Skip to content

King of Gods 1054

King Of Gods

บทที่ 1054 ราชาเซียนโยวมู่

“นี่คือบุญคุณความแค้นระหว่างข้ากับวังเก้านิรย ‘ลัทธิมารพิภพ’ ก็คิดจะสอดมือเข้ามารึ?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่สะทกสะท้าน มองไปยังราชาเซียนตี้กุ่ย

ฟังคำจ้าวเฟิงแล้ว สายตาของเซียนตี้กุ่ยจับจ้องมายังเขา

ทั่วทั้งผืนฟ้าและปฐพีราวกับว่าเป็นเจตจำนงของเขา พลังกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างพันธนการจ้าวเฟิงเอาไว้แน่นจนไม่อาจขยับได้

แต่เดิมราชาเซียนตี้กุ่ยไม่เห็นจ้าวเฟิงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แต่คำพูดนี้ของจ้าวเฟิงทำให้เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

ถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของขั้วอำนาจสามดาวเช่นเดียวกัน แต่เป็นเพียงแค่เทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มกลับกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ ราชาเซียนตี้กุ่ยเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

แต่ทว่า ท่าทีสุขุมไม่ตื่นตระหนกของจ้าวเฟิงทำให้เขาระวังตัวขึ้นมา

“ลัทธิมารพิภพกับวังเก้านิรย เดิมก็มีความสัมพันธ์คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เจ้าไล่สังหารผู้อาวุโสวังเก้านิรยก็เท่ากับทำลายผลประโยชน์ของ ‘ลัทธิมารพิภพ’!”

ราชาเซียนตี้กุ่ยเอ่ยช้าเนิบ เสียงสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน ดังลึกเข้าไปในจิตใจของจ้าวเฟิง

ใบหน้าของเซียนโม๋ยวนเคร่งเครียด เขาเองก็มองออก ราชาเซียนตี้กุ่ยสั่นสะท้านเพราะท่าทีนิ่งสงบของจ้าวเฟิงไปแล้ว

ในเมื่อข่าวที่จ้าวเฟิงได้รับศรสังหารเทพในมิติเทพลวงตามา ผู้นำระดับสูงของขั้วอำนาจในราชวงศ์บนแผ่นดินใหญ่รู้กันแทบจะทั้งหมด

“มัวพูดพร่ำอะไรกับมันอยู่ รีบฆ่ามันเร็วเข้า!”

เซียนโม๋ยวนรีบพูด

เขามุ่งหน้ามายัง ‘ลัทธิมารพิภพ’ ยังมีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง นั่นก็คือหวังว่าลัทธิมารพิภพจะสามารถบีบให้จ้าวเฟิงเดินมาถึงทางตัน ต่อให้จ้าวเฟิงใช้ศรสังหารเทพจริงๆ ก็จะใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์กับ ‘ลัทธิมารพิภพ’

“เซียนโม๋ยวน เซียนเอ้อไหล เซียนเสียเจิน อีกทั้งสมาชิกสำนักฟ้าทมิฬและสำนักประกายทมิฬล้วนอยู่ที่ตำหนักราชัน หากวังเก้านิรยคิดอยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ ก็ส่งคนไปคุกเข่าขอขมาที่ตำหนักราชัน!”

จ้าวเฟิงไม่สนใจราชาเซียนตี้กุ่ย พูดกับเซียนโม๋ยวน

เซียนโม๋ยวนใบหน้าเคร่งเครียด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาถือวิสาสะก่อเอง หากสุดท้ายแล้วใช้วิธีนี้จบเรื่อง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็จะต้องได้รับการลงโทษ

“ราชาเซียนตี้กุ่ย ฆ่าจ้าวเฟิงซะ ผลประโยชน์ของตำหนักราชัน เจ้าครอบครองห้าส่วน!”

เซียนโม๋ยวนส่งกระแสจิตออกไปทันที

“ผู้เยาว์ เจ้าจะกำเริบเสิบสานมากไปแล้ว!”

