขึ้นอีกครั้ง
“พยายามจะแข่งขันหัวใจอสูรกับมัน? ทั้งเจ็ดคนนั้นช่างรนหาที่ตายโดยแท้!”
“ต้องไม่ปล่อยให้คนผู้นี้มีโอกาส มันมักจะหาเหตุผลต่างๆ มากมายไปรบกวนสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นๆ” หยางหุนเซิ่งมองไปยังขวดน้ำเต้า ซึ่งวางอยู่ที่ด้านข้าง และเริ่มรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย เมื่อมันคิดเกี่ยวกับสุราที่อยู่ในขวดน้ำเต้านั้น ใบหน้ามันก็เริ่มดูน่าเกลียดขึ้น
หยางหุนเซิ่งโบกสะบัดชายแขนเสื้อข้างขวา และทันใดนั้น ก็มีคนจากด้านนอกหอคอยเข้ามาใกล้ เมื่อเข้ามาด้านใน คนผู้นั้นก็คุกเข่าลงและโขกศีรษะให้ในทันที
“ขอคารวะ ท่านอาจารย์”
มันเป็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดยาวสีม่วง สีหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส และดวงตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่วิญญาณแรกก่อตั้ง ห่างจากตัดวิญญาณอีกไม่ไกลแล้ว
“ไปยังศาลาแลกเปลี่ยนหัวใจอสูรของสำนัก” หยางหุนเซิ่งกล่าวเสียงราบเรียบ “เรียนเชิญบุรุษผู้หนึ่งมายังที่นี่ จดจำไว้ให้ปฏิบัติต่อมันด้วยความสุภาพ เช่นเดียวกับที่เจ้าปฏิบัติต่ออาจารย์”
บุรุษวัยกลางคนพยักหน้าในทันที แต่เมื่ออาจารย์ของมันไม่พูดอะไรออกมาอีก ก็ทำให้มันต้องหยุดชะงักไปชั่วครู่
“อาจารย์, ผู้อาวุโสท่านนี้มีนามว่าอะไร?”
“แค่เจ้าไป ก็จะรู้ว่าเป็นมันในแวบแรก” ท่าทางหยางหุนเซิ่งไม่ต้องการจะพูดคุยเรื่องนี้อีกต่อไป
บุรุษวัยกลางคนลุกขึ้นมายืน รู้สึกมึนงงอยู่เล็กน้อย ออกจากหอคอยไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปยังชั้นสองของร้านแลกเปลี่ยนหัวใจอสูรสำนักหยางหุนเต้า เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับประสานมืออยู่ที่ด้านหลัง มองลงไปยังเศษชิ้นส่วนของตาชั่งหัวใจอสูรเก้ามังกรที่แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น จากนั้นก็มองไปยังเจ็ดชายชรา ซึ่งยืนหน้าตาเหลอหลาเหมือนไก่ตาแตก เงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง
พวกมันยืนอยู่ที่นั่นราวกับเป็นคนโง่ไร้สติ จิตใจเต็มไปด้วยคลื่นลูกใหญ่ที่กระแทกเข้ามาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนรู้สึกราวกับว่ากำลังจะฉีกขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จากนั้น พวกมันก็เริ่มคิดคำนวน…
“เปลี่ยนสีหนึ่งครั้ง บ่งบอกว่าจำนวนของหัวใจอสูรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า…”
“มีการเปลี่ยนสีทั้งหมดหกครั้ง ซึ่งหมายความว่าจำนวนของหัวใจอสูรจะเป็นหกเท่าของจำนวนก่อนหน้านี้…ก่อนหน้านี้มีหัวใจอสูรอยู่แปดหมื่นดวง อย่าบอกข้านะว่าถุงสมบัติของมันจริงๆ แล้วก็มีหัวใจอสูรอยู่ห้าแสนดวง!?!?”
“ถ้าแลกเปลี่ยนห้าแสนหัวใจอสูรเป็นหินลมปราณ นั่น…นั่นต้องมี…”
“มากกว่าสามร้อยล้าน!!” จิตใจพวกมันส่งเสียงดังกระหึ่ม ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัว
“ไม่มีทาง!!”
