Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 924

ตอนที่ 924

เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า

การล้มเหลวทั้งหมดนั้นทำให้กลุ่มผู้ชมต่างก็ประหลาดใจกันไปทั่ว อย่างไรก็ตามนักปรุงยาระดับเจ็ดกำลังเริ่มจับทางได้ถึงสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังกระทำอยู่

“ทุกๆ การล้มเหลว จริงๆ แล้วก็แสดงให้เห็นถึงโอกาสแห่งความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว!”

“มัน…อาจจะสามารถปรุงได้สำเร็จจริงๆ ก็เป็นได้!” นักปรุงยาระดับเจ็ดทั้งหมด ต่างก็หอบหายใจออกมา ขณะที่สบตากันไปมาด้วยความตกตะลึง

สำหรับนักปรุงยาระดับแปดที่อยู่ในที่แห่งนั้น ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมีคะแนนความดีเหลืออยู่แค่หนึ่งล้านกว่าแต้มเท่านั้น ถ้าเขาล้มเหลวอีกเป็นครั้งที่หก ก็ไม่อาจจะพยายามได้อีกต่อไป เขาใช้คะแนนความดีไป และดวงตาก็แวบขึ้น ขณะที่พืชสมุนไพรสิบสามต้นลอยออกมา

“ความยุ่งยากแรกของการปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าก็คือว่า ต้นสมุนไพรจะต้องถูกปรับแต่งในทุกๆ หนึ่งชั่วยาม ให้สอดคล้องกับอากาศ, เวลา และความแข็งแกร่งของพลังลมปราณที่อยู่ในบริเวณนี้!”

“การที่จะทำได้สำเร็จ จำเป็นต้องมีทักษะด้านพืชสมุนไพรอย่างลึกล้ำ รวมทั้งการเตรียมตัวที่สำคัญในแง่ของวิธีการทาบกิ่ง”

“ความยุ่งยากที่สองเกี่ยวข้องกับตัวเม็ดยาเอง ถึงแม้จะดูเหมือนว่าหน้าที่ของพืชสมุนไพรทั้งสิบสามต้นจะคงที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่มีสูตรยาที่ตายตัวอย่างแท้จริง สมุนไพรทั้งสิบสามต้นนี้ไม่อาจจะใช้ในลำดับที่ตายตัว แต่ต้องใส่เข้าไปให้สอดคล้องกับเวลาในแต่ละวัน ในขณะที่ทำการปรุงเม็ดยาอยู่”

“สูตรยาดั้งเดิมสามารถใช้ปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องทำในสถานที่แห่งนั้น, ในเวลานั้น และภายใต้เงื่อนไขของพลังลมปราณในตอนนั้น ถ้าทำในสถานการณ์อื่น การปรุงเม็ดยาด้วยสูตรยาดั้งเดิมนั้นก็จะนำไปสู่ความล้มเหลว” เมิ่งฮ่าวมองไปยังสมุนไพรทั้งสิบสามต้น และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“ความยุ่งยากที่สามก็คือว่า…เม็ดยานี้จริงๆ แล้วไม่ต้องใช้กระถางปรุงยา มันใช้ช่วงเวลาหนึ่งชั่วยามสิบสองครั้งปรุงขึ้นมา แต่ก็ต้องมีสมุนไพรทั้งสิบสามต้นด้วย ซึ่งหนึ่งในต้นสมุนไพรเหล่านั้น…จริงๆ แล้วก็ได้ทำตัวเหมือนกับเป็นกระถางปรุงยา!”

“ความยุ่งยากที่สี่คือ การปรุงนี้ต้องกระทำให้เสร็จสิ้นภายในช่วงเวลาสิบสองชั่วยาม แม้แต่เลยเวลาไปแค่หนึ่งอึดใจก็มีโอกาสสูงที่จะล้มเหลวได้” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า เขาได้ปรุงเม็ดยามาแล้วมากมาย แม้แต่การปรุงเม็ดยาขึ้นมาจากความว่างเปล่าก็ยังเคยทำมาแล้ว

ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของเมิ่งฮ่าวลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง แต่นี่คือครั้งแรกที่เขาต้องมาเผชิญหน้ากับเม็ดยาที่มีตัวแปรซ่อนอยู่ภายในมากมายเช่นนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้เป็นยามเที่ยงวัน

