Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 756

ตอนที่ 756

เจ้าอ้วนคลุ้มคลั่ง!

ในสำนักจินหาน ถึงแม้ว่าทั่วทั้งสำนักจะปิดตัวลงไป แต่เหล่าศิษย์ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ยากลำบาก

พวกมันจะยังคงปกป้องสำนักนี้ไว้ต่อไป หรือควรจะออกไปจากดินแดนด้านใต้ดี…?

พวกมันควรจะยอมจำนนต่อสำนักเซี่ยเยา หรือตายไปในการต่อสู้…?

การล่มสลายไปของสำนักชิงหลัวไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด แต่การยอมจำนนของสำนักอีเจี้ยน มีผู้ฝึกตนแห่งดินแดนด้านใต้นับแสนเป็นพยานรู้เห็น ข่าวคราวนี้ได้ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่สำนักจินหานที่ปิดตัวเองลงก็ยังต้องรับรู้

เพียงไม่นานทั่วทั้งสำนักจินหานก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้น แน่นอนว่าผู้ที่ตกตะลึงน้อยที่สุดก็คือหลี่ฟูกุ้ย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยตกใจนัก แต่ก็ยังคงรู้สึกกังวลใจ ไม่กี่วันมานี้มันพบว่าตนเองกำลังถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มและความสูญเสีย จนเห็นได้อย่างชัดเจน

สำนักจินหานได้ปฏิบัติต่อมันเป็นอย่างดี ดีมากๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ มันได้รับภรรยาที่สวยงามมากมาย ถึงจะทำให้มันรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่ก็มีความสุขเป็นอย่างมาก…แต่อีกด้านก็เป็นเมิ่งฮ่าวซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของมัน ตั้งแต่วันที่อยู่ในสำนักเอกะเทวะด้วยกันมา

คนทั้งสองเข้าสังกัดสำนักด้วยกันในฐานะศิษย์สายนอก ได้จับไก่ป่าเพื่อย่างกินด้วยกัน และยังได้เปิดร้านขายยาแบบเร่งด่วนด้วยกันอีกด้วย เมิ่งฮ่าวเคยดูแลเอาใจใส่มันเป็นอย่างดี และนั่นก็เป็นสิ่งที่มันไม่อาจจะลืมเลือนไปได้

คนทั้งสองเปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง

ตอนนี้มันรู้สึกอึดอัดต่อสถานการณ์เช่นนี้ และค่อนข้างจะสับสนในสิ่งที่ต้องทำ พี่ใหญ่มันกำลังเดินทางมาเพื่อทำลายสำนักจินหาน และมันก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องจัดการกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรดี

ไม่กี่วันหลังจากที่สำนักอีเจี้ยนยอมจำนน ผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณเพียงคนเดียวของสำนักจินหาน พร้อมกับอาจารย์ของหลี่ฟูกุ้ย ได้มาหามันเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยเรื่องนี้

“ขอสงบศึก?” เจ้าอ้วนกล่าว อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง มองไปยังปรมาจารย์ตัดวิญญาณ ที่ดูค่อนข้างจะเหนื่อยล้า

“เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนที่…โหดร้ายและไร้ความเมตตาใดๆ สามารถทำการสังหารได้อย่างน่ากลัว ด้วยพื้นฐานฝึกตนที่สูงล้ำอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็ยังคง…เป็นคนที่ให้ความใส่ใจต่อสหายเก่า”

“พวกเราสามารถยืนยันได้จากข่าวคราวของสำนักอีเจี้ยน จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉินฝาน ทำให้บอกได้เล็กน้อยเกี่ยวกับความคิดของเมิ่งฮ่าว”

“หลี่ฟูกุ้ย ลองคิดดูว่าทางสำนักได้ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเข้ามาสังกัดอยู่? ตอนนี้พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา ข้าหวังว่าเจ้าจะก้าวเท้าออกมาอย่างกล้าหาญ ใช้ความเป็นสหายระหว่างเจ้าและเมิ่งฮ่าว ช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากพายุลูกนี้ได้!”

“สำนักจินหานยินดีที่จะยอมจำนน คำเรียกร้องของพวกเราก็คือไม่ต้องกลายเป็นสาขาย่อย แต่เป็นพันธมิตรเท่านั้น!”

“พวกเราจะทำทุกอย่างเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อปฏิบัติตามสำนักเซี่ยเยา แต่ก็ต้องรักษาแก่นวิชาเต๋าและหลักคำสอนของพวกเราไว้ ด้วยเช่นนั้นสำนักพวกเราก็จะไม่ถูกกวาดล้างออกไปจากดินแดนด้านใต้ บางทีอีกหลายปีนับจากนี้ไป พวกเราอาจจะรุ่งเรืองกลับมาได้อีกครั้ง พวกเราต้องต่อสู้เพื่อโอกาสนั้น”

ปรมาจารย์ตัดวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในสำนักจินหาน ประสานมือและโค้งศีรษะลงต่ำให้กับหลี่ฟูกุ้ย อาจารย์ของมันยืนห่างออกไปที่ด้านข้างมองมา

หลี่ฟูกุ้ยเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าอย่างจริงจัง

วันแห่งความวิตกกังวลของสำนักจินหานได้ผ่านไป ในที่สุดกลุ่มเมฆก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนอยู่ที่ด้านนอกของค่ายกลเวทอันยิ่งใหญ่ของสำนัก ลำแสงนับหมื่นปรากฏขึ้น ราวกับเป็นทะเลแห่งโลหิตสีแดงจ้า ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมายังสำนักจินหาน

เหล่านี้ก็คือศิษย์สำนักเซี่ยเยา พวกมันทำลายล้างสำนักชิงหลัว และบังคับให้สำนักอีเจี้ยนต้องยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ตอนนี้พวกมันมุ่งหน้ามายังสำนักจินหาน ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความต้องการเข่นฆ่าสังหาร

ด้านหลังพวกมันเป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อน และมีจำนวนมากกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย คนนับแสนกำลังติดตามสำนักเซี่ยเยาไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน

ที่ด้านนอกของสำนักจินหาน มีอาณาเขตที่อากาศไม่ได้บิดเบี้ยวไปมาเป็นระลอกคลื่นของค่ายกลเวทป้องกัน หรือเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกที่ปกคลุมอยู่ แต่มีกำแพงภาพลวงตาปกป้องไว้ เผยให้เห็นเป็นภาพของภูเขาที่แห้งแล้งกันดาร

ทันทีที่ศิษย์สำนักเซี่ยเยาปรากฏขึ้นในบริเวณนั้น และก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ ก็มองเห็นลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้น และเงาร่างของเจ้าอ้วนก็อยู่ที่นั่นบนภูเขา

“อย่าได้โจมตี, อย่าได้โจมตี, ข้าเอง!” มันร้องตะโกนออกมาจนสุดเสียง เมื่อได้เห็นศิษย์สำนักเซี่ยเยานับหมื่น และผู้ฝึกตนเร่ร่อนนับแสนที่อยู่ด้านหลังออกไป ก็ทำให้เจ้าอ้วนขวัญหนีดีฝ่อไปโดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเจ้าอ้วน จากนั้นก็ชำเลืองมองไปยังสำนักจินหาน เพียงชั่วขณะเขาก็รู้ว่าสิ่งที่สำนักจินหานกำลังคิดอยู่คืออะไร เขาตระหนักถึงคำตอบของมันดี ทำให้ต้องลังเลขึ้นมา

เจ้าอ้วนอยู่ที่นี่ และเมิ่งฮ่าวก็รู้ว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับสำนักจินหาน มันก็ต้องมีผลกระทบในทางด้านลบกับเจ้าอ้วน

เมื่อได้เห็นเจ้าอ้วนจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้อากาศรอบๆ ตัวบิดเบี้ยวไปมา เขาหายตัวไป ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งอยู่ที่เบื้องหน้าเจ้าอ้วน จากนั้นรอบๆ คนทั้งสองก็สลัวเลือนลางลง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตาม มองเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว มองไปยังรูปร่างที่อ้วนกลมของเจ้าอ้วน จากนั้นก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา เจ้าอ้วนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา และคนทั้งสองก็สวมกอดกัน

น่าเสียดาย ที่ในเวลาไม่นานนัก รอยยิ้มของเมิ่งฮ่าวก็เหือดแห้งหายไป

“พุงเจ้า…ช่างใหญ่โตนัก” เขากล่าว เจ้าอ้วน อ้วนมากจนเป็นเรื่องยากที่เขาจะกอดมันได้

