Skip to content

King of Gods 1053

King Of Gods

บทที่ 1053 ลัทธิมารพิภพ

ในยามที่จ้าวเฟิงรู้สึกถึงความกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“จ้าวเฟิง ข้ามาแล้ว!”

ข้างหลังจ้าวเฟิง เสียงเย็นชาของหนานกงเซิ่งดังขึ้นมาทันใด

ฟุ่บ! หนานกงเซิ่งมายังข้างกายจ้าวเฟิง ทั้งสองยืนเคียงบ่าเคียงไหล่

เมื่อครู่หนานกงเซิ่งใช้พลังที่แข็งแกร่งมากเกินไป ร่างกายจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ทว่าพลังการฟื้นฟูของเซียนแต่เดิมก็แกร่งมากอยู่แล้ว หนานกงเซิ่งได้รับมรดกบางส่วนของเทพปีศาจ น่าจะมีเคล็ดวิชาลับฟื้นฟูไม่น้อย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเผชิญหน้ากับคนของวังเก้านิรย หนานกงเซิ่งจะยอมนอนดูอยู่ข้างๆ ได้อย่างไร

“ดี!” สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียด

วู้ม!

ข้างหลังหนานกงเซิ่ง แสงเทพสีม่วงโลหิตขนาดมหึมาแผ่ขยายออก แทรกซึมไปในท้องฟ้า ปะทะเข้ากับเงาโลกมิติส่วนตัวของเซียนโม๋ยวน

“บัดซบ เจ้าเด็กสองคนนี่! เซียนโม๋ยวนกัดฟันกรอด

แต่เดิมโลกส่วนตัววายุอัสนีของจ้าวเฟิงก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เพราะแฝงไว้ด้วยแหล่งกำเนิดพลังบรรพกาลอันมหาศาล อีกทั้งยังจำลองพายุฝนฟ้าคะนองของห้วงฝันบรรพกาลมาอีกด้วย

ส่วนโลกมิติส่วนตัวของหนานกงเซิ่ง แฝงไว้ด้วยผลึกปีศาจและพลังเทพปีศาจ ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่ง ทรงพลังชั่วร้ายขึ้น

เมื่อพลังเงาโลกมิติส่วนตัวสองกลุ่มร่วมมือกันต้านทานกับเงาโลกมิติส่วนตัวของเซียนโม๋ยวน จึงได้เปรียบอยู่รางๆ

“หัตถ์ปีศาจสวรรค์!”

แขนทั้งสองของหนานกงเซิ่งพลันก่อตัวเป็นสองมือมารสีม่วงโลหิต บนมือปรากฏเค้าร่างลายดอกไม้สีแดงสดที่งดงามชั่วร้าย

ครืน ฟู่!

ชั่วขณะที่หนานกงเซิ่งยกมือขึ้น มันก็เข้ากวาดทำลายรยางค์แสงมารนับไม่ถ้วน

จ้าวเฟิงก็ไม่น้อยหน้า ภายใต้การป้องกันจากพลังเงาโลกมิติส่วนตัว เขาสำแดงเคล็ดวิชาปีกอัสนีโบยบิน ทำลายรยางค์แสงมารรอบด้านในมิติมืดมิดไปได้ไม่น้อย

ครืน ครืน!

จ้าวเฟิงร่วมมือกับหนานกงเซิ่ง กำจัด ‘ปีศาจเริงระบำ’ ของเซียนโม๋ยวนทิ้ง อีกทั้งโจมตีขนาบสองข้างเซียนโม๋ยวน

“พวกเจ้าสองคนรนหาที่ตาย!”

เซียนโม๋ยวนถลึงตามองอย่างโกรธแค้น โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสายมาร ปะทะเข้ากับจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งพร้อมกัน

ครืน บึ้ม!

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงสกัดกั้นการโจมตีจากเซียนโม๋ยวนเอาไว้ ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ย้อนกลับมาดูหนานกงเซิ่ง สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย บาดแผลที่แต่เดิมยังไม่ฟื้นฟูสมบูรณ์หนักมากขึ้นกว่าเดิม

“พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับแข็งแกร่งนัก!”

สายตาของจ้าวเฟิงคร่ำเคร่งเล็กน้อย

พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของเทวาเร้นลับชั้นสูงและเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม ไม่ใช่ระดับเดียวกันเลย หากพลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมากพอ กายศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่มความแข็งแกร่งไปด้วยกลายๆ

หรือก็คือถึงเซียนโม๋ยวนจะไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกฝนกาย แต่การฟื้นฟูและการป้องกันของเขาต่ำกว่าจ้าวเฟิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”

ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง เปลวเพลิงพลังดวงตาอันน่าหวาดหวั่นพลันล้นทะลักออก ประกายแสงสีม่วงทองหมุนวน ลวดลายอัสนีเทวะสีขาวทองหลายเส้นลอยเอ่อ

ฉัวะ ครืน!

ลูกเพลิงอัสนีสีม่วงทองที่โปร่งแสงทั้งหมดพร้อมด้วยกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง ระเบิดมาที่ส่วนหัวของเซียนโม๋ยวน

การโจมตี ‘เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า’ ของจ้าวเฟิงเป็นการโจมตีวิญญาณล้วนๆ มีอัสนีเทวะเป็นหลักสำคัญ เพราะเขารู้ว่าชั้นวัตถุยากจะสร้างอาการบาดเจ็บให้กับเซียนโม๋ยวน

ในยามที่ทะลวงขั้นเซียน พลังวิญญาณของจ้าวก็ได้รับการหล่อหลอมในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงเทวาเร้นลับชั้นต้น แต่เมื่อผสานกับวิชาดวงตาวิญญาณ พร้อมด้วยพลังอัสนีเทวะ ก็ยังคงสามารถสร้างความคุกคามให้กับเซียนโม๋ยวนได้ไม่น้อย

ครืน!

เซียนโม๋ยวนรู้สึกว่าชั้นวิญญาณมีอัสนีนับหมื่นฟาดเปรี้ยงปร้าง อีกทั้งเพลิงเนตรวิญญาณที่หลอมรวมไปในพลังอัสนีเทวะยังคงเผาไหม้ลุกลามไปอย่างต่อเนื่อง

ฟิ้ว ฟิ้ว! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งฉวยโอกาสนี้บุกไปพร้อมกัน

“มือมาร!”

หนานกงเซิ่งประสานมือมารทั้งสองเข้าด้วยกัน รวมเป็นมือมารยักษ์ที่มีไฟม่วงโลหิตร้อนระอุข้างหนึ่ง จากนั้นคว้าออกไปทันที

ขวับ ฉึก!

กายศักดิ์สิทธิ์ของเซียนโม๋ยวนถูกหนานกงเซิ่งตะปบเป็นรอยแผลหลายรอย

พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพปีศาจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสรรพสิ่งใดก็ล้วนมีพลังทำลายล้างอย่างรุนแรง อีกทั้งยังสามารถยับยั้งการฟื้นฟูของอีกฝ่ายได้อีกด้วย

จ้าวเฟิงปลุกพลังอัสนีโบราณในกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ซัดสายฟ้าสีแดงทองหลายสาย บดขยี้ไปยังเซียนโม๋ยวน

อีกด้านหนึ่ง เซียนเอ้อไหลและเซียนเสียเจินก็พ่ายแพ้ไปแล้ว

ในฐานะที่เป็นเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้น ทั้งสองคนมีพลังแข็งแกร่งมากเกินกว่าปกติ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของเซียนทั้งหลายที่ร่วมมือกัน

“จ้าวเฟิง พวกเรามาแล้ว!”

พวกเซียนซิงหมัว หนานเฟิงอ๋อง เฒ่าประหลาดสวี และเซียนราตรีทมิฬ หลังจากที่โจมตีจนเซียนเอ้อไหลและเซียนเสียเจินพ่ายแพ้ไปแล้วก็รีบตามมา

ครืน บึ้ม! การโจมตีพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับกระจายเต็มท้องฟ้า ซัดเข้าไปที่ร่างของเซียนโม๋ยวนทันที

“บัดซบ จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง!”

สีหน้าของเซียนโม๋ยวนซีดขาวและหนักอึ้ง

ต่อให้เขาแข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่อาจเป็นคู่มือเซียนมากมายขนาดนี้ได้ การต่อสู้กับหนานกงเซิ่งก่อนหน้านี้ พลังเทพปีศาจนั่นสร้างอาการบาดเจ็บให้กับเขาได้บ้างแล้ว อีกทั้งยากจะฟื้นฟู

ครืน ฟู่!

รยางค์แสงมารรอบกายเซียนโม๋ยวนสกัดกั้นการโจมตีโดยรอบ อีกทั้งดีดร่างกายของเขาออกมา

ฟิ้ว!

เซียนโม๋ยวนกลายเป็นแสงมารดำทมิฬหลบหนีไป รยางค์แสงมารข้างหลังพ่นพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสีดำกลุ่มหนึ่งออกมา ทำให้ความเร็วของเซียนโม๋ยวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แววตาของจ้าวเฟิงจับจ้อง คลื่นพลังจิตวิญญาณอันรางเลือนกะพริบแล้วหายวับไป จ้าวเฟิงลงดวงตาเทพจับเป้าหมายไว้บนร่างของเซียนโม๋ยวนแล้ว เขาจะปล่อยให้เซียนโม๋ยวนหนีไปเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า!

ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะหนานกงเซิ่งอยู่ที่นี่ และตาซ้ายของจ้าวเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงพอดิบพอดี ตำหนักราชันกับจ้าวเฟิงอาจจะถูกเซียนโม๋ยวนทำลายไปแล้วก็เป็นได้

“ธนูเหนือนภา!”

บนธนูโบราณสีเงินหม่นที่พลันปรากฏขึ้นของจ้าวเฟิง ลูกธนูแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงทองก่อตัวขึ้นมา ภายหลังเสียงดัง ‘ฟึ่บ’ ลูกธนูก็ทะลวงผ่านฟ้าไป

ชั่วขณะต่อมา ลูกธนูแสงก็พุ่งผ่านฟ้า ทะลวงเข้าไปที่อกของเซียนโม๋ยวน

ร่างของเซียนโม๋ยวนชะงัก โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อกลืนกินลูกธนูแสงดอกนี้ จากนั้นก็บินหลบหนีไป

“ปี้ชิงเยวี่ย เซียนราตีทมิฬ พวกเจ้าจัดการนำเซียนทั้งสองของวังเก้านิรย แล้วก็สมาชิกสำนักฟ้าทมิฬและสำนักประกายทมิฬขังเอาไว้ให้หมด”

จ้าวเฟิงรีบร้อนเอ่ยขึ้น

วู้ม ครืน!

ด้านหลังของจ้าวเฟิง ปีกสีทองแดงพลันปรากฏขึ้น บนนั้นแผ่กระจายแสงขนนกนับไม่ถ้วน ในชั่วขณะที่กระพือออกจะสามารถเหนี่ยวนำพลังวายุอัสนีในฟ้าดินได้

ครืน พรึ่บ! ร่างของจ้าวเฟิงกะพริบแล้วหายวับ รีบตามเซียนโม๋ยวนไป

“จ้าวเฟิงไล่ตามเซียนโม๋ยวนไปงั้นรึ!”

เซียนซิงหมัวสั่นสะท้านเล็กน้อย ตกอกตกใจ

ในความคิดเขา สามารถทำให้เซียนโม๋ยวนพ่ายแพ้ไปก็เพียงพอแล้ว

อีกทั้งเซียนโม๋ยวนที่ใจเอาแต่คิดจะหนี พวกเซียนซิงหมัว หนานเฟิงอ๋อง และเซียนราตรีทมิฬไม่มีทางตามได้ทัน

เช่นนั้นแล้วก็มีเพียงจ้าวเฟิงที่ไล่ตาม นั่นมันอันตรายเกินไป

“จ้าวเฟิง ระวังตัวด้วย!”

หนานเฟิงอ๋องก็ไม่เห็นด้วยที่จ้าวเฟิงไล่ตามเซียนโม๋ยวนไป

ถึงแม้เซียนโม๋ยวนจะถูกพวกเขาทั้งหลายล้อมโจมตี ได้รับบาดเจ็บประมาณหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็เป็นเซียนสายมารในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง พลังแฝงล้ำลึก เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ

“เอาพวกมันไปขังไว้ให้หมด!”

ปี้ชิงเยวี่ยออกคำสั่งทันใด

ด้านนอกตำหนักราชัน ผู้แข็งแกร่งมากมายบินออกมาทันใด สำแดงเคล็ดวิชาลับ พันธนาการผู้สมรู้ร่วมคิดกับเซียนโม๋ยวนเอาไว้ทั้งหมด

“รบกวนท่านอ๋องรายงานเรื่องนี้กับราชสำนักด้วย!”

ปี้ชิงเยวี่ยมาข้างกายหนานเฟิงอ๋อง เอ่ยอย่างนอบน้อม

“ได้!” หนานเฟิงอ๋องรับปากทันที

จ้าวเฟิงไปไล่สังหารเซียนโม๋ยวน อีกทั้งยังจับกุมสมาชิกทั้งหมดของวังเก้านิรย สำนักฟ้าทมิฬ และสำนักประกายทมิฬ เรื่องนี้จะต้องทำให้วังเก้านิรยแค้นเคืองเป็นอย่างมาก

มีเพียงรายงานราชสำนัก ให้ตำหนักไท่หวงเอ่ยปาก จึงจะสามารถสยบวังเก้านิรยได้

ในเมื่อตอนนี้คือสงครามใหญ่ของสองราชวงศ์ สถานการณ์ศึกก็รุนแรง แต่วังเก้านิรยที่เป็นขั้วอำนาจสามดาวขั้นสุดยอดของราชวงศ์ กลับบุ่มบ่ามโจมตีขั้วอำนาจสามดาวอีกแห่ง นี่เท่ากับทำให้ราชวงศ์เกิดความไม่สงบภายใน ตัดกำลังของราชวงศ์เอง ตำหนักไท่หวงจะต้องหยุดยั้งเรื่องนี้แน่นอน

……

เหนือหมู่เมฆ แสงศักดิ์สิทธิ์สองสาย สายหนึ่งสีดำ สายหนึ่งสีแดง พุ่งผ่านไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

ฟุ่บ ฟิ้ว!

จ้าวเฟิงดึงคันธนู ยิงลูกธนูแสงศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงด้วยพลังอัสนีเทวะไปเป็นระยะ!

ฉึก! เสี้ยวขณะต่อมา แสงธนูสายนี้ก็ทะลุอกของเซียนโม๋ยวน

“เจ้าผู้เยาว์คนนี้ ควบคุมพลังอัสนีเทวะไว้มากมายถึงเพียงนี้เชียว!”

เซียนโม๋ยวนร้องคร่ำครวญไม่รู้วาย

ในตอนแรกที่จ้าวเฟิงไล่ตามมา เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง แอบฟื้นฟูบาดแผล เตรียมตัวสังหารจ้าวเฟิงในช่วงเวลาสำคัญ

แต่เมื่อจ้าวเฟิงไล่สังหารมา ก็ใช้ธนูเหนือนภายิงแสงธนูศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะไม่หยุดหย่อน สร้างบาดแผลที่ไม่มีวันดับสลายให้กับเขาอย่างต่อเนื่อง

หากเซียนโม๋ยวนย้อนสังหารจ้าวเฟิงกลับตั้งแต่ตอนแรกเริ่ม บางทีอาจจะได้เปรียบ แต่ในตอนนี้สภาพของเขาแย่ลงทุกทีๆ

ฟู่ ครืน ครืน!

ยามที่จ้าวเฟิงไล่สังหารเซียนโม๋ยวน ก็ทดลองใช้เคล็ดวิชาพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับไปเรื่อยๆ ลูกธนูแสงศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะที่ธนูเหนือนภายิงออกมา พลังก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ ตัวมันเองแฝงไว้ด้วยเสวียนอ้าวกฏเกณฑ์ สามารถอาศัยพลังกฏเกณฑ์ฟ้าดินได้อย่างรวดเร็ว…”

ปีกแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงทองด้านหลังจ้าวเฟิงพลันกระพือออกเป็นวายุคลั่งอัสนี ความเร็วของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

โครม!

ยามที่จ้าวเฟิงเข้าใกล้เซียนโม๋ยวน เขาก็เริ่มใช้การโจมตีวิญญาณ พลังอัสนีเทวะแผ่ขยายไปยังวิญญาณของเซียนโม๋ยวนอีกครั้ง

สำหรับการไล่สังหารเซียนโม๋ยวน จ้าวเฟิงระมัดระวังรอบคอบมาโดยตลอด เมื่อมีโอกาสก็โคจรพลังอัสนีเทวะ สร้างอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจลบล้างให้อีกฝ่าย

“จ้าวเฟิง เจ้าจะต้องเสียใจ!”

เซียนโม๋ยวนร้องตะโกนทันใด เผาพลาญพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ หนีไปไกลอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าๆ ข้าไม่รู้ว่าข้าจะเสียใจหรือไม่ แต่ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้าสำนึกเสียใจ!”

ปีกอัสนีสีชาดทั้งคู่ที่หลังของจ้าวเฟิง แสงศักดิ์สิทธิ์วาววับพลันแผ่กระจายออก เหนี่ยวนำเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ฟ้าดินออกมา

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”

จ้าวเฟิงแปลงเป็นแสงสีแดงเจิดจ้า ทะลุผ่านไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว แสงสีทองแดงพลันหม่นแสงลง หลอมรวมไปในอากาศ ก่อนโบยบินไปไกลหลายพันลี้ทันที

เมื่อเห็นเซียนโม๋ยวนที่จะไล่ตามมา จู่ๆ แววตาของจ้าวเฟิงก็เปลี่ยนทิศมองไปยังที่ไกล

“ฮ่าๆ จ้าวเฟิง เจ้าตายแน่!”

ความเร็วของเซียนโม๋ยวนลดช้าลง หันกลับไปมองจ้าวเฟิง

ครืน บึ้ม!

ท้องฟ้าไกลออกไปมืดครึ้มไปทั่ว เงาสีดำน้ำตาลหม่นวูบวาบปรากฏขึ้นจากในนั้น ตรงมายังข้างกายเซียนโม๋ยวนทันใด

เสี้ยวขณะที่ร่างคนสีดำน้ำตาลหม่นปรากฏขึ้น ทั่วท้องฟ้าเเปรเปลี่ยนเป็นโลกมืดมิดที่ขมุกขมัวไร้ขอบเขต เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ที่แน่นอน ราวกับว่าเปลี่ยนแปลงสภาพปรากฏการณ์ฟ้าดิน กดอัดมาที่จ้าวเฟิงทันที

ในชั่วขณะนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของเขาไม่อาจเชื่อมต่อกับพลังเสวียนอ้าวในฟ้าดินแม้เพียงเสี้ยวเดียว เหมือนกับทั่วทั้งผืนฟ้าและปฐพีถูกร่างคนสีดำน้ำตาลนั่นควบคุมเอาไว้

ความรู้สึกนี้ จ้าวเฟิงเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่ง

นั่นคือในยามที่การทดสอบรัชทายาทเพิ่งเสร็จสิ้นลง จ้าวเฟิงอยู่ในวัง ราชาแห่งเซียนอวี่หลิงลงมือจับตัวนักฆ่า ก็เกิดพลังควบคุมกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่เด็ดขาดเช่นนั้น

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะไล่สังหารเซียนโม๋ยวน ก้าวข้ามมาไกลถึงหนึ่งมณฑล อีกทั้งที่แห่งนี้เหมือนว่าจะเป็นเขตอิทธิพลของลัทธิมารพิภพ”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อยก็ได้ข้อสรุป

ระหว่างไล่สังหารเซียนโม๋ยวน เขาก็จมอยู่ในการทดลองใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ อีกทั้งหลังจากที่ทะลวงขั้นเซียนแล้ว ความเร็วในการบินก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไล่สังหารมาไกลถึงเพียงนี้โดยไม่รู้ตัวเลย

“โม๋ยวน คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะโดนผู้เยาว์เทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มไล่สังหารมาถึงที่นี่ได้!”

เงาร่างสีน้ำตาลหม่นนั่นกวาดสายตาไปยังจ้าวเฟิงอย่างไร้อารมณ์

“ข้าโดนล้อมจากเซียนมากมายมาก่อน กายได้รับบาดเจ็บหนัก ราชาเซียนตี้กุ่ย (ภูตปฐพี) รีบฆ่ามันเร็ว!”

เซียนโม๋ยวนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นแววตาเย็นชาจ้องมายังจ้าวเฟิง

ทางที่เซียนโม๋ยวนมุ่งหน้าหลบหนีคือลัทธิมารพิภพที่ห่างจากเขาไม่ไกลมาโดยตลอด ยามที่เขาเข้าใกล้กับลัทธิมารพิภพในระยะหนึ่งก็ส่งข่าวออกไป

ความสัมพันธ์ของลัทธิมารพิภพและวังเก้านิรยแน่นแฟ้น กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นพันธมิตร ดังนั้นลัทธิมารพิภพจะต้องยื่นมือมาช่วยอย่างแน่นอน

เพียงแต่คาดไม่ถึงว่า ผู้ที่ปรากฏจะเป็นผู้อาวโสสูงสุดของลัทธิมารพิภพ…

ราชาเซียนตี้กุ่ย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version