Skip to content

King of Gods 1001

King Of Gods

บทที่ 1001 เนตรมรณะสังสารวัฏ

ในยามนี้ เขตแดนค่ายกลสีขาวที่อยู่หน้าชั้นหนังสือด้านขวาหายไปแล้ว

จ้าวเฟิงก้าวเข้าไปทันที จีหลานที่อยู่ข้างหลังหัวใจเต้นระรัว ถึงแม้เขตแดนจะหายไปแล้ว แต่เมื่อไม่มีคำอนุญาตจากเซียนซิงหมัว นางก็ไม่กล้าเข้าไป

จ้าวเฟิงหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านตามอารมณ์เล่มหนึ่ง

“‘วิเคราะห์วิชาดวงตาพลังเพลิง’?” จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย

เนื้อหาในชั้นหนังสือด้านซ้าย ส่วนมากจะเป็นวิชาลวงตาเป็นหลัก มีประโยชน์ต่อการฝึกเนตรดาราม่วงของลูกหลานตระกูลจี ส่วนด้านขวานั้นมีหลากหลาย วิชาดวงตาแต่ละชนิด ความรู้ทฤษฎีที่ไม่ได้รับความนิยมล้วนมีประปราย

จ้าวเฟิงอ่านไปพลาง หาสิ่งที่ตนสนใจไปพลาง

“หาเจอแล้ว ‘เนตรมรณะสังสารวัฏ’!”

หนังสือที่นี่มีน้อยมาก ไม่นานนักจ้าวเฟิงก็หาในสิ่งที่เขาต้องการเจอ

“เนตรสังสารวัฏ ดวงตาที่แฝงไว้ด้วยเสวียนอ้าววัฏจักรแห่งฟ้าดิน สามารถรวบรวมวิญญาณของผู้ตายที่กระจัดกระจายอยู่ในวัฏจักรของฟ้าดินแล้วดึงออกมา สร้างชีวิตใหม่ขึ้นในวัฏสงสารแห่งความตาย”

จ้าวเฟิงอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างละเอียดจนจบ

เนตรสังสารวัฏเกี่ยวพันถึงกฎเกณฑ์ดั้งเดิมของฟ้าดิน ส่วนการมีอยู่อันพิเศษเฉพาะของวัฏสงสารแห่งความตายเป็นสิ่งที่ไม่อาจคัดลอกได้ ดังนั้นวิชาดวงตาพิเศษที่เกี่ยวกับเนตรสังสารวัฏ ต่อให้มีการวิเคราะห์ทฤษฏีอย่างละเอียด ก็แทบจะไม่สามารถสำแดงได้ด้วยดวงตาอื่นๆ

“หากคิดจะ ‘ฟื้นคืนชีพ’ ใครสักคน ต้องลงตราประทับวัฏสงสารบนร่างคนคนนั้นเสียก่อน!”

จ้าวเฟิงกระจ่างในทันที

มีเพียงแค่วิญญาณที่ถูกตีตราประทับวัฏสงสารเท่านั้น เนตรสังสารวัฏจึงสามารถดึงวิญญาณที่กระจัดกระจายออกมาจากในกฎเกณฑ์วัฏจักรแห่งฟ้าดินได้

อีกทั้งพลังวัฏสงสารมีอยู่ทุกที่ พลังข้ามผ่านฟ้าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ต่อให้อยู่ห่างนับล้านๆ ลี้ก็สามารถทำได้ ด้วยเหตุนี้ จุดที่จักรพรรดิแห่งความตายระเบิดตัวเองห่างไกลกับดินแดนทวีปยิ่งนัก ก็ยังคงถูก ‘ฟื้นคืนชีพ’ ขึ้นมาได้

“แต่ไม่ใช่ว่าคนตายคนไหนก็สามารถฟื้นคืนชีพด้วยเนตรสังสารวัฏได้!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงหมองลงเล็กน้อย แล้วอ่านต่อไป

“ร่างวิญญาณที่ฟื้นคืนชีพจากวัฏสงสารแห่งความตาย จะไม่อาจเปลี่ยนร่างเข้าไปในกายที่มีชีวิตได้ ทำได้เพียงอาศัยชั่วคราวในกายวัฏฏะสงสารที่เนตรสังสารวัฏสร้างขึ้นเท่านั้น อีกทั้งกายชนิดนี้เป็นผลผลิตจากวัฏสงสารแห่งความตาย ดังนั้นจึงไม่มีทางดับสูญ….”

