Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 717

ตอนที่ 717

พบกับสหายเก่าข้างทะเลสาบ

สีหน้าของปรมาจารย์รุ่นสิบเก้าตระกูลหวังสลดลง กัดฟันแน่น มันเลิกลังเลและถอยไปด้านหลัง ปรมาจารย์ตัดวิญญาณอีกสี่คนมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่พวกมันล่าถอยออกไปด้วยเช่นกัน ตามติดไปด้วยเหล่าสมาชิกของตระกูล พวกมันออกไปจากทะเลสาบเต๋า

“ทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมีหนึ่งหมื่นจ้างจากจุดนี้คือเขตหวงห้าม” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นช้าๆ “ใครก็ตามที่บังอาจเข้ามา จะถูกข้าสังหาร” สมาชิกตระกูลหลี่เคลื่อนที่ออกห่างไปยังตำแหน่งหนึ่งหมื่นจ้างด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

เสียงพูดคุยทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมาอยู่ท่ามกลางพวกที่ยืนดูอยู่

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้มีพื้นฐานฝึกตนระดับใดกันแน่?!?!”

“มันเคยบุกเข้าไปต่อสู้กับสำนักชิงหลัวเพียงคนเดียวมาก่อน สุดท้ายมันก็พ่ายแพ้ให้กับหกเต๋า แต่จากข่าวลือที่บอกเล่ากันมา มันคืออันดับหนึ่งรองจากค้นหาเต๋า!”

“มันเพิ่งจะสังหารผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณครั้งที่สามไป การเรียกมันว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งรองจากค้นหาเต๋าก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วอย่างแน่นอน!”

ขณะที่เสียงพูดคุยดังเต็มอยู่ในอากาศ ศิษย์สำนักเซี่ยเยาก็ไปยึดครองทะเลสาบเต๋าไว้ ลืมเรื่องที่สำนักจื่อยิ่นได้มอบทะเลสาบเต๋าให้ไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้พวกมันมีทะเลสาบเต๋าหนึ่งพันจ้างสองแห่งอยู่ในครอบครอง

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ไม่สนใจสำนักจื่อยิ่น กวาดสายตาผ่านตระกูลซ่งไป ไปหยุดอยู่ที่สำนักจินหาน

สีหน้าของผู้ฝึกตนที่เป็นบุรุษวัยกลางคนของสำนักจินหานหมองคล้ำลง ก่อนหน้านี้มันต้องการจะไปช่วยเหลือตระกูลหลี่ แต่มันรู้สึกหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มันลังเล ตระกูลหลี่ก็แยกย้ายกันออกไปแล้ว

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังจ้องมองมายังพวกมัน คนทั้งหมดจากสำนักจินหานเริ่มสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ สำหรับเจ้าอ้วน มันลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว สายตาของคนทั้งสองสบประสานกันชั่วขณะ จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองตรงไปยังสำนักอีเจี้ยน

ในตอนนั้น สำนักจินหานแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา สำหรับบุรุษวัยกลางคน มันมีท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาของมันจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาลง

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังสำนักอีเจี้ยน เขาก็มองเห็นเฉินฝาน ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ด้านหลัง พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่สร้างแกนลมปราณ ใบหน้ามันซีดขาวและดูผ่ายผอม เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไป มันก็มองกลับมา

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็เริ่มมองไปทางอื่น แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตราย ที่กระจายออกมาจากบุคคลที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเหล่า

สำหรับเจี้ยนเหล่า ดวงตามันเย็นชาราวน้ำแข็งขณะที่จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว เมื่อเขาจ้องกลับไปในทิศทางนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะเกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มกึกก้องขึ้น

เจี้ยนเหล่าเกิดเป็นเสียงดังก้องขึ้นและร่างมันก็สั่นไปมา หยาดเหงื่อปรากฏขึ้นบนหน้าผาก และสีหน้ามันก็แสดงถึงความวิตกกังวล ขณะที่ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่า ไม่อาจจะต่อต้านแรงกดดันที่กดทับลงมาบนร่างมันได้ และจากนั้นมันก็ตระหนักว่า…เมิ่งฮ่าวไม่ได้มองมาที่มัน