“ข้าอ้วนขึ้นอีกแล้ว” เจ้าอ้วนกล่าว ยิ้มออกมาและเอามือลูบไปที่ศีรษะ “ข้ากำลังคิดจะลดน้ำหนักในเร็วๆ นี้” มันมองผ่านเมิ่งฮ่าว ตรงไปยังศิษย์สำนักเซี่ยเยานับหมื่นที่มีหน้าตาดุร้าย

“อืม…พี่ใหญ่เมิ่งฮ่าว พวกเรามาลองปรึกษากันดูดีหรือไม่?” เจ้าอ้วนมีท่าทางวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง

“หือ?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ กระพริบตาไปมาและมองกลับไปยังเจ้าอ้วนด้วยรอยยิ้มอันลี้ลับ

เจ้าอ้วนถอนหายใจ จากนั้นก็กล่าวอธิบายไปตรงๆ “ปรมาจารย์ตัดวิญญาณของสำนัก ได้ส่งข้ามาที่นี่เพื่อขอสงบศึก ไม่ต้องต่อสู้กัน…ดีหรือไม่!? ทางสำนักจะยอมจำนน ตราบเท่าที่พวกมันสามารถเก็บรักษาแก่นแท้วิชาเต๋าและหลักคำสอนของพวกมันไว้ได้…”

ขณะที่คนทั้งสองพูดคุยกัน ศิษย์สำนักจินหานก็มองไปด้วยความวิตกกกังวลใจอยู่ภายในสำนัก สงสัยว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร

“ข้าอยากรู้ว่าศิษย์พี่หลี่จะทำได้สำเร็จหรือไม่…?”

“เมิ่งฮ่าวให้คุณค่ากับมิตรภาพอย่างแท้จริง คงไม่ลำบากนักที่จะเกลี้ยกล่อมมัน”

“เจ้าไม่อาจจะพูดอย่างมั่นใจเช่นนั้นได้ เมิ่งฮ่าวเป็นเจ้าสำนักน้อยของสำนักเซี่ยเยา มันสังหารผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน เป็นคนที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมอย่างที่สุด ไม่มีทางที่มันจะเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของพวกเราได้อย่างง่ายดาย” ขณะที่พวกมันพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมิ่งฮ่าวก็กำลังรับฟังเจ้าอ้วนเสนอข้อเรียกร้อง จนกระทั่งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ้ากว้าง

“เสี่ยวพั่งจื่อ (เจ้าอ้วน) เจ้าเป็นตัวแทนของสำนักมาขอสงบศึกด้วยความยากลำบาก แต่สิ่งที่สำนักจะตอบแทนเจ้าคืออะไร?”

เจ้าอ้วนอ้าปากค้างไปชั่วขณะ จากนั้นจู่ๆ ก็ตบไปที่ต้นขาของตนเอง ท่าทางมีโทสะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน

“ท่านย่ามันเถอะ! เจ้าพูดถูก! เจ้าบัดซบเหล่านั้นไม่ได้เสนออะไรตอบแทนข้าเลย! ใช่แล้ว, เมิ่งฮ่าว อย่าได้ตอบตกลง ข้าจะกลับไปยังสำนัก และบอกพวกมันว่าการต่อรองไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่พวกมันเสนอสิ่งของบางอย่างให้กับเสี่ยวเหยีย (ท่านปู่น้อย) ข้าค่อยกลับมาใหม่”

เมิ่งฮ่าวหัวเราะหึๆ และส่ายหน้า จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทำให้ภาพเลือนลางรอบๆ ตัวคนทั้งสองจางหายไป ผู้คนทั้งหมดที่ด้านนอกสามารถมองเห็นคนทั้งสองได้อย่างชัดเจน

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียดขึ้น และดวงตาเจ้าอ้วนก็วาววับ รู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องแสดงแล้ว มันมีโทสะขึ้นมาและจากนั้นก็แผดร้องคำราม “เมิ่งฮ่าว เจ้าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?!?”

พร้อมกับเพลิงโทสะที่กำลังลุกไหม้ มันหันหลังและมุ่งหน้ากลับเข้าไปในสำนักจินหาน

สีหน้าของผู้ฝึกตนสำนักจินหานสลดลง จิตใจพวกมันเริ่มเต้นรัว

เจ้าอ้วนที่เต็มไปด้วยโทสะ กลับเข้าไปในสำนัก และถูกห้อมล้อมด้วยศิษย์ที่มีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นในทันที

“ไม่ยุ่งแล้ว, บิดาไม่ยุ่งด้วยแล้ว!”