จ้าวเฟิงตกตะลึง คล้ายกับว่าจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง

ฟ้าดินมีวัฏจักร ส่วนเนตรสังสารวัฏก็คือผลผลิตของกฎเกณฑ์วัฏจักรแห่งฟ้าดิน

เท่ากับว่าเนตรสังสารวัฏมีโครงสร้างโลกที่เป็นเอกเทศ ทุกสิ่งในวัฏสงสารแห่งความตาย ล้วนเท่ากับหลุดพ้นจากโลกใบนี้แล้ว และผู้ครอบครองเนตรสังสารวัฏก็คือนายเหนือหัวแห่งวัฏสงสารแห่งความตาย

‘ในเนตรเทพเจ้าของข้าเหมือนจะมีโลกเช่นนี้อยู่!’

จ้าวเฟิงฉุกคิดถึงห้วงฝันบรรพกาลขึ้นมาได้

แต่ว่าห้วงฝันบรรพกาลกลับไม่อยู่ภายใต้อำนาจของจ้าวเฟิง

บางทีในยามที่เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ เขาจึงจะกลายเป็นนายเหนือหัวของโลกนั้น

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังนึกได้ว่า ในเนตรมรณะก็เหมือนจะมีมิติมรณะอยู่แห่งหนึ่ง พลังของมันยังไม่เป็นที่แน่ชัด

‘เช่นนี้แล้ว แปดเนตรเทพเจ้าและมรดกสายเลือด ราวกับว่าล้วนมีโลกซึ่งมีกฎเกณฑ์เฉพาะตัวอีกแห่ง!’

จากความเข้าใจโดยละเอียดของเนตรสังสารวัฏ รวมกับการรับรู้ของจ้าวเฟิง

เขามีความเข้าใจต่อแปดเนตรเทพเจ้าลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ จ้าวเฟิงก็อ่านมันจนจบ

“ ‘เนตรมรณะสังสารวัฏ’ ทั้งเล่มล้วนแนะนำวัฏสงสารแห่งความตาย เนื้อหาที่เกี่ยวกับวัฏสงสารแห่งชีวิตเอ่ยถึงเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ตายไปในระยะเวลาหนึ่งแล้ว วัฏสงสารแห่งชีวิตมีวิธีที่จะทำให้คนคนนั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่!”

ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน

เนตรสังสารวัฏมีพลัง ‘ฟื้นคืนความตาย’ ในตำนานจริงๆ

ไม่ใช่รักษาช่วยชีวิต แต่เป็นการทำให้คนคนนั้นฟื้นคืนชีพด้วยอีกวิธีหนึ่ง

“วิธีนี้ดูคล้ายกับการถือกำเนิดใหม่ของหลิวฉินซินเป็นอย่างมาก!”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

สรุปแล้ว จ้าวเฟิงเข้าใจพลังของเนตรสังสารวัฏในระดับหนึ่ง หากไม่จำเป็นแล้วละก็ จ้าวเฟิงไม่อยากเป็นศัตรูกับเนตรสังสารวัฏ อ่าน ‘เนตรมรณะสังสารวัฏ’ จบแล้ว จ้าวเฟิงก็ใช้เวลาไปกับหนังสือเล่มอื่น

หนังสือทุกเล่มที่นี่ล้ำค่าหายาก ต่างจาก ‘เนตรมรณะสังสารวัฏ’ ไม่มาก

ไม่นานเท่าใดนัก จ้าวเฟิงมองหนังสือโบราณเล่มหนึ่งในมือ… ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’

จ้าวเฟิงไม่ได้อ่านเนื้อหาข้างใน แต่ผู้เขียน ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ดึงดูดความสนใจจากเขา

“เป็นผู้เขียนที่เขียน ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ และ ‘วิชาแยกวิญญาณ’!”

