Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 814

ตอนที่ 814

ข้ามีนามว่าเมิ่งฮ่าว!

ในเวลาเดียวกับที่คำพูดเหล่านั้นดังก้องขึ้นมา เมิ่งฮ่าวก็ถอยไปทางด้านหลัง พร้อมกันนั้นเสียงแค่นอย่างเย็นชาก็ได้ยินดังก้องออกมาจากที่ห่างไกลออกไป

“เมื่อคืนซ่งโหม่ว (ผู้แซ่ซ่ง) ก็เห็นเงื่อนงำแล้ว” ซ่งหลัวตานกล่าว “ถึงแม้ว่าเจ้าจะหลอกลวง แต่ภูติผีที่ด้านหลังเจ้าเป็นของจริง ตอนนี้…ข้าจะกำจัดเจ้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครมาหลอกลวงข้าได้!”

ซ่งหลัวตานคือผู้ฝึกตนตระกูลซ่งที่มีรอยแผลเป็นจากหน้าผากลงไปจนถึงลำคอ สัญลักษณ์เวทเปลวไฟพุ่งออกมาอยู่รอบๆ ตัวมัน และอีกาเปลวไฟบนไหล่ของมันก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา เมื่อซ่งหลัวตานก้าวเท้าตรงมา พลังของค้นหาเต๋าขั้นสูงสุดก็กระจายออกมา แต่นี่ไม่ใช่พลังธรรมดาของค้นหาเต๋าขั้นสูงสุด แต่เป็นสิ่งที่สูงเกินไปกว่านั้น

มันยังแข็งแกร่งมากไปกว่าผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ ที่เมิ่งฮ่าวเคยต่อสู้ด้วย มันมีเจตจำนงเซียนหมุนวนอยู่รอบๆ ตัว อย่างน่าตกใจยิ่ง ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในขั้นค้นหาเต๋า แต่พลังการต่อสู้ของมันก็เทียบได้กับเซียนเทียม

ด้านหลังมันเป็นชายชราที่ผอมแห้ง มีแต่ผิวหนังที่ติดกระดูก สีหน้ามันไร้ความรู้สึก แต่ดวงตาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง กระจายความรู้สึกที่น่ากลัวออกมา ทำให้ดูเหมือนกับว่ามันจะเป็นเซียนที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถสะกดข่มเมิ่งฮ่าวลงได้ด้วยการขยับตัวเพียงแค่ครั้งเดียว

ร่างกายมันดูเหมือนจะมีการเปิดจุดชีพจรมาแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกปิดผนึกอยู่ ไม่อาจจะใช้ออกมาได้ ตอนนี้มันจึงสามารถใช้พลังของเซียนเทียมออกมาได้เท่านั้น

อันที่จริง เซียนเทียมเป็นระดับการฝึกตนที่สูงที่สุด ที่บิดาเมิ่งฮ่าวได้ยินยอมให้เข้ามาในดาวหนานเทียนแห่งนี้

ในตอนที่ซ่งหลัวตานก้าวเท้าตรงมา เมิ่งฮ่าวก็หมุนตัวขึ้นไปในกลางอากาศ มองไปยังมันและชายชรา รังสีสังหารแวบขึ้นมาในแววตา

เข็มอันโหดเหี้ยมที่ขว้างออกมาจากตระกูลซ่งเมื่อครู่นี้ ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง

“ข้าจะสังหารเจ้า!” เมิ่งฮ่าวกล่าว กลายเป็นวิหคยักษ์พุ่งตรงไปยังซ่งหลัวตาน เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่วิหคยักษ์และซ่งหลัวตานปะทะกันไปมามากกว่าหนึ่งร้อยครั้งในชั่วพริบตา

เปลวไฟกระจายออกไปทั่วทุกที่ และทะเลแห่งเปลวเพลิงก็ม้วนตัวออกมาจากร่างซ่งหลัวตาน กลายเป็นอีกาเปลวไฟที่โจมตีมายังเมิ่งฮ่าว