“ตาชั่งหัวใจอสูรเก้ามังกร จริงๆ แล้วก็มีข้อจำกัด จากมาตรฐานของหัวใจอสูรระดับต่ำ มันสามารถจะรองรับได้ถึงหนึ่งล้าน หัวใจอสูรห้าแสนถึงหกแสน ไม่อาจจะทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!” ชายชราอ้าปากค้าง และจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกมันจะทันได้ค้นหาว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ผู้พิทักษ์โจวและผู้อาวุโสซุน ซึ่งถึงแม้ว่าจะกำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน พวกมันจึงมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วย
สายตาของคนทั้งเก้ากลายเป็นสีแดงขึ้นมาในทันที
ตอนนี้ สีหน้าของเจ็ดชายชรา เต็มไปด้วยโทสะ ในขณะที่พวกมันคิดว่า…ต้องพ่ายแพ้ไป
“เจ้าคนหลอกลวง!!” พวกมันแผดร้อง ด้วยเสียงแหบแห้ง
ถ้าพวกมันแพ้ หัวใจอสูรทั้งหมดของพวกมันก็จะกลายเป็นของเมิ่งฮ่าว เป็นจำนวนที่มากมายซึ่งโดยเบื้องต้นแล้วพวกมันไม่อาจจะยอมรับได้ นอกจากนั้นหัวใจอสูรเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกมัน แต่เป็นทรัพย์สินของสำนักและตระกูลต่างๆ ที่พวกมันสังกัดอยู่
“เจ้าต้องหลอกลวงอย่างแน่นอน! ตาชั่งหัวใจอสูรรองรับหัวใจอสูรระดับต่ำได้ถึงหนึ่งล้านดวง ข้าไม่เชื่อว่าถุงสมบัติของเจ้าจะมีมากกว่าเก้าแสนดวง!”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำได้อย่างไร แต่มันไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน การกระทำเช่นนี้ช่างเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้!” รังสีสังหารของชายชรา ทันใดนั้นก็เริ่มรับรู้ได้ชัดเจนมากขึ้น
“เจ้ากล้าที่จะมาแข่งขันกันอีกครั้งหรือไม่!? เอาหัวใจอสูรออกมาจากถุงสมบัติของเจ้า และพวกเราจะมานับกันโดยตรง!”
“ถ้าเจ้าไม่กล้า ก็แสดงว่าเจ้าหลอกลวง! การมาตลบตะแลงต่อหน้าพวกเรา ก็หมายความว่าเจ้าไม่อาจจะมีชีวิตรอดออกไปจาก ศาลาแลกเปลี่ยนหัวใจอสูรแห่งนี้ได้!”
เจ็ดชายชราแสดงท่าทางข่มขู่คุกคาม พวกมันก้าวเดินตรงไป ปลดปล่อยพลังจากพื้นฐานฝึกตนออกมา กลายเป็นลมพายุที่ไร้ตัวตนกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ใบหน้าเหวยหลีซีดขาว ถ้าไม่ใช่ว่านางกำลังหลบซ่อนอยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว นางก็คงไม่อาจจะรับมันไว้ได้ ร่างกายคงจะระเบิดออกมาแล้ว
ชายชราผู้ซึ่งยื่นมือออกมาจะหยิบเอาถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าวไปเมื่อครู่นี้ จู่ๆ ก็หยิบเอาถุงสมบัติอีกหนึ่งใบมาโยนลงไปบนแผ่นศิลา เก้ามังกรแวบแสงขึ้น ทันใดนั้น แสงสีน้ำเงินก็ปรากฏออกมา
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้เป็นสีน้ำเงินไปทั้งหมด มีแต่มังกรตัวแรกเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินไปครึ่งตัว
“เก้าหมื่นแปดพันหัวใจอสูรระดับต่ำ นี่เป็นหัวใจอสูรทั้งหมดที่เหล่าฟูมี เจ้ากล้าที่จะเดิมพันกันอีกครั้งหรือไม่?!”
ผู้พิทักษ์โจวและซุนอวิ๋นเลี่ยง ยืนห่างออกไปที่ด้านข้างมองมาอย่างเงียบๆ ครั้งนี้ผู้พิทักษ์โจวไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ มันไม่ต้องการจะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
เมิ่งฮ่าวมองไปยังเจ็ดชายชราอย่างเย็นชา จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้น ถุงสมบัติทั้งหมดก็ลอยขึ้นมาจากเศษชิ้นส่วนที่ถูกทำลายไปของแผ่นศิลา เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ชายชราหลายคนก็ส่งเสียงแผดร้องออกมา และเข้ามาใกล้เขา
แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็เปิดถุงสมบัติใบสุดท้ายออก และนำหัวใจอสูรออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก มันเปล่งประกายเป็นสีสันอันสดใส ตามมาด้วยพลังลมปราณที่เข้มข้น เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้หัวใจอสูรลอยไปยังซุนอวิ๋นเลี่ยง
“ผู้อาวุโสซุน ช่วยประเมินราคาให้ข้าด้วย ได้หรือไม่?” เขากล่าวเสียงราบเรียบ
เจ็ดชายชราหยุดชะงักนิ่ง และมองไปยังหัวใจอสูรที่อยู่ในมือซุนอวิ๋นเลี่ยง สีหน้าพวกมันสลดลง ไมจำเป็นต้องมองดูให้ละเอียด จากพลังลมปราณ รวมถึงสีสันและขนาดรูปร่าง ก็สามารถบ่งบอกได้อย่างง่ายดายว่า…
“หัวใจอสูรระดับกลาง!!” ซุนอวิ๋นเลี่ยงอ้าปากค้าง คำพูดของมันบดขยี้ไปยังความหวังสุดท้ายของเจ็ดชายชราในทันที แต่ละคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ซุนอวิ๋นเลี่ยงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจ้องไปยังหัวใจอสูร สีหน้ามันเปลี่ยนไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย จากนั้นก็หันไปจ้องยังถุงสมบัติที่อยู่ในมือเมิ่งฮ่าว เจ็ดชายชราก็กระทำเช่นเดียวกัน พวกมันทั้งหมดคาดคิดคำนวนอยู่ภายในใจเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จนทำให้ใบหน้าพวกมันเริ่มน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ
“ราคาของหัวใจอสูรระดับกลาง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก” ซุนอวิ๋นไห่กล่าว “หนึ่งดวงมีค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นหินลมปราณ หรือหัวใจอสูรระดับล่างสิบดวง แน่นอนว่ามันไม่อาจจะแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้อีก” มันมองมายังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็กล่าวขึ้นช้าๆ “สหายเต๋า, ท่านมีหัวใจอสูรระดับกลางอยู่มากมายเท่าใด?”
