Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 873

ตอนที่ 873

นางคือผู้ยิ่งใหญ่!

ขวานสงครามส่งเสียงดังหึ่งๆ ออกมา ขณะที่มันเข้าไปใกล้หญิงสาวชุดขาว และเริ่มหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่าง นางมองไปยังมัน สีหน้าที่หวนรำลึกและความโศกเศร้าเสียใจปรากฏขึ้นบนใบหน้านางอย่างช้าๆ

คนทั้งหมดบนต้นไม้เต๋าโบราณ รู้สึกว่าจิตใจกำลังเต้นรัว ขณะที่พวกมันจ้องมองไปยังหญิงสาวนางนั้นด้วยสีหน้าที่งุนงง

หลิงอวิ๋นจื่อและชายชราอีกสองคน กำลังสั่นสะท้านด้วยเช่นเดียวกัน ใบหน้าพวกมันเป็นสีขาวซีด ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมิ่งฮ่าวมีดวงตาที่เบิกกว้างด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดไม่ใช่หญิงสาวนางนั้น หรือว่ารูปร่างหน้าตาที่งดงามของนาง แต่เป็นบุรุษครึ่งศีรษะที่ติดตามเขามา และตอนนี้กำลังลอยตัวอยู่ใกล้กับสังเวียนการประลอง ไม่ได้หลบหนีหรือโค้งตัวลงเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันสั่นไปมาอยู่เล็กน้อย แต่ก็บังคับให้ตนเองยังคงลอยตัวอยู่ที่นั่นเหมือนก่อนหน้านี้

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นเช่นนี้ จิตใจก็เริ่มเต้นรัว

ในตอนนี้เองที่ปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ มีท่าทางเหมือนจะรีบก้าวตรงไปยังกระแสน้ำวน สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังครุ่นคิดอยู่มากมายหลายเรื่อง ไม่นานต่อมาพวกมันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นด้วยความยินดี

ปรมาจารย์คนอื่นๆ ทั้งหมดกำลังจ้องมองไปยังหญิงสาวนางนั้นด้วยสีหน้างุนงง

“แน่นอนว่าต้องเป็น…นาง!!”

“นางดูเหมือนกับภาพวาดในบันทึกของสำนัก!”

“เมื่อสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่บอกพวกเราเกี่ยวกับแผนการของพวกมัน ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่บ้ามาก…หญิงสาวนั่น…จะมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณได้อย่างไรกัน!?!?”

เหล่าปรมาจารย์จากสำนักทั้งหมดต่างก็ลุกขึ้นมายืนแล้วในตอนนี้ จ้องมองไปยังหญิงสาวในชุดสีขาวบนจอภาพกระแสน้ำวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“นางคือผู้ยิ่งใหญ่ในตำนาน…” ชายชราจากเต๋าคุนหลุนพึมพำ

เช่นเดียวกับคำพูดที่ดังก้องไปมาอยู่ในจิตใจของปรมาจารย์ทั้งหมดในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เสียงหอบหายใจได้ดังขึ้นมาจากกลุ่มฝูงชนในขุนเขาทะเลที่เก้าด้วยเช่นกัน

เวลาเดียวกันนั้น บนจุดสูงสุดของขุนเขาที่เก้า มีบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนไหล่ของรูปปั้น ดูเหมือนว่ารูปปั้นนั้นไร้พลังชีวิตใดๆ แต่ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นรอยแตกร้าวได้กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของรูปปั้น ในเวลาเดียวกันนั้นดวงดาวที่อยู่ในท้องฟ้าเหนือขุนเขาที่เก้าก็เริ่มสลัวเลือนลางลง ยกเว้นดาวดวงหนึ่งที่สาดแสงเจิดจ้าออกมา แทบจะราวกับว่าเป็นดวงตาที่โดดเดี่ยวอยู่หนึ่งดวง

ดวงตานั้นดูเก่าแก่โบราณและไร้อารมณ์ความรู้สึก ราวกับว่ามันสามารถจะอยู่เหนือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมด และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ภายในท้องฟ้านั้น มันมองไปยังจอภาพกระแสน้ำวนที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น และเห็นหญิงสาวที่กำลังลอยตัวอยู่ที่นั่น ดวงตานั้น…เริ่มสั่นสะท้าน