แต่เมิ่งฮ่าวมองไปยังเด็กหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งอยู่ที่ด้านหลังมัน เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่ดูท่าทางอ่อนแอ

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองไป มันก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ และมองกลับไป สีหน้ามันสงบนิ่งเยือกเย็น

การจ้องมองกันไปมาอย่างเรียบง่ายของคนทั้งสอง ทำให้เจี้ยนเหล่าได้รับบาดเจ็บขึ้น

เมื่อตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวกำลังมองไปยังเด็กหนุ่มที่ด้านหลัง จิตใจเจี้ยนเหล่าก็เริ่มเต้นรัว

ฉับพลันนั้น ขณะที่ทุกคนมองมา เมิ่งฮ่าวก็เดินตรงไปยังสำนักอีเจี้ยน บรรยากาศในบริเวณนั้นไม่อาจจะถูกกดดันได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

แต่ละก้าวที่เขาเดินไป ก็ดูเหมือนจะดังก้องออกมาราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง

เขามุ่งหน้าตรงไปยังทะเลสาบเต๋าแห่งที่สามของสำนักอีเจี้ยน ทำให้ผู้ฝึกตนที่รวมตัวกันอยู่ที่นั่น พยายามสะกดข่มจิตใจราวกับว่าพวกมันกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันร้ายกาจ สีหน้าของผู้ฝึกตนตัดวิญญาณเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น และพวกมันก็เริ่มสูดหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง

เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเหล่า และกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าต้องการทะเลสาบแห่งนี้เช่นกัน”

“เป็นไปไม่ได้!” เจี้ยนเหล่าโพล่งออกมา ลุกขึ้นยืนในทันที ศิษย์สำนักอีเจี้ยนชักกระบี่ออกมา และพื้นฐานฝึกตนของผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณทั้งแปดก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ในช่วงเวลาสั้นๆ ปราณกระบี่แห่งสำนักอีเจี้ยนก็กระจายออกไป ทำให้สายลมแผดร้องและแสงหลากสีแวบขึ้นไปในท้องฟ้า

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่เด็กหนุ่มซึ่งอยู่ด้านหลังเจี้ยนเหล่าพูดขึ้นมาในทันที เสียงของมันแหบแห้งและเก่าแก่โบราณ ไม่ได้เข้ากับรูปลักษณ์ที่ดูเป็นเด็กหนุ่มของมันเลยแม้แต่น้อย

“เอาไป”

ทันใดนั้นสีหน้าของเจี้ยนเหล่าก็เปลี่ยนไป ขณะที่มันหันหลังไปและก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณคนอื่นๆ ก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็มองไปยังเด็กหนุ่มผู้นั้น และดูเหมือนว่าฉับพลันนั้นก็ตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่างที่สำคัญ สีหน้าพวกมันเริ่มเต็มไปด้วยความนับถือและคลั่งไคล้เป็นอย่างยิ่งทีละคน

“เมื่อเจ้าอยากได้ทะเลสาบนี้” เด็กหนุ่มกล่าว “ข้าก็จะมอบให้กับเจ้า” มันพูดพร้อมกับยิ้มขึ้น แต่ในดวงตาของมันเย็นชาราวกับเป็นน้ำแข็ง เป็นสิ่งที่มันไม่อาจจะปกปิดไว้ได้

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังเด็กหนุ่มผู้นั้น ก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองไปยังกระบี่เล่มหนึ่ง!

เป็นกระบี่ที่น่าประหลาด, น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง!

ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม ศิษย์สำนักอีเจี้ยนที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบเต๋าแห่งที่สามของพวกมันก็ถอยไปด้านหลังทั้งหมด เปิดทางให้เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไป

เมิ่งฮ่าวพยักหน้า และศิษย์สำนักเซี่ยเยาก็มุ่งหน้าตรงไปเพื่อครอบครองทะเลสาบเต๋านั้น

ในตอนนี้ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับทะเลสาบหนึ่งพันจ้างตรงเขตศูนย์กลางของทะเลสาบเต๋าโบราณเป็นดังนี้ สำนักเซี่ยเยา สาม, สำนักอีเจี้ยน สอง, สำนักจินหาน สอง, สำนักจื่อยิ่น สอง, ตระกูลซ่ง หนึ่ง, สำนักชิงหลัว ถูกกำจัดไป, ตระกูลหลี่ อยู่ห่างออกไปหนึ่งหมื่นจ้าง

สำหรับทะเลสาบเต๋าหนึ่งร้อยจ้าง รวมทั้งสิบแห่งที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบหนึ่งพันจ้างแต่ละแห่ง มีทั้งหมดมากกว่าเจ็ดร้อยแห่ง

ซึ่งทะเลสาบเหล่านั้น มากกว่าสี่ร้อยแห่งถูกปักไว้ด้วยธงของเจ้าสำนักน้อยแห่งเซี่ยเยาจง แน่นอนว่า มีศิษย์สำนักเซี่ยเยาเพียงแค่ไม่กี่สิบคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ถ้าศิษย์หนึ่งคนครอบครองหนึ่งทะเลสาบ ก็ยังมีทะเลสาบอีกนับร้อยที่มีเพียงแค่ธงปักอยู่เท่านั้น

เมิ่งฮ่าวนั่งลงอยู่ที่ด้านข้างทะเลสาบหนึ่งพันจ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นของสำนักชิงหลัว หลับตาลง และโคจรพื้นฐานฝึกตนขณะที่รอคอยให้ทะเลสาบเต๋าเกิดการปะทุครั้งต่อไปขึ้น กลุ่มคนของสำนักและตระกูลที่อยู่รอบๆ ซึ่งรู้จักเขาต่างก็แอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ ข้างใน

เมิ่งฮ่าวในรูปแบบนี้และความเย็นชาของเขา ทำให้ดูคล้ายกับเป็นคนแปลกหน้า

ในตระกูลซ่ง, ซ่งเหล่าไกว้มองไปยังเมิ่งฮ่าว และแอบถอนหายใจอยู่ภายใน อดที่จะคิดย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในแคว้นจ้าว เมื่อมันได้พบเห็นเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งแรกอย่างช่วยไม่ได้

เช่นเดียวกับอู๋ติงชิว ในสำนักจื่อยิ่น มันก็ตกอยู่ในอารมณ์เดียวกับซ่งเหล่าไกว้ อันที่จริงมันยังได้คิดไปถึงหอกเหล็ก ซึ่งยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ในสำนักจื่อยิ่นอีกด้วย…

เวลาผ่านไป อาณาเขตของทะเลสาบหนึ่งพันจ้างตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง สำหรับทะเลสาบหนึ่งหมื่นจ้างซึ่งทะเลสาบทั้งหมดห้อมล้อมอยู่ มองไม่เห็นแม้แต่ระลอกคลื่นบนพื้นผิวของมัน จนแทบจะดูคล้ายกับเป็นกระจกขนาดใหญ่

ฉู่อวี้เยียนนั่งเงียบๆ อยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะในที่สุดนางก็ลุกขึ้นมายืน และเดินออกไปจากกลุ่มศิษย์ของสำนักจื่อยิ่น ผู้อาวุโสเต๋าเหี่ยวแห้งมองไป แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางขณะที่นางเข้าไปใกล้สำนักเซี่ยเยา

การกระทำของนาง ทันใดนั้นก็ไปดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย

ขณะที่นางเข้าไปใกล้กับบริเวณที่เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ นางก็ถูกขวางกั้นโดยศิษย์สำนักเซี่ยเยา