การต่อสู้ของคนทั้งสองช่างน่าตกใจยิ่ง ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ถึงแม้ว่าคนทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่ในกลางอากาศ แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ต้องการจะออกห่างไปจากประตูหลักของวิหารมากนัก สำหรับผนังกำแพงอื่นๆ ที่ดูเหมือนว่าจะสามารถผ่านเข้าไปได้ เขาไม่สนใจจุดเหล่านั้น เขาจำได้ว่าจากลางสังหรณ์ใจในครั้งแรก ถ้ามีใครบางคนพยายามที่จะผ่านเข้าไปตามช่องว่างเหล่านั้น พวกมันก็จะต้องตายไป

เสียงระเบิดดังก้องออกมา จ้าวอีฝานและคนอื่นๆ หยุดชะงักนิ่งเพื่อชมดูการต่อสู้นี้ เช่นเดียวกับคนทั้งหมด

“คนผู้นั้นช่างน่าเหลือเชื่อนัก ก่อนหน้านี้มันเสียเปรียบไปแค่เล็กน้อย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝานตงเอ๋อร์และคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เมื่อมันต่อสู้กับซ่งหลัวตานตัวต่อตัว…ก็ยากที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ!”

“น่าจะเป็นซ่งหลัวตาน! มันสามารถจะต่อสู้กับจ้าวอีฝานแห่งสำนักกระบี่ไท่สิง ถึงมันจะพ่ายแพ้ไปในตอนนั้น แต่มันก็ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือจุดแข็งของมัน!”

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน แสงเจิดจ้าแวบไปมา ภายในทะเลแห่งเปลวไฟ ซ่งหลัวตานคล้ายกับเป็นเซียนเปลวไฟ เยือกเย็นแต่ก็ดูน่ากลัว ตอนนี้มันลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ยกเท้าขวาขึ้นและเตะลงไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรง

“ตาย!”

การเตะนั้นทำให้ทะเลเปลวไฟพุ่งออกไป จากนั้นก็กลายเป็นอีกาเปลวไฟอีกตัว ซึ่งดูเหมือนจะสามารถฉีกกระชากอากาศให้แยกออกเป็นสองส่วนได้ เปลวไฟกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง และดูเหมือนแทบจะผนึกเมิ่งฮ่าวไว้ภายในโดยสิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้พิทักษ์เต๋าชราของมันก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา และโบกสะบัดมือ เข็มขึ้นสนิมอีกเล่มก็ปรากฏขึ้น พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบรังสีสังหารขึ้น

เขาแค่นเสียงเย็นชา ยกมือขวาขึ้นไปในอากาศและชี้ไปยังซ่งหลัวตาน ฉับพลันนั้นเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตได้ปรากฏขึ้น และกระแสน้ำวนก็ส่งเสียงดังกระหึ่มก่อตัวขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างซ่งหลัวตาน ราวกับเป็นมังกรที่กลืนน้ำลงไป มันดูดเอาทะเลเปลวไฟเข้าไป และปกคลุมซ่งหลัวตานไว้ภายในโดยสิ้นเชิง

สีหน้าซ่งหลัวตานเปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ เท้าขวามันเริ่มแห้งเหี่ยวลงไป และมันก็ส่งเสียงกู่ร้องออกมา กระอักโลหิตออกมากองโต มันพุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วเต็มกำลัง ถึงจะตกอยู่ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงก็ตามที มันก็สามารถจะหลบรอดจากกระแสน้ำวนเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตไปได้ มันหลบหนีไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาว มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก พร้อมกับความต้องการสังหารที่เย็นชา

พวกที่สังเกตการณ์ดูอยู่ทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้านใจ ท่ามกลางกลุ่มฝูงชน ดวงตาจื่อเซียงเบิกกว้าง และนางก็หอบหายใจออกมา เวทกระแสน้ำวนที่นางเพิ่งจะได้เห็นนี้ ทำให้ต้องรำลึกไปถึงเวทแห่งเต๋าในตำนาน ที่นางเคยได้อ่านมาในบันทึกโบราณของสำนัก เป็นสิ่งที่หายสาบสูญไปนานแล้วตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

จ้างอีฝานแห่งสำนักกระบี่ไท่สิงกำลังมองไปด้วยดวงตาที่สาดประกาย เปลวไฟแห่งการต่อสู้แวบขึ้นมาในม่านตามัน หลี่หลิงเอ๋อร์จากตระกูลหลี่แห่งดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) ก็กำลังหอบหายใจออกมาเช่นเดียวกัน สีหน้านางเต็มไปด้วยความจดจ่อขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว

ทั้งสี่คนที่เพิ่งจะโจมตีไปเมื่อครู่นี้ ถึงจะไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของพวกมันอย่างเต็มที่ แต่การที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะหลบเลี่ยงการโจมตีเหล่านั้นไปได้ ก็ทำให้พวกมันต้องคิดเกี่ยวกับตัวเขามากขึ้น การที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ทำให้พวกมันต้องคิดว่าเขาคู่ควรที่จะให้ความสนใจอย่างแท้จริง

กรรมหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างจี้ยิน ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะมองสีหน้าของมันได้อย่างชัดเจน แต่มันก็ต้องรู้สึกประหลาดใจอย่างแน่นอน

สำหรับฝานตงเอ๋อร์ แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตา แต่สีหน้านางก็ยังคงสงบนิ่ง นางกระจายความรู้สึกที่สดใสบริสุทธิ์และสูงส่งออกมา แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็ดูเหมือนจะมีความเย็นชาและกีดกันผู้คนจนห่างไกลอยู่อีกด้วย แต่ความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อของนาง ก็ทำให้ใครก็ตามที่มองมาต้องเกิดความรู้สึกสนใจในตัวนางขึ้นมาในทันทีอย่างช่วยไม่ได้ และอยากจะโอบกอดนางไว้ในฐานะที่เป็นภรรยา

บุคคลที่เมิ่งฮ่าวไม่พอใจไม่ใช่ซ่งหลัวตาน แต่เป็นชายชราที่อยู่ข้างกายมัน สองครั้งแล้วที่มันใช้เข็มโจมตีมายังเขาอย่างชั่วร้าย ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกไปทำท่าคล้ายกรงเล็บ ซึ่งดูคล้ายคลึงกับท่าที่ถูกใช้ออกมาโดยบุคคลที่เขาได้เห็นตอนที่มันกำลังปลิดดวงดาว ฉับพลันนั้นมือของเขาก็ดูเหมือนจะเริ่มมีขนาดใหญ่โตขึ้น และเขาก็คว้าจับไปที่เข็มซึ่งพุ่งมาในกลางอากาศ

เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะรู้แจ้งเกี่ยวกับเวทปลิดดาวแค่หางอึ่งเท่านั้น ถ้าเขาเข้าใจมันได้โดยสมบูรณ์ และมีพื้นฐานฝึกตนที่เพียงพอแล้วละก็ เขาก็จะสามารถยื่นมือออกไปปลิดสวรรค์ลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้อย่างแน่นอน!

ทันทีที่เขาคว้าจับไปที่เข็มเล่มนั้น ร่างเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น และเขาก็พุ่งตรงไปยังชายชรา ชายชราหัวเราะเสียงเย็นชา แทนที่จะล่าถอย มันเริ่มพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“รนหาที่ตาย เหล่าฟู (ผู้เฒ่า) จะช่วยส่งเสริมเจ้าเอง!”

“เหลาผี่ฟู! (ไอ้เฒ่า)” เมิ่งฮ่าวร้องคำรามออกมา ใช้เวทเรียกวิหคยักษ์ออกมา ชายชราโบกสะบัดมือ ทำให้กลิ่นอายสีเทาที่ประกอบด้วยปราณเซียนกระจายออกไป

“สะกด!” ชายชรากล่าว

“ข้าเองที่จะสะกดเจ้า!” เมิ่งฮ่าวโต้กลับไป พื้นฐานฝึกตนของเขาส่งเสียงดังกระหึ่ม และปราณเซียนก็ดังก้องเต็มอยู่ภายในร่าง ทันใดนั้นคนทั้งหมดในบริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

ปราณเซียนทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ และสีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ

“เจ้ามาจากสำนักหรือตระกูลอะไร?!”

