Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 846

ตอนที่ 846

รวดเร็วมากที่สุด!

สามเส้นทางโบราณเต็มไปด้วยแสงอันเจิดจ้าปกคลุมไปยังคนทั้งหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่มองเห็นได้คือรายนามต่างๆ บ้างก็เป็นนามจริง บ้างก็เป็นนามแฝง

ในที่สุด สิ่งเดียวที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ก็คือแสงอันเจิดจ้า จากนั้นทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็เปลี่ยนไป แม้แต่ท้องฟ้า แท่นบูชาดูเหมือนจะกลายเป็นค่ายกลเวทที่ส่องแสงเจิดจ้าขนาดใหญ่ แต่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจแสงนั้นก็หายไป

ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขาเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีท้องฟ้าอยู่ที่ด้านบน มีแต่หมู่ดาวเท่านั้น ไม่มีพื้นดินอยู่ที่ด้านล่าง มีแต่สัตว์อสูรขนาดยักษ์ยาวหนึ่งพันจ้าง!

มันคืองูเหลือมขนาดใหญ่ มีสีดำสนิทโดยสิ้นเชิง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและบาดแผลต่างๆ บางรอยแผลยังมองเห็นถึงกระดูกของมันอีกด้วย และบางตำแหน่งก็มองเห็นเป็นรอยแผลลากยาวไปเกือบทั่วร่าง

งูเหลือมตัวนี้แทบจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ พลังชีวิตของมันกำลังจางหายไป แม้แต่จะบินขึ้นไปก็แทบจะไม่มีพลังเหลืออยู่เพียงพอ ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันแทบจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายอันน่ากลัวปกคลุมไปทั่วร่าง เป็นพลังที่แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังรู้สึกตกตะลึง ถ้ามันระเบิดออกมา ต่อให้เป็นเซียนเทียมก็อาจจะถูกพลังนี้สังหารไปได้

เมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่บนศีรษะของงูเหลือมโบราณนี้ และดูเหมือนว่าจะมีการเชื่อมต่อกับเขา ราวกับว่าเขาสามารถจะควบคุมมันได้

หลังจากที่จ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็มองลงไปและพบว่าเขากำลังสวมใส่ชุดเกราะอยู่ เป็นชุดเกราะที่ใหม่เอี่ยม กระจายพลังที่อ่อนจางออกมา โดยภาพรวมแล้วดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในที่แห่งนี้จริงๆ แต่ในเวลาเดียวกัน ร่างเขาก็ดูเหมือนจะเป็นภาพลวงตาด้วยเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นที่ด้านบนขึ้นไปก็เป็นดวงดาว!

เป็นดาวที่มีขนาดเล็กกว่าดาวหนานเทียนมากนัก อันที่จริงมันมีขนาดเล็กมาก จนไม่อาจจะถูกเรียกว่าดวงดาวได้อย่างแท้จริง บางทีอาจจะเป็นแค่ก้อนศิลาขนาดใหญ่เท่านั้น และดูเหมือนจะไม่เสถียรมั่นคงเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างแท้จริง

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังดาวสีดำนั้น จุดแสงนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นดูคล้ายกับเป็นดวงตา ดวงตาทั้งหมดเปิดขึ้นและมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ความรู้สึกถึงวิกฤติอันร้ายแรงเต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว และเขาก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ทันใดนั้นเสียงหวีดหวิวก็ได้ยินมา อย่างน่าประหลาดใจยิ่ง หนึ่งพันลำแสงกำลังพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวจากดาวดวงนั้น

ภายในลำแสงมองเห็นเป็นเงาร่างอยู่ เงาร่างเหล่านั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนแต่เป็นหุ่นเชิด!

