Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 782

ตอนที่ 782

สามกระบี่คลุมดินแดนตะวันออก!

ในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าว ออกจากแนวรบที่สองในดินแดนด้านใต้ หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรียืนอยู่บนเจดีย์แห่งถังในดินแดนตะวันออก ราวกับว่าคนทั้งสองได้ยืนอยู่ที่นั่นมาตลอดเวลา

กำลังมองตรงไปยังดินแดนด้านใต้

“ในไม่ช้า…มันก็จะทะลวงผ่านได้แล้ว!” บุรุษกล่าวเสียงนุ่มนวล “เมื่อไหร่ที่มันทำได้ เมื่อไหร่ที่มันบรรลุค้นหาเต๋า พวกเราก็จะไปหามัน พวกเราจะบอกความจริงทุกสิ่งทุกอย่างให้มันรู้!”

“ก่อนที่มันจะบรรลุค้นหาเต๋า พวกเราไม่อาจจะเข้าไปสอดแทรกกรรมของมันได้ พวกเราต้องระมัดระวังให้มากเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมัน”

“ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันใดๆ เกิดขึ้น ชีวิตนี้ของมันก็จะล้มเหลว…ข้า…ข้าไม่อยากจะเห็นมันได้รับความทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้อีกแล้ว” ขณะที่พูดออกมา ความรักก็สาดประกายอยู่ในดวงตา ซึ่งดูเหมือนจะสามารถหลอมละลายได้แม้กระทั่งน้ำแข็งที่เย็นเยียบมากที่สุด

สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายมัน มีหยดน้ำตาอยู่ในดวงตา ขณะที่นางจ้องมองตรงไปยังดินแดนด้านใต้ นางมองเห็นเมิ่งฮ่าว และหน้าตาที่ไร้ผิวหนังในตอนนี้ของเขา ทำให้จิตใจนางต้องสั่นสะท้าน

“แต่…มันยังเป็นแค่เด็กเอง” นางกล่าว หยดน้ำตาเริ่มไหลลงมาบนแก้ม

แทบจะในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากนาง จู่ๆ สีหน้านางก็เปลี่ยนไป อย่างน่าตกใจยิ่ง รังสีสังหารอันเข้มข้นแวบขึ้นมาในดวงตา ขณะที่นางหันหน้ามองไปยังสถานที่อีกแห่ง มองไปยัง…ตระกูลจี้!

ในตอนนี้เอง ที่กลุ่มเมฆกำลังพลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของตระกูล กระแสน้ำวนนั้นเป็นสิ่งที่ใครก็ตามที่อยู่ต่ำกว่าขั้นค้นหาเต๋า ไม่อาจจะมองเห็นได้

มันเป็นสิ่งที่มองเห็นได้เฉพาะค้นหาเต๋าหรือสูงไปกว่านั้น

ภายในกระแสน้ำวน แท่นบูชาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…แท่นผนึกเซียน!

ที่ด้านหลังของแท่นผนึกเซียน สูงขึ้นไปในท้องฟ้าเหนือดินแดนตะวันออก ใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ดวงตาปิดลงราวกับว่ามันกำลังนอนหลับอยู่ แต่ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น แรงกดดันอันยากจะอธิบายออกมาได้ ก็กระจายออกมากดทับลงไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนตะวันออก

“หุ่นเชิดเซียนเทียมที่ฮ่าวเอ๋อร์ใช้ มีผลกระทบต่อกรรมของตระกูลจี้” สตรีนางนั้นกล่าว “มันมีกรรมของตระกูลจี้อยู่บนร่างแล้ว ตอนนี้…พวกมันกำลังจะลงมือแล้ว!” รังสีสังหารในดวงตานางเริ่มเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

ในตอนนี้ เสียงกระหึ่มได้ยินออกมาจากภายในแท่นผนึกเซียน เห็นได้ชัดว่า มันกำลังจะทำการเคลื่อนย้ายทางไกลจากไปได้ทุกเมื่อ

“ปลดผนึกข้าออก” สตรีกล่าวอย่างเร่งรีบ “พวกมันกำลังจะไล่ตามฮ่าวเอ๋อร์ไป ข้าต้องไปหยุดพวกมัน!” บุรุษไม่กล่าวอันใด แต่มือก็ปล่อยจากการจับไปที่เสา และกำเป็นหมัดจนแน่น

“ไม่จำเป็น” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าจะจัดการมันด้วยตนเอง” สตรีมองไปด้วยความตกตะลึง เท่าที่นางเคยจำได้ สามีนางมักจะขัดขวาง เมื่อนางพยายามจะสอดมือเข้าไป คนทั้งสองเคยทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว

แต่ตอนนี้ มันกำลังจะกระทำการบางอย่าง!

