ตอนที่ 715
บดขยี้ตัดวิญญาณ!
ณ หุบเขาแห่งหนึ่งในอาณาเขตพื้นที่ของทะเลสาบเต๋าโบราณ แสงของการเคลื่อนย้ายทางไกลพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ขณะที่มีเงาร่างโผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว จากภายในของหุบเขา
ทันทีที่เงาร่างนั้นโผล่ออกมา แสงของการเคลื่อนย้ายทางไกลก็จางหายไป
ที่กำลังบินผ่านอากาศไป ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นเมิ่งฮ่าว
ใบหน้าเขาซีดขาว และทันทีที่บินออกมาจากหุบเขา เมิ่งฮ่าวก็ร่อนลงไปบนพื้นและมองไปยังด้านหลัง ร่องรอยแห่งความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“หลังจากที่ช่วยให้เสวียนเทียน (สวรรค์ลี้ลับ) และคนอื่นๆ จากไป ข้าก็ถูกเคลื่อนย้ายทางไกลไปมากกว่าเจ็ดสิบครั้ง! วงจรการเคลื่อนย้ายทางไกลนี้ช่างน่าแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก สุดท้ายมันก็เริ่มเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ปราณและโลหิตของข้าถูกดูดออกไป ทำให้อ่อนแอลง”
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หยิบเอาเม็ดยาออกมา กลืนลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศ และมองไปรอบๆ เพื่อกำหนดทิศทาง การปะทุของทะเลสาบเต๋าได้หยุดลงไปแล้ว เช่นเดียวกับการต่อสู้ส่วนใหญ่
“ศิษย์สำนักเซี่ยเยาส่วนใหญ่คงจะทำตามคำสั่งข้า เข้าไปอยู่ที่เขตศูนย์กลางแล้ว”
เมื่อกำหนดทิศทางของทะเลสาบเต๋าหนึ่งพันจ้างได้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็เริ่มบินตรงไป
ตลอดช่วงเวลานั้น เขาได้ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงรอยแยกของอากาศ และใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลด้วยเช่นเดียวกัน
ในเวลาเดียวกันนั้น ใกล้กับทะเลสาบหนึ่งพันจ้างในเขตศูนย์กลาง สำนักอีเจี้ยนและสำนักเซี่ยเยากำลังเผชิญหน้ากันด้วยคำพูดที่แหลมคม
“สำนักเซี่ยเยาเป็นผู้ฝึกตนแห่งเต๋าอสูร! ถ้าพวกมันยึดครองทะเลสาบเพียงแค่แห่งเดียวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่พวกมันกลับกล้าที่จะโลภมากไปกว่านั้น!”
“ช่างรนหาที่ตายโดยแท้!”
สำนักอีเจี้ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในบริเวณนั้น พวกมันยึดครองทะเลสาบไว้ถึงสามแห่ง มีผู้ฝึกตนตัดวิญญาณถึงแปดคน แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่เย็นชาและเปล่งประกายเจิดจ้า
นอกเหนือจากคนทั้งแปดแล้ว ชายชราที่ถูกเรียกว่าเจี้ยนเหล่า ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในที่ห่างไกลออกไป ก็จ้องมองมายังสำนักเซี่ยเยาด้วยเช่นกัน
สำหรับสำนักเซี่ยเยา ผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับและคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนหน้านี้เพียงครู่เดียว รังสีสังหารหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างของหกผู้เฒ่าอสูร ขณะที่พวกมันหันไปเผชิญหน้ากับสำนักอีเจี้ยน
“สำนักเซี่ยเยาเพียงแค่ขอยืมทะเลสาบมาจากสำนักจื่อยิ่น และต้องส่งคืนกลับไปให้พวกมัน สำนักอีเจี้ยนของพวกเจ้ายึดครองไว้ถึงสามแห่ง! พวกเจ้าต้องสละมาหนึ่งแห่ง!”
“สำนักอีเจี้ยน จะต่อสู้หรือจะแบ่งให้ พวกเจ้าตัดสินมา!”
