ตอนที่ 687
ท่านอยู่, ข้าอยู่
หญิงสาวนางนั้นเดินมาจนกระทั่งถึงชายฝั่ง สายฝนตกลงมาอยู่รอบๆ ตัวนาง แต่ก็ไม่สัมผัสโดนเสื้อผ้านางเลยแม้แต่น้อย นางมีความงดงาม และมีกลิ่นอายของผู้ฝึกตน ทำให้ดูสง่างามราวกับนางเซียน
ใบหน้านางดูเย็นชา และกำลังขมวดคิ้วอยู่ มองเห็นความขมขื่นอยู่ในดวงตา และดูเหมือนว่านางกำลังปกปิดความวิตกกังวลอันยิ่งใหญ่ และความสับสนที่อยู่ภายในจิตใจไว้
นางก็คือสวี่ชิง
นางพยายามค้นหาเมิ่งฮ่าวมานานหลายปี แต่ก็ไม่พบอะไรเลย…นางผอมลงกว่าก่อนหน้านี้มากนัก
นางทำตามหัวใจของนางจนกระทั่งมาพบกับทะเลสาบนี้ ซึ่งก็เป็นบ้านเกิดในอดีตของนางด้วยเช่นกัน
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นนาง นางก็มองเห็นเมิ่งฮ่าวที่แก่ชราด้วยเช่นกัน นางรู้สึกว่ามีบางอย่างที่คุ้นเคยอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับเขา ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนทิศทาง และมุ่งหน้าตรงมายังกระท่อมไม้หลังนี้
“ท่านเป็นคนแจวเรืออยู่ที่นี่?” นางถาม มองมาที่เขา ใบหน้านางเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ทำให้จิตใจของผู้คนต้องสั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวก้มหน้าลง แอบถอนหายใจอยู่ภายใน
เสียงของสวี่ชิงสงบนิ่ง เย็นชาเหมือนทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม รูปร่างหน้าตาของเมิ่งฮ่าวได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก แม้แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างมาก ก็เป็นเรื่องยากที่จะจดจำเขาได้ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอก
หลังจากผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็พยักหน้า
คิ้วที่ขมวดอยู่ของสวี่ชิงลึกมากขึ้น “ท่านเคยเห็นใครบางคนผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่?” นางถาม นางได้ทำการค้นหามานานนับร้อยปี ถึงแม้จะล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ นางต้องการจะเห็นเขา ถ้าเขาตายไปแล้ว นางก็ต้องการจะเห็นซากศพ ถ้าหาเขาไม่พบ…นางก็จะทำการค้นหาต่อไป
นางมีบุคลิกที่เรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายเป็นอย่างมากนั้น ได้ทำให้นางมีความมุ่งมั่นเช่นนี้
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางรู้สึกว่า ถ้านางหาเมิ่งฮ่าวไม่พบ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า…นางไม่อาจจะค้นหาเส้นทางในชีวิตของตนเองได้อีกแล้ว
“ข้าไม่เคยเห็นใครเลย” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงราบเรียบ ส่ายหน้า เสียงของเขาแหบแห้ง และมีสุ้มเสียงที่ไม่เหมือนเดิม การที่ได้เห็นสวี่ชิงอีกครั้งก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจแล้ว แต่ก็ไม่ต้องการจะให้นางรู้ว่าเขาคือใคร ในขณะที่เขามีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้
รู้แล้วจะเป็นอย่างไร? นอกจากต้องให้นางเฝ้ารอเขาอยู่ที่ด้านนอกของถ้ำกำเนิดใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นถ้าเขาไม่กลับออกมาอีกเลย นางก็จะกลายเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความทุกข์ อันเนื่องมาจากชีวิตที่เศร้าหมองและน่าหดหู่
จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ ที่จะลืมซึ่งกันและกันไป…?