เมิ่งฮ่าวไม่ได้กล่าวตอบใดๆ เขาแค่โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้น้ำตกแก้วผลึกที่เปล่งแสงระยิบระยับลอยออกมาจากถุงสมบัติ ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยพลังลมปราณอันเข้มข้นในทันที ชั้นสองกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นดินแดนแห่งเซียน
หนึ่งหมื่นหัวใจอสูรระดับกลางซ้อนกันเป็นชั้นๆ สูงขึ้นไปอยู่รอบๆ บริเวณนั้น คนทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้ จู่ๆ ก็เริ่มหอบหายใจออกมา และจิตใจก็สั่นสะท้าน
“หนึ่ง…หนึ่งหมื่นหัวใจอสูรระดับกลาง นั่นเทียบเท่ากับหนึ่งแสนหัวใจอสูรระดับล่าง พวกมันสามารถนำไปแลกเป็น…หนึ่งร้อยล้านหินลมปราณ!” ซุนอวิ๋นเลี่ยงพยายามที่จะรักษาความสงบเยือกเย็น ขณะที่มันพูดออกมา
แต่กลับกัน ผู้พิทักษ์โจว รู้สึกว่าสายตามันเริ่มพร่าเลือน จนแทบจะหมดสติไป มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า บุคคลที่มันเคยดูถูก จะเป็นผู้ที่มีหัวใจอสูรระดับกลางมากมายเช่นนี้?
สำหรับเจ็ดชายชรา พวกมันสั่นสะท้านยืนแน่นิ่ง และดูแทบจะราวกับว่าพวกมันเพิ่งจะแก่ชราลงไปอีกสิบปี
“ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกันตรงๆ” ซุนอวิ๋นเลี่ยงกล่าว มองไปยังเมิ่งฮ่าว มันประสานมือและโค้งตัวลงด้วยความสุภาพ “สหายเต๋า, ท่านคือผู้ชนะ”
เหวยหลียืนอยู่ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว จิตใจนางหมุนคว้าง นางรู้ว่าเมิ่งฮ่าวร่ำรวย แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่าเขาจะ…ร่ำรวยมากเช่นนี้
เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมา เก็บรวบรวมถุงสมบัติที่เป็นของเจ็ดชายชราไว้ ชายชราทั้งเจ็ดมองมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ตอนนี้รังสีสังหารของพวกมันยิ่งเข้มข้นมากขึ้น เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวกล้าที่จะนำถุงสมบัติของพวกมันไป ก็ทำให้อารมณ์พวกมันพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด
“รอสักครู่!”
