ตอนที่ 735
สงคราม!
ค่ายกลเวทนี้เกิดขึ้นจากการอวตารของอสูร ซึ่งสามารถผสานเข้ากับพื้นฐานฝึกตนของศิษย์สำนักเซี่ยเยาทั้งหมดได้ มันเคยปกป้องสำนักเซี่ยเยามานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน และมั่นใจได้ว่ามันจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน
ด้านในของอสูรอวตาร ห้ายอดเขาแห่งสำนักเซี่ยเยาส่องแสงเจิดจ้าออกมา จนกลายเป็นระลอกคลื่นห้าชั้น แต่ละชั้นก็มีสีที่แตกต่างกัน ขณะที่ระลอกคลื่นนั้นกระจายออกมา ก็กลายเป็นเวทเกราะป้องกันห้าชั้น
แต่ละชั้นของเกราะป้องกัน มีผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณเป็นผู้ดูแลรักษา และเต็มไปด้วยพลังของยอดเขาทั้งหมด มีการป้องกันอย่างเหนียวแน่นและยืดหยุ่น
ทันใดนั้น เสียงของปรมาจารย์อสูรโลหิตก็ดังก้องออกมาทั่วทั้งสำนักอสูรโลหิต “ค่ายกลแรก อสูรอวตาร มีเมิ่งฮ่าวเป็นจุดศูนย์กลาง มันจะเป็นผู้นำศิษย์หนึ่งแสนคน และจะเป็นผู้ควบคุมค่ายกลนี้!”
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในหุบเขาเจ้าสำนักน้อย เมื่อได้ยินเสียงของปรมาจารย์อสูรโลหิตเขาก็มองขึ้นไป
ข้างกายเขาเป็นสวี่ชิง นางไม่พูดจา แต่ยึดจับเสื้อเขาไว้อย่างเงียบๆ และจากนั้นก็โอบแขนกอดเขาไว้ หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ นางก็ปล่อยแขนและก้าวถอยหลังไป เมิ่งฮ่าวมองไปยังนาง
“รอข้าด้วย ข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน”
สวี่ชิงพยักหน้า ภายในใจนางรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ยอมให้เมิ่งฮ่าวมองเห็นความหวาดกลัวนั้นเพื่อที่จะไม่ไปรบกวนจิตใจเขา
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็เดินออกไปจากหุบเขาเจ้าสำนักน้อย ทันทีที่เขาโผล่ออกมา ความบ้าคลั่งก็ลุกไหม้อยู่ในดวงตาของศิษย์สำนักเซี่ยเยาทั้งหมดที่เพ่งมองมายังเขา
เมื่อมองเห็นสายตาที่คลั่งไคล้ของพวกมัน เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ภายในใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเขาได้เก็บวิญญาณเซียนแท้เอาไว้ ถ้าเขาไม่เก็บไว้ มหันตภัยอันร้ายแรงนี้ก็คงจะไม่ครอบคลุมลงมายังสำนักเซี่ยเยา
ในตอนนี้เองที่จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงพูดของปรมาจารย์อสูรโลหิตอยู่ในหู “ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เจ้าคิดว่าสำนักอีเจี้ยน, สำนักจินหาน, สำนักชิงหลัว และตระกูลหลี่ต้องการจะทำสงครามเพราะวิญญาณเซียนแท้จริงๆ?”
“วิญญาณเซียนแท้เป็นแค่ตัวกระตุ้นเท่านั้น เหตุผลที่แท้จริงก็คือ…พวกมันหวาดกลัวข้า เชื่อว่าข้าจะเป็นภัยคุกคามต่อพวกมัน และคอยหาโอกาสที่จะกำจัดข้าอยู่ตลอดเวลา”
“ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิญญาณเซียนแท้ สงครามนี้ก็ยังคงจะเกิดขึ้น ดินแดนด้านใต้สงบสุขมานานเกินไปแล้ว”
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ แต่ในดวงตาสาดประกายด้วยการตัดสินใจและความต้องการเข่นฆ่าสังหาร ในสงครามครั้งนี้ เขาจะต้องทำการเข่นฆ่าสังหารอย่างแน่นอน!