สายตาราชาเซียนตี้กุ่ยฉายแววเย็นเยียบ

ตำหนักราชันสามารถใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี พัฒนาขั้วอำนาจได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ในด้านขั้วอำนาจสำนัก การลอบสังหาร และหน่วยข่าวกรอง ล้วนมีรายชื่ออยู่ในอันดับต้นๆ ของราชวงศ์

ด้านพลังอำนาจทั้งหมด ตำหนักราชันอาจเทียบกับลัทธิมารพิภพไม่ติด แต่ด้านทรัพยากรผลประโยชน์ ตำหนักราชันล้ำหน้าลัทธิมารพิภพไปไกลอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะในช่วงนี้ ยามหัศจรรย์แต่ละชนิดที่ตำหนักราชันนำออกมา

หากลัทธิมารพิภพครอบครองยาเช่นนี้ในปริมาณมาก จะสามารถฝึกฝนศิษย์ที่มีศักยภาพในสำนักให้เป็นกำลังรบชั้นสูงได้

ตูม ครืน!

ผืนฟ้าและปฐพีสั่นสะเทือน กฎเกณฑ์พลังไร้รูปร่างกดอัดไปยังจ้าวเฟิง

ราชาเซียนตี้กุ่ยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น อาศัยพลังเจตจำนงก็สามารถควบควบคุมผืนฟ้าและปฐพี บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง

“ลัทธิมารพิภพ ช่างไม่รู้ชั่วดีเอาซะเลย!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นเยียบ

แต่เดิมเขาคิดแค่เพียงทำให้เซียนโม๋ยวนบาดเจ็บหนัก จากนั้นก็ใช้เชลยในมือแลกทรัพยากรปริมาณมหาศาลกับวังเก้านิรย

ผลสุดท้ายเจอราชาเซียนตี้กุ่ยสอดมือกลางคัน นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ตอนที่เขาเตรียมจะปล่อยเซียนโม๋ยวนไปเช่นนี้ ราชาเซียนกลับคิดจะลงมือกับเขา เห็นได้ชัดเลยว่าถูกเซียนโม๋ยวนใช้ผลประโยชน์ยั่วยวนใจ

“หึ ทะลวงขั้นเซียนสำเร็จก็ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแล้วรึ!”

ราชาเซียนตี้กุ่ยสีหน้าเย็นเยียบ เขาไม่พอใจกับท่าทีและคำพูดของจ้าวเฟิงนานแล้ว

ราชาเซียนตี้กุ่ยยกมือสะบัด เห็นเพียงเสวียนอ้าวฟ้าดินกลุ่มหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นลมพายุคลั่งที่มืดหม่นเย็นเยือกน่าขนลุก พุ่งโจมตีมาที่จ้าวเฟิง

ลมพายุคลั่งมืดหม่นเย็นเยือกน่าขนลุกนั่น ราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ทุกที่ที่พัดผ่าน แผ่กระจายกลิ่นอายศาสตร์แห่งซากศพต้องห้ามออกมา

“ธนูเหนือนภา!”

ในมือของจ้าวเฟิง ธนูโบราณสีเงินหม่นพลันปรากฏขึ้น อักขระลึกลับบนนั้นส่องประกายสีเงินหม่นวาววับ

ส่วนในมืออีกข้างของจ้าวเฟิง ปรากฏธนูสีทองหม่นขึ้นดอกหนึ่ง

จ้าวเฟิงรีบนำพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ บรรจุเข้าไปในลูกศรสีทองหม่นดอกนี้

วู้ม ฟิ้ว! พลังแสงเทพสีทองหม่นอันน่าหวาดหวั่นนั่น แผ่กระจายมาจากข้างในนั้น เงาศรเทพที่ยาวถึงร้อยจั้งค่อยๆ แผ่ขยายออก

ฉึก ฉัวะ!

การโจมตีเสวียนอ้าวที่ราชาเซียนตี้กุ่ยปลดปล่อยออกมา ถูกพลังแสงเทพประกายทองที่แผ่ออกมาจากลูกธนูสีทองหม่นทำลายในชั่วพริบตา

“นี่คือศรสังหารเทพ?”

ราชาเซียนที่เมื่อครู่ท่าทางยโสโอหังมีสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นทันที

“ยังมีศรสังหารเทพอยู่จริงๆ ด้วย!”

เซียนโม๋ยวนที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาว

ฟิ้ว ฟิ้ว!

เงาคนทั้งสองรีบเผาผลาญพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ สำแดงเคล็ดวิชาลับหลบหลีก หนีไปคนละทาง

คนทั้งสองล้วนเตรียมตัวป้องกันจ้าวเฟิงเอาไว้ ดังนั้นในยามที่จ้าวเฟิงนำเอาธนูเหนือนภาและลูกธนูออกมา พวกเขาก็ตอบโต้ทันที

ศรสังหารเทพอาวุธเทพชั้นนี้ เซียนทั่วไปคิดอยากจะใช้ยังคงต้องฝืน ดังนั้นจึงต้องรวบรวมพลังเอาไว้ระยะหนึ่ง

“หนีกันไวจริงเชียว!”

จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มเล่นสนุก แววตาจับเป้าหมายราชาเซียนตี้กุ่ยเอาไว้ ดึงสายธนูทันที

วู้ม!

ในเสี้ยวขณะที่ดึงสายธนู เงาศรเทพรอบด้านธนูสีทองหม่นดอกนี้ ยิ่งเพิ่มความแข็งแรง เสวียนอ้าวอันมหาศาลปรากฏลอยอยู่บนนั้น

ราชาเซียนตี้กุ่ยที่กำลังโบยบินอยู่ในท้องฟ้าในใจเคร่งเครียด เสี้ยวขณะนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกพลังจับเป้าหหมายเอาไว้ ไม่มีทางหลบหลีกได้ตลอดกาล!

“จ้าวเฟิง คนที่เจ้าไล่สังหารคือเซียนโม๋ยวนต่างหาก!”

ราชาเซียนตี้กุ่ยตะโกนอย่างตกใจ

อีกด้านหนึ่ง เซียนโม๋ยวนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเย็น “ฮ่าๆ หลังจากที่ใช้ศรสังหารเทพดอกนี้ไปแล้ว เจ้าก็รอความตายเถอะ!”

ฟุ่บ ฟิ้ว!

เห็นเพียงเงาศรสีทองขนาดมหึมา ราวกับทะลวงฟ้าดิน ลากเอาวายุอัสนีพลังธาตุทองอันน่าหวาดกลัว บินผ่านนับหมื่นลี้ในชั่วพริบตา ยิงมายังราชาเซียนตี้กุ่ย

ครืน บึ้ม! สุดขอบฟ้าไกล แผ่กระจายวายุคลั่งอันน่าหวาดหวั่นที่ทำลายฟ้าดินออกมา พลังศาสตร์ซากศพและแสงเทพสีทองหม่นผสานกัน มองมาจากไกลๆ ก็ทำให้ผู้คนใจหวาดผวา

“ไม่ใช่สิ พลังของศรสังหารเทพนี่….”

อีกทิศทางหนึ่ง เซียนโม๋ยวนสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล

ต่อให้อยู่ห่างกันไกลถึงเพียงนี้ เขาก็ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวายุคลั่งทำลายล้างกลุ่มนั้นต่ำกว่าที่เขาคิดเอาไว้เล็กน้อย อีกทั้งธาตุของเสวียนอ้าวก็ยังแตกต่างออกไป

ฟิ้ว!

เห็นเพียงใจกลางวายุคลั่งทำลายล้าง ราชาเซียนตี้กุ่ยที่สภาพน่าอเนจอนาจพุ่งออกมาทันใด ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร จ้องมายังจ้าวเฟิง

“เจ้าเด็กเวร กล้าขู่ข้างั้นรึ นี่มันไม่ใช่ศรสังหารเทพ!”

ราชาเซียนโมโหโกรธา พร้อมด้วยกลิ่นอายศาสตร์แห่งซากศพล้นฟ้า ราวกับเทพภูติผีจากนรกกลับมาเยือนอีกครั้ง

เซียนโม๋ยวนที่อยู่อีกทิศทางหนึ่งก็ตะลึงไปเช่นกัน จากนั้นก็พุ่งมาด้วยใบหน้าโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง แท้จริงแล้วจ้าวเฟิงไม่มีศรสังหารเทพ กลับแกล้งทำท่าทางข่มขู่พวกเขา

ในยามที่ราชาเซียนตี้กุ่ยเตรียมจะลงมืออีกรั้ง เสียงของจ้าวเฟิงก็ดังขึ้น

“ราชาเซียนตี้กุ่ย ข้าเพียงแต่เตือนเจ้าเท่านั้น!”