“สหายเต๋า, แน่นอนว่าเจ้ามีหัวใจอสูรมากกว่าพวกข้า แต่เจ้าก็ยังไม่ได้อธิบายเรื่องหลอกลวงก่อนหน้านี้!”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีหนึ่งหมื่นหัวใจอสูรระดับกลาง แต่นั่นก็ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ตาชั่งหัวใจอสูรเก้ามังกรเสียหายได้! เจ้าคนหลอกลวง ซึ่งหมายความว่าการเดิมพันยังไม่จบ! พวกเราไม่ยอมรับเรื่องนี้!” แน่นอนว่า เจ็ดชายชราในตอนนี้กำลังอาศัยการหลอกลวงเป็นข้ออ้าง และพวกมันก็รู้ดี แต่พวกมันจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้อีก? พวกมันต้องไม่ยอมให้เมิ่งฮ่าวนำหัวใจอสูรจากไปโดยง่ายดายอย่างแน่นอน
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้พวกท่านยอมรับ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเยือกเย็น โบกสะบัดมือ ทำให้หัวใจอสูรที่ยังเหลืออยู่ในถุงสมบัติสองหมื่นดวงลอยออกมา ซ้อนสูงขึ้นไปในทั่วทุกที่ จนเกือบจะเต็มไปทั่วทั้งชั้นสอง
ดวงตาของเจ็ดชายชราเบิกกว้าง ขณะที่เมิ่งฮ่าวทำให้หัวใจอสูรระดับสูงลอยออกมาจากถุงสมบัติ ความงดงามของหัวใจอสูรระดับสูง ทำให้สายตาของคนทั้งหมดบนชั้นสองเริ่มเพ่งมองไปยังมันในทันที
พลังลมปราณที่พวกมันกระจายออกมา กลายเป็นกลิ่นอายที่คล้ายกับเป็นเสา พุ่งขึ้นไปในอากาศเหนือเมืองไห่เฉิง แสงหลากสีพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า สายลมและกลุ่มเมฆม้วนตัวลอยไปมา
ผู้ฝึกตนทั้งหมดในเมืองไห่เฉิง มองขึ้นไปด้วยความงุนงงในทันที เสียงพูดคุยทันใดนั้นก็ดังขึ้นกระจายไปทั่วทั้งเมืองไห่เฉิง
ย้อนกลับไปในศาลาแลกเปลี่ยนหัวใจอสูร ซุนอวิ๋นเลี่ยงอ้าปากค้างจ้องมองไปยังหัวใจอสูรระดับสูง หยิบขึ้นมาหนึ่งดวง และมองดูอย่างละเอียด จากนั้นก็กล่าวเสียงแหบแห้งขึ้น “นี่…นี่…คือหัวใจอสูรระดับสูง!!”
สิ่งของเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นของวิเศษ และยากที่จะพบเห็น ปกติมักจะทำการซื้อขายกันในการประมูลเพียงแค่ดวงเดียว และในหลายปีที่ผ่านมา มันเคยเห็นไม่ถึงหนึ่งร้อยดวง
“ราคาประมูลเริ่มต้นสำหรับหัวใจอสูรระดับสูงก็คือ ห้าแสนหินลมปราณ พวกมันสามารถแลกเป็นหัวใจอสูรระดับกลางห้าสิบดวง หรือห้าร้อยหัวใจอสูรระดับต่ำ…ที่นี่มีถึงหนึ่งหมื่นดวง…ก็หมายความว่ามีค่าเท่ากับ…เท่ากับ…ห้าพันล้านหินลมปราณ!!”
ภาพตรงหน้าของผู้พิทักษ์โจวในตอนนี้มืดลงไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับเจ็ดชายชรา ใบหน้าพวกมันซีดขาวราวคนตาย และจิตใจก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม พวกมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า จะมาเดิมพันกับใครบางคนที่ลึกลับและยากที่จะคาดเดาได้เช่นนี้?
พวกมันมีหัวใจอสูรที่มีค่าไม่กี่สิบล้านหินลมปราณ แต่มาเดิมพันกับคนที่ร่ำรวยมากกว่า…ซึ่งเป็นคนที่มีมากถึงห้าพันล้าน
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทันใดนั้น หัวใจอสูรทั้งหมดก็ลอยกลับเข้าไปในถุงสมบัติของเขา รวมทั้งหัวใจอสูรประมาณหนึ่งแสนดวง ที่เป็นของเจ็ดชายชราด้วย ชายชราทั้งเจ็ดเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงแผดร้องออกมา ดวงตาพวกมันเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่พลังพื้นฐานฝึกตนของพวกมันระเบิดออกมาโดยสิ้นเชิง และพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็กลายเป็นเย็นชา
“ไสหัวไป!”
สามคำทำให้จิตใจของชายชราทั้งเจ็ด รู้สึกราวกับว่าพวกมันกำลังถูกสายฟ้าฟาดลงมา โลหิตพ่นออกมาจากปากพวกมัน ไม่อาจจะเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าวได้ ก่อนที่พวกมันจะลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง พวกมันก็มองมายังเขาและกระอักโลหิตออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ตัด…ตัดวิญญาณ!!” ใบหน้าพวกมันซีดขาวไร้สีเลือด และเริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ครั้งนี้ผู้พิทักษ์โจวได้สลบไปจริงๆ หล่นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
ซุนอวิ๋นเลี่ยงอ้าปากค้าง ก้าวเท้าตรงไป และจากนั้นก็โค้งตัวลงพร้อมกับประสานมือ “ผู้เยาว์ขอคารวะท่านผู้อาวุโส!”