ไม่ใช่เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวที่มองเห็นเช่นนี้ ผู้ฝึกตนทั้งหมดบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า ก็ตกอยู่ในโลกของพวกมันนี้เช่นเดียวกัน สิ่งที่พวกมันกำลังมองเห็นและเผชิญหน้าอยู่ก็เป็นเช่นเดียวกับของเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชา เขาไม่ได้ลงมือในทันที แต่ฉวยโอกาสที่ศัตรูต้องใช้เวลาในการใกล้เข้ามา ทำการศึกษางูเหลือมโบราณนี้มากขึ้นกว่าเดิม พบว่ามันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และแทบจะตายไปได้ทุกเมื่อ เห็นได้ชัดว่ามันมีพลังที่จะโจมตีไปเป็นครั้งสุดท้ายครั้งเดียวเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวบอกได้ว่าด้วยการโจมตีไปเช่นนั้น จะทำให้สัตว์อสูรตัวนี้ต้องตายไปทั้งร่างกายและวิญญาณโดยสิ้นเชิง แต่การโจมตีครั้งสุดท้ายนี้ต้องน่าตื่นตระหนกอย่างแน่นอน

เขาขมวดคิ้ว ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา หุ่นเชิดทั้งหมดที่กำลังบินออกมาจากดวงดาว มีกลิ่นอายขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า คิดว่าคงไม่มีหุ่นเชิดตัวไหนจะสามารถเทียบได้กับเซียนเทียม

แต่จากนั้น ห้ากลิ่นอายจู่ๆ ก็ระเบิดออกมาจากดวงดาว กลิ่นอายทั้งห้านั้นต่างก็อยู่ในขั้นเซียนเทียมทั้งหมด ถ้าทั้งหมดนี้มีอยู่แค่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ในตอนนี้เองที่กลิ่นอายอื่น ซึ่งแข็งแกร่งกว่ากลิ่นอายทั้งหมดได้ระเบิดออกมา

ดวงดาวสั่นสะเทือน ระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง พลังพุ่งที่ขึ้นไปมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นพลังที่เหมือนกับดวงดาวนั้นเป็นอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายและบ้าคลั่ง

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง ดวงตาเบิกกว้าง…

มันคือเซียนแท้!!

“หนึ่งพันหุ่นเชิด ห้าเซียนเทียม และหนึ่งเซียนแท้…นี่คือการแข่งขัน?”

“จากที่หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวมา ข้าต้องสังหารศัตรูทั้งหมดนี้ ภายในช่วงเวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้ การโจมตีไปด้วยวิธีปกติธรรมดา ไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน”

เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง ขณะที่หุ่นเชิดหนึ่งพันกว่าตัวส่งเสียงแหลมเล็ก แหวกฝ่าอากาศเข้ามาใกล้เขา

“ไม่มีทางที่การแข่งขันนี้จะกำจัดผู้เข้าแข่งขันแทบทั้งหมดไป แค่ในด่านที่สองนี้เท่านั้น…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่มองลงไปยังงูเหลือมโบราณที่ด้านล่างเท้า

“สัตว์อสูรโบราณตัวนี้แข็งแกร่งยิ่ง…การโจมตีไปก่อนตายครั้งสุดท้าย ต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสังหารหุ่นเชิดขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าหนึ่งพันตัวได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน หรือถ้าข้ารออีกเล็กน้อย ก็อาจจะสังหารห้าเซียนเทียมไปด้วยได้ ถ้าข้ารอจนกระทั่งสุดท้ายค่อยใช้มัน ก็คงจะสามารถสังหารเซียนแท้ได้”

“ข้ามีแค่เสี้ยวเวลาเดียวเท่านั้น…”

“นั่นคือโอกาสที่ผู้เข้าแข่งขันได้รับมา!” แสงแห่งความเข้าใจแวบขึ้นมาในดวงตา

ในโลกอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป ผู้ฝึกตนบนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋าทั้งหมดต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกันนี้ คนทั้งหมดกำลังลังเลว่าจะโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ได้อย่างไรดี มีผู้ถูกเลือกอยู่มากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในท่ามกลางผู้เข้าร่วมแข่งขัน และพวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นคนที่ฉลาด เพียงไม่นานพวกมันก็ได้ข้อสรุปเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงปมสำคัญของด่านนี้