“ผู้ยิ่งใหญ่…” เสียงเก่าแก่โบราณพึมพำขึ้น

ย้อนกลับไปยังสังเวียนการประลอง หญิงสาวชุดขาวที่ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ กำลังมองไปยังต้นไม้เต๋า ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่บนต้นไม้มีความรู้สึกว่า นางกำลังตรวจสอบดูพวกมันเป็นการส่วนตัว

หลิงอวิ๋นจื่อกำลังหอบหายใจออกมา เช่นเดียวกับสองชายชราที่อยู่ด้านข้าง หลังจากที่ผ่านไปนาน มันก็กัดฟันอย่างรุนแรงจากนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่ซีดขาว “ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง, ตัดวิญญาณ และค้นหาเต๋าในสังเวียนการประลอง การแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!”

“จงปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ และพลังเต๋าที่แข็งแกร่งมากที่สุดของพวกเจ้าออกมา พวกเจ้าทั้งหมด…กำลังต่อสู้อยู่ในสังเวียนการประลอง นี่คือ…โอกาสที่จะได้รับโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในชั่วชีวิตของพวกเจ้า!”

“ไม่ว่าจะไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้าเอง!” หลิงอวิ๋นจื่อไม่อาจจะเปิดเผยข้อมูลมากไปกว่านี้ได้อีก สิ่งที่มันกล่าวไปได้มาถึงขอบเขตข้อจำกัดแล้ว

คำพูดของมันทำให้จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดในสังเวียนการประลองสั่นสะท้าน ซึ่งเมิ่งฮ่าวก็มีความสนใจในตัวของหญิงสาวชุดขาวมากเป็นพิเศษ

เขามีความรู้สึกแปลกๆ เป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองไปยังนาง เขามองเห็นนางด้วยตาเนื้อของตัวเอง แต่เมื่อพยายามจะมองนางด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ก็ราวกับว่านางไม่ได้อยู่ในที่แห่งนั้น

ในตอนนี้เองที่แสงระยิบระยับได้ปกคลุมไปรอบๆ ตัวผู้ฝึกตนทั้งหมด คนทั้งแปดรวมทั้งเมิ่งฮ่าวได้ไปปรากฏกายขึ้นบนใบไม้สัมฤทธิ์สี่ใบที่ด้านบน ในชั่วพริบตาคนทั้งหมดก็กำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้

คู่ต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวคือ…หลี่หลิงเอ๋อร์!

จ้าวอีฝานกำลังเผชิญหน้ากับบุรุษร่างสูงใหญ่จากเต๋าคุนหลุน สำหรับคนอื่นๆ ชายชราที่พูดมากกำลังเผชิญหน้ากับวัยรุ่นหน้าตายิ้มแย้มจากเซียงหั่วเต้า (เต๋าธูปเผาไหม้)

คู่สุดท้ายเป็นการพบกันระหว่างฝานตงเอ๋อร์และบุรุษหนุ่มจากกู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ)

การต่อสู้เพื่อคัดเลือกสี่คนแรก และสี่คนสุดท้ายกำลังเริ่มขึ้นแล้วในตอนนี้!

ขณะที่หลี่หลิงเอ๋อร์และเมิ่งฮ่าวเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน เครื่องหมายใบหลิวตรงหว่างคิ้วของหลี่หลิงเอ๋อร์ จู่ๆ ก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น และกลิ่นอายอันน่าเหลือเชื่อได้ระเบิดออกมาจากร่างนาง

สีหน้าแปลกๆ มองเห็นได้จากใบหน้าของเมิ่งฮ่าว เขากระแอมไอออกมา โดยที่ไม่ต้องขบคิดเขาจ้องมองไปยังก้นของนาง

“ช่างไร้ยางอายนัก!” นางกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ยกมือขวาขึ้นมา ทำให้ต้นไม้ที่เก่าแก่โบราณปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนางในทันที อย่างน่าตกใจยิ่ง ทันทีที่มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่าจะก่อตัวเป็นภาพสะท้อนของต้นไม้เต๋าโบราณนี้ แสงเจิดจ้าพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวหลี่หลิงเอ๋อร์ ทำให้พลังของนางพุ่งขึ้นไป