เมิ่งฮ่าวรอคอยอย่างเงียบๆ เวลาผ่านไปทุกลมหายใจ กลุ่มผู้ชมส่วนใหญ่มองมาด้วยความประหลาดใจ แต่ดวงตาของนักปรุงยาระดับแปด จู่ๆ ก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้น ตรงจุดศูนย์กลางของเขตภูเขาด้านใน ผู้เฒ่าโอสถลุกขึ้นมายืน และจ้องมองไปยังศาลาเม็ดยา แสงแห่งความตื่นเต้นมองเห็นได้จากในส่วนลึกของดวงตาท่าน

“มันกำลังเฝ้ารอบางอย่าง!” ฟางตานอวิ๋นพึมพำ “อันที่จริง ข้าก็สามารถจะปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ต้องทำอยู่บนภูเขานี้เท่านั้น ในท่ามกลางการครบรอบหนึ่งร้อยปีของปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) นั่นคือวันที่ข้า…จะสามารถปรุงมันขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์”

“สำหรับโอกาสอื่นๆ อัตราความสำเร็จในการปรุงยาของข้าก็จะอยู่ที่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น และผลลัพธ์ที่ได้มาก็มีคุณภาพไม่สูงมากนัก”

ย้อนกลับไปที่ด้านบนของศาลาเม็ดยา ท้องฟ้าในตอนนี้กำลังเริ่มบ่ายคล้อย ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และรีบยื่นมือออกไปคว้าจับไท่หยางฮวา (ดอกตะวันฉาย) ไว้ กิ่งก้านและใบของมันถูกตัดออกไปในชั่วพริบตา เหลือไว้แต่เพียงกลีบดอกเท่านั้น ซึ่งได้กระจายเปิดออกเป็นวงกลมจนดูเหมือนกับจานชาม

“กลั่นสกัดไท่หยางฮวาให้กลายเป็นกระถางปรุงยา!”

ในตอนนี้เองที่ดอกตะวันฉาย ได้กลายเป็นกระถางปรุงยาขึ้นมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยแสงแห่งการพยากรณ์ ขณะที่กำลังวิเคราะห์สมุนไพรอีกสิบสองต้นทั้งหมดอยู่ภายในใจ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปคว้าจับหนึ่งในต้นสมุนไพรเหล่านั้น ในเวลาเดียวกันก็ส่งพลังของพื้นฐานฝึกตนออกไป เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และคุณสมบัติที่เป็นกลางของมันไป และเขาก็เริ่มหลอมมันด้วยปราณหยางในตอนนี้ และพลังลมปราณที่อยู่ในบริเวณนั้น

ต่อมาไม่นาน สมุนไพรต้นนั้นก็กลายเป็นหยดของเหลวสีทองที่สาดประกายออกมา ซึ่งเขาได้หยดลงไปบนดอกตะวันฉาย

เหงื่อเท่าเม็ดถั่วหยดลงมาจากหน้าผาก ในตอนที่เมิ่งฮ่าวทำหยดแรกได้เสร็จสิ้น เขาระบายความร้อนเข้าไปในดอกตะวันฉายอย่างต่อเนื่อง และเข้าฌาณเพื่อให้จิตใจกระจ่างแจ่มใสด้วยเช่นกัน ในที่สุดหนึ่งชั่วยามที่สองก็มาถึง และเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมาในทันที มองขึ้นไปในท้องฟ้า รับรู้ถึงแสงตะวันและพลังลมปราณ จากนั้นก็เลือกสมุนไพรมาอีกต้น ทำตามวิธีการก่อนหน้านี้ ทำให้มันกลายเป็นของเหลว ซึ่งเขาได้หยดมันลงไปบนดอกตะวันฉาย

ช่วงเวลาหนึ่งชั่วยามที่สามมาถึง จากนั้นก็สี่ และห้า…

เวลาผ่านไป ตะวันตกดิน และถึงยามพลบค่ำ จันทราสองดวงโผล่ขึ้นมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวกลั่นสกัดดอกไม้สีดำ สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะในช่วงของสี่ชั่วยามสุดท้าย เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้พลังจิตไปมากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ มากเท่ากับตอนที่เขาได้ไปทำการทดสอบอยู่ในศาลาโอสถเลยทีเดียว