เมิ่งฮ่าวไม่ตอบ ขณะที่ปราณเซียนหมุนวนไปมา เขาขยับมือร่ายเวท จากนั้นก็ผลักออกไปที่ด้านหน้า ขุนเขาที่เก้าส่งเสียงกระหึ่มขึ้น บดขยี้ตรงไปยังชายชรา

“ไม่ยอมพูด? ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิที่เหล่าฟูกำลังจะกำจัดเจ้าไป!” ชายชราแค่นเสียง ทันใดนั้นภาพแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังมัน เป็นภาพของเทพที่ทรงพลัง เป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีรูปร่างสง่างาม ทันใดนั้นทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในทันที

ขณะที่เมิ่งฮ่าวและชายชราพุ่งเข้าไปปะทะกันในกลางอากาศ เมิ่งฮ่าวส่งเสียงตะโกนออกมา และภาพแห่งธรรมของเขาเองก็ปรากฏขึ้น พลังที่ห่างจากเซียนแท้เพียงแค่ครึ่งก้าวกระจายออกมา กลายเป็นแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ กดทับลงไปบนร่างชายชรา สีหน้ามันสลดลง และพุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยการใช้วิชาเวท รังสีสังหารในดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น และเขาก็โบกสะบัดมือขวา ทำให้เม็ดยาสีดำแปดเม็ดลอยออกไป ทันทีที่พวกมันกระทบไปบนร่างชายชรา ก็เกิดการระเบิดขึ้น

โลหิตสาดกระจายออกมาจากปากมัน สีหน้าสลดลง มันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และกำลังจะหลบหนีจากไป แต่เมิ่งฮ่าวก็พุ่งเข้ามาหามันด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ มือขวาเขาปลดปล่อยเวทปลิดดาวออกไป และชายชราก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างมีโทสะออกมา มันยกมือขวาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นดวงตะวัน, จันทรา และท้องฟ้า ซึ่งมองเห็นได้ในฝ่ามือ และมันก็ผลักให้พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

ชายชราแผดร้องเป็นเสียงดังก้องขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมา และโซเซถอยไปทางด้านหลัง กระถางสายฟ้าปรากฏขึ้นอยู่ในมือ ประกายสายฟ้าเต้นไปมา และเขาก็หายตัวไป ขณะที่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับฝานตงเอ๋อร์ ซึ่งพยายามที่จะแอบลอบเข้าไปในวิหาร ในช่วงของการต่อสู้อย่างวุ่นวายนี้

เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นใหม่ เมิ่งฮ่าวก็ไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ด้านหน้าของประตูใหญ่วิหาร โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีอำนาจอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง และเมื่อเขากระทืบเท้าลงไปบนพื้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือน ในตอนนี้เขายื่นมือขวาออกไป และงอนิ้วเป็นท่ากรงเล็บ

ภาพของกรงเล็บสามข้างปรากฏขึ้น ดูราวกับว่ามีสัตว์อสูรในสมัยโบราณกำลังตื่นขึ้นมา กรงเล็บทั้งสามพุ่งขึ้นไปในอากาศ ตามติดด้วยภาพแห่งธรรมของเขา

การโจมตีขนาดใหญ่พุ่งตรงไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์ และฟางตงหานแห่งตระกูลฟางที่เพิ่งจะพุ่งตรงมาที่เขา

ท่ามกลางเสียงระเบิดดังกึกก้อง ผู้พิทักษ์เต๋าของซ่งหลัวตานที่อยู่สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ทันใดนั้นก็ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา อย่างน่าตกใจยิ่งเมื่อมันเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีเข็มแทงอยู่ที่มือของมัน! เป็นเข็มเล่มเดียวกันกับที่มันเพิ่งจะใช้ออกไป เพื่อพยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าว!

พลังที่เน่าเปื่อยของเข็มเล่มนั้น เพิ่งจะมีผลต่อชายชรา!

“ไมมม่!!” มันร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัวออกมา สีเลือดบนใบหน้ามันเริ่มเหือดแห้งหายไปและกลายเป็นสีเทาขึ้นเล็กน้อย ความหวาดกลัวเต็มอยู่ในจิตใจ มันตระหนักดีถึงพิษอันน่ากลัวบนเข็มเล่มนี้ ว่าจะมีผลอย่างรวดเร็วมากแค่ไหน เพียงชั่วพริบตา พิษนั้นก็ปนเปื้อนไปทั่วกลิ่นอายของมันทั้งหมด

ขณะที่มันแผดร้องเป็นเสียงดังก้องออกไป เหล่าฝูงชนก็อ้าปากค้าง ร่างของชายชราพังทลายลงไป เลือดเนื้อทั้งหมดของมันกลายเป็นเถ้าธุลีลอยไปตามสายลม…

