Skip to content

King of Gods 1041

King Of Gods

บทที่ 1041 สำรวจลึกเข้าไป

“ในมิติลึกลับนี้มีเซียนแอบซ่อนอยู่!”

ชายเสื้อคลุมดำผมแดงนั่นอุทานอย่างตกใจ

“พลังเซียนของคนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!”

สตรีงามในชุดชาววังสีดำที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงต่ำ

คิดไม่ถึงเลยว่าที่ชางไห่แห่งนี้จะยังมีขอบเขตเทวาเร้นลับที่แข็งแกร่งเช่นนี้ซ่อนอยู่

ด้วยพลังของนางที่เกือบจะถึงเทวาเร้นลับชั้นสูง ยังรู้สึกถึงความกดดันภายใต้เงาแสงสีทองนี้

แสงเทพสีทองที่แผ่ส่องทั่วฟ้าค่อยๆ เลือนหายไป ด้านในมีชายหนุ่มอายุน้อยผมสั้นหน้าตาหล่อเหลาปรากฏขึ้น บนร่างที่องอาจมีอักขระสีทองน่าอัศจรรย์นับไม่ถ้วนกะพริบอยู่

“ท่านเป็นใครกัน?”

สตรีของวังเก้านิรยถามขึ้นทันใด

เซียนเทวาเร้นลับผู้นี้ดูไปแล้วอายุน้อยเหลือเกิน แต่กลับมีพลังเทพปีศาจที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าหนานกงเซิ่ง

“ผู้อาวุโสคุนอวิ๋น โปรดลงมือช่วยขจัดภัยอันตรายที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ด้วยเถิด!”

เซียนเสวียนหมิงเอ่ยอย่างนอบน้อม

ในตอนนั้นคุนอวิ๋นกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ แต่กลับไม่สามารถเข้าไปในอุทยานครึ่งเซียนได้ ดังนั้นจึงร่างข้อสัญญากับสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ทั้งสอง

ผู้แข็งแกร่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่รวมพลังกันเปิดอุทยานครึ่งเซียน และหลังจากนี้ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ อีกทั้งยังติดหนี้บุญคุณของสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวทั้งสอง

แววตาของหนานกงเซิ่งสั่นไหวเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าในยามนี้ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นจะปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังเหมือนกับว่าจะช่วยดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ด้วย

“ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น!”

ผู้อาวุโสทั้งสองของวังเก้านิรยสีหน้าตื่นตะลึงผู้แข็งแกร่งระดับครึ่งเทพก็มีอยู่เพียงน้อยนิด แน่นอนว่าพวกเขาย่อมรู้จัก

ในอดีต ‘ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น’ ท่านนั้นไม่ใช่แค่แข็งแกร่งธรรมดาเท่านั้น ชื่อเสียงเกรียงไกรของเขากระทั่งกระจายไปถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวสี่ดาวในดินแดนทวีปอีกด้วย

แต่ว่า ผู้นำระดับสูงทั้งสองของวังเก้านิรยยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้คือครึ่งเซียนคุนอวิ๋น

ก่อนอื่น ว่ากันว่าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นดับดิ้นไปแล้วด้วยอำนาจอัสนีเทวะ

และต่อมา ต่อให้ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นโชคดีไม่ตาย ห่างไปนานหลายปีขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นแค่เพียงเซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงกระมัง

ทว่าถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะไม่เชื่อว่าชายเบื้องหน้าผู้นี้คือครึ่งเซียนคุนอวิ๋น

แต่ในยามนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่มีกำลังรบของเซียนถึงสี่คน หนึ่งในนั้น พลังของหนานกงเซิ่งน่ากลัวว่าถึงเทวาเร้นลับชั้นต้นแล้ว

“พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งของวังเก้านิรยงั้นรึ!”

ชายชุดดำผมแดงตะโกนขึ้นทันใด

สถานการณ์เบื้องหน้านี้ หากสู้กันขึ้นมา พวกเขาต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

ในเมื่อที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ ไม่ขาดปฐมเซียนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวทั้งสองแห่งนี้ก็อาจจะมีไพ่ตายอะไรอีก

“หึ วันนี้พวกเรากลับ วันหลังวังเก้านิรยจะส่งพลังที่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมาทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง!”