เสียงของจ้าวเฟิงเย็นชา แววตาหัวเราะเยาะบางๆ มองมายังราชาเซียนตี้กุ่ย

“เตือน!” ราชาเซียนตี้กุ่ยและเซียนโม๋ยวนตัวแข็งทื่อ

แท้ที่จริงแล้ว ศรเมื่อครู่นี้ถึงแม้จะไม่ได้สังหารราชาเซียนตี้กุ่ย ดูๆ ไปแล้วราชาเซียนตี้กุ่ยก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก แต่จ้าวเฟิงรู้ดีว่า วิญญาณของราชาเซียนตี้กุ่ยได้รับบาดเจ็บหนัก

ในตอนที่จ้าวเฟิงสร้างศรสังหารเทพชั้นรองวันนั้นก็ได้คิดไตร่ตรอง เลือกอย่างพิถีพิถัน ลูกธนูสามดอก หนึ่งดอกสีทองสุกปลั่ง สองดอกสีทองหม่น ธาตุของทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ลูกธนูสีทองปลั่ง มีไว้สำหรับชั้นวัตถุ ลูกธนูสีทองหม่นสำหรับชั้นวิญญาณ

แต่ทว่าศรสังหารเทพชั้นรอง หากคิดจะสังหารเซียนก็เป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆ

“หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะยังมีศรชนิดนี้อีก หรือว่าศรสังหารเทพที่แท้จริง มันไม่ได้ใช้….”

ราชาเซียนตี้กุ่ยร่างแข็งทื่อ รู้สึกอยากจะบ้าคลั่ง

เขาเป็นถึงราชาเซียน เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เมื่อใดกัน

แต่หากเพียงจ้าวเฟิงยังมีศรประเภทนี้หรือศรสังหารเทพอยู่อีก เช่นนั้นครั้งนี้ก็อาจจะเอาชีวิตเขาได้จริงๆ

เซียนโม๋ยวนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ไม่ควรที่จะกลับมา

“ในเมื่อลัทธิมารพิภพกับวังเก้านิรยความสัมพันธ์ดีเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไปกับวังเก้านิรยคุกเข่าขอขมาตำหนักราชันด้วยตัวเองเถอะ!”

คำพูดของจ้าวเฟิงทำลายความเงียบ

เผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงที่แข็งแก่งเช่นนี้ ราชาเซียนตี้กุ่ยและเซียนโม๋ยวนที่บาดเจ็บหนัก ในใจยิ่งเพิ่มความมั่นใจ จ้าวเฟิงยังมีไม้ตายอยู่อีก

ทั้งสองมองตากัน อยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา พูดอะไรออกมาไม่ได้ จึงจากไปอย่างคับแค้น

“ไม่ควรช่วยเจ้าโม๋ยวนนี่เลย เฮ้อ!”

ราชาเซียนตี้กุ่ยทอดถอนในใจ แต่ก็ไร้ซึ่งวิถีทาง

ถึงแม้เซียนโม๋ยวนจะลากเขาซวยไปด้วย แต่เขาก็ไม่กล้าไปวังเก้านิรยแล้วต่อว่าต่อขาน

จ้าวเฟิงลอยอยู่ที่เดิม มองทั้งสองจากไป

“ผู้อาวุโส ปรากฏตัวขึ้นได้แล้วกระมัง!”

ดวงตาทั้งสองข้างของจ้าวเฟิงตวัดมองไปยังท้องฟ้าที่ไกลๆ

ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่ไกลๆ แสงสีเทาหม่นบิดเบี้ยวอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มีเงาคนปรากฏขึ้นมาจากในนั้น

จ้าวเฟิงทำความเข้าใจกับมุมมืดทมิฬอย่างละเอียด ในชั่วพริบตาเดียวก็สามารถจำได้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้คือผู้อาวุโสสูงสุดของมุมมืดทมิฬ…ราชาเซียนโยวมู่

ฟู่! ผืนฟ้าและปฐพีทั่วด้านมืดมิดลงอีกครั้ง กฎเกณฑ์เสวียนอ้าวมหาศาล กระจายไปทั่วทุกที่ในอากาศ

“ไม่เสียทีที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักราชัน เจ้าเป็นคนรุ่นหลังที่มีศักยภาพมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมา!”