จริงๆ แล้ว เขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้พลังอำนาจของเขา ที่จะสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ร่างกายเขาแวบขึ้นขณะที่บินตรงไปยังค่ายกลเวทแรก ที่ด้านหลังศิษย์สำนักเซี่ยเยาหนึ่งแสนคนพุ่งทะยานฝ่าอากาศ ผ่านเข้าไปในค่ายกลเวททั้งหมด และจากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ
ที่ลำตัวของค่ายกลมีศิษย์อยู่สองหมื่นคน แขนขาทั้งสี่แต่ละข้างมีอยู่หนึ่งหมื่นห้าพันคน ศีรษะมีสองหมื่นคน รวมทั้งหมดหนึ่งแสนคน สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาไปอยู่ตรงหน้าผากของอสูรอวตาร
ทันทีที่ศิษย์ทั้งหนึ่งแสนคนเข้าไปในค่ายกลเวท และนั่งลงขัดสมาธิ พวกมันก็ปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกมา ขณะที่พลังนั้นหลอมรวมเข้าไปในอสูรอวตาร เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในจิตใจพวกมัน ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าอสูรอวตารขนาดใหญ่ได้เปลี่ยนจากสภาวะที่แข็งนิ่งกลายเป็นมีชีวิตขึ้นมา พลังชีวิตมากมายได้ระเบิดออกมาอยู่ภายในร่างมัน
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงตำแหน่งหน้าผาก รังสีสังหารอันน่ากลัวมองเห็นได้จากภายในดวงตา เขาจะปกป้องสถานที่แห่งนี้ ทั้งเพื่อสำนักเซี่ยเยา และ…เพื่อสวี่ชิง
ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายสวี่ชิงได้แม้แต่ปลายเส้นผมของนาง
ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น เขาก็หยิบเอาอาวุธเวทออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำการดูดซับเข้าไปในร่างกาย แม้จะมีความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแต่เขาก็พยายามอดทน กัดฟันแน่นและกระทำต่อไป ด้วยการดูดซับของวิเศษแต่ละชิ้นเข้าไป ร่างกายเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทีละน้อย
จุดที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็คือ…แขนขวาของเขา นั่นเป็นตำแหน่งแรกที่เขาได้ดูดซับของวิเศษตัดวิญญาณเข้าไป หลังจากที่หลอมละลายของวิเศษนับพันชิ้นเข้าไปในแขนขวา เขาก็รับรู้ได้ถึงการทะลวงผ่านที่แขนนั้นโดยเฉพาะ ตอนนี้มันกระจายระลอกคลื่นที่เหมือนกับค้นหาเต๋าออกมา
“เกือบหมดแล้ว…” เมิ่งฮ่าวคิด สีหน้าเยือกเย็นขณะที่หลอมรวมของวิเศษเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไป สองสามวันหลังจากนั้น สำนักเซี่ยเยาตกอยู่ในความเงียบราวความตาย บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดัน เป็นแรงกดดันของพลังอันน่าเหลือเชื่อ ที่เกิดขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุด และกำลังรอคอยที่จะระเบิดออกไป
ที่ด้านนอกสำนัก กองกำลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ได้ติดตั้งค่ายกลเวทของพวกมันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ผู้ฝึกตนเร่ร่อนแห่งดินแดนด้านใต้นับแสนได้มาถึง
จากที่ห่างไกลออกไป มองเห็นผู้ฝึกตนเจ็ดแสนคนอยู่รอบๆ สำนักเซี่ยเยา กระจายออกไปจนสุดขอบฟ้าไกลสุดสายตา เป็นกองกำลังที่น่าเหลือเชื่อนัก และการที่มองไปยังมันก็จะทำให้จิตใจต้องสั่นสะท้าน
“สำนักเซี่ยเยา!”
“สงครามครั้งนี้จะจบลงด้วยการกวาดล้างสำนักเซี่ยเยาไป!”
“สู้!!”
ตอนนี้เป็นยามเที่ยงวัน แต่ดวงตะวันก็ถูกปกคลุมโดยกลุ่มเมฆสีดำโดยสิ้นเชิง สายฟ้าแลบขึ้นมาในท้องฟ้า ขณะที่กลุ่มคนมากมายของสี่กองกำลังส่งเสียงแผดร้องโดยพร้อมเพรียงกัน เสียงแผดร้องอันรุนแรงนั้นทำให้กลุ่มเมฆแยกกระจายออก และสายฝนเริ่มตกลงมา
หยดน้ำฝน สายฟ้า สังหาร…
สู้!