นางโบกสะบัดมือ ทำให้กิ่งก้านของต้นไม้โบราณส่ายไหวไปมาอยู่ในอากาศ ถักทอเข้าด้วยกันจนแทบจะคล้ายกับเป็นต้นเถาวัลย์ ขณะที่พวกมันเลื้อยตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวได้ต่อสู้กับหลี่หลิงเอ๋อร์ ย้อนกลับไปในดาวหนานเทียน เขาทำให้นางพ่ายแพ้และจับตัวนางไว้ แต่ชัยชนะนั้นได้มาจากการใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เล็กน้อย เขาใช้พลังเคลื่อนย้ายทางไกลของกระถางสายฟ้า ทำให้นางต้องพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว

เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กระถางสายฟ้าในสังเวียนการประลองนี้ นั่นจะทำให้เขาต้องเปิดเผยตัวตนออกไป

อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวก็มีความแตกต่างเป็นอย่างมากจากตอนที่คนทั้งสองได้เผชิญหน้ากันในครั้งแรก ตอนนี้เขามีชีพจรเซียนซึ่งตกผลึกไปแล้วถึงแปดในสิบส่วน และพลังเซียนแท้ของเขาก็ทำให้มีความแข็งแกร่งมากไปกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างยิ่ง

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขณะที่สังเกตดูกิ่งเถาวัลย์ที่ใกล้เข้ามา จากนั้นก็เตะออกไป พลังแห่งเซียนแท้พุ่งขึ้นมา ที่ด้านหลังภาพแห่งธรรมได้ปรากฏขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยพลังแปลงร่างของขนนกสีดำ ภาพแห่งธรรมยักษ์กวัดแกว่งหมัดไปมา จากนั้นก็ต่อยออกไป ทำให้แสงอันไร้ขอบเขตปรากฏขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นทะเลแห่งธรรม พุ่งตรงไปยังกิ่งเถาวัลย์ที่ใกล้เข้ามา

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินขึ้น ระลอกคลื่นกระจายออกไป เมิ่งฮ่าวไม่ได้ถอยหลังไปแม้แต่ครึ่งชุ่น แต่กลับมุ่งหน้าตรงไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์ เมื่อครั้งก่อนเขาได้พึ่งพากลิ่นอายที่ไร้พ่ายจับตัวนางไว้ ตอนนี้การต่อสู้ที่แท้จริงของเขาถูกปลดปล่อยออกมา ขณะที่เข้าไปใกล้ เขาก็แปลงร่างเป็นคฤธร ตวัดกรงเล็บตรงไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์ด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า

สีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์เปลี่ยนไป นางขยับร่ายเวทด้วยสองมือ ขวดเวทปรากฏขึ้น จากนั้นนางก็โยนออกไปที่เบื้องหน้า

“แตกกระจาย!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ร่างในรูปแบบคฤธรตวัดกรงเล็บเฉือนไปที่ขวดอย่างดุร้าย ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็แอบปลดปล่อยเวทกรงเล็บที่เคยเรียนรู้มาจากผนังของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณออกมา

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นขณะที่ขวดใบนั้นระเบิดออก ในการเผชิญหน้ากันครั้งล่าสุดของคนทั้งสอง เมิ่งฮ่าวเคยถูกบังคับให้ต้องใช้เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตเพื่อจัดการกับขวดเวทใบนี้ แต่เวลานี้เขาแค่โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เป็นแค่วิชาเวทธรรมดาพื้นๆ แต่เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นในตอนนี้

สีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์สลดลง นางเริ่มหอบหายใจออกมา รู้สึกกังวลใจจนต้องล่าถอยออกไป แต่ไม่ว่านางจะเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็วมากเพียงใด เมิ่งฮ่าวมักจะเร็วกว่าอยู่เสมอ กดทับลงมาบนร่างนางด้วยรูปแบบคฤธรที่ดุร้าย เขาตวัดกรงเล็บไปที่นางอีกครั้ง ทำให้อากาศสั่นไปมา ขณะที่เจตจำนงแห่งผู้ไร้พ่ายระเบิดออกไป

ตูมมมมม!