“เจ้าเมิ่งฮ่าวมันไม่สนใจเรื่องมิตรภาพใดๆ ทั้งสิ้น! ทั้งที่ข้าพยายามจะประนีประนอมกับมัน!” เมื่อได้ยินคำพูดอย่างมีโทสะของเจ้าอ้วน ก็ทำให้ศิษย์สำนักจินหานยิ่งหวาดวิตกมากขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั้นปรมาจารย์ตัดวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ก็ก้าวเนิบนาบตรงมาและถามขึ้น “มันไม่ยินยอม?”

“ทันทีที่ข้าพูดถึงเรื่องขอสงบศึก มันก็ถามว่า ข้ามีสิทธิ์อะไรที่จะไปต่อรองให้กับสำนัก! ทำไมมันต้องถามเรื่องสิทธิ์?!?! ในเมื่อข้าเป็นศิษย์ของสำนักจินหาน, บัดซบ! มันทำให้ข้าต้องละอายใจนัก!” ขณะที่พูด ดวงตาของเจ้าอ้วนก็กลอกกลิ้งไปมาด้วยความตลบตะแลง

ศิษย์สำนักจินหานที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ได้สะกดกลั้นตนเองไว้นานแล้ว พวกมันฝากความหวังทั้งหมดไปที่เจ้าอ้วน แต่ตอนนี้เมื่อมันล้มเหลว พวกมันก็ไม่อาจจะข่มกลั้นไว้ได้อีกต่อไป

“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ไปสู้กันเถอะ!”

“ใช่แล้ว! ต่อให้ต้องตายในการต่อสู้ ก็ยังดีกว่าจะต้องถูกดูแคลนเช่นนี้! แม้แต่ศิษย์พี่หลี่ก็ยังไม่อาจจะทำอะไรได้ พวกเราไปสู้กัน!”

“สู้!!”

ความต้องการต่อสู้ของพวกมันพุ่งทะยานขึ้น และในที่สุด ทั่วทั้งสำนักก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน พวกมันยังได้เริ่มเปลี่ยนแปลงค่ายกลเวทให้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อีกด้วย

เจ้าอ้วนรู้สึกมึนงง มันคิดว่าได้ทำให้ดูอย่างชัดเจนแล้ว แต่ก็ต้องตกตะลึง เมื่อไม่มีใครรับรู้ได้ถึงความหมายที่มันแอบซ่อนไว้ในคำพูดเหล่านั้น

ปรมาจารย์ตัดวิญญาณยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ในที่ห่างไกลออกไป มันแอบถอนหายใจออกมา มันไม่ต้องการจะทำสงครามในครั้งนี้ สำนักจินหานไม่อาจจะต่อสู้กับสำนักเซี่ยเยาได้เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้…พวกมันยังจะมีทางเลือกอะไรได้อีก?

โดยปกติแล้ว มันควรจะรับรู้ได้ถึงข้อความที่แอบซ่อนไว้ในคำพูดของหลี่ฟูกุ้ยเมื่อครู่นี้ อย่างไรก็ตาม มันกำลังร้อนใจและตื่นตระหนก ทำให้ไม่อาจจะสังเกตเห็นได้

“ถ้าพวกเราจะสู้ ก็ควรจะเริ่มก่อน!” ปรมาจารย์ตัดวิญญาณกล่าว กัดฟันแน่น “ต่อสู้เลย เรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง!”

ดวงตาเจ้าอ้วนเบิกกว้าง จิตใจมันเริ่มเต้นรัว ตระหนักว่าเรื่องราวกำลังจะอยู่เหนือการควบคุม มันรีบก้าวเท้าตรงไปอย่างรวดเร็วกล่าวว่า

“อันที่จริง…ข้าคิดว่ายังมีความหวังอยู่บ้าง…”

“ศิษย์พี่หลี่, ไม่จำเป็นต้องพูดอีก พวกเรากำลังจะไปสู้แล้ว!”

“ถูกต้อง! ศิษย์พี่หลี่, พวกเราถูกต้อนเข้าสู่มุมอับแล้ว ตอนนี้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นก็คือสู้!”

“พวกเราจะแสดงให้พวกมันรู้ว่าสำนักจินหานเป็นอย่างไร! พวกเราอาจจะตกต่ำลงไปแล้วในตอนนี้ แต่ก็ยังมีพลังพอที่จะต่อสู้!”