บุรุษสวมหน้ากากมองออกไปด้วยดวงตาที่สาดประกาย โดยไม่ลังเล มันพุ่งออกไปต่อสู้กับหุ่นเชิดขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าทั้งหนึ่งพันตัว ตั้งใจจะใช้การโจมตีครั้งสุดท้ายของงูเหลือมโบราณ สังหารเซียนแท้ไป

การตัดสินใจเช่นนี้ช่างกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง และต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่ก็ยังมีผู้ฝึกตนอยู่ไม่น้อย เลือกที่จะใช้ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรโบราณโจมตีไปก่อน เสียงกระหึ่มได้ยินออกมา และหุ่นเชิดขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าหนึ่งพันตัวก็ถูกสังหารไป หลังจากที่หุ่นเชิดถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น ผู้ฝึกตนก็ก้าวตรงไปต่อสู้กับห้าเซียนเทียมด้วยตนเอง

มีผู้ฝึกตนอีกมากมายที่กระทำแตกต่างกันออกไป ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังก้องออกมา แสงของพลังเวททำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน อยู่ภายในแต่ละโลกที่แตกต่างกันออกไปนี้

แต่ภาพจริงๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในโลกเหล่านี้ ผู้ที่คอยเฝ้ามองดูในตี้จิ่วซานไห่ไม่อาจจะมองเห็นได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกมันมองเห็น คือรายนามและจำนวนที่ถูกสังหารไปซึ่งอยู่ด้านข้างรายนามเหล่านั้น กำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับปรมาจารย์ระดับสูงจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่, สี่ตระกูลใหญ่, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสามนิกายหกสำนัก พวกมันทั้งหมดนั่งขัดสมาธิอยู่ในวิหารอันกว้างใหญ่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จ้องมองไปยังกระจกโบราณขนาดใหญ่

กระจกนั้นถูกแยกออกเป็นสามส่วน ภายในมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงภาพของทุกสรรพสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนเส้นทางโบราณทั้งสาม

“บุรุษสวมหน้ากากผู้นั้นเลือกเส้นทางที่ยากมากที่สุด แต่จากการกระทำของมัน ก็เห็นได้ว่าจิตใจมันเด็ดเดี่ยวหนักแน่นราวกับก้อนศิลา มันมีศักยภาพอย่างแน่นอน”

“ผู้ฝึกตนนั่นที่สามารถเปลี่ยนอายุได้ คล้ายจะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ห้วนเสิน (ผู้วิเศษภาพลวงตา) แต่ก็อาจจะเป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อนด้วยเช่นกัน แทบจะไม่เห็นผู้ฝึกตนขั้นค้นหาเต๋าที่ฝึกฝนเวทเปลี่ยนแปลงเวลาเลย”

“ในการแข่งขันครั้งนี้มีผู้เยาว์ที่ดูโดดเด่นอยู่ไม่น้อย…”

“จากสามทางเลือกที่มอบให้ ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ถึงบุคลิกส่วนตัวของพวกมัน ถึงแม้จะไม่สำคัญว่าพวกมันจะเลือกทางไหนก็ตามที ตราบเท่าที่พวกมันผ่านด่านนี้ไปได้ ก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ถูกเลือก!”

ปรมาจารย์ชราพูดคุยเรื่องราวกันอย่างเยือกเย็น มองไปยังเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณเป็นระยะ เพื่อค้นหาผู้คนที่พวกมันเห็นว่ามีค่าควรแก่การสังเกตดู

เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เมิ่งฮ่าวจะได้รับความสนใจขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ที่ด้านนอกในตอนนี้ ก็ยังไม่มีตัวเลขแสดงขึ้นมาอยู่ที่ด้านข้างของนามฟางมู่เลย

ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าปรมาจารย์ก็กำลังพูดคุยกันถึงการแข่งขันครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง…

“หือ ผู้ฝึกตนหนุ่มที่มียุงอยู่รอบๆ ตัวนั่น เป็นคนแรกที่มีการเคลื่อนไหวอย่างคาดไม่ถึง”

“ยังมีเจ้าเด็กน้อยในชุดสีเหลืองนั่นอีก มันยังไม่ได้เลือกกระทำการใดๆ เลย!”