สวี่ชิงมองไปยังบริเวณรอบๆ จากนั้นก็แอบถอนหายใจอยู่ภายใน หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านเมิ่งฮ่าว สิ่งที่นางมองเห็นได้ทั้งหมดก็คือมนุษย์ธรรมดา แต่นางก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ดูคุ้นเคย ทำให้นางต้องมองไปที่เขาเป็นครั้งที่สอง
“พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?” นางถาม
“ไม่” เขากล่าวตอบพร้อมกับส่ายหน้า
นางจ้องมองเขาเป็นเวลานานสักพัก และความซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ความซับซ้อนอันเข้มข้นนั้นกลายเป็นความโศกเศร้าเสียใจ ร่างนางสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อยกล่าวว่า
“ข้ากำลังมองหาใครบางคน ซึ่งเป็นคนรักของข้า ถ้าท่านเห็นมัน ได้โปรดช่วยฝากข้อความให้ข้าด้วย ในชาตินี้…ถ้ามันอยู่, ข้าก็อยู่ ถ้ามันตาย, ข้าก็ตาย!”
นางหันหลังไปด้วยความขมขื่น และเริ่มเดินออกไปในท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ถูกห้อมล้อมปกคลุมด้วยสายฝน ชุดขาวที่นางสวมใส่ ทำให้ดูคล้ายกับเป็นดอกบัวสีขาว งดงามอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ก็โศกเศร้าเสียใจอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวมองไปยังนางที่กำลังเดินจากไป และความอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นในดวงตา เขามองเห็นความเหน็ดเหนื่อยและความโศกเศร้าเสียใจของนาง ทำให้ต้องถอนหายใจออกมา
“บางคนเลือกที่จะไม่ให้มีสิ่งใดๆ มาขัดขวางการฝึกตน ดังนั้นจึงสามารถฝึกฝนด้วยจิตใจที่เป็นอิสระไร้สิ่งกีดขวาง ขณะที่บางคนมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้สามารถบรรลุถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี” เมิ่งฮ่าวคิด
“นาง…พูดอย่างตรงไปตรงมา ทำให้จิตใจข้าต้องสั่นสะท้าน…”
ในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “รอสักครู่”
สวี่ชิงที่ถูกปกคลุมด้วยสายฝนหยุดชะงักนิ่ง หันหลังกลับมามองเขาที่กำลังนั่งอยู่ที่นั่น ในเงาของชายคากระท่อม ดูแก่ชราโบราณและเสื่อมโทรม
เขากล่าวต่อ “บุคคลที่ท่านกำลังหาอยู่เป็นนักศึกษาอายุประมาณยี่สิบ สวมใส่ชุดยาวสีเขียว…?”
สวี่ชิงสั่นสะท้าน หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ นางก็พยักหน้า
“ข้าเคยเห็นใครบางคนที่มีบุคลิกเช่นนั้นเมื่อหลายปีก่อน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “มันอาศัยอยู่ที่นี่เกือบหนี่งปี หลังจากนั้น…มันก็ตายไปและถูกฝังไปแล้ว มันกล่าวว่าสถานที่แห่งนี้ก็คือบ้านของมัน”
“ก่อนที่จะตายไป มันได้มอบถุงให้กับข้า บอกว่าถ้ามีใครมาถามหามัน ให้ข้ามอบถุงให้กับคนเหล่านั้น” ด้วยเช่นนั้น เขาก็หยิบเอาถุงสมบัติออกมาจากเสื้อ และวางลงไปที่ด้านข้าง
ขณะที่สวี่ชิงยืนอยู่ที่นั่นในท่ามกลางสายฝน หยดน้ำก็เริ่มไหลซึมผ่านเข้าไปในเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น และเสื้อผ้านางก็เปียกชุ่ม นางจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินกลับมา และมองไปยังถุงสมบัติด้วยสีหน้าว่างเปล่า ขณะที่นางหยิบมันขึ้นมา ดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา
แน่นอนว่า ยากที่จะบอกได้ว่าหยดน้ำที่กำลังไหลลงมาบนใบหน้านางเป็นหยดน้ำฝนมากเท่าใด หรือเป็นหยดน้ำตามากแค่ไหน
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า และนางก็มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว ในที่สุดนางก็หันหลัง และมุ่งหน้าออกไปในสายฝนอีกครั้ง นำถุงสมบัติไปพร้อมกับนาง
ขณะที่เขามองนางจากไป สีหน้าก็ซับซ้อนขึ้น แต่ก็ไม่กล่าวอะไรออกมา
สวี่ชิงเดินออกไปประมาณเจ็ดก้าวก่อนที่นางจะหยุดลง แต่ก็ไม่ได้มองกลับมา เมื่อนางพูดออกมา เสียงนั้นก็ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง
“ข้าอาจจะไม่ฉลาดมากนัก แต่…ก็ไม่ได้โง่เขลา”
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวอะไรอยู่ชั่วขณะ เขารู้ว่าคำพูดของเขาไม่อาจจะหลอกลวงสวี่ชิงได้ แต่บางครั้งก็ไม่สำคัญว่าจะถูกหรือผิด บางครั้ง…ผลลัพธ์ก็คือทุกสิ่งทุกอย่าง
เมิ่งฮ่าวหวังว่าแทนที่นางจะทรมานตนเอง ด้วยการค้นหาเขาไปชั่วกัปชั่วกัลป์ นางควรจะตัดใจไปจากเขาเสียดีกว่า จากนั้นนางก็จะกลับไปเป็นผู้ที่บริสุทธิ์สดใสและเรียบง่ายเหมือนเดิม
มันจะดีกว่าถ้าจะลืมเลือน…
เขาหลับตาลง และจิตใจก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
สวี่ชิงเงียบไปสักพัก แต่ในที่สุด นางก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่มุ่งมั่นและตัดสินใจได้แล้ว ซึ่งไร้ความเสียใจใดๆ…
นางยกมือขึ้น และประกายแสงแห่งกระบี่ก็ลอยออกมา ปักลงไปบนพื้น คมกริบและทรงพลัง ขุดเป็นหลุมสี่เหลี่ยมลึกอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น ก้อนศิลาภูเขาก็ลอยออกมาจากผืนป่าบนภูเขาที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น เมื่อลอยมาถึงเบื้องหน้า นางก็โบกสะบัดมือ ทำให้ก้อนศิลาหมุนอยู่ในอากาศ จากนั้นด้านข้างก็ถูกตัดออกไปจนกระทั่งกลายเป็นแผ่นศิลา
จากนั้นนางก็ลูบมือไปที่พื้นผิวของแผ่นศิลาอย่างแผ่วเบา ทำให้ตัวอักษรปรากฏขึ้น
หลุมฝังศพของเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง
เสียงตึงดังขึ้นมา ขณะที่แผ่นศิลาจมลงไปในพื้นดินข้างหลุมนั้น นางมองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและความมุ่งมั่น
พวกเราพบกันบนภูเขาต้าชิง
เนื่องจากเม็ดยาคงโฉมในสำนักเอกะเทวะ และการที่ท่านเรียกข้าว่าศิษย์พี่ โชคชะตาของพวกเราก็ผูกพันเข้าด้วยกันตลอดไป
ช่วงเวลานั้นในดินแดนสงบสุขแห่งดินแดนด้านใต้ ในตอนที่ข้ากำลังสิ้นหวัง แม้แต่หยดน้ำตาของข้าก็ยังไม่อาจจะบดบังภาพที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะของท่าน
ช่วงเวลานั้นในสำนักชิงหลัว ท่านปรากฏขึ้นและช่วยข้า ในตอนที่วิญญาณของข้าเกือบจะจางหายไป ตอนที่ท่านยิ้มก่อนที่จะจากไปทำให้จิตใจข้าสั่นสะท้าน
ช่วงเวลานั้นในอาณาเขตถ้ำกำเนิดใหม่ เมื่อท่านหันหลังและมองกลับมาที่ข้า ภาพของท่านได้ประทับอยู่ในใจข้ามานานแล้ว…ข้าไม่เคยลืมท่านเลย!