จ้าวเฟิงในยามนี้นับว่าเข้าใจในคำพูดของเซียนซิงหมัวแล้ว หวังแต่ว่าหนังสือโบราณเล่มนี้จะไม่ใช่เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น จากนั้นจ้าวเฟิงก็เริ่มเปิดอ่าน

“ละเอียดยิ่งนัก!” จ้าวเฟิงอุทานอย่างตกใจ

‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ไม่เพียงแต่เป็นวิชาฝึกบำเพ็ญตน ยังรวมถึงการฝึกจิตใจอีกมากมายและการวิเคราะห์ทฤษฎี

เคล็ดวิชาเล่มนี้สามารถฝึกฝนวิญญาณ แต่ประโยชน์ที่สำคัญคือทำให้พลังฟื้นฟูตัวเองของวิญญาณพัฒนาขึ้น

วิญญาณและร่างกายเหมือนกัน โดยธรรมดาล้วนมีพลังฟื้นฟูตัวเองในระดับหนึ่ง ยามที่ได้รับบาดเจ็บจึงจะปรากฏให้เห็น เพียงแต่พลังฟื้นฟูตัวเองของวิญญาณนั้นเชื่องช้า

คนส่วนมากจึงพกวัตถุดิบยารักษาวิญญาณไว้ส่วนหนึ่ง

“ประโยชน์ใช้ได้จริงของ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ เล่มนี้มีไม่มาก!”

จ้าวเฟิงวิจารณ์

ต่อให้ฝึก ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ จนสมบูรณ์ พลังการฟื้นฟูตัวเองก็ยังคงเทียบกับวัตถุดิบยารักษาวิญญาณบางส่วนไม่ได้ อีกทั้งเงื่อนไขของการฝึก ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ยังสูงมาก ต่อให้เชี่ยวชาญขอบเขตวิญญาณก็ไม่แน่ว่าจะไปถึงได้ แต่ว่าบรรทัดสุดท้ายของเคล็ดวิชานี้ดึงดูดความสนใจของจ้าวเฟิง

“ฝึกฝน ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จของ ‘วิชาแยกวิญญาณ’!”

สำหรับ ‘วิชาแยกวิญญาณ’ จ้าวเฟิงยังคาดหวังไว้อยู่มาก

อีกทั้งหลังจากที่อ่านหนังสือโบราณเล่มนี้จบแล้ว จ้าวเฟิงพบว่าฝึกฝน ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ได้

“ดูท่าแล้ว ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ไม่ใช่วิชาต่อยอดของ ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ระหว่างทางยังมี ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ อีกด้วย!”

จ้าวเฟิงรีบจดจำเนื้อหาของ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ทั้งหมด

ดีที่ชั้นของวิชานี้ระดับไม่สูง ด้วยความลึกซึ้งด้านวิญญาณและความสามารถในการเรียนรู้ของจ้าวเฟิง ไม่นานเท่าใดนักก็สามารถฝึกได้สำเร็จ

“บางทีผู้เขียนอาจจะคิด ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ออกมาได้ก่อน แต่กลับพบว่าคนทั่วไปไม่สามารถฝึกได้ ภายหลังจึงคิดค้น ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ และ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงก็นับว่าเขาใจถึงความล้ำค่าของ ‘วิชาแยกวิญญาณ’ แล้ว

มิน่าเล่า หุ่นเชิดในเมืองความลับสวรรค์จึงพูดว่า ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ฉบับสมบูรณ์ อย่างน้อยๆ ก็คือขั้นฟ้าระดับสุดยอด

ก่อนฝึก ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ต้องฝึกวิชาพื้นฐานสองเล่ม อีกทั้งเงื่อนไขของวิชาพื้นฐานสองเล่มสูงจนน่าตกใจ ยกตัวอย่างเช่น ตวนมู่ชิงฝึกฝน ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ หลายพันปีก็ยังฝึกฝนไม่ถึงระดับสูง