ตอนนี้เจ้าอ้วนกระวนกระวายใจอย่างถึงที่สุด “ทุกคนฟังข้าพูดก่อน! ข้าคิดว่า…”

“หลี่ฟูกุ้ย, ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว!” ปรมาจารย์ตัดวิญญาณกล่าวด้วยดวงตาที่เย็นชา “เหล่าฟูตัดสินใจผิดพลาด ดูเหมือนว่าพวกมันต้องต่อสู้ก่อน เพื่อจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง ศิษย์ทุกคนฟังคำสั่งข้า…” มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และกำลังจะออกคำสั่ง แต่ทันใดนั้นเจ้าอ้วนก็เงยหน้าขึ้นและแผดร้องตะโกนออกมา

“ท่านปรมาจารย์ ให้โอกาสข้าอีกครั้ง! ข้า, หลี่ฟูกุ้ย จะขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อช่วยสำนักให้รอดพ้นจากอันตราย!” มันวิตกกังวลจนสุ้มเสียงแหบแห้ง

ทันใดนั้น คนทั้งหมดก็หันหน้ามามองมันด้วยความตกตะลึง แม้แต่ปรมาจารย์ตัดวิญญาณ

หลี่ฟูกุ้ยตบไปที่หน้าอกอย่างหนักแน่นจนเป็นเสียงดัง และหยดน้ำตาก็เอ่อล้นอยู่ในดวงตา

“เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ” ปรมาจารย์ตัดวิญญาณกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก “เจ้า…เจ้าไม่จำเป็นต้องทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ก็ได้ พวกเราจะต่อสู้ แสดงให้พวกมันเห็นถึงพลังที่แท้จริงของสำนักจินหาน! นี่ก็คือความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเรา!” ด้วยเช่นนั้น มันก็เตรียมที่จะออกคำสั่ง

เจ้าอ้วนกำลังสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ เส้นโลหิตโผล่ขึ้นมาจากหน้าผาก อีกครั้งที่มันส่งเสียงแผดร้องออกมาอย่างสุดกำลัง

“ไม่ต้องกังวลไปท่านปรมาจารย์ ข้าเป็นศิษย์ของสำนักจินหาน ต่อให้ร่างกายต้องแหลกลาญเป็นผุยผง ข้าก็จะช่วยให้สำนักผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้! ครั้งนี้ข้าจะไปบอกกับเมิ่งฮ่าวว่าข้าเป็นศิษย์ของสำนักจินหาน และจะเป็นเจ้าสำนักน้อยในอนาคตของสำนักจินหาน ถ้ามันไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของพวกเรา ข้าก็จะฆ่าตัวตายต่อหน้ามัน!” ด้วยเช่นนั้น มันก็บินขึ้นไปในอากาศ ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นและมุ่งมั่น

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างปรมาจารย์ตัดวิญญาณ และศิษย์คนอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ ขณะที่มองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของหลี่ฟูกุ้ย และสีหน้าที่กำลังไปเผชิญหน้ากับความตายราวกับย้อนกลับคืนสู่มาตุภูมิของมัน

“ไม่ว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จหรือไม่” ปรมาจารย์ตัดวิญญาณกล่าว “ตอนนี้เจ้าก็คือเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักจินหาน!!” ในตอนนี้ มันรู้สึกได้ถึงบางสิ่งแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แต่เมื่อคิดว่าพวกมันกำลังตกอยู่ในห้วงวิกฤต มันก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเกี่ยวกับสิ่งแปลกๆ นั้น

เจ้าอ้วนเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที ในความคิดของมัน นี่คือเวลาที่จะต้องเรียกร้องให้มากขึ้น ดังนั้นมันจึงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็ฉีกเสื้อออก เผยให้เห็นถึงก้อนไขมันของมัน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะตายเพื่อสำนัก มันร้องตะโกนออกไป “ท่านปรมาจารย์ ได้โปรดมอบรอยสักตำแหน่งให้ข้าด้วย!”

“โปรดสักตัวอักษร ‘เจ้าสำนักน้อยแห่งจินหานจง’ ไว้บนหลังข้าด้วย!”

ปรมาจารย์ตัดวิญญาณจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง และใบหน้ามันก็บิดเบี้ยวขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version