Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 699

ตอนที่ 699

สำนักหลัวยิน

“นั่นก็คือเมิ่งฮ่าว!!”

“เทพกระถางม่วงเมิ่งฮ่าวแห่งสำนักจื่อยิ่น! มันเคยมายังสำนักชิงหลัวครั้งหนึ่ง เพื่อสอนเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา!!”

ก่อนหน้านี้ความเงียบปกคลุมไปทั่ว แต่ทันใดนั้น เสียงหอบหายใจก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่คนทั้งหมดคิดไปถึงเรื่องราวเดียวกัน

“สองร้อยปีก่อนมันอยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ…แต่ตอนนี้ มันสามารถสังหารปรมาจารย์ตัดวิญญาณได้!!”

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเสียงพูดคุยที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจโดยสิ้นเชิง เขาจ้องมองไปยังปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามโดยตรง และเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ

ขณะที่เข้าไปใกล้ พลังอันยิ่งใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากร่างเมิ่งฮ่าว กลายเป็นแรงกดดันอย่างน่าเหลือเชื่อ ปกคลุมไปยังทุกสรรพสิ่ง เสียงพูดคุยเงียบลงไปในทันที แม้แต่สายลมก็ยังหยุดโชยพัด มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้

ในตอนนี้เป็นยามสนธยา และท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดลง

“สำนักหลัวยิน! วิญญาณของนางอยู่ในสำนักหลัวยิน!!”

เมื่อปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามรับรู้ได้ถึงแรงกดดันนั้น และมองเห็นสายตาที่เมิ่งฮ่าวจ้องนิ่งมายังมัน จิตใจก็เริ่มเต้นรัว และรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังเต็มอยู่ในจิตใจ มันแน่ใจได้ว่าถ้าไม่ยอมบอกเมิ่งฮ่าวในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ มันก็คงจะต้องตายไปในวันนี้อย่างแน่นอน จากนั้นมันก็จำได้ว่าสำนักหลัวยินจริงๆ แล้วก็เป็นผู้พิทักษ์เต๋าแห่งสำนักชิงหลัว ดังนั้นมันจึงรีบโพล่งชื่อนั้นไปอย่างรวดเร็ว

สำนักชิงหลัวถูกแบ่งออกเป็น หยินและหยาง

เนื่องจากการแบ่งเช่นนั้น มันจึงถูกแยกออกเป็นสองส่วน ภายนอกก็คือสำนักชิงหยาง แต่ภายใต้ร้อยหนึ่งพันภูเขาก็คือสำนักหลัวยิน!

ทั้งสองส่วนนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกัน ทำให้นามของสำนักชิงหลัวเริ่มโด่งดังอยู่ในดินแดนด้านใต้

แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็รู้เกี่ยวกับสำนักชิงหลัวอยู่เล็กน้อย เขารู้เกี่ยวกับวิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งคงอยู่ใต้พื้นดิน จากเมื่อหลายปีก่อนที่เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณไร้ร่างของเฟิ่งจู่ต้าเหรินที่อยู่ในร่างสวี่ชิงเป็นครั้งแรก

เขายังรู้ด้วยว่าผู้ถูกเลือกของสำนักชิงหลัวบางคน ยังได้มีวิญญาณของสำนักหลัวยินแอบหลบซ่อนอยู่ภายในร่างพวกมัน

สำหรับสองส่วนนี้ใครจะเป็นผู้นำ ใครเป็นผู้ตาม … บุคคลภายนอกไม่มีทางจะรู้เรื่องนี้ได้

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ ยกมือขวาขึ้นมาขยับร่ายเวท และจากนั้นก็กดฝ่ามือลงไปยังพื้นดิน

ขณะที่ทำเช่นนั้น กลิ่นอายผนึกอสูรของเขาก็ระเบิดออก ผลลัพธ์ก็คือปราณอสูรแห่งสวรรค์และปฐพีในบริเวณนั้น พุ่งตรงมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง ม้วนกวาดออกไป ทำให้ภาพของโลกแห่งนี้เปลี่ยนไปในทันที

อย่างน่าตกใจ เขามองเห็นดินแดนที่ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันน่ากลัวอย่างไร้ขอบเขต กลิ่นอายนั้นหมุนวนไปด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นกระแสน้ำวน ซึ่งมีอยู่ในพื้นดินส่วนลึกด้านล่างของสำนักชิงหลัว

อย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวเริ่มมองเห็นแม่น้ำที่ขุ่นมัวกำลังไหลอยู่ใต้พื้นดินด้วยเช่นกัน แม่น้ำนั้นถูกห้อมล้อมด้วยวิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วน ที่อยู่รอบๆ แม่น้ำเป็นวิหารแห่งภาพลวงตาขนาดใหญ่สิบหลัง ซึ่งลอยอยู่ในอากาศ ดูเหมือนจะคอยปกป้องแม่น้ำนั้นไว้

