Skip to content

King of Gods 1065

King Of Gods

บทที่ 1065 วานรสายฟ้านภาเพลิง

ขั้วอำนาจสี่ดาวสองแห่งเข้าร่วมสงคราม นี่หมายความว่าสงครามก้าวสู่ช่วงเวลาแพ้ชนะที่สำคัญที่สุด

ในยามนี้ จ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง และคนอื่นๆ รู้สึกถึงความเล็กจ้อยของตนอีกครั้ง ในสงครามใหญ่ของสองราชวงศ์ พวกตนช่างไร้ความสำคัญยิ่งนัก

“หึ วันนี้จะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน!”

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนมองจ้าวเฟิงกับจ้าวหยูเฟยแวบหนึ่ง เจ็บใจเป็นอย่างมาก แต่ทำได้แค่จากไป

เขาต้องยอมรับว่าถึงขอบเขตพลังของเซียนทั้งสี่จะต่ำ แต่พลังล้ำหน้าเซียนทั่วไปอยู่มากโข หากรวมราชาเซียนอวี่หลงด้วย ราชาเซียนเสี้ยวเทียนไม่มีโอกาสชนะใดๆ เลย

อีกทั้งเขาก็ต้องกลับไปรายงานเรื่องราวพวกนี้กับเบื้องบน

“อีกไม่นานเท่าไหร่ ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่จะต้องเป็นของเผ่าพันธุ์ครึ่งมนุษย์!”

ราชาเซียนเสี้ยวเทียนเอ่ยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว จากนั้นก็เหยียบกระแสน้ำชั้นหนึ่งจากไปทันใด

“เซียนเกาหวง จากนี้ไปทำอะไรระวังด้วย!”

ราชาเซียนอวี่หลงไม่ได้หยุดยั้งราชาเซียนเสี้ยวเทียนที่จากไป แต่พูดกับเซียนเกาหวง

“ขอรับ ผู้อาวุโสอวี่หลง!” เซียนเกาหวงเคารพนอบน้อมเป็นที่สุด

จากนั้น สายตาของราชาเซียนอวี่หลงหยุดอยู่ที่ร่างของหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย สองคนนี้ หนึ่งมีพลังเทพปีศาจ แต่กลับยังสามารถรักษาสติสัมปชัญญะและความเป็นมนุษย์ไว้ อีกคนหนึ่งมีสายเลือดน่าหวาดหวั่นที่จัดอยู่ในอันดับสิบเก้าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

หากสองคนนี้สามารถเติบโตขึ้นได้ พวกต่างเผ่าพันธุ์ไม่มีวันกำเริบเสิบสานได้เลย

สุดท้าย ราชาเซียนอวี่หลงมองจ้าวเฟิงอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง

สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบแห่งตระกูลเถี่ย ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักสามดาวขนาดใหญ่อย่างตำหนักราชัน ประจันหน้ากับวังเก้านิรยจนถึงวันนี้ก็ยังอยู่รอด บนสนามรบเอาชนะเซียนหมื่นปรากฏการณ์ หลังจากที่ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับแล้วก็ไล่สังหารสร้างอาการบาดเจ็บหนักให้กับเซียนโม๋ยวน ความสำเร็จมากมายเช่นนี้ ทำให้อิทธิพลของจ้าวเฟิงล้ำหน้าหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย

ฟู่! ราชาเซียนอวี่หลงแปลงเป็นเเสงเงามังกรทองสายหนึ่ง แล้วหายไปทันใด

“ไปเถอะ ไปรวมตัวกับองค์ชายเก้า!”

หลังจากที่ราชาเซียนอวี่หลงจากไป จ้าวเฟิงพูดขึ้นทันที

ดังนั้นทั้งสี่จึงรีบมุ่งหน้าเดินทางมายังฐานที่มั่นในเมืองแห่งหนึ่งด้านหลัง

ฐานที่มั่นนี้ เวลานี้แทบจะรวมผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในเขตสงครามแห่งนี้ไว้ ในเมื่อราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ลงมือ พวกเขาก็ไม่อาจเดินไปมาอยู่ในเขตสงครามได้

“เป็นเซียนเกาหวง!”