ดีที่ ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ จ้าวเฟิงก็มั่นใจว่าจะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ

จ้าวเฟิงจึงอดตั้งความหวังกับ ‘วิชาแยกวิญญาณ’ มากขึ้นไม่ได้

‘มิน่าเซียนซิงหมัวจึงสนใจใน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ เป็นอย่างมาก คิดดูแล้ว

เซียนซิงหมัวน่าจะเข้าใจ ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ในระดับหนึ่ง อีกทั้งเขายิ่งน่าจะมี ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ด้วย’

จ้าวเฟิงอดคิดไม่ได้ เซียนซิงหมัวคงไม่ได้คิดอยากจะฝึกฝน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ กระมัง

ในตอนที่จ้าวเฟิงจำเนื้อหาทั้งหมดของ ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ เสียงของเซียนซิงหมัวก็ดังขึ้น “ดูทีแล้ววันนี้สหายน้อยจ้าวจะเก็บเกี่ยวไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่เถิด!”

จีหลานมองมายังชั้นหนังสือที่จ้าวเฟิงอยู่ เผยแววเฝ้าปรารถนาออกมา

จ้าวเฟิงวางหนังสือโบราณในมือลง เอ่ยอย่างถ่อมตน “ได้ยินมาว่าหอคอยดาราม่วงของตระกูลจีมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีป มีประโยชน์ต่อการหลอมฝึกวิญญาณและฝึกฝนวิชาลวงตามากมายนัก!”

“ฮ่าๆ ช่างเถิด ข้ามอบตราผ่านดาราม่วงให้เจ้าก็แล้วกัน!”

พูดจบก็มีป้ายตราดาวหกดวงสีม่วงลอยมายังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง

“ตราผ่านดาราม่วง!” แววตาของจีหลานตกตะลึง

ต้องรู้ว่า ลูกศิษย์ตระกูลจีต้องใช้คุณูปการอันยิ่งใหญ่ของตระกูล จึงจะสามารถเข้าไปในหอคอยดาราม่วง อีกทั้งเวลายังมีจำกัด ตราผ่านดาราม่วง โดยทั่วไปแล้วจะใช้เป็นรางวัลใหญ่สำหรับลูกศิษย์ในตระกูลที่ทำความดีความชอบหรือการสอบของตระกูล

ตราผ่านดาราม่วง ถึงแม้จะสามารถเข้าไปในหอคอยดาราม่วงได้เพียงแค่ครั้งเดียว หากแต่เวลาไม่จำกัด

“ขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง!” จ้าวเฟิงรับตรามา ประสานมือขึ้น

หลังจากนั้น จ้าวเฟิงและจีหลานจากตำหนักส่วนตัวของเซียนซิงหมัวมา

กลางคืน จ้าวเฟิงเริ่มฝึก ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ในขณะเดียวกันก็เริ่มลงมือฝึก ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’

“เคล็ดวิชาที่สามารถเพิ่มพลังการฟื้นฟูตัวเองของวิญญาณ ก็เหมือนกับเคล็ดวิชาฝึกร่างกายในด้านกายเนื้อ!”

จ้าวเฟิงคาดเดา หมื่นห้วงคิดเซียนใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถฝึกได้สำเร็จ

ส่วน ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ ที่เพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ความเร็วในการฝึกฝนของจ้าวเฟิงชวนให้คนตกตะลึงนัก คืนเดียวก็สามารถฝึกได้ถึงสามขั้น

ฝึกฝน ‘วิชาเทพคืนวิญญาณ’ แล้ว จ้าวเฟิงค้นพบว่ากายวิญญาณของตนเองมี ‘ชีวิต’ อย่างบอกไม่ถูก

เช้าตรู่วันที่สอง จีหลานก็มาถึงในเวลาเดิม

“จ้าวเฟิง ให้ข้าพาเจ้าไปหอคอยดาราม่วงเถิด!”