“ท่าน…”

“ฮ่าวเอ๋อร์อยู่ในช่วงวิกฤต ไม่อาจจะถูกรบกวนได้ ถ้าพวกเราไม่อาจแทรกแซงเข้าไปได้ ตระกูลจี้…ก็ไม่อาจจะทำได้เช่นเดียวกัน!” แสงอันเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตา ขณะที่มันยื่นมือออกไป และชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า

ทันใดนั้น ทั่วทั้งดินแดนตะวันออกก็เริ่มสั่นสะท้าน ใบหน้าในท้องฟ้าบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่ดรรชนียักษ์ปรากฏขึ้นที่ด้านบน จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังแท่นผนึกเซียนอย่างดุร้าย

ขณะที่เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ เสียงแผดร้องอย่างมีโทสะก็ได้ยินออกมาจากภายในตระกูลจี้ สามเงาร่างปรากฏขึ้น พุ่งตรงขึ้นไปยังแท่นผนึกเซียน และดรรชนีที่ตกลงมานั้น

เสียงเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ ดังขึ้นมาจากแท่นผนึกเซียน และจากดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลจี้ ท้องฟ้าส่งเสียงดังกระหึ่ม และดวงตาของใบหน้าขนาดใหญ่ก็หรี่ปรือขึ้นมา

ทันใดนั้น ดรรชนีขนาดใหญ่ก็เริ่มแตกกระจายไป ดูเหมือนว่าไม่อาจจะต่อต้านกับพลังนั้นได้

จากนั้น บุรุษที่อยู่ในเจดีย์แห่งถังก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา

ดินแดนตะวันออกประกอบด้วยสองร้อยสิบหกเมือง ดินแดนทางเหนือมีหนึ่งร้อยสิบสามเมือง ดินแดนด้านใต้มีสองร้อยสิบเก้าเมือง ทะเลทรายตะวันตกไม่มี และเป็นดินแดนแห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีเจดีย์แห่งถัง นอกนั้นแล้วทุกเมืองจะมีเจดีย์แห่งถังอยู่หนึ่งแห่ง

ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน มีเจดีย์แห่งถังทั้งหมดห้าร้อยสี่สิบแปดแห่ง!

ตอนนี้ เจดีย์แห่งถังสามแห่งเริ่มกระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา ลำแสงเจิดจ้านั้นพุ่งขึ้นไปในอากาศ เร่งความเร็วตรงไปยังเจดีย์แห่งถังในดินแดนตะวันออก เพื่อก่อตัวเป็นกระบี่

ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่กระบี่เหล็กธรรมดา ไม่มีอะไรที่ดูเจิดจ้าแวววาว อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มันปรากฏขึ้น สีสันมากมายก็แวบผ่านท้องฟ้าไป และดาวหนานเทียน…ก็สั่นสะเทือน!

ทันใดนั้นกระบี่ได้กรีดเฉือนออกไป ด้วยความรวดเร็วจนยากจะมองเห็นได้ ตัดผ่านแท่นผนึกเซียน จนเกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ขึ้น และทำให้แท่นบูชานั้นตกลงไปบนพื้น

“แท่นบูชานี้ต้องการจะผนึกบุตรชายข้า มันจะต้องพังทลายลงไปหมื่นปี!”

จากนั้นกระบี่ก็กรีดเฉือนลงไปเป็นครั้งที่สอง ตรงไปยังสามเงาร่างที่ใกล้เข้ามาจากตระกูลจี้ พวกมันไม่อาจจะทำอะไรเพื่อต่อต้านได้ และหายตัวไปกลายเป็นหมอกควันแห่งโลหิต กระบี่กรีดลงไปยังคฤหาสน์บรรพบุรุษของตระกูลจี้อย่างต่อเนื่อง หุบเขาขนาดใหญ่ถูกตัดออกไป พุ่งผ่านคฤหาสน์หลายชั้น ขณะที่กระบี่มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่เดียวกันกับ ในตอนที่ภรรยาของมันไปหยุดอยู่ในครั้งล่าสุดที่นางไปยังสถานที่แห่งนั้น ที่กำลังนั่งอยู่บนขั้นบันไดชั้นสูงสุดเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง

สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป มันแผดร้องออกมาในทันที และโจมตีกลับไปด้วยพลังทั้งหมดที่มันสามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ เสียงระเบิดดังก้องออกไป และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากมัน ขณะที่แขนทั้งสองข้างของมันได้ถูกตัดออกไป! พวกมันลอยขึ้นไปในอากาศ และลุกไหม้ขึ้นมาเอง หายสาบสูญไปตราบชั่วนิรันดร์

“ตระกูลเจ้าต้องการจะทำให้กรรมของบุตรชายข้าแปดเปื้อน!? เจ้าเป็นแค่เต้าจู่ (มรรคาจารย์) แห่งอาณาจักรเซียนขั้นสูงสุดอันกระจ้อยร่อย ยังไม่ได้เปิดประตูเข้าไปสู่อาณาจักรโบราณด้วยซ้ำ แต่เจ้าก็ยังกล้าที่จะไล่ตะเพิดภรรยาข้า? ข้าตัดแขนของเจ้าไป ทำให้เจ้าไม่มีทางจะบรรลุถึงอาณาจักรโบราณไปชั่วชีวิตนี้!”

กระบี่กรีดเฉือนลงไปเป็นครั้งที่สาม ตรงไปยังใบหน้าที่อยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า ปราณกระบี่จำนวนมากกระจายออกไป และรอยแยกขนาดใหญ่ก็เปิดขึ้นในท้องฟ้า ใบหน้านั้นหายไป

“ถ้าหัวหน้าตระกูลของพวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าก็คงไม่อาจจะต่อสู้กับมันได้ แต่เส้นใยแห่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์อันกระจ้อยร่อย ที่มาจากสวรรค์แห่งดาวหนานเทียน…ยังคงไม่อาจจะสะกดข่มฟางโหม่วได้!” (โหม่ว เป็นคำเรียกตนเองอย่างถ่อมตัวของบุรุษ)

“ฟังให้ดีตระกูลจี้ ครอบครัวฟางโหม่วมีทั้งหมดสี่คน พวกเรามาอยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนเพียงไม่กี่ร้อยปี ไม่เคยสอดมือเข้าไปแทรกแซงการกระทำของพวกเจ้าในที่แห่งนี้ แต่เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป…ฟางโหม่วจะใช้ฐานะที่เป็นผู้คุมกฎแห่งขุนเขาที่เก้าอย่างเต็มที่ นับจากนี้ไปตระกูลจี้จะต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว! ถ้าพวกเจ้ามีเจตนาร้ายแม้แต่น้อยนิด…ฟางโหม่วก็ขอเตือนว่าพวกเจ้าไม่มีอะไรนอกจากเป็นสาขาของตระกูลจี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสาขาหลักก็ตามที ฟางโหม่วก็เคยสังหารมานับไม่ถ้วนแล้ว!”

ตระกูลจี้ตกอยู่ในความเงียบอย่างฉับพลัน

ในตอนนี้เองที่เสียงอันหยิ่งยโสของสตรีนางนั้น ก็ดังออกมาจากภายในเจดีย์แห่งถัง

“พวกเจ้าฟังให้ดี เมื่อฮ่าวเอ๋อร์ของข้ากลับมา ใครที่เป็นหนี้มันอยู่ ก็ควรจะชดใช้หินลมปราณ คืนมาด้วย!”

วิธีการจัดการเรื่องราวของนาง ค่อนข้างจะทำให้นึกไปถึงเมิ่งฮ่าว…

ทุกคนในตระกูลจี้กำลังสั่นสะท้าน ผู้ถูกเลือก, ศิษย์ลำดับขั้น แม้แต่จี้เซี่ยวเซี่ยว ทั้งหมดรู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกมันด้านชา ตอนแรกพวกมันไม่แน่ใจว่าเสียงที่กำลังพูดอยู่นั้นเป็นของใคร แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่เอ่ยถึงหนี้หินลมปราณ ผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่เคยไปยังสำนักเซียนอสูรมา ต่างก็สั่นสะท้าน และนึกไปถึงบุคคลคนเดียวกัน นึกไปถึงตัวบัดซบที่ปล้นพวกมันไป จนทำให้พวกมันได้แต่ต้องกัดฟันแน่นเท่านั้น

ลึกเข้าไปในตระกูลจี้ เด็กหนุ่มซึ่งสูญเสียแขนทั้งสองข้างไป นั่งลงไปบนแท่นบูชาอย่างเงียบๆ สีหน้าอันซับซ้อนเต็มอยู่บนใบหน้า หลังจากเวลานานผ่านไป มันก็ถอนหายใจออกมา

“มันผนึกตนเองอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งแสนปี และไม่อาจจะออกไปจากดาวหนานเทียนได้ จนต้องกลายเป็นผู้คุมกฎแห่งขุนเขาที่เก้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้บุตรชายมันมีโอกาสรอดชีวิต…และกลายเป็นว่าเด็กน้อยนั่นคือบุตรชายของมัน!”