สงครามกำลังเริ่มต้นขึ้น!
สำนักอีเจี้ยน, สำนักจินหาน, สำนักชิงหลัว และตระกูลหลี่ ไม่ได้เป็นกลุ่มแรกที่เคลื่อนที่ไป เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้โจมตีเป็นกลุ่มแรกก็คือผู้ฝึกตนเร่ร่อน ซึ่งมาพร้อมกับความหวังว่าจะได้รับรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน
พวกมันนับแสนคนพุ่งตรงไปพร้อมกับพลังที่ทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือน ท้องฟ้าสั่นสะท้าน และแม้แต่สายฝนก็ไม่อาจจะตกลงไปบนพื้นได้ แต่กลับกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
มองเห็นพื้นฐานฝึกตนหลากหลายที่แตกต่างกันในท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนเร่ร่อน ที่สูงมากที่สุดอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่วิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณอยู่ในกลุ่มพวกมัน ขณะที่พวกมันโจมตีไป ค่ายกลเวทที่อยู่รอบๆ ตัวก็พุ่งออกไปด้วยแสงที่มองไม่เห็น สายฟ้าจากด้านบนถูกดูดลงมา ผ่านเข้าไปในค่ายกลเวท จากนั้นก็เกิดเป็นอสรพิษสีเงินมากมายซึ่งประกอบไปด้วยประกายสายฟ้า
มีอสรพิษสีเงินทั้งหมดแปดตัว กว้างหนึ่งร้อยจ้างและยาวหนึ่งหมื่นจ้าง ซึ่งได้ดูดเอาผู้ฝึกตนเร่ร่อนทั้งหนึ่งแสนคนเข้าไปอยู่ด้านใน ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะเห็นว่าภายในร่างของอสรพิษเงินแต่ละตัวมีผู้ฝึกตนเร่ร่อนอยู่หนึ่งหมื่นคน กำลังยืมพลังของพวกมันให้กับสายฟ้า ฉับพลันนั้นอสรพิษก็พุ่งตรงไปยังอสูรอวตารยักษ์ที่ปกคลุมอยู่รอบๆ สำนักเซี่ยเยา
ภายในร่างอสูรอวตาร ศิษย์สำนักเซี่ยเยาหนึ่งแสนคนเริ่มร้องตะโกนขึ้น
“เจ้าสำนักน้อย พวกเราจะสู้หรือไม่?!”
“เจ้าสำนักน้อย พวกเรากำลังรอคำสั่งท่านอยู่!!”
เสียงของพวกมันดังก้องไปมาอยู่ภายในร่างอสูรอวตาร แต่ที่โลกด้านนอกจะไม่ได้ยิน
“ยังไม่ถึงเวลา” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงราบเรียบ ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาอย่างช้าๆ และอสูรอวตารยักษ์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ยกมือของมันขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ตบฝ่ามือลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
ตูม!