สายตาทั้งหมดในวิหาร ต่างก็จ้องนิ่งไปยังหนึ่งในจอภาพที่กำลังแสดงออกมาจากบนพื้นผิวของกระจก บุรุษหนุ่มที่มียุงล้อมรอบโบกสะบัดมือ ทำให้ยุงของมันบินตรงไปยังงูเหลือม ฝูงยุงแทงส่วนปากเข้าไปในร่างงูเหลือม และเริ่มดูดเลือดมันขึ้นมา

อีกภาพเป็นบุรุษหนุ่มซึ่งมีการแสดงออกที่ธรรมดาในด่านแรก ทันใดนั้นร่างกายมันก็ดูเลือนลางลง และหลอมรวมเข้าไปในร่างงูเหลือม มันควบคุมงูเหลือมได้อย่างรวดเร็วบังคับให้พุ่งไปต่อสู้ ด้วยความหวังว่าจะใช้งูเหลือมสังหารไปทั้งหุ่นเชิดและเซียนเทียม

เวลาผ่านไปไม่มากนัก ก่อนที่ผู้ฝึกตนอื่นๆ จะเริ่มใช้วิธีการแปลกๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่ได้สอดคล้องกับทางเลือกทั้งสาม ดูเหมือนว่ากลุ่มคนในวิหาร ไม่มีใครเลยที่จะรู้สึกผิดคาด จริงๆ แล้วพวกมันก็คาดคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น

“เป็นเรื่องดี ที่มีผู้คนมากมายกระทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง มากกว่าการแข่งขันครั้งที่แล้ว”

“จากสมัยโบราณมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ มักจะมีผู้เข้าแข่งขันในเส้นทางโบราณ สร้างความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่งในวันต่อๆ มา กลุ่มผู้ฝึกตนเหล่านี้ไม่เลวเลยทีเดียว!”

“ทำไมฟางมู่ถึงยังไม่ทำอะไรเลย?”

ท่ามกลางเสียงพูดคุยและหัวเราะ มีบางคนกำลังให้ความสนใจไปที่เมิ่งฮ่าวมาโดยตลอด ทันใดนั้นสายตาทั้งหมดก็หันไปมองยังภาพของเมิ่งฮ่าว เขายืนอยู่บนศีรษะของงูเหลือม ดูเหมือนว่ากำลังงุนงง ในขณะที่หุ่นเชิดนับพันกำลังพุ่งลงมา ตอนนี้พวกมันอยู่ห่างออกไปแค่หนึ่งร้อยจ้างเท่านั้น

“เจ้าฟางมู่นั่นเหมือนจะไม่มีแผนการใดๆ แม้แต่น้อย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ฝึกตนจะดิ้นรนหาทางเลือก เมื่อต้องทำการตัดสินใจ”

“ช่างน่าเสียดายนัก เหล่าฟูคาดหวังว่าจะได้เห็นความสามารถที่น่าตกตะลึงของมันในด่านที่สองนี้ด้วย”

“ยังไม่เคยได้ยินว่า มีใครบางคนได้อันดับหนึ่งทั้งสองด่านมาก่อน แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป น่าเสียดายที่ข้าเกรงว่ามันคงไม่ใช่คนที่จะสามารถทำได้เช่นนั้น”

ขณะที่หุ่นเชิดพุ่งตรงมาที่เขาพร้อมกับเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายเจิดจ้า ริมฝีปากบิดขึ้นเล็กน้อยกลายเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา

“ทางเลือกทั้งสามดูเหมือนจะแตกต่างกันออกไป แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นเหมือนกัน บางทีการใช้วิธีการที่คาดไม่ถึงบางอย่าง ก็อาจจะทำให้เกิดเป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปก็เป็นได้ แต่ถ้าสามารถจะกำจัดสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดออกไปได้ ก็จะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า!”

“และนั่นก็คือ…ดาวดวงนั้น!” ดวงตาเขาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่มองไปยังดวงดาวนั่น

“อันที่จริง งูเหลือมนี้ยังมีความสามารถอื่นอีก นอกจากการโจมตีแค่ครั้งเดียว…นั่นก็คือพลังของการบิน!”