กระบี่เหล็กหายไป และเจดีย์แห่งถังในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนก็มืดสลัวลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่อาจจะมองเห็นได้ แม้แต่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ก็ไม่อาจจะมองเห็นสิ่งใดๆ ได้เช่นเดียวกัน

ขณะที่ทุกสรรพสิ่งจางหายไป สตรีนางนั้นก็หันหน้ามามองยังสามีของนาง และแสงแปลกๆ ก็สาดประกายอยู่ในดวงตา

สีหน้าของบุรุษผู้นั้นสงบนิ่ง กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “แปลกใจ? ท่านสอดมือเข้าไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งค่อนข้างจะอันตราย ก่อนหน้านี้ข้าเคยตักเตือนท่านไป แต่จริงๆ แล้ว ข้าก็เคยสอดมือเข้าไปด้วยครั้งหนึ่งเช่นกัน ข้าขัดขวางไม่ให้เจ้าเด็กน้อยมายุ่งเกี่ยวกับวิญญาณของสวี่ชิง”

สตรีนางนั้นยิ้มขึ้นมาในทันที “เกรงว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่พอใจ ถ้าท่านไม่ทำอะไรเลย?”

“เมื่อสวี่ชิงออกจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน และเข้าไปในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน ข้าจึงมีอิสระที่จะกระทำอะไรได้อย่างแท้จริง” มันกล่าวต่อ “นางเป็นภรรยาของมัน ทำให้นางเป็นบุตรีสะใภ้ของพวกเรา เส้นใยแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั่น จะช่วยปกป้องนางในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ จนกระทั่งพวกเราได้พบกับนางในรูปร่างของมนุษย์”

“สำหรับฮ่าวเอ๋อร์…ข้าเชื่อมั่นว่ามันคือมังกรในท่ามกลางมวลหมู่บุรุษ มันไม่ใช่คนที่ถูกตามใจจนต้องก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว ภายใต้การปกป้องดูแลของบิดามารดา”

“พวกเราต้องอยู่ที่นี่บนดาวหนานเทียนเป็นเวลาหนึ่งแสนปี นั่นคือข้อตกลง คือคำสาบาน พวกเราไม่อาจจะจากไปได้ และก็ไม่อาจจะบังคับให้มันต้องอยู่กับพวกเรานานถึงหนึ่งแสนปีได้เช่นกัน เส้นทางของมันทอดยาวออกไปไกล ในช่วงชีวิตนี้มันพึ่งพาเพียงแค่ตัวมันเอง เพื่อที่จะไปให้ไกลเท่าที่มันจะทำได้ และพวกเราก็สามารถจะภาคภูมิใจในความสำเร็จของมัน ดังนั้นพวกเราต้องมีความศรัทธาต่ออนาคต…มันจะต้องทำให้พวกเราภาคภูมิใจในตัวมันต่อไป!” บุรุษผู้นั้นพูดจาด้วยเสียงแผ่วเบา ยากที่จะบอกได้ว่ามันกำลังพูดกับภรรยา หรือกับตนเอง

ย้อนกลับไปในดินแดนด้านใต้ ผิวหนังของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ได้ฟื้นฟูกลับมาแล้วสามในสิบส่วน เขาไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้อีก แต่สีหน้าก็ยังคงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง กลายเป็นลำแสงสีโลหิตบินฝ่าอากาศไป ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังแนวรบอื่นต่อไป

จากแนวรบทั้งหกในดินแดนด้านใต้ แนวรบที่สามและสี่ได้มาสมทบรวมตัวกัน อีกสี่แนวรบก็ถูกผลักดันให้ตรงมายังสำนักเซี่ยเยา เมื่อพิจารณาถึงความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อของเมิ่งฮ่าวที่สามารถจะเร็วได้ ไม่นานนักเขาก็ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ในกลางอากาศ เหนือแนวรบแรก