ตรงจุดกึ่งกลางของสิบราชวัง เป็นแท่นบูชาที่ก่อตัวขึ้นมาจากโครงกระดูกที่ขาวโพลน เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างแปลกๆ และที่ด้านบนลอยไว้ด้วยแก้วผลึกสีดำ ภายในแก้วผลึกเป็นวิญญาณ เห็นได้ชัดว่ากำลังหลับใหลอยู่

ทันทีที่มองเห็นวิญญาณนั้น ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสั่นสะท้าน

นั่นก็คือ…สวี่ชิง

ด้านล่างลูกผลึกมีเงาร่างเลือนลางสี่สายกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น กลิ่นอายแห่งความตายอันน่ากลัวกระจายออกมาจากพวกมัน ทำให้เห็นได้ชัดว่าสี่เงาร่างนั้นเป็นซากศพซึ่งอยู่ในที่แห่งนั้นมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นสี่ซากศพ พวกมันก็เงยหน้าขึ้น อย่างน่าแปลกใจ แสงไฟแห่งปรโลกสาดประกายอยู่ในดวงตาพวกมัน ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว

มีอยู่สี่ซากศพ แต่ทันใดนั้นสามเจตจำนงก็ระเบิดขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว

“ไสหัวไป!”

“ออกไปจากที่นี่!”

“นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะข้ามาได้ ถ้ายังไม่ไสหัวไปภายในสามอึดใจ เจ้าก็จะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป!”

เพื่อโต้ตอบกลับไป เมิ่งฮ่าวยกเท้าขึ้นและจากนั้นก็กระทืบลงไปบนพื้น ทำให้พื้นดินส่งเสียงดังกระหึ่ม และรอยแตกขนาดใหญ่ก็เปิดออก ความมุ่งมั่นเต็มอยู่ในดวงตา ขณะที่เขาพุ่งลงไปในรอยแยกนั้น

ทันทีที่เขาผ่านเข้าไป กลิ่นอายเย็นชาอย่างน่ากลัวก็พุ่งขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วนก็โผล่ออกมาจากภายในแม่น้ำ ดวงตาพวกมันเปล่งประกายด้วยแสงแปลกๆ รวมทั้งความละโมบอยากได้ ขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

เสียงเก่าแก่โบราณดังก้องออกมาจากแม่น้ำที่ขุ่นข้นด้านล่าง “ในปรโลก ที่วิญญาณไร้ร่างแห่งสวรรค์และปฐพีมองเห็นไม่ใช่ดวงตะวัน พวกมันปรารถนาที่จะถูกกลบฝังอยู่ในส่วนลึกมากที่สุด!”

วิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมา ทำให้สายลมปีศาจพุ่งขึ้นมา

แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขามุ่งหน้าต่อไปอีกหนึ่งร้อยจ้าง ค่อยๆ ยื่นมือขวาตรงไปยังหนึ่งหมื่นวิญญาณไร้ร่างที่ใกล้เข้ามา จากนั้นเขาก็สับมือลงไป สร้างเป็นใบมีดภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยพลังแห่งเต๋าของเขา

การกรีดเฉือนของใบมีดนี้ คล้ายกับเป็นการกรีดเฉือนของเต๋า!

ใบมีดนี้ประกอบด้วยเต๋าแห่งความเป็นอิสระและเสรีภาพของเมิ่งฮ่าว ชีวิตของเขาก็คือการเดินทาง และเขาก็จะเป็นอิสระและไม่ถูกผูกมัด! เต๋านี้ก็คือการตัดโซ่ตรวน!

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ในชั่วพริบตา ใบมีดก็เริ่มมีความยาวถึงหนึ่งพันจ้าง กรีดเฉือนลงไป ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ ม้วนกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่ใบมีดนั้นม้วนกวาดออกไป วิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วน ก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา และระเบิดออกกลายเป็นเปลวไฟ

เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าตรงไปได้อีกสองร้อยจ้าง ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากแท่นบูชาเพียงแค่ห้าร้อยจ้างเท่านั้น ในเวลาเดียวกันนั้นสิบกระแสแห่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้น จากภายในสิบวิหารที่อยู่รอบๆ แท่นบูชา พวกมันพุ่งตรงมา นำกลิ่นอายแห่งความตายมาพร้อมกับพวกมันด้วย อย่างน่าตกใจ พวกมันกลายเป็นหนึ่งแสนวิญญาณไร้ร่าง สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความโลภ ขณะที่บินผ่านอากาศมา พวกมันรวมตัวเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นสิ่งที่ดูเหมือนกับเป็นดวงจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อตวัดลงไป ใบมีดที่สองก็ปรากฏขึ้น!