สตรีในชุดชาววังสีดำเอ่ยขู่

พวกเขาทั้งสองออกโรงเองเดินทางมาไกลแสนไกล หากกลับไปมือเปล่า จะมิโดนผู้นำระดับสูงคนอื่นของวังเก้านิรยหัวเราะเยาะเอาหรือ

ได้ยินคำขู่ของเซียนผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรยทั้งสอง ผู้แข็งแกร่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่เผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมา แม้กระทั่งสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดายก็ยังถอยไป

ในเมื่อครึ่งเซียนคุนอวิ๋นติดหนี้บุญคุณพวกเขาแค่เพียงครั้งเดียว ไม่มีทางช่วยพวกเขาเป็นครั้งที่สองแน่

“วังเก้านิรยตกต่ำจนเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์สามดาวแล้ว ยังกล้ากำเริบเสิบสานได้ถึงเพียงนี้เชียว!”

สีหน้าของครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเย็นชา คำพูดแฝงด้วยความเสียดสี

“เจ้ากล้าดูหมิ่นวังเก้านิรยรึ!”

สตรีงามในชุดชาววังมีสีหน้าเคร่งเครียด ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมทนการดูหมิ่นเช่นนี้ได้

“หึ พวกเจ้าทั้งสองไม่ได้ยินที่ข้าบอกให้ไสหัวไปเมื่อครู่หรือ?”

ผิวขาวหมดจดของคุนอวิ๋นแสงสีทองพลันสว่างวาบ อักขระสีทองลึกลับที่ไม่อาจคาดเดาลอยไปทั่วทุกทิศ ในขณะเดียวกัน ในมือของเขาก็ปรากฏแสงสีทองระยิบระยับเจิดจ้าขึ้นสายหนึ่ง แผ่กระจายพลังดึกดำบรรพ์ดั้งเดิมที่สะเทือนไปทั่วฟ้าดิน

ในเสี้ยววินาทีที่กลุ่มแสงสีทองระยิบระยับปรากฏขึ้น อากาศทั่วฟ้าดินสั่นสะเทือนขึ้นพร้อมกัน พลังเซียนของผู้นำระดับสูงจากวังเก้านิรยทั้งสองถูกชำระล้างจนหมดสิ้น

ราวกับว่าในยามนี้ กลุ่มแสงสีทองกลายเป็นสิ่งที่เจิดจ้าที่สุดในผืนฟ้าและปฐพีแห่งนี้

“นี่…นี่มันพลังเทพ!”

สตรีสวยเย็นชุดชาววังสีดำสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าขาวซีด

“พลังกลุ่มนี้…”

ชายผมแดงที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

พลังเทพ พวกเขาไม่ใช่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก สำหรับพลังที่ลึกล้ำเหนือทุกสรรพสิ่งกลุ่มนี้ พวกเขาจดจำมันฝังใจ

“ผู้อาวุโสคุนอวิ๋น พวกเราไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน!”

“ผู้อาวุโส ผู้น้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”

ทันใดนั้น ผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรยทั้งสองก้มหัวคาระวะ จากไปจากที่นี่อย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ขอบคุณผู้อาวุโสคุนหลิงที่ช่วยเหลือ!”

เซียนเสวียนหมิงประสานมือคาระวะ

“หืม กลิ่นอายกลุ่มนี้…”

สายตาของคุนอวิ๋นพลันจับจ้องมาที่ร่างของหนานกงเซิ่ง

“แย่แล้ว!” เซียนเสวียนหมิงใจหล่นวูบ

ในฐานะที่เป็นเซียน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ลึกล้ำเกินหยั่งถึงบนร่างของหนานกงเซิ่ง ระดับความลึกซึ้งนำหน้าระดับชั้นเซียน และในยามนี้ พลังบนร่างของหนานกงเซิ่งราวกับดึงดูดความสนใจจากเซียนคุนอวิ๋น

“เจ้ากลับมาจากดินแดนทวีป?”

คุนอวิ๋นเก็บพลังอำนาจ ก่อนเข้ามาใกล้หนานกงเซิ่ง

ยิ่งเข้าใกล้ คุนอวิ๋นยิ่งตกใจ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพบนร่างของหนานกงเซิ่ง แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าพลังเทพที่เขาควบคุมในภพที่แล้วเสียอีก

หรือก็คือ หนานกงเซิ่งอาจจะได้รับมรดกพลังเทพที่สมบูรณ์แบบ

แต่ว่า พลังเทพกลุ่มนี้กับพลังเทพของคุนอวิ๋นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งคุนอวิ๋นขาดเพียงแค่ทรัพยากรเท่านั้น ก็อาจจะฟื้นฟูได้ถึงพลังขึ้นสุดยอด ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการพลังเทพปีศาจบนร่างของหนานกงเซิ่ง

“ระวังให้ดี คนผู้นี้สามารถใช้พลังเทพได้เล็กน้อยแล้ว!”

เสียงของจิตเทพปีศาจดังขึ้นในกายของหนานกงเซิ่ง

“เจ้าอยู่ที่ดินแดนทวีปเคยได้ยินชื่อจ้าวเฟิงหรือไม่!”

คุนอวิ๋นถามออกไปตรงๆ

เซียนเสวียนหมิงถอนหายใจ ดูแล้วเซียนคุนอวิ๋นจะสนใจในตัวจ้าวเฟิง แต่ว่า จ้าวเฟิงก็เป็นศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินเช่นเดียวกัน

เขาไม่เคยคิดเลยว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินจะมีอัจฉริยะสะท้านโลกที่เจิดจรัสเพียงนี้ถึงสองคน

“ข้าอยู่ในมิติเทพลวงตาก็อยู่กับเขาตลอด!”

หนานกงเซิ่งตอบออกไปตรงๆ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตพลังใด?”

คุนอวิ๋นรีบถามขึ้น

ถึงแม้ว่าพลังของตัวเขาจะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แต่คุนอวิ๋นก็ยังกลัวเจ้านายที่เคยจับเขาเป็นทาส

“ในตอนนั้น ราชันก็ยังไม่ถึง!” หนานกงเซิ่งพูด

“เพ้อเจ้อ จะเป็นไปได้อย่างไร!”

คุนอวิ๋นสีหน้าพลันโกรธเคือง คิดว่าหนานกงเซิ่งปั่นหัวเขา

จากนั้น หนานกงเซิ่งจึงเล่าเรื่องที่จ้าวเฟิงเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ไปรอบหนึ่ง ในเมื่อเรื่องนี้แทบจะไม่มีใครในชางไห่ล่วงรู้

“เช่นนั้นแล้ว ในตอนนี้อย่างมากเขาก็เป็นแค่ขอบเขตจักรพรรดิ!”

ดวงตาทั้งสองของคุนอวิ๋นสว่างวาบ ในใจยินดีจนยากจะหาคำอธิบาย

คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วจ้าวเฟิงก็ยังคงถูกจักรพรรดิแห่งความตายจัดการเอาจนได้

จ้าวเฟิงที่เป็นเพียงขอบเขตจักรพรรดิ คุนอวิ๋นยังไม่อาจบดขยี้ได้ตามใจ

คุนอวิ๋นในยามนี้ฝึกฝนแก่นแท้ร่างกาย เกือบจะถึงเทวาเร้นลับชั้นสูง อีกทั้งความทรงจำภพที่แล้วของเขาตื่นขึ้นมาแล้ว กลอุบายไพ่ตายที่สามารถนำมาใช้ก็ยิ่งมีมากขึ้น พลังที่แท้จริงลึกล้ำจนยากที่จะหยั่งถึง

ฟิ้ว! คุนอวิ๋นสีหน้าตื่นเต้น รีบพุ่งกลับไปในอุทยานครึ่งเซียน เหมือนกับว่ากำลังเตรียมอะไร

“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าเองก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว….”