รังสีสังหารของทั้งสองฝ่ายสาดกระจายออกไปอย่างเข้มข้น สำนักเซี่ยเยาและสำนักอีเจี้ยนเป็นศัตรูกันมานานแล้ว ซึ่งหมายความว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งสองอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่ออย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ในทะเลสาบเต๋าโบราณ ซึ่งมีผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง
ทันใดนั้น ปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามจากสำนักชิงหลัวก็ลุกขึ้นมายืน และเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกมา ดวงตามันสาดประกายด้วยความเย็นชา ขณะที่มองไปยังสำนักเซี่ยเยา
“สำนักเซี่ยเยา, ข้าไม่สนใจว่าเต๋าของพวกเจ้าจะเป็นอสูรหรือไม่ แต่ทะเลสาบเต๋าเป็นตัวแทนของโชควาสนาสำหรับผู้ฝึกตนทั้งหลายในดาวหนานเทียน ถ้าพวกเจ้ายังจะสร้างปัญหาขึ้นมา ข้าก็จะต้องทำอะไรสักอย่างด้วยตนเองแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มผู้ฝึกตนจากสำนักอีเจี้ยนก็เริ่มหัวเราะหึๆ ออกมา เจี้ยนเหล่ามองไปยังปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สาม และพยักหน้าให้อย่างสนิทสนม
สีหน้าของหกผู้เฒ่าแห่งสำนักเซี่ยเยาเปลี่ยนไป
ต่อมาเสียงหัวเราะก็ดังก้องออกมาจากบุรุษวัยกลางคน ซึ่งเดินเนิบนาบออกมาจากสำนักจินหาน มันมีรูปร่างที่สูงใหญ่สมส่วน มีผิวกายที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งราวกับเพชร และอยู่ในชุดเกราะอย่างเต็มรูปแบบกล่าวว่า “สหายเต๋าจากสำนักอีเจี้ยนและสำนักชิงหลัว กล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
ที่ด้านหลังห่างออกไปเป็นห้าชายชรานั่งขัดสมาธิอยู่ เมื่อพวกมันลืมตาขึ้นมา ก็ส่องแสงเจิดจ้าด้วยกลิ่นอายของตัดวิญญาณ
การปรากฏกายขึ้นของมัน ทำให้เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีการตกลงร่วมมือกันระหว่างสำนักจินหาน, สำนักอีเจี้ยน และสำนักชิงหลัว การร่วมมือกันของสามสำนักในตอนนี้ เกิดเป็นแรงกดดันกดทับลงไปบนสำนักเซี่ยเยา
ผู้ที่ตกอยู่ในสถานะที่เลวร้ายมากที่สุดกว่าใครๆ ก็คือ เฉินฝานและเจ้าอ้วน แต่พวกมันก็ไม่อาจจะทำอะไรได้กับสถานการณ์ในตอนนี้ ดังนั้นพวกมันจึงถอยไปยังด้านหลังอย่างเงียบๆ
สำหรับสำนักจื่อยิ่นและตระกูลซ่ง พวกมันก็นิ่งเงียบด้วยเช่นกัน
มีเพียงตระกูลหลี่เท่านั้นที่เหลืออยู่ ปรมาจารย์รุ่นสิบเก้าตระกูลหลี่โบกสะบัดชายแขนเสื้อ และแสงอันดุร้ายของรังสีสังหารก็มองเห็นได้จากภายในดวงตา ขณะที่มันก้าวเท้าออกมา
“เจ้าสำนักน้อยของพวกเจ้าตายแล้วหรือไม่? ถ้าไม่, ทำไมมันถึงไม่อยู่ที่นี่?” การตายไปของเต้าจื่อตระกูลหลี่เมื่อหลายปีก่อนนั้น เป็นสิ่งที่พวกมันครุ่นคิดมาโดยตลอด
ตอนนี้เมื่อตระกูลหลี่ได้เข้ามาร่วมด้วย ก็เป็นการร่วมมือกันของสี่สำนัก สีหน้าของผู้เฒ่าสำนักเซี่ยเยาสลดลง และพวกมันก็ถอยไปด้านหลัง ไม่มีทางที่พวกมันจะสามารถต่อต้านกับการรวมพลังกันของสี่สำนักได้
“ไม่จำเป็นต้องมาเปลืองน้ำลายกับพวกมัน” ปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามจากสำนักชิงหลัวกล่าวพร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย “แค่ไสหัวพวกมันไป ถ้าพวกมันไม่ยอมจากไป ก็สังหารให้หมด!” ด้วยเช่นนั้น มันพุ่งทะยานตรงไปและโบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้น แปดพยัคฆ์ขาวก็ปรากฏขึ้น ส่งเสียงแผดร้องคำรามขณะที่พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนสำนักเซี่ยเยา
ปรมาจารย์รุ่นสิบเก้าตระกูลหลี่ก็โจมตีด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกันผู้ฝึกตนสำนักอีเจี้ยน มีผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณมากกว่าสิบคน ต่างก็บินออกไปโจมตีในเวลาเดียวกัน เพียงชั่วพริบตา การต่อสู้ของตัดวิญญาณก็เริ่มขึ้นด้วยความโกลาหลวุ่นวาย
ตูม!
ทั้งสองฝ่ายกระแทกเข้าหากัน และหกผู้เฒ่าอสูรแห่งสำนักเซี่ยเยาก็ลอยละลิ่วไปที่ด้านหลังในทันที การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณมากกว่าสิบคนรอบด้าน ทำให้พวกมันไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้
การโจมตีไปยังผู้ฝึกตนสำนักเซี่ยเยาเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า อาวุธเวทอันน่าตกใจและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ถูกนำออกมาใช้ และศิษย์สำนักเซียเยาสิบกว่าคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นก็ถูกบังคับให้ต้องถอยไปยังด้านหลังทีละก้าว แม้ในขณะที่พวกมันล่าถอยไป ผู้ฝึกตนจากอีกสี่สำนักก็บินออกมาเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้นี้
ในกลุ่มพันธมิตรทั้งสี่ที่รวมกำลังกันนี้ สำนักชิงหลัวมีความแค้นกับสำนักเซี่ยเยามากที่สุด ตระกูลหลี่มุ่งเป้าไปที่พวกมันก็เนื่องมาจากเมิ่งฮ่าว และสำหรับสำนักอีเจี้ยน พวกมันมีความแค้นกันมาอย่างยาวนาน มีแต่สำนักจินหานเท่านั้นที่ไม่มีเหตุผลเด่นชัดที่จะไปโจมตี
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็กระจายออกมาจากปากของผู้เฒ่าอสูรสวรรค์ลี้ลับ ขณะที่มันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ยกเว้นผู้เฒ่าไฟอสูรอันดับแรก คนทั้งหมดต่างก็กระอักโลหิตออกมาและกระเด็นไปทางด้านหลัง ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป แสงสีโลหิตก็พุ่งขึ้นมา และเสียงแผดร้องโหยหวนก็ดังก้องออกไป
ผู้อาวุโสเต๋าเหี่ยวแห้งแห่งสำนักจื่อยิ่นขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หลับตาลง สำหรับตระกูลซ่ง พวกมันไม่ได้มาช่วยเหลือสำนักเซี่ยเยา แต่ก็ไม่เข้าไปร่วมมือกับพันธมิตรทั้งสี่เช่นเดียวกัน
“ถอย!” จิตใจของหกผู้เฒ่าสำนักเซี่ยเยาลุกโชนขึ้นราวกับมีเปลวไฟ แต่การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับกองกำลังเช่นนี้ พวกมันก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องหลบหนีไปเท่านั้น พวกมันได้แต่ยอมจำนน โดยการสละทะเลสาบเต๋าที่ได้รับมอบมาจากสำนักจื่อยิ่นออกไป
“พวกเจ้ามาจากที่ไหนก็ไสหัวกลับไปยังที่นั่น!” ปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งสามแห่งสำนักชิงหลัวกล่าว “ไม่อนุญาตให้สำนักเซี่ยเยาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้!” มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้แปดพยัคฆ์ขาวพุ่งทะยานออกไป กลายเป็นระลอกคลื่นอันน่ากลัว กระแทกเข้าไปยังร่างของหกผู้เฒ่าสำนักเซี่ยเยา ทำให้พวกมันหมุนคว้างปลิวไปยังด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ศิษย์ธรรมดาบางคนที่โดนกระแทกโดยตรงร่างระเบิดออก อันเนื่องมาจากระลอกคลื่นอันรุนแรงนั้น
ความต้องการสังหารของศิษย์สำนักเซี่ยเยาไม่อาจจะสูงมากไปกว่านี้อีกแล้ว
“เจ้าสำนักน้อยอยู่ที่ไหน?”
“ถ้าท่านยังไม่มา พวกเราก็คงต้องยอมแพ้และจากไป!” สีหน้าของหกผู้เฒ่าเปลี่ยนไป พร้อมกับพยายามสะกดข่มความคับข้องใจไว้ ขณะที่พวกมันล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ว่าจะมีใครปรากฏตัวขึ้น” เสียงดังออกมาจากสำนักอีเจี้ยน ตามมาด้วยเสียงแค่นอย่างเย็นชา “ก็ไม่อนุญาตให้สำนักเซี่ยเยาอยู่ที่นี่ ไสหัวไป!”
ในตอนนี้เองที่ลำแสงปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป เข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับเป็นดาวตกที่พุ่งตรงมา พร้อมกับบรรยากาศความต้องการสังหารอันน่าตกใจ รวมทั้งเจตจำนงแห่งความโหดเหี้ยมที่สูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์
ทันทีที่ลำแสงนั้นปรากฏขึ้น ผู้ฝึกตนจากสำนักจื่อยิ่นก็มองออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉู่อวี้เยียนและหานเสวี่ยซาน ซึ่งจ้องมองไปอย่างไม่กระพริบตา
ซ่งเจี๋ยก็มองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน
ลำแสงนั้นเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็ว ในชั่วพริบตาก็มาถึง พุ่งผ่านหกผู้เฒ่าสำนักเซี่ยเยาไป และมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าพวกมัน
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ตามมาด้วยระลอกคลื่นอันน่าตกใจ กระแทกเข้าไปในกองกำลังจากสี่พันธมิตร สีหน้าของผู้ฝึกตนตัดวิญญาณสิบกว่าคนเปลี่ยนไป และพวกมันก็หยุดชะงักนิ่งในทันที สำหรับผู้ฝึกตนที่อยู่ตรงแถวหน้า เป็นผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณจากสำนักจินหาน มันส่งเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวออกมา ขณะที่ลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง จากนั้นก็ระเบิดออกในทันที โลหิตและชิ้นเนื้อกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง จนไม่อาจจะปิดบังบุรุษหนุ่มเยาว์วัยในชุดสีแดงเข้ม ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นตรงหน้าของกลุ่มคนทั้งหมดได้
สีหน้าของบุรุษหนุ่มสงบนิ่ง แต่ดวงตาเย็นชาจนดูเหมือนจะสามารถแช่แข็งสวรรค์ชั้นสูงสุดได้ มือขวากำเป็นหมัด เป็นหมัดที่เพิ่งจะต่อยผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณจากสำนักจินหานให้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ไป
เพียงแค่หมัดเดียว ก็กำจัดผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณครั้งแรกไปได้ ทำให้คนทั้งหมดในที่แห่งนั้นต้องสั่นสะท้านไปทั่วทุกตัวคน
เส้นผมที่ยาวของเมิ่งฮ่าวพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว และเสื้อผ้าก็โบกสะบัดอย่างแผ่วเบา พื้นฐานฝึกตนตัดวิญญาณครั้งที่สองของเขา กระจายพลังอันน่าตกใจออกไปทั่วทุกทิศทาง
สีสันทั้งหมดในแผ่นฟ้าและผืนดินสลัวเลือนลางลง และสายลมก็ส่งเสียงหวีดหวิว ราวกับว่าลมพายุกำลังจะมา ทำให้ฝุ่นผงทั้งหมดในบริเวณนั้นลอยขึ้นไปในอากาศ
ในตอนนี้ สายตาทุกคู่ต่างก็จ้องนิ่งไปยังร่างเมิ่งฮ่าวกันทั้งหมด
“ใครบอกว่าไม่อนุญาตให้สำนักเซี่ยเยาอยู่ที่นี่?” เขากล่าว มองไปรอบๆ สายตาแวบขึ้นด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้นและความโหดเหี้ยม ขณะที่มองไปยังผู้ฝึกตนตัดวิญญาณซึ่งรวมพลังกันเป็นสี่พันธมิตร
ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนจากสำนักเซี่ยเยาเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาในทันที และเริ่มโค้งตัวลงพร้อมกับกล่าวต้อนรับ
“เจ้าสำนักน้อย!”
“ขอคารวะ เจ้าสำนักน้อย!”
สีหน้าของปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามแห่งสำนักชิงหลัวเปลี่ยนไป อุทานขึ้นมา “เมิ่งฮ่าว!”
ผู้ฝึกตนจากสำนักจินหานก็มองไปด้วยความตกตะลึงเช่นเดียวกัน ดวงตาของปรมาจารย์ตระกูลหลี่เบิกกว้าง สำหรับกลุ่มคนจากสำนักอีเจี้ยน ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในกลุ่มคนจากสำนักจื่อยิ่น อันจ้ายไห่และหลินไห่หลง จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในชุดสีโลหิตด้วยความงุนงง ราวกับว่าความทรงจำของบุรุษหนุ่มที่ลอยไปมาอยู่ในจิตใจพวกมัน ซึ่งมีใบหน้าที่แตกต่างไปมาก ดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าพวกมันในตอนนี้
ฉู่อวี้เยียนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง มีเรื่องราวร้อยแปดพันประการที่นางอยากจะพูดกับเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้นางก็ไม่อาจจะพูดได้แม้แต่สิ่งเดียว
หานเสวี่ยซานยังไม่ค่อยประสีประสาและไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าฉู่อวี้เยียน ขณะที่นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็อดที่จะคิดไปถึงเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองเซิ่งเสวี่ยแห่งดินแดนสีดำไม่ได้
เยี่ยเฟยมู่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบขรึม สีหน้ามันเต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณที่โดดเด่น มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก จนเยี่ยเฟยมู่ต้องคิดไปถึงช่วงเวลาที่คนทั้งสองได้แข่งขันกัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเทพกระถางม่วงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ถึงแม้ว่ามันไม่ต้องการจะยอมรับ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตัวมันเอง…ได้ตกอยู่ที่เบื้องหลังห่างไกลออกไปมาก
อีกผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ภายในกลุ่มคนจากสำนักจื่อยิ่น เป็นชายชราที่ภายในดวงตาของมันแวบขึ้นด้วยความทรงจำมากมายที่เกี่ยวข้องกับเมิ่งฮ่าว มันก็ยืนอย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน สงสัยว่าเมิ่งฮ่าวจะจดจำคนที่ไม่มีใครรู้จักเช่นมันได้หรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสนิท เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้า จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามแห่งสำนักชิงหลัว
“เป็นเจ้าหรือไม่ที่กล่าวเช่นนั้น?” เขาถาม
เมื่อปรมาจารย์ตัดวิญญาณครั้งที่สามได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ามันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และจิตใจก็ส่งเสียงดังกระหึ่ม มันคิดย้อนกลับไปในความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าวที่มันได้เห็นครั้งล่าสุด จากนั้นก็ถอยไปด้านหลัง ร่างกายสั่นสะท้าน
เมื่อคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นมองเห็นเช่นนี้ ก็ทำให้พวกมันเริ่มสั่นไปทั้งร่างมากขึ้นด้วย
การที่สามารถทำให้จิตใจของผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณครั้งที่สามหวาดกลัวได้ ด้วยคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อนัก สิ่งที่คนทั่วไปตัด เป็นเต๋าที่ธรรมดาและเรียบง่าย ทำให้ไม่อาจจะเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณครั้งที่สามซึ่งทรงพลัง, เหนือมนุษย์และน่ากลัว ซึ่งสามารถตัดเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้ แต่มันก็ยังคงแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ทำให้เห็นว่า…เมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งมากมายเพียงใด
บุรุษวัยกลางคนจากสำนักจินหานถอยไปที่ด้านหลังในทันที ดวงตามันแวบขึ้น มองไปยังผู้แข็งแกร่งจากสำนักจินหานอีกคนที่มาพร้อมกับมัน ซึ่งเป็นคนที่เพิ่งจะถูกสังหารไป ดังนั้นแน่นอนว่าพวกมันต้องล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับตระกูลหลี่ที่ล่าถอยออกไปด้วยเช่นกัน ไม่ต้องการจะไปแตะต้องสัมผัสกับใบมีดอันแหลมคมเช่นเมิ่งฮ่าว
เนื่องจาก…การต่อยหมัดออกไปเพียงแค่ครั้งเดียวของเมิ่งฮ่าว ก็สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกคนที่มองมาต่างก็สะท้านอยู่ภายในใจอย่างลึกล้ำ