“ข้าต้องการไปพบเมิ่งฮ่าว” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก

ศิษย์สำนักเซี่ยเยาลังเลอยู่ชั่วขณะ รู้ว่าเจ้าสำนักน้อยมีความสัมพันธ์กับสำนักจื่อยิ่น

เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และมองไปยังฉู่อวี้เยียน “ให้นางเข้ามา” เขากล่าว

ศิษย์สำนักเซี่ยเยาถอยไปที่ด้านข้างในทันที ฉู่อวี้เยียนไม่กล่าวอันใด ขณะที่นางเดินไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็นั่งลงอยู่ข้างกายเขา แววตาอันซับซ้อนปรากฏขึ้นในดวงตา

ตอนแรก นางไม่กล่าวอะไร เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว

หลังจากที่ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปนาน, นานมากๆ ในที่สุดนางก็กล่าวขึ้น “ไม่กี่ร้อยปีมานี้ ท่านเคยกลับไปยังหุบเขานั่นบ้างหรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าหุบเขาที่นางกล่าวคือที่ไหน นั่นก็คือสถานที่ที่คนทั้งสองได้รู้จักกันอย่างแท้จริง และเป็นสถานที่ที่เขาได้ครอบครองขุมทรัพย์เซียนโลหิต

“ไม่ได้ไป” เขากล่าวตอบเสียงราบเรียบ

“ข้าไป” นางกล่าว มองเข้าไปในดวงตาเขา

เมิ่งฮ่าวไม่ได้กล่าวตอบ

ฉู่อวี้เยียนจ้องออกไปยังทะเลสาบเต๋า สีหน้านางเต็มไปด้วยความขมขื่น หนึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดนางก็ยืนขึ้น และเริ่มเดินกลับไปยังสำนักจื่อยิ่น หลังจากเดินไปก้าวที่เจ็ดนางก็หยุดลง

“ถ้าไม่มีสวี่ชิง…?”

“ไม่มีคำว่าถ้า” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา

“ทำไม?”

“สิ่งที่ผ่านไป ก็ให้มันผ่านไป”

ฉู่อวี้เยียนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากนั้นก็ออกไปจากทะเลสาบเต๋าของเมิ่งฮ่าว และกลับเข้าไปในสำนักจื่อยิ่น หยดน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของนาง

หานเสวี่ยซานก็มาพบกับเมิ่งฮ่าว ด้วยความไร้เดียงสา และไม่พยายามจะปกปิดความรู้สึกที่มีต่อเขา

เจ้าอ้วนก็มา นำไก่ป่ามาด้วย เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไป จากนั้นก็จุดเปลวไฟขึ้น คนทั้งสองนั่งอยู่ข้างทะเลสาบเป็นเวลานาน กินไก่ป่าด้วยกันในขณะที่คนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองมา

เจ้าอ้วนหัวเราะ และถูตะไบฟันของมันด้วยกระบี่ สุดท้ายมันก็ดึงเมิ่งฮ่าวเข้ามากอดและจากไป

อันจ้ายไห่และหลินไห่หลงมาพร้อมกัน ถอนหายใจ พูดคุยเรื่องราวในอดีต โดยที่พยายามจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงตานกุ่ยต้าซือ พวกมันรู้ดีว่าสำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว บุคคลที่สำคัญมากที่สุดในสำนักจื่อยิ่นก็คือ…ท่านอาจารย์ของเขา

เยี่ยเฟยมู่ไม่ได้มา บุคคลสุดท้ายที่มาจากสำนักจื่อยิ่นเป็นชายชรา พื้นฐานฝึกตนของมันไม่ได้สูงมากนัก แต่ทันทีที่มันใกล้เข้ามา ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็มีรอยยิ้มขึ้น

“ไป๋หยุนหลาย”