ทุกๆ หนึ่งชั่วยาม เขาต้องเลือกต้นสมุนไพรที่เหมาะสมขึ้นมาหนึ่งต้น และจากนั้นก็เปลี่ยนแปลงมันให้สอดคล้องกับสภาพฟ้าดิน ซึ่งต้องใช้การพิจารณาและตัดสินใจที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่แม้แต่นักปรุงยาระดับแปดก็ยากที่จะทำได้

ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าทักษะในด้านพืชสมุนไพรของเมิ่งฮ่าวอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ และพรสวรรค์อันน่าตกใจในเต๋าแห่งการปรุงยาของเขาแล้วละก็ เขาคงไม่อาจจะสามารถทำได้เช่นนี้อย่างแน่นอน

ชั่วยามที่เก้ามาถึง จากนั้นก็สิบ และสิบเอ็ด…

เมื่อยามเที่ยงของวันที่สองมาถึง ขณะที่เมิ่งฮ่าวหยิบเอาสมุนไพรต้นสุดท้ายออกมา เปลี่ยนแปลงมันให้กลายเป็นของเหลว และจากนั้นก็หยดลงไปในดอกตะวันฉายที่เป็นเสมือนกระถางปรุงยา ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ ใบหน้าเคลือบไว้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ยื่นมือทั้งสองกดลงไปบนดอกตะวันฉาย

การกระทำของเขาทำให้ดอกตะวันฉายห่อหุ้มตัวเองไว้ กลายเป็นดอกตูมที่มีขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ

ในตอนนี้เองที่สายตานับแสนคู่ ของผู้ชมที่กำลังหอบหายใจอยู่ ต่างก็จ้องนิ่งไปยังดอกตูมนั้น

เหตุการณ์ของหกวันที่ผ่านมา ทำให้คนทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน เด็กฝึกปรุงยาและนักปรุงยาต่างก็เป็นเหมือนกัน การปรุงยาของเมิ่งฮ่าวเป็นสิ่งที่เกินกว่าความคาดคิดของคนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น ถึงแม้ว่าจะได้มองเห็นด้วยสองตาของตนเอง แต่ก็ยังคงเป็นสิ่งที่คำพูดไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ พวกมันไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่

ช่วงเวลาที่จะเผยให้เห็นว่าการปรุงยาในครั้งนี้ จะสำเร็จหรือล้มเหลวได้มาถึงแล้ว

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังดอกตูมตะวันฉายที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ

ทันใดนั้น ลำแสงแล้วลำแสงเล่าก็เริ่มพุ่งออกมาจากด้านในของดอกตูมตะวันฉาย พวกมันส่องทะลุผ่านกลีบดอกออกมา สาดประกายออกไปไกลนับแสนจ้างทั่วทุกทิศทาง ทะลวงฝ่าสวรรค์แทงทะลุผ่านปฐพี

ลำแสงมากมายพุ่งออกไปอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นแสงอันเจิดจ้าอย่างถึงที่สุด ดอกตูมค่อยๆ เริ่มบานออก กลีบดอกแยกกระจายออกไปทีละกลีบ ทีละกลีบ จนเผยให้เห็นถึงแสงอันเจิดจ้านั้น

แสงนั้นทำให้ท้องฟ้าต้องจืดจางลงไป และพื้นดินทั้งหมดก็เงียบกริบลง ในชั่วพริบตาสีสันในทั่วทุกแห่งหนต้องมืดสลัวลงไป ถึงแม้ว่าจะเป็นยามเที่ยงวันก็ตามที ราวกับว่ากลีบดอกไม้นี้…ประกอบไปด้วยดวงตะวัน

เป็นดวงตะวันที่ลอยขึ้นมา และมองเห็นได้อย่างเลือนลางว่า ที่ด้านในมีเงาร่างนั่งขัดสมาธิอยู่ แทบจะราวกับว่าเงาร่างนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาอยู่ที่ด้านในของดวงตะวัน และเป็นวิญญาณตะวัน!

เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า!

หง่าง…หง่าง…หง่าง…

ระฆังเต๋าโบราณค่อยๆ ปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านบนของคฤหาสน์โบราณตระกูลฟาง และเริ่มส่งเสียงเหง่งหง่างฟังดูโบราณออกไป เก้าเสียงได้ยินมา ซึ่งได้ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ในช่วงเวลาหนึ่ง เริ่มมองเห็นตัวอักษรปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของระฆัง

“ฟางฮ่าว, เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า, สำเร็จ!”