หลี่หลิงเอ๋อร์พ่ายแพ้ไปจากการปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่านางจะโจมตีไปอย่างไร ไม่ว่านางจะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์หรือวิชาเวทใดๆ แม้แต่ของวิเศษต่างๆ ที่นางใช้ไป พวกมันต่างก็ไร้ประโยชน์ เมิ่งฮ่าวโจมตีไปที่นางครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับเป็นลมพายุอันคลุ้มคลั่ง ง่ายดายราวกับกำลังเดินเหยียบย่ำไปบนหญ้าแห้ง

หลังจากที่เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจ คนทั้งสองก็ปะทะกันไปมาสิบกว่าครั้ง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากหลี่หลิงเอ๋อร์ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก การต่อสู้นี้จู่ๆ ก็ทำให้นางต้องนึกไปถึงเมิ่งฮ่าวจากดาวหนานเทียน ซึ่งมีความรวดเร็วและดุร้าย, ไร้ผู้ต่อต้าน ยากที่จะสั่นสะเทือนได้เช่นเดียวกัน

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่านางมีความรู้สึกว่าฟางมู่ผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเมิ่งฮ่าวแล้วละก็ นางก็คงจะคิดว่าคนทั้งสองคือคนคนเดียวกันอย่างแน่นอน!

“พวกมันต้องไม่ใช่คนเดียวกัน เมิ่งฮ่าวอาจจะมีเจตจำนงแห่งผู้ไร้พ่าย แต่พลังของมันก็ไม่ได้น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ฟางมู่…มีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเจ้าเมิ่งฮ่าวบัดซบนั่น!” นางคิด ถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง กัดฟันแน่น ขยับมือร่ายเวทอื่นออกมาอีก ทำให้ต้นไม้ยักษ์ของนางเริ่มสั่นไปมาในทันที

“ต้นเจี้ยนมู่จงระเบิดขึ้น สาปแช่งสวรรค์ด้วยวิญญาณของเจ้า จงเปลี่ยนแปลงไปเพื่อข้า! เพื่อสกัดยับยั้งปฐพีทั้งมวล!”

เสียงของหลี่หลิงเอ๋อร์ดังก้องออกมาด้วยท่วงทำนองที่เก่าแก่โบราณ และทันใดนั้นก็ทำให้อากาศระหว่างนางและเมิ่งฮ่าวต้องดังก้องไปด้วยเสียงกระหึ่มอันลึกล้ำ

ตูม!!

เสียงนี้ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน พื้นผิวของสังเวียนการประลองสั่นสะท้าน และสีหน้าของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป หลี่หลิงเอ๋อร์ได้ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับครั้งที่แล้วที่คนทั้งสองได้ต่อสู้กัน และมันก็น่าประหลาดใจมากไปกว่าก่อนหน้านี้ แรงกดดันที่กระจายออกมาจากภาพของต้นเจี้ยนมู่มีความเข้มข้นมากขึ้น

เมื่อครั้งก่อน ถ้าเขาไม่ได้ครอบครองศิลาดวงตะวัน ก็คงไม่อาจจะเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนั้นได้ นอกจากนี้หลี่หลิงเอ๋อร์ยังมีพลังของเซียนแท้ถึงห้าในสิบส่วนอีกด้วย

ตูม!

ตูม!!

ตูม!!!

เสียงกระหึ่มที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนจะกระแทกเข้ามาในจิตใจเมิ่งฮ่าว อากาศรอบๆ ตัวเริ่มบิดเบี้ยวไปมา สีสันแวบขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่ต้นไม้ซึ่งอยู่ที่ด้านหลังของหลี่หลิงเอ๋อร์จู่ๆ ก็พังทลายลงไป ใบไม้ล่วงหล่นลงมา กิ่งก้านแห้งเหี่ยวจนกระทั่งทั้งหมดนั้นเหลือเพียงแค่ท่อนไม้เพียงหนึ่งท่อน!

มันคือ…ต้นเจี้ยนมู่!