หนานกงเซิ่งมองไปยังเซียนเสวียนหมิงแล้วพูดขึ้น

เซียนเสวียนหมิงถอนหายใจเบาๆ จุดนี้เขาก็คาดเดาเอาไว้นานแล้ว

ด้วยพรสวรรค์ของหนานกงเซิ่งรวมกับโอกาสของเขาในมิติเทพลวงตา เกรงว่าเพียงแค่ในเวลาพันปีก็จะสามารถบรรลุขอบเขตเทพได้ แน่นอนว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ย่อมรั้งเขาเอาไว้ไม่อยู่

“ข้าจะนำหน้าเขา!”

แววตาของหนานกงเซิ่งมุ่งมั่น พลังชั่วร้ายน่าหวาดกลัวที่ไร้รูปร่างแผ่กระจายไปทั่วทิศ

…….

มณฑลเหลียน ตำหนักย่อยหอควันสมุทร

จ้าวเฟิงเคยเป็นสมาชิกของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินเช่นกัน และเพราะสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินจึงสามารถหลบซ่อนจากจักรพรรดิแห่งความตาย รักษาชีวิตเอาไว้ได้ชั่วคราว อีกทั้งได้รับโอกาสที่สุดยอดในอุทยานครึ่งเซียน

ดังนั้น เขาจึงกังวลกับสถานการณ์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินเป็นอย่างมาก

แต่ต่อให้เขามุ่งเดินทางไปก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งปี เรื่องคงจะจบไปนานแล้ว

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงรีบพัฒนาพลังของตน

พลังของตนเองเท่านั้นจึงจะเป็นหลักประกันที่มีอยู่จริงในโลกนี้!

ดวงตาทั้งสองของจ้าวเฟิงมุ่งมั่น หยิบวัตถุดิบล้ำค่าออกมาหลายอย่าง ดูดซับพลังธาตุที่อยู่ในนั้น และฝึกฝนวิชาอัสนีห้าสาย

จากราชันถึงจักรพรรดิ พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไม่มาก จากจักรพรรดิถึงขั้นปฐมเซียน ก็มีเพียงด้านแก่นแท้พลังเท่านั้นที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่หากทะลวงขั้นเซียนแล้ว พลังของจ้าวเฟิงจะก้าวกระโดดขึ้นอีกมาก

ต้องเผชิญหน้ากับวังเก้านิรยซึ่งเป็นขั้วอำนาจที่ใหญ่ระดับนี้ มีเพียงบรรลุถึงขั้นเซียนเท่านั้นจึงจะสามารถรับมือได้

“ไม่รู้ว่าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นในตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง….”

ในใจของจ้าวเฟิงเป็นกังวล

ความเร็วในการพัฒนาของครึ่งเซียนคุนอวิ๋น

เขาที่เป็นเจ้านายย่อมรู้ดี อีกทั้งครึ่งเซียนคุนอวิ๋น จะต้องมาหาเรื่องจ้าวเฟิงอย่างแน่นอน

สรุปแล้ว จ้าวเฟิงต้องรีบทะลวงขั้นเซียน จึงจะสามารถรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเองได้ ซ้ำยังมีสัญญาแต่งงานของจ้าวหยูเฟยและร่องรอยของหลิวฉินซิน….

ทว่าโอกาสของการทะลวงขั้นเซียนยากที่จะได้มา อีกทั้งพลังแฝงของจ้าวเฟิงก็ไม่เข้าเงื่อนไขเลยสักนิด

“ถึงเวลาต้องเข้าไปสำรวจในห้วงฝันบรรพกาลให้ลึกขึ้นแล้ว….”

จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ

หลังจากเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ จ้าวเฟิงยุ่งอยู่กับการฟื้นฟูพลังของภพที่แล้ว พัฒนาเขตแดน ไม่ได้เข้าไปสำรวจในห้วงฝันบรรพกาลมานานมากแล้ว ด้วยพลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้ น่าจะสามารถเดินอยู่ภายในนั้นได้ไกลมากขึ้น หรือหาโอกาสทะลวงขั้นเซียนได้ คิดได้เช่นนั้นแล้ว ในเสี้ยววินาทีต่อมา จ้าวเฟิงก็มายังห้วงฝันบรรพกาล

กลางป่า นกอสูรโบราณทาสของจ้าวเฟิงที่กำลังเกาะอยู่ งูหลามยักษ์ และเหยี่ยวสีดำ

ภายใต้คำสั่งของจ้าวเฟิง ปีศาจบินได้สองตัวบินดูทางอยู่บนฟ้า

ส่วนจ้าวเฟิงและงูหลามยักษ์เดินทางอยู่ในป่า ระหว่างทาง ปีศาจและสัตว์ทั่วไปบางพวกล้วนถูกจ้าวเฟิงจัดการ และเจอต้นไม้ที่ออกผลหลายต้น

 

จ้าวเฟิงนำสิ่งเหล่านี้เข้าไปในมนตราอากาศทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ แต่ของพวกนี้หากอยู่ที่โลกภายนอกล้วนเป็นสิ่งเย้ายวนใจสำหรับผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและราชันเป็นที่สุด จ้าวเฟิงสามารถอาศัยทรัพยากรเล่านี้สร้างผู้แข็งแกร่งขึ้นมากลุ่มหนึ่งหรือพัฒนาขั้วอำนาจได้

“มาถึงป่าลึกแล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเบา

จ๋อม จ๋อม

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ได้ยินเสียงลำธารไหล จ้าวเฟิงอดนึกแปลกใจไม่ได้ จึงรีบก้าวเท้าไป

ข้างกายจ้าวเฟิง งูหลามลายยักษ์ราวกับว่าสัมผัสถึงอะไรได้ ไม่ยอมเคลื่อนไปด้านหน้า

บนท้องฟ้า เหยี่ยวสีดำและนกอสูรโบราณก็ไม่เข้าใกล้ข้างหน้าอีก ราวกับว่าพวกมันมาไกลได้เพียงที่นี่เท่านั้น ด้านหน้าคือพื้นที่ต้องห้ามของพวกมัน

โฮก! ทันใดนั้น เสียงดังคำรามกึกก้องก็ดังขึ้น

ฟุ่บ! เงาสีทองแดงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงเสี้ยวเงา พลังกดดันอันน่ากลัวแผ่บีบอัดมายังจ้าวเฟิง

“นี่มัน….”

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ หมัดหนึ่งชกออกไปทันใด ก่อนปะทะเข้ากับเงาสีทองแดงนั่น

เห็นเพียงเสือไฟที่หลังมีปีกสีทอง มีใบหน้าดุร้าย มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง

เบื้องหลังของจ้าวเฟิง งูหลามลายยักษ์ม้วนขดเป็นวง

ฉัวะ! หมัดของจ้าวเฟิงโจมตีจนสัตว์ปีศาจตัวนี้ถอยล่าไป แต่พลังชีวิตของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก มันตั้งตัวได้ทันใดร่างของมันบินไปในท้องฟ้า

“สัตว์ปีศาจตัวนี้เหมือนจะคุ้นๆ….”

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงหลั่งไหลเข้าไปในสมอง

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงได้พบกับสัตว์ปีศาจต่างชนิด พวกนกอสูรโบราณ งูหลามยักษ์ เหยี่ยวดำที่เจอครั้งผ่านๆมา ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสัตว์ธรรมดา

“หรือว่านี่คือเสืออัคคีปีกทองในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ…”

เมื่อหาสัตว์ปีศาจชนิดหนึ่งจากรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณเจอ

สีหน้าของจ้าวเฟิงอึ้งตะลึง

จ้าวเฟิงเกิดความคิดที่เหลือเชื่อขึ้นในใจ

นอกจากสัตว์ธรรมดาทั่วไปแล้ว หรือว่าสัตว์ที่นี่จะเป็นสัตว์ในตำนานบนรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version