จริงๆ แล้ว นี่คือคำสั่งของเซียนซิงหมัว แต่จีหลานก็ไม่รังเกียจ

เพราะจ้าวเฟิง นางจึงได้อ่านหนังสือสะสมส่วนตัวของเซียนซิงหมัวอยู่ที่ตำหนักตั้งสองวัน แต่หนังสือที่นางจำได้จริงๆ กลับไม่ถึงสิบเล่ม

“ไปเถอะ!”

จ้าวเฟิงเดินออกจากห้อง

หอคอยดาราม่วง สถานที่ฝึกฝนที่มีชื่อเสียงที่สุดของตระกูลจี

เป็นเพราะการมีอยู่ของหป็นอคอยดาราม่วง ลูกศิษย์ตระกูลจีจึงเยี่ยมยอดเช่นนี้ ในด้านวิญญาณและศาสตร์ลวงตามีพื้นฐานที่มั่นคงลึกซึ้งอย่างยิ่ง

ขั้วอำนาจด้านนอกบางกลุ่มก็เคยใช้ทรัพยากรจำนวนมาก แลกกับสิทธิที่จะได้เข้ามายังหอคอยดาราม่วงของตระกูลจี

นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมในแปดตระกูลใหญ่ จึงมีบางตระกูลที่ค่อยๆ ตกต่ำลง พลังไม่เข้มแข็ง แต่กลับสามารถรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้

แปดตระกูลใหญ่ล้วนมีรากฐานที่ตนสามารถยืนหยัดได้ พวกเขาอาศัยความสามารถของตนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับขั้วอำนาจทั้งหลายด้านนอก

ส่วนข่าวที่จ้าวเฟิงมาถึงตระกูลจี เมื่อวานนี้ก็สะพัดไปทั่วแล้ว

“ดูนั่นเร็ว จ้าวเฟิง!”

“จีหลานคงไม่ได้ชอบจ้าวเฟิงหรอกใช่ไหม!”

“เป็นไปไม่ได้ ข้าว่าจีเหลียนจะต้องหาเรื่องจ้าวเฟิงเร็วๆ นี้แน่!”

ลูกศิษย์ที่เดินไปเดินมาซุบซิบกันทั่ว

ด้วยการรับรู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากของยอดฝีมือสายวิญญาณ จีหลานย่อมได้ยินเต็มหู ใบหน้าจึงแดงซ่าน เทียบกับจีเหลียนแล้ว จ้าวเฟิงย่อมดีกว่าเยอะ จีหลานอดคิดเชื่อมโยงกันไม่ได้

“ผู้อาวุโส พวกเราจะเข้าไปในหอคอยดาราม่วง!”

หน้าหอคอยดาราม่วง จีหลานพูดกับผู้อาวุโสทั้งหลายที่รับผิดชอบ

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็หยิบตราผ่านดาราม่วงออกมา

“เอ๋ ตราผ่านดาราม่วง!” ผู้อาวุโสผู้หนึ่งมองมายังจ้าวเฟิง ในใจตกตะลึง

สามารถมอบตราผ่านดาราม่วงให้ได้ มีเพียงผู้นำระดับสูงที่น้อยยิ่งกว่าน้อยของตระกูลเท่านั้น

“พวกเจ้าเข้าไปได้แล้ว!”

ทั้งสองเข้าไปในหอคอยดาราม่วงพร้อมกัน ไม่เหมือนกับจ้าวเฟิง จีหลานใช้คุณูปการของตระกูลแทน

เข้าไปในหอคอยดาราม่วงแล้ว ทัศนวิสัยเลือนรางโดยสิ้นเชิง

เบื้องหน้ามีเพียงหมอกสีม่วงหนา บนพื้นของชั้นหนึ่ง ทุกระยะห่างหนึ่งช่วงจะมีเบาะกลม บนนั้นมีลูกศิษย์ตระกูลจีนั่งอยู่ และบนบาะกลมที่ชั้นหนึ่งของหอคอยดาราม่วง ลูกศิษย์ตระกูลจีแทบจะนั่งเต็มหมด ส่วนมากล้วนเป็นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version