ราชาเซียนโยวมู่ลูบเครามองมายังจ้าวเฟิง

“ผู้อาวุโสตามข้ามาถึงที่นี่ เกรงว่าคงไม่ใช่เพื่อพูดประโยคนี้กระมัง”

จ้าวเฟิงสีหน้าไม่เปลี่ยนสี แววตานิ่งสงบ มองราชาเซียนโยวมู่

ตั้งแต่ที่ตำหนักราชัน เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็จับสังเกตได้ถึงการมีตัวตนของราชาเซียนโยวมู่

เพียงแต่ว่าในเวลานั้นสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าใด ในเมื่อราชาเซียนโยวมู่คิดซ่อนตัว เช่นนั้นเขาก็ไม่เปิดเผยออกมา

แต่จ้าวเฟิงคาดไม่ถึงว่าเขาไล่สังหารเซียนโม๋ยวนมาตลอดทาง แต่ราชาเซียนโยวมู่ก็ตามมาข้างหลังตลอด

จ้าวเฟิงรู้สึกนับถือความอดทนของเซียนโยวมู่บ้างเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็เตรียมป้องกันเอาไว้

“ฮ่าๆ ข้าก็แค่ว่างจนเบื่อ ถือโอกาสดูพลังความสามารถของผู้อาวุโสตำหนักราชันเสียหน่อย!”

ราชาเซียนโยวมู่เสียงสูงลากยาว

ในความเป็นจริงแล้ว ราชาเซียนโยวมู่รู้สึกแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าในยามที่อยู่ตำหนักราชัน จ้าวเฟิงก็จะค้นพบเขาแล้ว

เทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มคนหนึ่งค้นพบผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียนที่เชี่ยวชาญการหลบซ่อน พูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อกระมัง

“สหายน้อยจ้าว ในช่วงใกล้ๆ นี้ ชื่อเสียงของหอสังหารเดียวดายนำหน้ามุมมืดทมิฬไปเชียว ข้าครั้งนี้มาก็เพื่อจะขอสิ่งของจากตำหนักราชัน!”

ราชาเซียนโยวมู่เอ่ยเนิบช้า

สีหน้าจ้าวเฟิงไม่แปรเปลี่ยน มองมายังราชาเซียนโยวมู่ และรอเนื้อหาต่อไปของเขา

เมื่อครู่ที่เขาใช้ศรสังหารเทพที่สร้างเลียนแบบก็เพื่อสยบราชาเซียนโยวมู่ให้เกรงกลัว

ในเมื่อหอสังหารเดียวดายอาศัยชื่อของมุมมืดทมิฬผงาดขึ้น และอีกฝ่ายในฐานะเซียน แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางเกรงใจจ้าวเฟิงเท่าใดนัก

“ได้ยินมาว่าตำหนักราชัน มียาวิเศษเช่น ‘ยาชำระเลือดบริสุทธิ์’ หลานของข้ากำลังทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับพอดี แต่ไม่มั่นใจสักเท่าใดนัก ดังนั้นข้าจึงมาเพื่อขอยานี้”

ราชาเซียนโยวมู่ในที่สุดก็พูดจบ

ราชาเซียนโยวมู่แอบซ่อนในที่มืดมาโดยตลอด อีกทั้งตามจ้าวเฟิงมา แต่เดิมคือคิดเอาไว้ว่ารอผลการต่อสู้สุดท้ายของจ้าวเฟิงกับเซียนโม๋ยวน

หากเซียนโม๋ยวนชนะ เช่นนั้นเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นทันใด จะต้องได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์บางส่วนได้เป็นแน่

หรือจะยิ่งดีหากทั้งสองบาดเจ็บ ราชาเซียนโยวมู่ก็น่าจะได้รับประโยชน์มากมาย

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ จ้าวเฟิงได้เปรียบมาโดยตลอด กระทั่งสามารถทำให้เซียนโม๋ยวนและราชาเซียนตี้กุ่ยตกใจกลัวหนีไป ในขณะเดียวกันยังสยบเขาเอาไว้ได้

“หอสังหารเดียวดายสามารถพัฒนามาได้ถึงขั้นนี้ ในระดับหนึ่งก็เป็นเพราะมุมมืดทมิฬ ของขวัญเล็กน้อยเท่านี้ ตำหนักราชันจะส่งไปยังมุมมืดทมิฬแน่นอน!”

จ้าวเฟิงยิ้มพูดขึ้น

ราชาเซียนโยวมู่แข็งแกร่งกว่าราชาเซียนตี้กุ่ยอย่างไม่ต้องสงสัย นอกเสียจากใช้ศรสังหารเทพ มิฉะนั้นแล้วจ้าวเฟิงไม่มีทางที่จะชนะได้เลยแม้แต่น้อย

ในยามนี้ราชาเซียนโยวมู่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีข่มขู่เขา และไม่ได้มีท่าทีละโมบโลภมาก จ้าวเฟิงย่อมไม่ขี้เหนียวกับ ‘ยาชำระเลือดบริสุทธิ์’ ไม่กี่เม็ดนี่แน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version