นี่ก็คือเต๋าครั้งที่สองของเขา เป็นการตัดความสมบูรณ์และการได้มาซึ่งชีวิตใหม่ ประกอบไปด้วยความมุ่งมั่น, เจตจำนง และความรู้แจ้งของเขา ขณะที่ใบมีดตกลงไป สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ราวกับว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่กำลังมาถึง ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นใบมีด ที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งพันจ้างซึ่งยาวกว่าใบมีดก่อนหน้านี้

ใบมีดกรีดเฉือนตรงไปยังดวงจันทร์!

เสียงระเบิดดังกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง!

ที่ไหนก็ตามที่ระลอกคลื่นแห่งคมมีดพุ่งผ่านไป วิญญาณไร้ร่างก็จะกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ดวงจันทร์เสี้ยวกระจายแสงเจิดจ้าออกมา ขณะที่มันพยายามจะต่อสู้กลับมา

เมื่อทั้งสองกระแทกเข้าหากัน ดวงจันทร์เสี้ยวก็สั่นสะท้าน ใบมีดของเมิ่งฮ่าวกรีดลงไปที่ตรงกลางของมัน ทำให้ดวงจันทร์เสี้ยวแยกออกเป็นสองส่วนและแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที

เมื่อดวงจันทร์เสี้ยวระเบิดออก สิบวิหารก็สั่นสะท้าน วิญญาณไร้ร่างทั้งหมดในบริเวณนั้นมีท่าทางประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง แม้ในขณะที่ดวงจันทร์เสี้ยวเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือและชี้ออกไป

“ผนึกอสูร, เวทรุ่นแปด!”

ตูม!

เวทผนึกอสูรมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อใช้โจมตีไปยังวิญญาณไร้ร่าง ดวงจันทร์เสี้ยวแตกกระจายไป และทันใดนั้นก็เริ่มหายไป ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงแผดร้องอย่างสิ้นหวังมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้ยินดังก้องไปมา

“มันนั่นเอง!”

“มันก็คือผู้ผนึกอสูรจากเมื่อปีนั้น!!”

“มันคือผู้ผนึกอสูร!!”

ขณะที่เสียงเหล่านั้นดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็มุ่งหน้าไปได้อีกสามเท่า ข้ามผ่านเขตห้าร้อยจ้าง ตรงเข้าไปใกล้แท่นบูชา ในเวลาเดียวกันนั้นสามในสี่เงาร่างก็ลืมตาขึ้นมา และยกมือขึ้นชี้ตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“เต๋าวิญญาณไร้ร่าง! เต๋าแห่งการทำลายล้าง!”

อย่างน่าตกใจ ซากศพทั้งสามนี้มีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นตัดวิญญาณครั้งที่สาม เมื่อพวกมันโจมตีมาพร้อมกัน ก็มีพลังอย่างน่าตกใจยิ่ง ทำให้รอบๆ บริเวณนั้นจมลงไปในโลกแห่งภาพลวงตา ซึ่งดูเหมือนว่าสวรรค์และปฐพีได้สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวมีกระแสน้ำวนปรากฏขึ้น

กระแสน้ำวนนั้นดูเหมือนจะสามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตหรือความตายได้ทุกสรรพสิ่ง กระจายตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ถ้านั่นคือทั้งหมดนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ออกมา เงาร่างที่สี่บนแท่นบูชาก็ลืมตาขึ้นมา ลุกขึ้นมายืน และเริ่มเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“ข้าคือดวงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่เคยตกลงไปในปรโลก และไม่เคยจะขึ้นไปในสวรรค์ ข้าควบคุมการเกิดใหม่ของข้าเอง ข้าครอบครองปรโลกแห่งขุนเขาที่เก้า…” ขณะที่มันพูด ก็พุ่งผ่านกระแสน้ำวนมาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ยกมือขึ้นและชี้ออกไป

ท่าทางนั้นทำให้สิ่งที่ปรากฏขึ้นกลายเป็นภาพลวงตาของแม่น้ำสีเหลืองอยู่บนฝ่ามือของมัน เป็นบางสิ่งที่ปรากฏขึ้นอยู่ภายในภาพลวงตา และพยายามดิ้นรนจะโผล่ออกมา เพื่อปลดปล่อยเจตจำนงแห่งความตายอันน่าเหลือเชื่อออกมา

ดรรชนีที่โจมตีมานั้นทำให้ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม ตามมาด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอันน่ากลัวอย่างรุนแรง ในความคาดคิดของเขา บุคคลผู้นี้…แข็งแกร่งมากกว่าบุคคลทั้งสามจากก่อนหน้านี้!