“ก่อนอื่น ข้าจำเป็นต้องทดสอบดูว่าร่างกายนี้เป็นของจริงหรือไม่!” พร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย ฉับพลันนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นมา จากนั้นก็ตบลงไปอย่างแรงที่หน้าอก

เสียงระเบิดดังก้องออกไป ร่างกายเขาสั่นสะท้าน และดวงตาก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้ามากขึ้น เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกๆ ไป ในทันทีที่เขาผ่านเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าทุกสรรพสิ่งจะดูเหมือนของจริง แต่หลังจากที่เคยมีประสบการณ์ในโลกแห่งภาพลวงตาของสำนักเซียนอสูรโบราณ เขาก็มีความเข้าใจต่อเรื่องราวเหล่านี้ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ในโลกอื่นๆ ทั้งหมด ผู้คนกำลังตกอยู่ในท่ามกลางการต่อสู้กันอย่างดุร้าย

ในโลกของเมิ่งฮ่าว หุ่นเชิดกำลังใกล้เข้ามา จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็นั่งลงขัดสมาธิ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปวางอยู่บนศีรษะของงูเหลือม

ดวงตางูเหลือมกลายเป็นสีแดงจ้า และส่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นร่างก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นเปลวไฟ ขณะที่มันใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่ครั้งสุดท้าย พุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วจนแทบจะมองตามไม่ทัน

กลุ่มหุ่นเชิดกระจัดกระจายกันออกไป ขณะที่งูเหลือมพุ่งผ่านพวกมันไป แม้แต่เซียนเทียมทั้งห้าก็ไม่อาจจะขัดขวางมันไว้ได้ มันเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจ ขณะที่นำเมิ่งฮ่าวตรงไปยังดาวดวงนั้น

ทันทีที่ไปถึงดวงดาว งูเหลือมก็พังทลายกลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไป ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายของเซียนแท้ก็ระเบิดออกมาจากภายในดวงดาว เงาร่างลอยขึ้นมาถูกปกคลุมด้วยแสงสีทอง เคลื่อนที่ตรงมายังเมิ่งฮ่าวที่เพิ่งจะก้าวเท้าลงไปบนดวงดาว ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ

พลังของมันพุ่งทะยานขึ้นไป คล้ายกับเป็นลมพายุที่กดทับลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว

อย่างไรก็ตามในขณะที่มันเข้ามาใกล้ สีหน้าอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว และเขาก็ปลดปล่อยเวทปลิดดาวออกมา หัตถ์ยักษ์ปรากฏขึ้นคว้าจับไปบนร่างสีทอง จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หลับตาลง ด้วยความโหดเหี้ยมเด็ดขาด ทำให้พื้นฐานฝึกตนของตัวเอง…

ระเบิดขึ้น!

พลังของการระเบิดตนเอง พุ่งตรงเข้าไปในร่างสีทองผ่านทางหัตถ์ปลิดดาว ไม่ว่าร่างนั้นจะมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อมากเท่าใด ร่างมันก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง และเป็นเพราะว่ากลิ่นอายของมันมีความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ก่อนแล้ว เมื่อพลังการระเบิดตนเองของเมิ่งฮ่าวไหลเข้าไปภายในกลิ่นอายของมัน ก็ทำให้ยิ่งอลหม่านวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเช่นนั้นจึงทำให้ร่างนั้นถูกบังคับให้…

ระเบิดตนเองด้วยเช่นกัน!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ทั้งเมิ่งฮ่าวและร่างนั้นทำการระเบิดตนเองขึ้นพร้อมกัน ดาวดวงนั้นเกิดความไม่มั่นคงมากขึ้น ทำให้แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน พลังทำลายล้างอันน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา ขณะที่เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นกลายเป็นหลุมดำ เริ่มดูดกลืนทุกสรรพสิ่งเข้าไป!

หุ่นเชิด และเซียนเทียมไม่มีเวลาที่จะต่อสู้กลับไปได้ พวกมันถูกกลืนเข้าไปในหลุมดำทันที

ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กลุ่มฝูงชนมองไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version