ในที่แห่งนี้มีศิษย์สำนักจื่อยิ่นอยู่เล็กน้อย แต่มีผู้ฝึกตนเร่ร่อนเป็นจำนวนมาก คนทั้งหมดร่วมมือกันเพื่อต่อต้านผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือมากกว่าสองหมื่นคน การต่อสู้นองเลือดกำลังดำเนินไป

ถึงแม้ว่าจะต่อสู้กันเช่นนี้ แต่ก็ยังคงมองเห็นซากศพนอนระเกะระกะไปทั่วอยู่บนพื้นจนสุดลูกหูลูกตา ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้น เขาก็ม้วนกวาดออกไปคล้ายกับเป็นสายลมสีแดง

ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ เป็นผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณที่ดูพิเศษไม่ธรรมดา ร่างกายสูงใหญ่ของมันชุ่มโชกเต็มไปด้วยโลหิต แต่มีส่วนน้อยที่เป็นโลหิตของมันเอง สีหน้ามันดูโหดเหี้ยมเลือดเย็น ดวงตาสาดประกายรังสีสังหารขณะที่หัวเราะอย่างโหดเหี้ยมออกมาเป็นระยะ ศีรษะมนุษย์สองหัวถูกแขวนอยู่ที่เอวของมัน หนึ่งในนั้นเป็นบุคคลที่เมิ่งฮ่าวรู้จัก ก็คือหนึ่งในสองผู้เฒ่าโลหิตเหล็กแห่งสำนักเซี่ยเยา

“ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้!” บุรุษร่างสูงใหญ่แผดเสียงออกมา “พวกเจ้าทำตัวราวกับเป็นผู้สูงส่ง แต่ตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากมูลสุนัข! แม้แต่ปรมาจารย์ตัดวิญญาณของพวกเจ้าสองคนข้าก็สามารถสังหารได้ พวกเจ้าทั้งหมดควรจะตายไปได้แล้ว!” มันหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ขณะที่กวัดแกว่งกระบองสงครามขนาดใหญ่ไปมา ไม่ว่ามันจะพุ่งผ่านไปที่ไหน ก็จะทิ้งร่องรอยแห่งการถูกทำลายล้างไป

ด้านหลังมันเป็นยักษ์สองตนที่สูงเท่าภูเขา พวกมันแผดร้องคำรามออกมา ขณะที่กระแทกเข้าไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ที่รวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงได้มาถึง กลุ่มหมอกสีแดงพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างเขา ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็แทบจะดูคล้ายกับเป็นผ้าคลุม…เป็นผ้าคลุมที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า

ความรู้สึกอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรกระจายออกมา เผยให้เห็นเป็นเมิ่งฮ่าวขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อผู้ฝึกตนตัดวิญญาณที่มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่มองเห็นเขา สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ ขณะที่แรงกดดันอันยากจะอธิบายออกมาได้ กำลังกดทับลงมาบนร่างมัน ทันใดนั้นมันก็รู้สึกราวกับว่าแทบจะหายใจไม่ออก เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาทั่วร่าง มันรู้สึกคล้ายกับเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับราชสีห์

“หยุดมัน!” บุรุษผู้นั้นร้องตะโกน ร่างสั่นสะท้าน มันถอยไปด้านหลัง ขณะที่ยักษ์สองตนพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

สีหน้าเมิ่งฮ่าวไม่เปลี่ยนไปขณะที่เข้าไปใกล้ ยักษ์ทั้งสองแค่พุ่งผ่านเขาไป ไม่อาจจะโจมตีเขาได้ กลุ่มหมอกสีแดงกระจายออกไปปกคลุมพวกมันไว้ จากนั้นเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวก็ดังก้องออกไป ยักษ์ทั้งสองแห้งเหี่ยวลงไปในชั่วพริบตา จากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น

ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณอ้าปากค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้า…เจ้าอยู่ในขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า ต้องเป็นขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าอย่างแน่นอน! บัดซบ, ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าในดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ไม่ใช่อยู่ที่จุดศูนย์กลางการต่อสู้? แล้วหนึ่งในพวกมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?!”

มันไม่มีเวลาที่จะมาขบคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ เพียงชั่วพริบตา กลุ่มหมอกสีแดงก็ปกคลุมไปทั่วร่างมัน ราวกับเป็นปากอันกว้างใหญ่ของพญามาร มันถูกกลืนลงไป ตามมาด้วยผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือที่เหลือ

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังพุ่งขึ้นไปในอากาศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version