ตัวอักษรนี้ เกิดขึ้นมาพร้อมกับเสียงของระฆัง ถูกส่งเข้าไปในจิตใจของกลุ่มคนตระกูลฟางทั้งหมดบนดาวตงเซิ่ง ในตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็รู้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้คืออะไร

ทั่วทั้งแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายโดยสิ้นเชิง แม้แต่ผู้คนที่ไม่ได้ไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงศาลาเม็ดยา ก็สามารถมองเห็นแสงอันเจิดจ้าที่กระจายออกไปในทุกพื้นที่ และสีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไป

จากนั้นเสียงระฆังก็ได้ยินขึ้นอยู่ในจิตใจ และพวกมันก็บินขึ้นไปในอากาศตรงไปยังศาลาเม็ดยา

ในเวลาเดียวกันนั้น สมาชิกของตระกูลฟางทั้งหมดที่อยู่บนดาวตงเซิ่ง ต่างก็รู้สึกได้ถึงเสียงกระหึ่มที่ดังขึ้นอยู่ในจิตใจ ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ที่ไหนหรือกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้ก็ตามที

“ฟางฮ่าวอีกแล้ว!! มัน…มันปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าได้จริงๆ!!”

“ไม่มีใครสามารถจะปรุงเม็ดยานั่นได้มาเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะทำได้สำเร็จ! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งของมันในตระกูลฟาง จะต้องแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง!!”

สายโลหิตทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ สมาชิกของตระกูลนับไม่ถ้วนรู้สึกว่าจิตใจพวกมันกำลังหมุนคว้าง ในตอนนี้นามฟางฮ่าวได้ถูกประทับอยู่ในความทรงจำของคนทั้งหมด สามารถกล่าวได้ว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ฟางฮ่าว…ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตระกูลฟางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในตระกูลฟางทั้งหมด เขาคือคนที่ทำให้ระฆังเต๋าดังขึ้นมามากที่สุด แม้แต่ฟางเว่ยก็ยังไม่อาจจะทำได้เช่นนี้ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือว่า…เขาทำให้นามของตนเองไปปรากฏขึ้นอยู่บนระฆังเต๋า สำหรับตระกูลฟางแล้ว นี่คือเกียรติอันหาค่ามิได้!

นามของเขา และตัวอักษรที่ด้านข้างบนระฆังเต๋า จะคงอยู่ต่อไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ ตราบเท่าที่ยังมีตระกูลฟางอยู่ พร้อมกับระฆังเต๋านี้ ตัวอักษรเหล่านั้นก็จะคงอยู่ต่อไป!

กลุ่มสายโลหิตหลักตกอยู่ในความตื่นเต้นโดยสิ้นเชิง ยิ่งเมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่าใด ความหวังของพวกมันที่จะฟื้นฟูกลุ่มสายโลหิตหลักก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

“พี่ใหญ่ เห็นได้ชัดว่าฮ่าวเอ๋อร์คือผู้ถูกเลือกที่แท้จริงของตระกูลฟาง!” สือจิ่วซูครุ่นคิดอยู่ภายในใจ หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ขณะที่มองไปยังทิศทางของดาวหนานเทียน

ในเวลาเดียวกันนั้น บิดาและปู่ของฟางเว่ย กำลังนั่งอยู่ในคฤหาสน์โบราณด้วยสีหน้าที่มืดมน บิดาฟางเว่ยซึ่งมีนามว่าฟางซิ่วซาน คว้าจับไปที่ขวดหยกเวทที่วางอยู่ด้านข้างมัน และบดขยี้จนแหลกละเอียดไป

“เจ้าลูกสุนัขนั่น! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของมันจะอยู่ในระดับที่สูงส่งได้เช่นนั้น!”

“มันปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าขึ้นมาได้ สร้างชื่ออยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา มีชื่อเสียงอยู่ในตระกูลไปทั่ว ตอนนี้ไม่มีใครกล้าไปมีเรื่องกับมันแล้ว!” ฟางซิ่วซานกัดฟันแน่น สีหน้าอันดุร้ายมองเห็นได้บนใบหน้า

“เตีย เจ้าลูกสุนัขนั้นต้องตาย เพื่อเห็นแก่เว่ยเอ๋อร์! พวกเราจำเป็นต้องเปิดดินแดนบรรพบุรุษตระกูลฟาง!!”

บิดามันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาแวบรังสีสังหารขึ้น

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว” มันกล่าวขึ้น หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก็ยิ่งมีรังสีสังหารแวบอยู่ในดวงตาอย่างเข้มข้นมากขึ้น

ในวิหารหลักของคฤหาสน์โบราณ ผู้เฒ่าสูงสุดฟางตงเทียนยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา บนใบหน้ามีความประหลาดใจที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้น

“ข้า…ทำผิดไป?” ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าสูงสุดจะเริ่มแก่ชราลงไปเล็กน้อย “ข้าไม่ผิด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตระกูลเท่านั้น!”

สถานที่อีกแห่งภายในเขตตะวันออกของคฤหาสน์โบราณ เป็นทะเลสาบซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่าทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า นานมาแล้วมีมังกรสวรรค์โบราณได้ตายไปอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ทำให้มีปราณเซียนอยู่อย่างมากมาย อันที่จริงสถานที่แห่งนี้คือแก่นแท้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งบนดาวตงเซิ่ง

ตรงจุดกึ่งกลางของทะเลสาบ มีสิ่งปลูกสร้างที่ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามอยู่หลังหนึ่ง สิ่งปลูกสร้างนั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก และตอนนี้ก็ถูกครอบครองด้วยกลุ่มคนนับสิบ ซึ่งกำลังพูดคุยและหัวเราะกันไปมา ในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นคือฟางเว่ย ที่ด้านข้างมันเป็นฟางอวิ๋นอี้และผู้ถูกเลือกตระกูลฟางคนอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นฟางหง

ฟางตงหานและฟางเซียงซานก็อยู่ที่นั่นด้วย รวมทั้งไท่หยางจื่อ, ซุนไห่, ซ่งหลัวตาน, หวังมู่ และหลี่หลิงเอ๋อร์ รวมทั้งผู้ถูกเลือกจากตระกูลอื่นๆ

ฝานตงเอ๋อร์ก็อยู่ในคนกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน โดยมีซากศพของหญิงสาวลอยอยู่ที่ด้านหลังนาง สีหน้านางสงบนิ่ง ดูเหมือนจะไม่รู้สึกหงุดหงิดกังวลใจเหมือนกับตอนที่นางอยู่ในเศษซากเซียน แต่กลับเป็นตรงกันข้าม ตอนนี้นางมีรอยยิ้มที่อ่อนหวานและงดงามเหมือนเดิม

ฟางเว่ยก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาเช่นเดียวกัน มันรู้จักรักษามารยาท และมีท่าทางสุภาพเรียบร้อยเหมือนได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ทำให้ผู้ฝึกตนที่เป็นหญิงสาวไม่น้อยรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้กลุ่มคนเหล่านี้กำลังพูดคุยเกี่ยวกับ การแข่งขันที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ แน่นอนว่านามฟางมู่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด ผู้คนมากมายเชื่อว่าฟางมู่…ถ้าไม่ใช่สมาชิกของตระกูลฟาง ก็อาจจะเป็นตัวฟางเว่ยเองก็เป็นได้

ฟางเว่ยไม่ได้ตอบปฏิเสธความคิดที่ว่ามันคือฟางมู่ สิ่งที่มันทำทั้งหมดก็คือส่ายหน้าและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แน่นอนว่านั่นทำให้หลายๆ คนเริ่มมั่นใจถึงข้อสงสัยของพวกมัน

“ข้าเคยได้ยินมาว่าตระกูลฟางมีเวทกำเนิดใหม่” ไท่หยางจื่อกล่าวขึ้น ด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้น “ดังนั้นจริงๆ แล้ว ฟางมู่นี้…ก็คือท่าน ใช่หรือไม่พี่ฟาง?”

ฟางเว่ยยิ้ม และกำลังจะกล่าวบางอย่างตอบไป แต่ทันใดนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น สีหน้าของกลุ่มคนตระกูลฟางทั้งหมดในที่แห่งนั้นต่างก็เปลี่ยนไป และพวกมันก็หันหน้ามองตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาตามสัญชาตญาณในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version