ข้าตามหาท่านในทะเลม่วงแห่งทะเลทรายตะวันตก ค้นหาท่านเป็นเวลานาน จนกระทั่งสุดท้ายหยดน้ำตาของข้าก็ตกลงไปในทะเล ข้าไม่รู้ว่าท่านสามารถรับรู้ถึงมันได้หรือไม่
ข้าไม่รู้ว่าท่านจะรู้หรือไม่ว่า ข้ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้เห็นท่านอีกครั้งในสำนักเซียนอสูร นั่นเป็นวันที่ข้ามีความสุขมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา ชีวิตที่เงียบสงบ และพวกเราก็ฝึกฝนวิถีเซียนไปด้วยกัน ข้าอยู่ที่นั่นข้างกายท่าน ท่านก็อยู่ข้างกายข้า
ในที่สุด วันที่ข้าไม่อาจจะฝึกฝนวิถีเซียนก็มาถึง จิตใจข้าตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และความไม่สบายใจอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ก็เต็มอยู่ในจิตใจ นั่นเป็นตอนที่…ข้าออกมาค้นหาท่าน
“ท่านอยู่ ข้าอยู่, ท่านตาย ข้าตาย!” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาฝ้ามัว แต่ก็ไม่ได้ฝ้ามัวจนปิดบังสายตาอันแรงกล้าของเขาได้
เขามองไปยังสวี่ชิง และมองไปยังป้ายศิลาหลุมฝังศพ เขามองเห็นได้ถึงความมุ่งมั่นของนาง และมองเห็นความโศกเศร้าเสียใจที่ถูกเขียนอยู่บนป้ายศิลาหลุมฝังศพนั้น
ท่านอยู่ ข้าอยู่, ท่านตาย ข้าตาย!
เหล่านี้ไม่ใช่คำพูดที่แสดงออกถึงความรัก แต่พวกมันคือคำสัญญา…
“ข้าเป็นแค่บุคคลที่เรียบง่าย” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา “แต่บุคคลที่เรียบง่ายไม่ได้หมายความว่าคนผู้นั้นจะขาดความมุ่งมั่น เมื่อผู้คนมีความมุ่งมั่น…คนผู้นั้นก็จะไม่มีทางลืมเลือนได้ เส้นทางแห่งการฝึกตนเป็นเส้นทางที่ยาวนาน และข้าก็ไม่อาจจะเดินต่อไปตามลำพังได้”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ไปยังปรโลกด้วยกันเถอะ ท่านจะว่าอย่างไร? ข้าได้แต่หวังว่าถ้าชาติหน้ามีจริง พวกเราก็จะได้พบกันอีกครั้ง” ถึงแม้ว่าเสียงของนางไม่ได้ดังมากนัก และเสียงหยดน้ำฝนก็เต็มอยู่ในอากาศ แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงได้ยินคำพูดของนางอย่างชัดเจน
จิตใจเขาสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น และลุกขึ้นมายืน เดินออกไปจากใต้ชายคา ปล่อยให้ร่างกายเปียกโชกเต็มไปด้วยหยดน้ำฝน ขณะที่เขาเดินออกไปยืนอยู่ที่เบื้องหน้าสวี่ชิง
พื้นดินลื่นเป็นอย่างยิ่ง และสายลมก็หนาวเย็น เมิ่งฮ่าวกำลังจะถูกแช่แข็ง และดูแก่ชราลงไปมากขึ้นกว่าเดิม
สวี่ชิงมองไปยังเขา สำหรับนาง ไม่สำคัญว่าเขาได้เปลี่ยนไปมากน้อยเท่าใด สำหรับนางแล้ว เขายังคงเป็นบุรษหนุ่มจากภูเขาต้าชิง เป็นศิษย์น้องของนาง
สายฝนตกลงมาบนร่าง และรอบๆ ตัวคนทั้งสอง แต่ก็ยังคงไม่อาจจะทำให้พวกเขาหยุดมองเข้าไปในดวงตาของกันและกันได้
“นำข้าไปยังถ้ำกำเนิดใหม่!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ความมุ่งมั่นในดวงตามีความแรงกล้ามากยิ่งขึ้น เขาต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และเขาก็ต้องการชีวิตที่สองจากถ้ำกำเนิดใหม่
เขากำลังทำเพื่อตัวเอง, เพื่อความมุ่งมั่นในจิตใจ, เพื่อสวี่ชิง, เพื่อสหายทั้งหมดและครอบครัว!