“ย้อนกลับไปบนเรือโบราณนั้น ข้าได้เข้าใจเวทแห่งเต๋าสองแบบ…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็เริ่มขยับมือร่ายเวท ในชั่วพริบตา เวทกลืนภูเขาก็ปรากฏขึ้น

เวทนี้เป็นสิ่งที่เขาได้รับมาจากในสำนักเซียนอสูรโบราณ มันไม่ใช่วิชาเวทที่ทรงพลังมากที่สุด แต่เท่าที่เมิ่งฮ่าวสามารถบอกได้ ขีดจำกัดของพลังมันก็ขึ้นกับภูเขาที่กำลังถูกเลียนแบบขึ้นมา!

ถ้าเป็นภูเขาธรรมดาทั่วไป อย่างเช่นร้อยหนึ่งพันภูเขาแห่งสำนักชิงหลัว หรืออาจจะเป็นภูเขาอื่นๆ ในดินแดนด้านใต้ ก็คงไม่อาจจะต่อสู้กลับไปยังกระแสน้ำวนนี้ได้

“ภูเขาที่ทรงพลังมากที่สุด ที่ข้าเคยมีโอกาสได้ศึกษามาก็คือ…ขุนเขาที่เก้า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นความว่างเปล่า หนึ่งลมหายใจต่อมา อย่างน่าตกใจยิ่ง ภาพของภูเขาก็ปรากฏขึ้นในม่านตาของเขา

มันเป็นภูเขาที่สูงใหญ่อยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เป็นภูเขาขนาดใหญ่อย่างไร้จุดสิ้นสุดซึ่งดูท้าทายเป็นอย่างยิ่ง

ขุนเขาที่เก้า!

ทันทีที่ขุนเขาที่เก้าปรากฏขึ้นในดวงตา มันก็แสดงขึ้นมาบนฝ่ามือเขาด้วยเช่นกัน เขายกมือขึ้นไป และขุนเขาที่เก้าก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น ตามมาด้วยระลอกคลื่นอย่างที่ยากจะอธิบายออกไปได้ เริ่มลอยออกไปจากภายในภูเขา

วิญญาณไร้ร่างที่ประกาศตนเองว่าเป็นดวงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ฉับพลันนั้นก็มีท่าทางตื่นตระหนก และเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

“นั่นก็คือ…ขุนเขาที่เก้า!”

“การที่สามารถลอกเลียนแบบขุนเขาที่เก้ามาได้ ต้องมีโชคชะตาและความโชคดีอย่างน่าเหลือเชื่อ!”

“เจ้าไม่เพียงแต่จะเรียกภาพของขุนเขาที่เก้ามาได้เท่านั้น แต่ยังได้เรียกให้เข้ามาอยู่บนฝ่ามือของเจ้าได้ด้วย! การที่จะทำเช่นนั้นได้ต้องมีความโชคดีอย่างน่าเหลือเชื่อ รวมทั้ง…ความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่!”

“เจ้าสามารถทำเช่นนี้ทั้งหมดได้อย่างไรกัน! เจ้ามีโอกาสมองไปยังขุนเขาที่เก้าทั้งหมดได้อย่างไร?!?!”

มันรู้สึกตื่นตระหนก เช่นเดียวกับสามวิญญาณไร้ร่างที่อยู่บนแท่นบูชาด้านหลัง ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่มองไปยังขุนเขาที่เก้า

ต้องบอกว่าดาวหนานเทียน เป็นแค่หนึ่งในสี่ดวงดาวที่โคจรอยู่รอบๆ ขุนเขาที่เก้าเท่านั้น ซึ่งทำให้ขุนเขาที่เก้า…เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเหนือสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั้งหมด!

การที่สามารถเรียกภาพของขุนเขาที่เก้ามาได้ ก็คล้ายกับเป็นการเรียกสวรรค์และปฐพี!

“ถ้ามันสามารถเรียกภาพของขุนเขาที่เก้ามาได้ นั่นก็หมายความว่าถ้ามันสามารถบรรลุกลายเป็นเซียน มันก็จะมีปราณกลืนกินภูเขา! ต้องไม่ให้มันพัฒนามากขึ้นไปกว่านี้ได้อีก!”

“มันมีแต่ภาพของภูเขาเท่านั้น ยังไม่มีเจตจำนง! กำจัดมัน ยึดโลหิตมา ทำลายอนาคตมันไป! เปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สำหรับสำนักหลัวยิน!”

ทันใดนั้น สามวิญญาณไร้ร่างบนแท่นบูชาก็พุ่งออกมา

ดูเหมือนว่าพวกมันเพิ่งจะกระแทกเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว แต่ทันใดนั้นพลังอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี จู่ๆ ก็ตกลงมายังดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ขณะที่ใกล้เข้ามา ดาวหนานเทียนก็สั่นสะเทือนและส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง!

เจตจำนงมาถึงเพราะว่าเมิ่งฮ่าวได้ลอกเลียนแบบภาพของมัน มันตกลงมาเพราะว่าภูเขาอยู่ในมือของเขา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version