ขณะที่ท่อนไม้ตกลงไปบนพื้น ก็เกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้น พุ่งผ่านหลี่หลิงเอ๋อร์ตรงมายังเมิ่งฮ่าว นางร่ายเวทด้วยสองมือ ทำให้เส้นผมพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ศีรษะ พลังที่ไหลเข้าไปในการโจมตีเพิ่มมากขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้น ไข่มุกก็ได้ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนาง ไข่มุกนั้นเริ่มหมุนวนไปมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ากำลังช่วยประคับประคองพื้นฐานฝึกตนของนาง ป้องกันไม่ให้ถูกต้นเจี้ยนมู่ดูดออกจนเหือดแห้งหายไป

“ก็แค่ภาพลวงตาของต้นเจี้ยนมู่!” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยดวงตาที่สาดประกาย พื้นฐานฝึกตนของเขาแข็งแกร่งเกินกว่าระดับก่อนหน้านี้ เขายื่นมือขวาออกไป และหอกซึ่งมีด้ามที่สร้างขึ้นมาจากต้นเจี้ยนมู่พร้อมกับคมหอกที่ทำมาจากกระดูกก็ปรากฏขึ้น เมิ่งฮ่าวยกมันขึ้น จากนั้นก็ขว้างตรงไปยังภาพลวงตาต้นเจี้ยนมู่ที่กำลังใกล้เข้ามา

จากมุมมองของกลุ่มผู้ชมในขุนเขาทะเลที่เก้า ดวงตะวันสีเขียวทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นอยู่ระหว่างเมิ่งฮ่าวและหลี่หลิงเอ๋อร์ ขณะที่ต้นเจี้ยนมู่และหอกยาวกระแทกเข้าหากัน

ในชั่วพริบตา เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ภาพลวงตาต้นเจี้ยนมู่สั่นสะท้าน และไม่อาจจะต่อต้านหอกยาวนั้นได้ พังทลายกลายเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

หอกเล่มนั้นกรีดผ่านภาพลวงตาต้นเจี้ยนมู่ ราวกับเป็นมีดอันแหลมคมที่ผ่ากระบอกไม้ไผ่ โผล่ออกมาจากเศษชิ้นส่วนที่แตกกระจัดกระจายไป พุ่งตรงมายังหลี่หลิงเอ๋อร์ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

ในช่วงวิกฤตนั้นเอง ไข่มุกที่กำลังลอยอยู่เหนือศีรษะหลี่หลิงเอ๋อร์ก็แตกกระจายไป ทำให้เกิดเป็นพลังอันอ่อนโยนพุ่งออกมา จากนั้นก็ผลักให้นางออกไปที่ด้านข้าง หอกยาวพุ่งฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็ก เกิดเป็นสายลมอันทรงพลังขึ้นมา ทำให้เส้นผมของหลี่หลิงเอ๋อร์พลิ้วไปมาจนยุ่งเหยิงเป็นกระเซิงไป เมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านข้างหลี่หลิงเอ๋อร์ คว้าจับหอกยาวไว้ และมองลงไปยังก้นที่งามงอนของนาง

ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่หลิงเอ๋อร์ที่เพิ่งจะหลีกเลี่ยงการโจมตีมาได้ ก็มองกลับมาด้วยดวงตาที่แวบรังสีสังหารออกมา ในตอนที่พุ่งผ่านเมิ่งฮ่าวไป นางก็ยกมือขวาขึ้น รวมพลังของไข่มุกวิเศษที่ระเบิดไปเข้าด้วยกัน จากนั้นก็แทงสองนิ้วตรงมายังดวงตาเมิ่งฮ่าว

ในทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา และยื่นมือซ้ายออก ฟาดลงไปที่ก้นของหลี่หลิงเอ๋อร์อย่างรุนแรง!

เป็นการฟาดที่ดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับการฟาดที่นางเคยพบเจอมาเมื่อไม่นานมานี้…

เสียงเพียะดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลมเล็กจากหลี่หลิงเอ๋อร์ อีกครั้งที่ก้นของนางในตอนนี้มีขนาดไม่เท่ากัน รู้สึกได้ว่ากระดูกเชิงกรานกำลังลั่นไปมา นางโซเซถอยไปทางด้านหลังในทันที ใบหน้าซีดขาวราวกับไร้สีเลือดใดๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version