ทันใดนั้น ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น

ชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา มันคือผู้พิทักษ์เต๋าแห่งตระกูลซ่ง เป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังพร้อมกับพื้นฐานฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรเซียน มันเปิดจุดชีพจรได้หลายสิบจุด แต่ตอนนี้…ต้องมาตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้…ด้วยเงื้อมมือของผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรวิญญาณ

มันเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น มีโอกาสเกิดขึ้นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะว่าพื้นฐานฝึกตนของมันถูกปิดผนึกไว้ แต่เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด…ทำให้มันต้องตายไป!

ตายไปด้วยเงื้อมมือของเมิ่งฮ่าว!

“ผู้พิทักษ์เต๋าของซ่งหลัวตาน…ตายแล้ว!?”

“มัน…มันสังหารผู้พิทักษ์เต๋าไปจริงๆ!”

“คนผู้นี้คือใคร? มันต้องไม่ใช่คนไร้นาม และมันต้องไม่ได้มาจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียนอย่างแน่นอน มันต้องเป็นผู้ถูกเลือกจากสำนักด้านนอกที่ไหนสักแห่ง!”

“แต่มันก็ไม่คุ้นตาเลย ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน…”

ขณะที่เสียงพูดคุยดังขึ้น จื่อเซียงมองมาด้วยความประหลาดใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง เดิมทีพื้นฐานฝึกตนของนางอยู่ในอาณาจักรเซียน แต่หลังจากที่ได้ครอบครองร่างเซียนอสูร นางก็ทำให้ตนเองลงไปอยู่ในอาณาจักรวิญญาณ เพื่อสร้างพื้นฐานฝึกตนขึ้นมาใหม่ และเพื่อจะได้รับโอกาสที่จะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมในอนาคต ด้วยเช่นนั้น นางจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าครั้งที่แล้วที่นางอยู่ในอาณาจักรวิญญาณมากนัก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่มีทางที่จะสามารถโจมตีและสังหารเซียนเทียมได้

“เจ้าคือใคร!?” จ้าวอีฝานถามขึ้นมาในทันที

จี้ยินมองมายังเมิ่งฮ่าว เช่นเดียวกับหลี่หลิงเอ๋อร์ รวมทั้งหวังมู่ ซึ่งยังไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ผู้ถูกเลือกทั้งหมดจากสำนักและตระกูลต่างๆ รวมทั้งไท่หยางจื่อ ต่างก็จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว

สำหรับซ่งหลัวตาน มันกำลังหอบหายใจด้วยความตื่นตระหนกอยู่ ผู้พิทักษ์เต๋าของมันเพิ่งจะถูกสังหารไปอย่างน่าตกใจ ทำให้รังสีสังหารของซ่งหลัวตานมีความเข้มข้นมากขึ้น

ตอนนี้ฝานตงเอ๋อร์ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ตรงตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะอยู่ไปก่อนหน้านี้ เพลิงโทสะลุกโชนอยู่ในจิตใจนาง แต่สีหน้าก็ยังคงสงบนิ่งขณะที่นางกล่าวเสียงราบเรียบขึ้น “เต้าเซียง (พี่ชายเต๋า) ท่านเป็นใครกันแน่? พอจะบอกพวกข้าได้หรือไม่?”

เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังผู้ถูกเลือก เขายอมรับว่าคนเหล่านี้แข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าอยากจะต่อสู้ด้วย และอันที่จริงเขากำลังมองตรงไปยังบางสิ่งที่พิเศษเฉพาะ

เขากำลังมองตรงไปในตอนที่เขาออกจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน และเข้าไปในโลกแห่งผู้ถูกเลือกที่ด้านนอก เขาแทบไม่อาจจะอดใจรอที่จะเห็นว่า เขาสามารถจะทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายได้มากน้อยแค่ไหน

เขามองอย่างเยือกเย็นไปยังผู้ถูกเลือกแห่งตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า) ตระหนักดีว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ นามของเขาก็คงจะกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งคนทั้งหมดรู้ว่าเขาคือใคร

“ข้ามีนามว่าเมิ่งฮ่าว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version