สวี่ชิงยิ้มและพยักหน้า นางก้าวเท้าตรงมา และกุมมือของเขาไว้ ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะอ่อนแอ แต่ใบหน้าเขาก็ยังคงกลายเป็นสีแดง เมื่อนางเอนร่างมาที่หน้าอกของเขา
กาลเวลาดูเหมือนจะช้าลงไปตราบชั่วนิรันดร์
ในตอนนี้ สายฝนกำลังหยุดตก สายรุ้งปรากฏขึ้นในแสงตะวันยามเช้า และภายใต้สายรุ้งนั้น สวี่ชิงและเมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสง พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะบินได้ แต่เขาก็มีของวิเศษช่วยบิน ภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง กระสวยยานบินก็กลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นสายรุ้งแปดสี
เวลาผ่านไป กระสวยยานบินทรงพลังเพียงพอที่จะใช้เวลาเพียงแค่สิบวันเท่านั้น จากอดีตแคว้นจ้าวไปยังถ้ำกำเนิดใหม่ ในที่สุดคนทั้งสองก็ร่อนลงไปที่ด้านนอก ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาวมากขึ้นกว่าเดิม
ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ถ้ำกำเนิดใหม่มากขึ้นเท่าใด เมิ่งฮ่าวก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังชีวิตของเขากำลังแห้งเหี่ยวลงไปมากขึ้นเท่านั้น เขากำลังเหี่ยวย่นมากขึ้น และกลิ่นอายแห่งความตายที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวก็มีความเข้มข้นมากขึ้น
บรรยากาศรอบๆ บริเวณนี้มีความแตกต่างไปจากครั้งก่อนที่เขามายังที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก บางทีการปรากฏขึ้นของโฉ่วเหมินไถ ได้ทำให้สถานที่แห่งนี้เปลี่ยนไปจากเดิม และเมื่อโฉ่วเหมินไถได้เข้าไปในถ้ำกำเนิดใหม่เรียบร้อยแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
ชีวิตเป็นสิ่งต้องห้าม
นี่ก็คือ ถ้ำกำเนิดใหม่
สิ่งมีชีวิตไม่อาจจะเข้าไปได้
กลิ่นอายแห่งความตายในบริเวณนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกอ่อนแอลงไปกว่าเดิม แต่ในความเข้มข้นของกลิ่นอายนั้น เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงร่อยรอยแห่งโอกาสที่มีอยู่ด้านใน
เพื่อที่จะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ร่างกายของคนผู้นั้นต้องตายไปก่อน หลังจากตายไปแล้วเท่านั้นถึงจะมีชีวิตที่ต่อต้านสวรรค์!
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเดินตรงไป ขณะที่เขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สวี่ชิงก็ยื่นมือออกมาช่วยพยุงเขาไว้ เขามองกลับไปที่นาง และนางก็มองมายังเขาแต่ก็ไม่พูดอันใด ความมุ่งมั่นในดวงตาของนางแม้แต่แสนล้านคำก็ยังไม่อาจจะเทียบได้
“สิ่งมีชีวิตไม่อาจจะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ได้” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา
นางยิ้มน้อยๆ และจากนั้นก็นำเมิ่งฮ่าวตรงไปยังเขตด้านในของถ้ำกำเนิดใหม่
ทันทีที่คนทั้งสองผ่านเข้าไป เมิ่งฮ่าวก็เริ่มอ่อนแอลงไปมากกว่าเดิม ร่างกายเหี่ยวแห้งเร็วมากขึ้น ราวกับว่าเขากำลังถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟที่มองไม่เห็น ทุกๆ ย่างก้าว ทุกๆ การเข้าไปใกล้ถ้ำกำเนิดใหม่ ทำให้ร่างกาย, วิญญาณ, ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา…ต้องสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น กระแสแห่งเจตจำนงมากกว่าสิบกระแส ได้พุ่งออกมาจากภายในถ้ำกำเนิดใหม่ พวกมันมองมาอย่างเย็นชา ขณะที่เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงเข้าไปใกล้