“ฟาง…เมิ่งฮ่าว” ชายชราแทบจะเรียกเมิ่งฮ่าวด้วยนามฟางมู่โดยไม่ได้ตั้งใจ

มีผู้คนมาจากตระกูลซ่ง, สำนักจินหาน และสำนักอีเจี้ยน ก่อนหน้านี้ต่างก็เป็นศัตรูต่อกัน แต่ตอนนี้กลับมาพูดคุยกัน บุคคลเหล่านี้อยู่ในรุ่นเดียวกับเมิ่งฮ่าวในดินแดนด้านใต้ เป็นเต้าจื่อและผู้ถูกเลือก ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็อยู่แค่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น

เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็อดคิดไปถึงสิ่งทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อในอดีตที่ผ่านมาอย่างช่วยไม่ได้ เมิ่งฮ่าวไม่เห็นหลี่เทียนเต้าแห่งตระกูลหลี่ ซึ่งไม่ได้มายังทะเลสาบเต๋าในครั้งนี้

สำหรับหวังลี่ไห่ และคนที่คงอยู่ในความทรงจำส่วนลึกของเขา, หวังเถิงเฟย หลังจากที่ตระกูลหวังถูกทำลายล้างเผ่าพันธุ์ไปโดยปรมาจารย์รุ่นสิบของพวกมันเอง เมิ่งฮ่าวก็ไม่แน่ใจว่าพวกมันจะยังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่

มีอยู่หนึ่งคนที่เมิ่งฮ่าวไม่เห็นเลยตลอดเวลาที่กลับมายังดินแดนด้านใต้ นั่นก็คือหานเป้ย แห่งสำนักชิงหลัว

บุคคลสุดท้ายที่มาก็คือ เฉินฝาน มันดูแก่ชราลงกว่าเดิม และยังไม่บรรลุถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ร่างกายมันผอมแห้ง แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเฉินฝานที่เมิ่งฮ่าวเคยจำได้

ดูเหมือนว่ามีเรื่องราวอยู่ภายในใจมันมากมาย ในตลอดช่วงร้อยปีที่ผ่านมา และมาถึงจุดที่ทำให้มันแทบจะหายใจไม่ออก

ตอนแรกมันไม่ได้พูดมากนัก และก็นำขวดน้ำเต้าสุรามาด้วย ซึ่งมันได้ดื่มลงไปอย่างต่อเนื่อง ยากที่จะบอกได้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ นับจากนั้นมา มันก็เริ่มดื่มเป็นประจำทุกวัน จนถึงจุดที่ไม่เพียงแต่จะต้องดื่มเท่านั้น แต่มันต้องการจะเมามาย

มันไม่ได้เป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าเหมือนที่เคยเป็นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทั้งไม่ได้เป็นหนึ่งในเจ็ดกระบี่อีกต่อไป สหายร่วมสำนักคนแล้วคนเล่าได้สะกดข่มมันไว้ และความฝันของมันที่จะมีชื่อเสียงอยู่ในสำนักอีเจี้ยนก็ไม่อาจจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้

แต่มันก็ยังคงยิ้มออกมา มันยิ้มให้กับเมิ่งฮ่าว และรอยยิ้มนั้นก็ยังคงอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง เป็นความรักและความห่วงใยเหมือนเช่นเคย

“ศิษย์พี่เฉิน…” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองไปยังมัน ทุกครั้งที่เขามองเห็นสหายเก่า ก็อดไม่ได้ที่จะต้องคิดไปถึงสำนักเอกะเทวะ

“ฝึกฝนตนเองให้ดี” เฉินฝานกล่าว “ถ้าเจ้าสำเร็จกลายเป็นเซียน ข้าก็จะสามารถโอ้อวดกับคนอื่นๆ ได้ว่า ข้ามีน้องชายที่เป็นเซียน” มันหัวเราะเบาๆ และจับไปที่ไหล่ของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ดื่มสุราเข้าไปคำใหญ่ และมุ่งหน้ากลับเข้าไปยังสำนักอีเจี้ยน

เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงแววตาที่ดูถูกเยาะเย้ยของศิษย์สำนักอีเจี้ยนมากมาย ที่มองไปยังเฉินฝาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version