Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 781

ตอนที่ 781

เมิ่งฮ่าวตื่นขึ้น!

ภายในรังไหมสีโลหิตมีเงาร่างที่เส้นผมขาวโพลนนั่งขัดสมาธิอยู่ ร่างนั้นไม่มีผิวหนัง ทำให้มองเห็นเส้นโลหิตและเส้นลมปราณต่างๆ มากมาย โดยรวมแล้ว ก็ดูน่าหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง

ดวงตานั้นดูเซื่องซึม และกลิ่นอายแห่งมารร้ายอันยิ่งใหญ่ก็แผ่กระจายออกมา ทำให้แทบจะเหมือนกับเป็นมารโลหิต!

นี่ก็คือเมิ่งฮ่าว!

เขาได้ดูดซับปราณ, โลหิต และพื้นฐานฝึกตนของผู้ฝึกตนมากกว่าหนึ่งแสนคน รวมทั้งวิญญาณของพวกมันด้วย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ถูกทำลายไปโดยการระเบิดของหุ่นเชิดเซียนเทียม ถูกกำจัดไปโดยพลังแห่งการทำลายล้าง ดังนั้นแม้แต่สิ่งที่เขาดูดซับเข้าไปแล้วนั้น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์แบบเหมือนเดิมได้

ผู้ฝึกตนที่ด้านนอกร้องตะโกนเรียกนามเขา และเสียงนั้นก็ดังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านเข้ามาในรังไหมสีโลหิต และดังก้องอยู่ในหูเมิ่งฮ่าว เกิดเป็นเสียงอู้อี้และบิดเบี้ยวไปมาราวกับว่ากาลเวลากำลังเลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ทำให้เสียงนั้นยืดยาวออกไป

ในที่สุด ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป แต่เจิดจ้าและแจ่มใสแวววาว

“ข้า…คือเมิ่งฮ่าว…” เขาพึมพำ แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง และจิตใจก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม ขณะที่ความทรงจำได้ไหลท่วมกลับคืนมา

เป็นความทรงจำในยามเยาว์วัยของเขา และจากนั้นก็เป็นยามราตรีในตอนที่เขามีอายุเจ็ดขวบ บิดามารดาได้หายตัวไป และเขาก็วิ่งเข้าไปในกลุ่มหมอกเพื่อมองหา จากนั้นก็เป็นสำนักเอกะเทวะ, สำนักจื่อยิ่น, ทะเลทรายตะวันตก, สำนักเซี่ยเยา, ทะเลเทียนเหอ และในที่สุดก็เป็นสงครามของดินแดนด้านใต้

เขาจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาจำงานวิวาห์ของเขาและสวี่ชิงได้ เขาเห็นวิญญาณของนางผ่านเข้าไปในแม่น้ำแห่งการลืมเลือน ทั้งหมดนั้นทำให้เขาต้องสั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็มองลงไปยังมือขวา และเห็นเครื่องหมายเดียวกับที่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ส่องแสงริบหรี่และแวววาว

ครั้งนี้เมื่อเขามองลงไปยังสัญลักษณ์นี้ ก็มี…ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยเกิดขึ้น เป็นเศษชิ้นส่วนที่แตกหักซึ่งเขาไม่อาจจะรวบรวมเข้าด้วยกันได้

ภายในเศษชิ้นส่วนเหล่านั้น เป็นความทรงจำจากช่วงเวลาก่อนที่เขาจะมีอายุเจ็ดขวบ แต่เขาก็ไม่รู้สึกคุ้นเคย มันไม่ใช่แคว้นจ้าว แต่เป็นสถานที่อื่นบางแห่ง เป็นสถานที่ซึ่งดูเหมือนจะมีดวงจันทร์เจ็ดดวง หนึ่งดวงสว่าง อีกหกดวงมืดสลัว

ที่ด้านล่างของท้องฟ้าที่โดดเด่นนั้น เขากำลังถูกอุ้มอยู่ในวงแขนของหญิงสาว ที่ด้านข้างของหญิงสาวเป็นบุรุษหนุ่ม กำลังยิ้มมาที่เขา ที่ด้านข้างห่างออกไปเป็นชายชราร่างสูงใหญ่ กำลังหัวเราะอย่างมีเมตตา

บุรุษและสตรีดูไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใดนัก ดูคล้ายกับบิดาและมารดาซึ่งเขาเคยจำได้เมื่อตอนเยาว์วัย

สำหรับท้องฟ้าและพื้นดิน มันเป็นโลกที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะจำได้