เสียงกึกก้องได้ยินมา ขณะที่เกราะแห่งแสงสีโลหิตได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือของอสูรอวตาร กวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง
เมื่ออสรพิษสีเงินเข้ามาใกล้กับอสูรอวตาร พวกมันก็ถูกขัดขวางโดยเกราะป้องกันสีโลหิต ที่ระยะห่างออกไปหนึ่งพันจ้าง เกราะนั้นบิดเบี้ยวไปมาภายใต้พลังของการโจมตีที่กระแทกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่พังทลายลงไป
ภายในร่างของอสูรอวตาร รังสีสังหารแวบขึ้นอย่างเจิดจ้าอยู่ในสายตาทุกคู่ของศิษย์สำนักเซี่ยเยาทั้งหนึ่งแสนคน ร่างพวกมันกระจายแสงสีโลหิตออกมา ขณะที่เฝ้ารอ หลอมรวมเข้ากับอสูรอวตารอย่างสมบูรณ์ สำหรับเมิ่งฮ่าว เขานั่งอยู่ตรงตำแหน่งหน้าผาก ใส่ของวิเศษตัดวิญญาณเข้าไปในแขนขวาอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบเอ็ด, หนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบสอง…ขณะที่ของวิเศษกำลังหลอมรวมเข้าไปในแขนเขาอย่างต่อเนื่อง แขนข้างนั้นก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายค้นหาเต้าเริ่มเด่นชัดมากขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็รู้ว่าเขาแค่อยู่ห่างจาก…การทำให้แขนเป็นส่วนแรกของกายเนื้อที่จะอยู่ในขั้นค้นหาเต๋าอย่างแท้จริง
อสรพิษสายฟ้าสีเงินทั้งแปดตัวโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เกราะป้องกันสีโลหิตก็ยังคงต้านรับอย่างแข็งแกร่งต่อไป ถึงแม้ว่าที่พื้นผิวของมันจะบิดเบี้ยวไปมาก็ตามที และมันยังได้ทำการโจมตีกลับไปอีกด้วย ทำให้สองอสรพิษสีเงิน เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่จะแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ
“ช่างเป็นเศษสวะจริงๆ! แม้แต่ด้วยการช่วยเหลือจากค่ายกลเวทตระกูลหลี่ของข้า เจ้าพวกโง่เหล่านั้นก็ยังไม่อาจจะทำลายค่ายกลแรกของสำนักเซี่ยเยาไปได้!” ปรมาจารย์รุ่นสามตระกูลหลี่แค่นเสียงเย็นชาออกมา
“สหายเต๋าหกเต๋า” ผู้ฝึกตนผมแดงสำนักจินหานกล่าว สายตามันไปหยุดนิ่งอยู่ที่ปรมาจารย์หกเต๋าแห่งสำนักชิงหลัว “ถึงเวลาที่ท่านต้องลงมือแล้ว”
ผู้ฝึกตนชุดเขียวจากสำนักอีเจี้ยนก็มองไปยังมันด้วยเช่นเดียวกัน
สีหน้าหกเต๋าเปลี่ยนไป และมันก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา มันไม่อาจจะปฏิเสธได้ ดังนั้นจึงยกมือขึ้นและชี้ตรงไป วิญญาณไร้ร่างสำนักชิงหลัวและผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหลังมันกัดฟันแน่นและพุ่งตรงไป ในกลุ่มนั้นยังมีแม้แต่วิญญาณไร้ร่างที่กระจายกลิ่นอายตัดวิญญาณอยู่หนึ่งตนรวมอยู่ด้วย สำนักชิงหลัวดูคล้ายกับเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ กรีดฝ่าอากาศแทงตรงไปยังเกราะป้องกันสีโลหิต ซึ่งแปดอสรพิษสายฟ้ากำลังจู่โจมอยู่
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา และเกราะป้องกันสีโลหิตก็สั่นไปมา ดูเหมือนจะเริ่มอ่อนแอลง แปดอสรพิษสายฟ้ารวมพลังเข้าด้วยกัน จากนั้นก็รวมเข้ากับพื้นฐานฝึกตนของสำนักชิงหลัว กระแทกเข้าไปในส่วนที่อ่อนแอมากที่สุดของเกราะป้องกัน
เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่รอยแตกกระจายออกไป แต่รอยแตกนั้นก็ถูกผนึกไว้อย่างรวดเร็ว และยังได้ทำการโจมตีกลับไปอีกด้วย สองอสรพิษสายฟ้าที่อ่อนแอลงไปก่อนหน้านี้ระเบิดออกในทันที
ไม่มีเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนใดๆ ทันทีที่อสรพิษระเบิดออก ผู้ฝึกตนหนึ่งหมื่นคนที่อยู่ด้านในต่างก็ถูกกวาดล้างไปในทันใด ตกตายไปทั้งวิญญาณและร่างกาย
ผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในหกอสรพิษสายฟ้าที่เหลืออยู่ต่างก็มองไปด้วยความตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามพวกมันได้มายังที่แห่งนี้เพื่อหวังโชคลาภ และได้ตกลงกับสี่กองกำลังอันยิ่งใหญ่ไว้แล้วว่า พวกมันจะได้รับสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะโหดเหี้ยมดุร้ายมากเท่าใดก็ตามที แล้วพวกมันจะยอมแพ้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
“เมิ่งฮ่าว!” วิญญาณไร้ร่างขั้นตัดวิญญาณร้องตะโกนออกมา “เจ้าจะหลบซ่อนอยู่ในสำนักเซี่ยเยาทั้งชีวิต? เจ้ากล้าที่จะออกมาต่อสู้หรือไม่?” มันคาดเดาว่าเมิ่งฮ่าวคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในสำนักเซี่ยเยา ไม่ได้อยู่ภายในร่างอสูรอวตาร
เสียงของมันดังก้องไปมา ขณะที่พุ่งผ่านเกราะป้องกันสีโลหิตเข้าไป จนถึงร่างอสูรอวตาร และดังเข้าไปในหูของเมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยรังสีสังหาร แต่ก็ไม่ทำอะไร ยังคงใส่ของวิเศษตัดวิญญาณเข้าไปในแขวนขวาอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งพันสี่ร้อยเจ็ดสิบเก้า หนึ่งพันสี่ร้อยแปดสิบ!
เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าแขนขวาของเขาในตอนนี้ แทบจะเกินกว่าขั้นตัดวิญญาณไปแล้ว และได้เข้าไปในขั้นค้นหาเต๋าอย่างแท้จริง
เสียงระเบิดดังก้องออกมาจากด้านนอก ขณะที่หกอสรพิษสายฟ้า รวมกำลังกับผู้ฝึกตนสำนักชิงหลัว ภายใต้การนำของวิญญาณไร้ร่างขั้นตัดวิญญาณ โจมตีไปยังเกราะป้องกันสีโลหิตอย่างต่อเนื่อง เกราะป้องกันเริ่มบิดเบี้ยวและหดตัวลง แม้แต่บางส่วนก็ยังได้เริ่มแตกร้าวไปอีกด้วย
“เมิ่งฮ่าว!” วิญญาณไร้ร่างขั้นตัดวิญญาณตะโกนเรียก “ข้าคือหนึ่งในผู้ที่ดึงวิญญาณของสวี่ชิงออกมา! ขั้นตอนการแยกวิญญาณออกมาจากร่าง ทำให้นางต้องเจ็บปวดอย่างรุนแรง! สีหน้าของนาง…ข้ายังคงจดจำได้ ราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง” มันโบกสะบัดมือ และเกราะป้องกันก็สั่นไปมา เห็นได้ชัดว่ามันพยายามจะล่อให้เมิ่งฮ่าวออกมาต่อสู้ด้วย
ทันทีที่เสียงของมันดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไป ความดุร้ายอย่างเข้มข้นมองเห็นได้ในดวงตา รวมทั้งความต้องการเข่นฆ่าสังหารที่ระเบิดขึ้น
ของวิเศษตัดวิญญาณหนึ่งพันห้าร้อยชิ้น หลอมรวมเข้าไปในแขนขวาของเขา และแขนข้างนั้นก็พุ่งทะยานผ่านขั้นตัดวิญญาณเข้าไปในขั้นค้นหาเต๋าเรียบร้อยแล้ว
เศษเสี้ยวแห่งกฎธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์กระจายออกไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีผลกระทบต่อเมิ่งฮ่าว แต่มือขวาของเขาในตอนนี้ก็แข็งแกร่งมากที่สุดในส่วนของกายเนื้อเขา!
“เจ้าสำนักน้อย พวกเราไปสู้กันเถอะ!!”
“เจ้าสำนักน้อย พวกเราต้องการจะสู้!!”
“ตกลง สู้!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก เขาก็ยกมือขวาขึ้น และทำท่าคว้าจับอย่างรุนแรง สิ่งที่คนทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ด้านนอกมองเห็นก็คือว่า อสูรอวตารกำลังยกมือขวาที่ใหญ่โตของมันขึ้น จากนั้นก็พุ่งออกไปจากเกราะป้องกันด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ คว้าจับไปยังวิญญาณไร้ร่างขั้นตัดวิญญาณตนนั้น
มือนั้นกำแน่นอย่างดุร้าย และเสียงระเบิดก็ได้ยินมา ขณะที่วิญญาณไร้ร่างถูกบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกิดเป็นเสียงแผดร้องดังก้องออกไปทั่วทั้งสนามรบอย่างต่อเนื่อง
อสูรอวตารทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมายืน มีความสูงถึงหนึ่งหมื่นจ้าง ดูน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง