Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 790

ตอนที่ 790

มันเคยบอกว่า…

สูงขึ้นไปในอากาศก็มีวิกฤตอีกอย่างหนึ่ง!

ปรมาจารย์ซ่งพ่นโลหิตกระจายออกมาจากปาก มันสูญเสียดวงตาอีกข้างไปแล้ว โดยผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ ถ้าไม่ใช่ว่าร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวได้มาขัดขวางไว้ด้วยกระบี่แห่งกาลเวลา มันก็คงต้องตายไปอย่างแน่นอน

ปรมาจารย์ซ่ง สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไป กำลังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ทันใดนั้นหน้าผากของมันก็เปิดฉีกออก แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันเอง เมื่อไม่มีตาเนื้อ มันก็จำเป็นต้องใช้แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์เป็นดวงตา ทำให้สามารถต่อสู้ต่อไปได้

มันไม่อาจจะทำการระเบิดตนเองได้ ถ้าทำเช่นนั้นในตอนที่ดินแดนด้านใต้ตกอยู่ในห้วงวิกฤตอันร้ายแรงเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตานกุ่ยและร่างจริงที่สองต้องพ่ายแพ้ไปในไม่ช้าแล้ว ก็ยังทำให้จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ต้องตกต่ำลงไปด้วยเช่นกัน

“สู้จนกว่าจะตายไป! มีเรื่องอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีก?!” พร้อมกับเสียงหัวเราะ ปรมาจารย์ซ่งทำการต่อสู้ต่อไป

ตานกุ่ยกระอักโลหิตออกมา ท่านกำลังต่อสู้กับศัตรูสองคน ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิมีความแข็งแกร่งมากเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ท่านไม่อาจจะต่อต้านได้ โชคดีที่ร่างจริงที่สองสอดมือเข้ามา ช่วยตรึงผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ รวมทั้งหญิงอ้วนไว้

“ข้าสะกดร่างจริงของเจ้าไว้แล้ว เจ้าก็แค่ร่างจำแลงอันกระจ้อยร่อย!” ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นชา “ไสหัวไป!”

มันโบกสะบัดมือ และมังกรสายฟ้าแห่งบรรพกาลก็ปรากฏขึ้น ส่งเสียงแผดร้องคำราม กดทับลงมายังร่างจริงที่สอง

ร่างจริงที่สองมองอย่างเย็นชาไปยังมังกร หลังจากที่ร่างจริงถูกผนึกไว้ การเชื่อมต่อระหว่างคนทั้งสองก็สูญหายไป ถึงแม้ว่ามันจะมีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป

พื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงแตกร้าวทันใดนั้นก็ได้ยินออกมาจากขุนเขาที่เก้า รอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของมัน ราวกับว่าบุคคลที่ถูกผนึกอยู่ ในที่สุดก็หลบหนีออกมาได้ ในตอนนี้เองที่เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ในที่สุดค่ายกลเวทป้องกันสุดท้ายของดินแดนด้านใต้ก็ถูกทำลายไป

การโจมตีที่ถูกปลดปล่อยออกมา ได้สะท้อนกลับไปทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือต้องกระเด็นกลับไปทางด้านหลัง แต่ในช่วงเวลาต่อมาพวกมันก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย และโหดเหี้ยม

ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ถูกกดดันจนถึงขีดจำกัด จากเดิมที่กองกำลังมีถึงสองแสนคน ตอนนี้เหลืออยู่น้อยกว่าครึ่ง พวกมันเตรียมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย พุ่งโจมตีไปอย่างบ้าคลั่ง

“สังหารพวกมัน!!”

พื้นดินสั่นสะเทือน แม่น้ำแห่งโลหิตไหลออกไป และการต่อสู้อย่างดุร้ายก็ลุกโชนขึ้นมา

โลหิตไหลนองออกมามากขึ้นจนกระทั่งสะท้อนสีท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดงไป สนามสังหารซึ่งเป็นสนามรบครั้งสุดท้ายของดินแดนด้านใต้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ย้อนกลับไปยังด้านในกรงขัง เมิ่งฮ่าวก็กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานอันร้ายแรงด้วยเช่นเดียวกัน ร่างเขาสั่นสะท้านอยู่ภายใต้แรงกดดัน จนต้องกระอักโลหิตออกมา ดูเหมือนว่า…ดินแดนด้านใต้…กำลังจะพบกับความพ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว!

ผู้ฝึกตนกำลังตกอยู่ในห้วงหายนะ ผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย ดวงตาผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิสาดประกายด้วยความโหดเหี้ยม ดูเหมือนว่าการต่อสู้ในครั้งนี้พวกมันคงจะได้รับชัยชนะในไม่ช้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่…

“ต้วนหนาน!! (ตัดแบ่งแดนใต้)”

“ต้วนหนาน!!! (ตัดแบ่งแดนใต้)” เสียงนั้นดังก้องมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งในที่สุดก็ยากที่จะบอกได้ว่ามีมากมายเท่าใด ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนและท้องฟ้าก็แวบขึ้น ท่าทางตกตะลึงเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ก็มีท่าทางงุนงงด้วยเช่นเดียวกัน

สูงขึ้นไปในอากาศ ปรมาจารย์ซ่งและตานกุ่ยจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าแห่งดินแดนทางเหนือหันหน้ามองไปยังที่ห่างไกล

สำหรับผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ สีหน้ามันเปลี่ยนไป

“ต้วนหนาน! (ตัดแบ่งแดนใต้)” ท่ามกลางเสียงกระหึ่ม ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งหมื่นร่างก็ปรากฏขึ้น ก้าวฝ่าอากาศตรงมา พวกมันสวมใส่ชุดเกราะสีเขียวซึ่งกระจายบรรยากาศที่เก่าแก่โบราณออกมา ราวกับว่าบุคคลเหล่านี้ได้คงอยู่มาเป็นเวลานานจนนับไม่ได้ พวกมันหลายคนยังได้เน่าเปื่อยผุพังลงไปอีกด้วย

ภายในชุดเกราะมองเห็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีชีวิตอยู่โดยสิ้นเชิง พวกมันเป็นหุ่นเชิด! ผู้พิทักษ์อสูรเกราะเขียว!

ผู้พิทักษ์อสูรเกราะเขียวแต่ละตัวมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นสร้างแกนลมปราณ และพื้นดินก็สั่นสะเทือนขณะที่พวกมันก้าวเดินมา ด้านหลังพวกมันยังมีเงาร่างอีกเก้าสิบร่างที่สวมใส่ชุดเกราะสีดำ

เป็นสีดำสนิทและปราณอสูรก็หมุนวนไปมา เหล่านี้ก็คือ…ผู้พิทักษ์อสูรเกราะดำ!

แต่ละคนมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง และมีพลังอันน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่พวกมันเดินตรงมา ก็มองเห็นได้ว่าที่ด้านหลังพวกมันมีอยู่หกเงาร่างในชุดเกราะสีม่วง

แต่ละหกเงาร่างเหล่านั้นกระจายกลิ่นอายขั้นตัดวิญญาณออกมา พร้อมกับพลังอันน่าตกใจ ทันทีที่พวกมันปรากฏกายขึ้น พื้นดินก็สั่นสะเทือนและท้องฟ้าก็มืดสลัวลง

ด้านหลังหกเงาร่างเป็นชายชราสามคน ที่สวมใส่ชุดเกราะนักรบสีเงิน เส้นผมพวกมันเป็นสีขาวลอยพลิ้วไปมา มีใบหน้าที่เก่าแก่โบราณ ดูเหมือนว่าพวกมันจะคงอยู่มานาน, นานหลายปีมากๆ ชายชราเหล่านี้ก็เป็นหุ่นเชิดด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอีกต่อไป แต่กลิ่นอายที่พวกมันกระจายออกมาอยู่ในขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า!

ขณะที่กลุ่มคนหนึ่งหมื่นกว่าคนเหล่านี้ปรากฏขึ้น พวกมันทั้งหมดก็ร้องตะโกนออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

“ต้วนหนาน! (ตัดแบ่งแดนใต้)”

ขณะที่เสียงนั้นดังขึ้นไปในท้องฟ้า ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ก็เริ่มคิดไปถึงตำนานในสมัยโบราณ

จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา ดินแดนด้านใต้และทะเลทรายตะวันตก ไม่เคยที่จะสงบสุขเหมือนในตอนนี้มาก่อน มีแต่ข้อขัดแย้งกันมากมาย รวมทั้งเกิดสงครามขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง

หนึ่งในสงครามเหล่านั้น ทะเลทรายตะวันตกอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ ในขณะที่ดินแดนด้านใต้มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดินแดนด้านใต้ได้บุกเข้าไปในทะเลทรายตะวันตก ทำให้ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกได้รวมพลังกัน เพื่อสร้างผู้พิทักษ์ตัดแบ่งแดนใต้ขึ้นมา ตามตำนานนั้น ผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าของพวกมัน ได้อาสาที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและกลายมาเป็นหุ่นเชิด พวกมันสร้างเทือกเขาที่จะตัดแบ่งแดนใต้ออกไปจากดินแดนตะวันตก ทำให้ทะเลทรายตะวันตกและดินแดนด้านใต้ถูกแบ่งออกไปอย่างถาวร

เมื่อกาลเวลาผ่านไป เทือกเขาอันไร้จุดสิ้นสุดเหล่านั้นถูกเรียกว่า…เทือกเขาต้วนหนาน!

ภายในเทือกเขาเหล่านั้น มีผู้พิทักษ์ตราบนิรันดร์ของทะเลทรายตะวันตกอยู่ ซึ่งเป็นค่ายกลในอดีตของ…เทือกเขาต้วนหนาน!

ต่อมาภายหลัง ทะเลทรายตะวันตกได้ปฏิเสธในพลังนั้น และจากนั้นทะเลม่วงก็มาถึง ทำให้ในที่แห่งนั้นไม่มีผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าอยู่อีกต่อไป ดังนั้นในที่สุดจึงมีความสัมพันธ์กับดินแดนด้านใต้อย่างราบรื่นมั่นคง

“ผู้พิทักษ์ต้วนหนาน!”

“พวกเหล่านั้นคือผู้พิทักษ์ต้วนหนานแห่งทะเลทรายตะวันตก!!” การปรากฏกายขึ้นของกองกำลังใหม่นี้ ทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันไม่แน่ใจว่าผู้พิทักษ์ต้วนหนานมาในฐานะของศัตรูหรือว่าสหาย!

ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของกองกำลังที่สามนี้ทำให้พวกมันประหลาดใจโดยสิ้นเชิง

ในตอนนี้เองที่มองเห็นกลุ่มคนนับหมื่น พุ่งออกมาจากด้านหลังของผู้พิทักษ์ต้วนหนาน พวกมันสวมใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่าย และดูหยาบกร้าน มีใบหน้าที่ดุร้าย เส้นผมรุงรังสะบัดไปมาราวกับเป็นคนเถื่อน

พวกมันยังได้กระจายบรรยากาศอันเก่าแก่โบราณออกมาอีกด้วย ราวกับว่าโลหิตของพวกมันได้คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน บุคคลเหล่านี้คือ…เผ่าจินอู (อีกาทองคำ), เผ่าหมานเหยียน (เปลวไฟเถื่อน), เผ่าเยาเตี๋ย (ผีเสื้ออสูร) และเผ่าอวิ๋นเทียน (ฟ้าเมฆา) อันยิ่งใหญ่!

ทะเลทรายตะวันตกได้กลายเป็นทะเลม่วง เผ่าอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้อพยพมายังดินแดนสีดำ และกลุ่มคนเหล่านี้ก็เป็นชนเผ่านักรบแห่งดินแดนสีดำ

“สหายเต๋าตานกุ่ย, พวกเราเป็นหนี้ความเมตตาของท่านจากเมื่อหลายปีนานมาแล้ว สหายเต๋าเมิ่งฮ่าว, พวกเรามาที่นี่เพื่อร่วมต่อสู้ไปพร้อมกับท่าน!!”

“ท่านปรมาจารย์เมิ่งฮ่าว, พวกเรามาแล้ว!!”

“ในอดีตที่ผ่านมาพวกเราอาจจะแตกต่างไปจากดินแดนด้านใต้ แต่เมื่อวันสิ้นโลกทะเลม่วงมาถึง ดินแดนด้านใต้ก็ยอมให้ทะเลทรายตะวันตกได้ครอบครองดินแดนสีดำ และไม่ได้สอดมือเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับพวกเรา ไม่ได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นั้นมาทำร้ายพวกเรา ความเมตตาเช่นนั้น…ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจมาจนถึงทุกวันนี้!”

“พวกเราได้ปรึกษากับต้วนหนานกวน (ตัดทางลงใต้) เกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว และท่านปรมาจารย์ก็เห็นด้วย พวกเราจะช่วยเหลือดินแดนด้านใต้ขับไล่ดินแดนทางเหนือออกไป!”

ขณะที่เสียงเหล่านั้นดังก้องเข้าไปในหูของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้และดินแดนทางเหนือ คนทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง

ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ พวกมันไม่เคยจะคาดคิดว่าในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ทะเลทรายตะวันตก…จะส่งกองกำลังมาช่วยเหลือ!

ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือก็สะท้านใจด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อการต่อสู้ดูเหมือนว่าจะได้ข้อสรุปแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น!

ในตอนนี้เองที่มองเห็นได้ว่า ที่ด้านหลังของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกมีสัตว์อสูร…อยู่นับแสนตัว!

ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ความรวดเร็วและจำนวนของพวกมัน ก็เพียงพอที่จะทำให้ท้องฟ้ามืดสลัว มองเห็นซือหลงมากมายกำลังควบคุมสัตว์อสูรอยู่ ขณะที่พวกมันพุ่งตรงเข้ามาในสนามรบ รวมกำลังเข้ากับผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้โอบล้อมกองกำลังจากดินแดนทางเหนืออยู่ตรงกลาง!

จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้พุ่งขึ้นไปในทันที และพวกมันก็เริ่มต่อสู้ด้วยความกระตือรือร้น

ปรมาจารย์ซ่งสั่นสะท้าน เงยหน้าขึ้นหัวเราะออกมา ตานกุ่ยที่อยู่ด้านข้างก็มีอารมณ์ความรู้สึกด้วยเช่นกัน ท่านเคยปฏิบัติต่อทะเลทรายตะวันตกด้วยดีเมื่อในอดีตที่ผ่านมา มักจะคอยช่วยเหลือพวกมันอย่างลับๆ อยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อนานมาแล้ว จื่อตงเจินเหรินเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทะเลทรายตะวันตก

ตอนนี้เมื่อผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกมาถึง ดินแดนด้านใต้ก็เหมือนกับได้ชีวิตใหม่กลับคืนมาจากวิกฤตอันร้ายแรงนี้!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดไปถึงการมาปรากฏตัวของผู้พิทักษ์ต้วนหนาน ทันทีที่พวกมันมาถึงในสนามรบ ชายชราในชุดเกราะสีเงินก็พุ่งตรงไปต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าในทันที

“บัดซบ!” ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิแผดร้องออกมา “เจ้าคนเถื่อนทะเลทรายตะวันตกกำลังรนหาที่ตาย!” มันถูกดึงเข้าไปในการต่อสู้กับหนึ่งในสามของหุ่นเชิดทะเลทรายตะวันตกขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าแห่งผู้พิทักษ์ต้วนหนาน การต่อสู้อันดุเดือดนี้ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน

ตอนนี้สามดินแดนอันยิ่งใหญ่กำลังต่อสู้ติดพันกันอยู่! ทะเลทรายตะวันตก! ดินแดนด้านใต้! ดินแดนทางเหนือ!

ขณะที่การต่อสู้โหมกระหน่ำกันอยู่นั้น ท้องฟ้าเริ่มมืดลง พื้นดินแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ อากาศเกิดเป็นรอยแยกขึ้น ท้องฟ้าที่ด้านบนฉีกขาด เผยให้เห็นสิ่งที่ดูแตกต่างไปจากดวงดาวที่อยู่ด้านบนขึ้นไป แม้แต่ดาวหนานเทียนทั้งดวงก็ดูเหมือนว่ากำลังจะเอนเอียงไป สั่นสะเทือนไปทั้งดวงดาว

เดิมทีตระกูลจี้ต้องการจะสอดมือเข้ามา ป้องกันไม่ให้สามดินแดนกระทำสงครามกันเช่นนี้ ไม่ต้องการให้รากฐานของดินแดนแห่งดาวหนานเทียนต้องสั่นสะเทือนเช่นนี้ แต่ตอนนี้…ตระกูลจี้ได้ทำตัวเสมือนกับว่าพวกมันไม่ได้สังเกตเห็นมาก่อน ไม่มีสมาชิกของตระกูลจี้แม้แต่คนเดียวที่จะปรากฏกายขึ้น

ภายในการต่อสู้ที่ส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง สัตว์อสูรและกลุ่มผู้ฝึกตนต่างก็เข่นฆ่าสังหารซึ่งกันและกัน ดินแดนด้านใต้, ทะเลทรายตะวันตก และดินแดนทางเหนือ ต่างก็ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

ไม่มีใครเชื่อมั่นว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ทั้งดินแดนด้านใต้และทะเลทรายตะวันตก รวมทั้งดินแดนทางเหนือ

พื้นดินไหลนองไปด้วยโลหิต และการต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมดุร้ายก็โหมกระหน่ำไปทั่วทุกที่ เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจลอยไปมา และซากศพนับไม่ถ้วนก็ตกลงไปบนพื้น ทุกสิ่งทุกอย่างแปดเปื้อนไปด้วยโลหิต ท้องฟ้ามืดสลัว ดูเหมือนว่าคนทั้งหมดจะติดหล่มอยู่ในการสังหารที่เต็มไปด้วยโลหิต สิ่งเดียวที่กระทำได้ก็คือสังหาร…และสังหารต่อไป!

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ผู้แข็งแกร่งค้นหาเต๋าห้าคนแห่งดินแดนทางเหนือ กำลังต่อสู้กับสามผู้ฝึกตนของดินแดนด้านใต้และสามผู้แข็งแกร่งของทะเลทรายตะวันตกรวมเป็นหกคน การต่อสู้ของพวกมันทำให้ท้องฟ้าที่ด้านบนสั่นสะเทือน ท้องฟ้าแห่งตระกูลจี้กระจัดกระจายออกไป เผยให้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวที่แท้จริงในสมัยโบราณ

โดยปกติแล้ว ตระกูลจี้ไม่เคยจะยอมให้เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ตอนนี้…สวรรค์แห่งจี้กำลังถูกตัดขาดไป พวกมันสูญเสียผู้พิทักษ์ ทำให้ท้องฟ้าในตอนนี้บิดเบี้ยวไปมาจนกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่

กระแสน้ำวนที่หมุนไปมานั้น ดูคล้ายกับเป็นดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งภายในเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกำลังหมุนวนไปมาอยู่!

ทะเลม่วงพลุ่งพล่านปั่นป่วน และทะเลเทียนเหอก็ส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง แรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่เช่นนั้นเกิดขึ้นที่ตรงเขตชายขอบของทะเลทั้งสอง มองเห็นได้ว่าทะเลม่วงในตอนนี้กำลังพุ่งทะยานเข้าไปในทะเลเทียนเหอ ทันใดนั้น การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจก็เริ่มเกิดขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจด้วยตัวของมันเอง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า…โลหิตที่ไหลนองอยู่ในสนามรบ ไม่ได้ซึมเข้าไปในพื้นดิน แต่ค่อยๆ เริ่มไหลเข้าไปในทะเลเทียนเหออย่างช้าๆ

ดินแดนที่ครั้งหนึ่งซึ่งเคยเป็นสำนักเซี่ยเยา ได้ชุ่มโชกเต็มไปด้วยโลหิตที่ตอนนี้ได้ไหลเข้าไปในทะเลเทียนเหอ เมื่อคิดว่าทะเลม่วงก็ไหลเข้าไปด้วยเช่นกัน ก็ทำให้ทะเลเทียนเหอ…ปะทุขึ้นมา

ในตอนนี้เอง ที่เสียงอันแผ่วเบาได้ดังขึ้นกระจายออกไปทั่วทั้งทะเลเทียนเหอ

“ครั้งหนึ่งมันเคยบอกว่า…เมื่อดวงตากระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในท้องฟ้า ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของดอกบัว ในช่องว่างระหว่างเซียนและปีศาจ บัวเขียวก็จะปรากฏขึ้น…และตอนนี้…”

“ภายใต้การมองมาของกลุ่มดาวนับไม่ถ้วน โลหิตของผู้ฝึกตนนับล้านไหลออกมา และดวงตากระแสน้ำวนก็ปรากฏขึ้น”

“วันสิ้นโลกของทะเลทรายตะวันตก ทำให้เกิดเป็นทะเลม่วงอันไร้ขอบเขต ซึ่งภายในนั้นได้มีการปิดบังการเปลี่ยนแปลงของดอกบัวไว้”

“ในวันที่สับสน เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง บัวสีเขียวของข้า…ก็ปรากฏขึ้น!”

“ข้าจะเปลี่ยนโลหิตของผู้ฝึกตนนับล้านให้กลายเป็นโคลนตม! ข้าจะเปลี่ยนวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดให้กลายเป็นตะกอน ข้าจะ…โผล่ออกมาอย่างบริสุทธ์ไร้มลทินจากภายในตะกอนของโคลนตมโลหิตเหล่านั้น! ข้าจะ…ละทิ้งร่างของดอกปี่อ้าน และกลายเป็นชิงเหลียนเทียน! (บัวเขียวสวรรค์)”

———————

หมายเหตุ :

  1. 1. เทือกเขาต้วนหนาน (ตัดแบ่งแดนใต้) มีคำอธิบายอยู่ในตอนที่ 504 : ต้วนหนานกวน และเมิ่งฮ่าวก็ได้เผชิญหน้ากับเทือกเขาตัดแบ่งแดนใต้ในตอนที่ 506 : ผู้พิทักษ์ต้วนหนาน
  2. 2. ความสัมพันธ์ระหว่างตานกุ่ยและทะเลทรายตะวันตก ได้กล่าวไว้ในตอนที่ 263: น้ำพุร้อนเต๋าโบราณ ช่วงที่โจวเต๋อคุนและนักปรุงยาจากดินแดนด้านใต้ถูกจับตัวไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version