สิ่งที่เขารู้ก็คือว่า…มันไม่ใช่ดาวหนานเทียน

“คำสาปนั่นมุ่งเป้ามาที่ดินแดนแห่งดาวหนานเทียน แต่ไม่มีผลกระทบต่อข้าแม้แต่น้อย…เป็นไปได้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วข้าไม่ได้เกิดที่นี่?” ก่อนหน้านี้เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดถึงคำถามนี้ แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ในรังไหมสีโลหิต จิตใจเขาพลุ่งพล่านปั่นป่วนด้วยเศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายของความทรงจำ

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก เครื่องหมายบนมือของเมิ่งฮ่าวก็จางหายไป เขามองขึ้นไป และได้ยินเสียงร้องเรียกเขาดังมาจากด้านนอก เขาลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ รังไหมสีโลหิตระเบิดออก กลายเป็นกระแสน้ำวนสีโลหิตอย่างน่าตกใจ

เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าออกมาจากภายในกระแสน้ำวน ภายใต้การมองมาของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ สิ่งที่พวกมันเห็นก็คือ เมิ่งฮ่าวที่มีเส้นผมสีขาวโพลน และรูปร่างอันดุร้ายน่ากลัว ร่างกายเขาไม่มีผิวหนัง ทำให้ดูน่าหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ยังคงร้องเรียกนามเขาอย่างต่อเนื่อง

“เมิ่งฮ่าว!!”

“เมิ่งฮ่าว!!”

“เมิ่งฮ่าว!!”

ตานกุ่ย, ปรมาจารย์ซ่ง และปรมาจารย์จินหาน เดินออกไปปรากฏขึ้นที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว ร่างจริงที่สองของเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนมาด้วยเช่นกัน และปรากฏขึ้นในที่ห่างไกลออกไป

“ฮ่าวเอ๋อร์…” ตานกุ่ยกล่าว มองไปยังเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ทำให้จิตใจท่านเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เมิ่งฮ่าวประสานมือคารวะ จากนั้นก็กล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านอาจารย์ ข้าสบายดี…นี่เป็นแค่ปฏิกิริยาของเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตระดับหกเท่านั้น”

“เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตระดับหก!” ปรมาจารย์ซ่งร้องอุทานออกมาอ้าปากค้าง

นี่คือเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตระดับหกอย่างแท้จริง ทันทีที่ร่างเมิ่งฮ่าวแยกออกเป็นส่วนๆ ระดับหกก็เกิดขึ้นในทันที ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะเข้าไปในระดับหกได้อย่างแท้จริง ต้องทำให้โลหิตในร่างทั้งหมดเหือดแห้งหายไป

“ในตอนนี้ เจ้า…” ตานกุ่ยลากเสียง และไม่พูดให้จบประโยค

“ท่านอาจารย์” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาแวบแสงสีแดงขึ้น “ยังมีผู้ฝึกตนจากกองกำลังที่สองของดินแดนทางเหนือเหลืออยู่ในดินแดนด้านใต้หรือไม่?”

“มี! ทั้งหมดมีหกแนวรบ แนวรบที่สามและสี่มารวมกันที่นี่ แต่ก็ยังมีอีกสี่แนวรบ ที่กระจัดกระจายอยู่ในสี่ทิศทาง ยังคงมีผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนืออีกประมาณหนึ่งแสนคนอยู่ที่นั่น” ท่านกล่าวตอบ มองเห็นความห่วงใยกังวลแวบขึ้นมาในแววตาของตานกุ่ย ท่านรู้ถึงสถานะของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ เขากลายเป็นมาร และจะทำการสังหารราวกับเป็นพญามาร

“ท่านอาจารย์ ข้าได้ค้นพบเส้นทางในการตัดครั้งที่สามแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองไปยังตานกุ่ย จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงด้วยความเคารพ

ตานกุ่ยมองไปยังเขาอย่างเคร่งเครียดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะออกมาเป็นเสียงดังด้วยความโล่งใจ ท่านโบกสะบัดมือ ทำให้แผ่นหยกที่มีรายละเอียดของแนวรบทั้งสี่ของดินแดนทางเหนือลอยออกมา

เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปที่แผ่นหยก จากนั้นก็หันหน้าไปประสานมือให้กับปรมาจารย์ซ่งและปรมาจารย์จินหาน ในที่สุดเขาก็มองออกไปยังผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ประสานมือและโค้งตัวลง ด้วยเช่นนั้น เขาก็บินขึ้นไปในอากาศ ร่างจริงที่สองแวบขึ้นและหายไป กลายเป็นเงาร่างของเขา ขณะที่พุ่งจนหายลับตาไป

หลังจากที่เมิ่งฮ่าวจากไป ตานกุ่ยก็หยิบเอากระถางปรุงยาออกมา จากนั้นก็ปรุงเม็ดยาเป็นจำนวนมากให้กับผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้เพื่อฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นท่าน, ปรมาจารย์จินหาน และปรมาจารย์ซ่งก็เริ่มก่อตั้งค่ายกลเวท

พวกท่านรู้ว่าสงครามนี้ยังไม่จบ กองกำลังที่สามของดินแดนทางเหนือ ซึ่งแข็งแกร่งมากที่สุดกำลังเดินทางมาในตอนนี้ พวกมันคงจะมาถึงในไม่ช้า และสงครามที่จะตัดสินผลแพ้ชนะที่แท้จริงก็จะเริ่มขึ้น

สุดท้ายแล้ว…โอกาสที่จะชนะของดินแดนด้านใต้มีอยู่น้อยมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกท่านก็จะต้องต่อสู้!

ต้องตายไปในการต่อสู้ดีกว่าที่จะปล่อยให้ดินแดนด้านใต้ถูกย่ำยี

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงสีโลหิตพุ่งฝ่าอากาศไป เร่งความเร็วตรงไปถือแผ่นหยกอยู่ในมือ มุ่งหน้าไปยังแนวรบที่สอง ซึ่งไม่ได้อยู่ห่างออกไปมากนัก

“เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตมีอยู่สามขั้น ในขั้นแรก ข้าสามารถต่อสู้กับค้นหาเต๋าขั้นต้นได้ ด้วยขั้นที่สอง ข้าสามารถต่อสู้กับค้นหาเต๋าขั้นกลางได้ เมื่อขั้นที่สามเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และด้วยพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ ข้าก็สามารถทำให้ค้นหาเต๋าขั้นสูงสุดต้องสั่นสะเทือนได้อย่างแน่นอน!”

“ถ้าข้าสามารถทำการตัดครั้งที่สาม และก้าวเข้าไปในขั้นค้นหาเต๋า ก็จะถือว่า…ข้าคือผู้ฝึกตนค้นหาเต๋าที่ยากจะมีใครมาต่อกรด้วยได้!” สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง แต่จิตใจกำลังเต้นรัว

“ในการตัดครั้งที่สาม…ข้ามีแนวทางแล้ว” เขามองลงไปบนพื้น และเห็นเงาร่างที่ไม่มีใครรู้ว่า นั่นก็คือร่างจริงที่สองของเขา

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงของการต่อสู้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นเสียงอันน่าตกใจของผู้ฝึกตนนับแสนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่ก็ยังคงทำให้ทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นสั่นสะเทือน

มีผู้คนนับหมื่นอยู่ในสนามรบ กำลังต่อสู้กันไปมาอย่างโหดเหี้ยมดุร้าย

ฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง และอีกฝ่ายกำลังกดดันเข้าไปอย่างไม่ลดละ พื้นดินชุ่มโชกไปด้วยโลหิตและซากศพที่กระจัดกระจายไปทั่ว

ในตอนนี้ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือสองหมื่นคน กำลังต่อสู้อยู่กับผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้หนึ่งหมื่นคน กลุ่มของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ส่วนใหญ่เป็นศิษย์สำนักจื่อยิ่น ท่ามกลางกองกำลังนั้นเป็นผู้ถูกเลือกแห่งสำนักจื่อยิ่น ซึ่งยังไม่ได้แข็งแกร่งเพียงพอ และด้วยเช่นนั้น จึงไม่อาจจะเป็นผู้นำได้ ตอนนี้ผู้ฝึกตนที่เป็นผู้นำคือ สามผู้ฝึกตนตัดวิญญาณที่มีอายุมากแล้ว

ในส่วนของดินแดนทางเหนือ มีผู้ฝึกตนตัดวิญญาณอยู่สี่คน

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่กองกำลังดินแดนด้านใต้ ถูกบีบบังคับให้ต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง สามผู้ฝึกตนตัดวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส กองกำลังของพวกมันก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ฉู่อวี้เยียนกำลังต่อสู้อยู่ที่นั่น ใบหน้านางซีดขาว และมีโลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก

มีใบหน้าที่ดูคุ้นเคยอยู่มากมาย บางคนได้ล้มลงไปแล้ว บางคนก็ยังคงยืนหยัดต่อต้านอยู่

เมิ่งฮ่าวพุ่งลงไปจากท้องฟ้าราวกับเป็นดาวตกสีโลหิต ที่ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดง ทันทีที่เขาปรากฏกายขึ้น ผู้ที่กำลังต่อสู้กันอยู่นับหมื่น ต่างก็ตกตะลึงเข้าไปถึงแก่นกาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนตัดวิญญาณแห่งดินแดนด้านใต้ ม่านตาพวกมันหดเล็กลง ไม่อาจจะบอกได้ว่าคนผู้นี้เป็นสหายหรือศัตรูกันแน่!

แต่ไม่ใช่กับฉู่อวี้เยียน นางหลบเลี่ยงการโจมตีที่ร้ายแรงไปได้ กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็มองขึ้นไปยังเงาร่างที่อยู่ในลำแสง จิตใจนางสั่นสะท้าน

คนผู้นั้นมีเส้นผมที่ขาวโพลน ไร้ผิวหนัง ดูน่าหวาดกลัวจนถึงที่สุด แต่นางก็ยังคงบอกได้ว่า…นั่นก็คือเมิ่งฮ่าว

“เกิด…อะไรขึ้นกับท่าน…?” นางคิดด้วยความเจ็บปวดใจ นางมีหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง แต่ถึงแม้จะมีความหยิ่งเช่นนั้น เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวเป็นเช่นนี้ จิตใจนางก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ตูม!

เมิ่งฮ่าวกระแทกเข้าไปในท่ามกลางกองกำลังทางเหนือราวกับเป็นอุกกาบาต รอยแยกจำนวนมากกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นดิน และผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือมากมายกระอักโลหิต และจากนั้นก็ระเบิดออกมา

สี่ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณจากดินแดนทางเหนือต่างก็ตกตะลึง พวกมันกัดฟันแน่นและโจมตีเข้ามา แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว เขาก็โบกสะบัดมือออกไปที่เบื้องหน้า ทำให้กลุ่มหมอกสีแดงกระจายออกไปเป็นวงกว้าง

สี่ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณเพิ่งจะเริ่มพุ่งเข้ามา เมื่อกลุ่มหมอกแทรกซึมเข้าไปในร่าง พวกมันก็เริ่มแผดร้องออกมา อย่างน่าตกใจยิ่งเป็นเสียงแผดร้องที่ทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือน พวกมันเป็นผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณ แต่ในชั่วพริบตาพวกมันก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไป ปราณ, โลหิต, พื้นฐานฝึกตน, วิญญาณ ต่างก็ถูกดูดออกไป ขณะที่กลุ่มหมอกกระจายไป ใครก็ตามที่ติดอยู่ภายใน ก็จะกลายเป็นซากศพที่แห้งกรังล้มลงไปบนพื้น

ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือทั้งหมดต้องตื่นตระหนก เสียงแผดร้องดังก้องออกมามากขึ้น ขณะที่กลุ่มหมอกสีแดงกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อครู่นี้ ใบหน้าของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมชั่วร้าย แต่ตอนนี้พวกมันกำลังสั่นสะท้าน จากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่เบื้องหน้า ทำให้พวกมันตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“นั่นคือใคร!?!?”

“ทั่วร่างของมันเป็นสีโลหิต! ไร้ผิวหนัง! ใช้วิชาเวทอสูรที่แปลกๆ!”

“นั่น…เหมือนกับเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตของเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง…?”

ฉู่อวี้เยียนมองไปยังเมิ่งฮ่าวในท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ มีความรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังมองไปยังมารโลหิต รู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อนางตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวก็มีท่าทางโศกเศร้าเสียใจอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือสองหมื่นคน ที่อยู่รอบๆ กายเมิ่งฮ่าวแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา ทีละคน ทีละคน พวกมันกลายเป็นซากศพที่แห้งกรัง ในที่สุดกลุ่มหมอกสีแดงก็กลายร่างเป็นเมิ่งฮ่าว เสียงแตกร้าวได้ยินมาจากภายในร่างเขา

ร่างกายที่ไร้ผิวหนังของเขาก่อนหน้านี้ เริ่มมีผิวหนังขึ้นมาบ้างแล้วบางส่วนในตอนนี้ ปราณและโลหิตมีความแข็งแกร่งมากขึ้น สูงขึ้นไปในท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มขึ้น

“เมิ่งฮ่าว! มันคือ…เมิ่งฮ่าว!”

“มันเป็นเมิ่งฮ่าวจริงๆ ด้วย! ข้าไม่รู้ในตอนแรก แต่ตอนนี้เมื่อมีผิวหนังขึ้นมาบ้าง ก็บอกได้ว่า…มันก็คือเมิ่งฮ่าว!”

“ทำไมมันถึงได้เปลี่ยนไปมากมายเช่นนั้น!?”

ศิษย์สำนักจื่อยิ่นต่างก็ตกตะลึง แต่ในขณะที่เสียงพวกมันดังขึ้นมา เมิ่งฮ่าวก็พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ มองลงมายังกลุ่มคนทั้งหมด และสายตาเขาก็อ้อยอิ่งอยู่ที่ฉู่อวี้เยียนชั่วขณะ ขณะที่หันร่างจากไป เสียงเมิ่งฮ่าวก็ดังก้องออกมา

“ไปสมทบกับคนอื่นๆ ที่สำนักเซี่ยเยา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version