“แล้วยังมีจ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง จ้าวหยูเฟย!”

“พวกเขากลับมาหมดแล้ว!”

ในเมือง ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี

เพราะทั้งสี่คนนี้ตรึงราชาเซียนเสี้ยวเทียนเอาไว้ พวกเขาจึงสามารถหนีมาได้

ในตำหนักลับ ผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงหลายคนในเขตสงครามมารวมตัวกันในโถงแห่งหนึ่ง

“คิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักไท่หวงและลัทธิเมืองมืดจะมุ่งมายังสนามรบแล้ว!”

องค์ชายเก้าอุทานอย่างตกตะลึง

ขั้วอำนาจใหญ่สี่ดาวทั้งสอง สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้ควบคุมอำนาจที่แท้จริงของทั้งสองราชวงศ์

“เช่นนี้ขั้วอำนาจอื่นในราชวงศ์ โดยพื้นฐานก็มารวมตัวกันที่สนามรบแล้ว!”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งแววตาส่องประกาย

สงครามเหมือนจะมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว แค่เพียงตำหนักไท่หวงพ่ายแพ้ เช่นนั้นทั้งราชวงศ์ก็จะถูกบุกยึดครองโดยสมบูรณ์แบบ โดยพื้นฐานขั้วอำนาจทั้งหมดในราชวงศ์จึงเข้าร่วมศึกเพื่อคว้าชัยชนะสุดท้าย

“ข้าก็ได้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน ก่อนหน้านี้สามเดือน ขั้วอำนาจใต้อาณัติตำหนักไท่หวงก็เคลื่อนไหวมุ่งมายังสนามรบแล้ว…”

ในตำหนัก สมาชิกส่วนหนึ่งพูดคุยกันถึงการพัฒนาและแนวโน้มของสงคราม

แต่ว่าสำหรับจ้าวเฟิง สิ่งที่ส่งผลต่อการแพ้ชนะของสงครามที่แท้จริงคือกำลังรบขั้นเทพ ส่วนเขาที่เป็นเทวาเร้นลับชั้นต้น ทำประโยชน์ได้เล็กน้อยมากในสงครามสองราชวงศ์

‘อาศัยช่วงเวลานี้ยกระดับพลังถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!’

จ้าวเฟิงพูดในใจ

ไม่ว่าสุดท้ายศึกสองราชวงศ์ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ขอเพียงตนเองมีพลังที่แข็งแกร่งสุดยอด ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล!

หลังจากที่การประชุมจบลง จ้าวเฟิงเตรียมตัวกลับไปปิดด่านฝึกตนยกระดับพลัง

“หนานกงเซิ่ง ช่วงนี้เก็บเนื้อเก็บตัวเป็นดีที่สุด!”

จ้าวเฟิงพูดขึ้นระหว่างทาง

ในยามนี้ศึกของสองราชวงศ์เข้าสู่ช่วงสุดท้าย สิ่งที่ตัดสินผลแพ้ชนะท้ายที่สุดก็คือกำลังรบขั้นเทพ เช่นนั้นครึ่งเทพของวังเก้านิรยจะต้องมายังสนามรบเป็นแน่

ครึ่งเทพของวังเก้านิรยอาจจะไม่ลงมือกับตำหนักราชัน แต่กับหนานกงเซิ่งก็ไม่แน่!

อีกทั้งจ้าวเฟิงก็ไม่คิดเข้าออกสนามรบบ่อยๆ มิฉะนั้นแล้ว เขา หนานกงเซิ่ง และจ้าวหยูเฟย ก็จะดึงดูดกำลังรบขั้นราชาเซียนของต่างเผ่าพันธุ์มา

ด้วยพลังของทุกคนในตอนนี้ หากเผชิญหน้ากับราชาเซียนก็ยังคงไม่มีพลังต้านทานอะไร แค่ประมาทอาจก้าวสู่ความตายได้

อีกด้านหนึ่ง จากการบุกเบิกห้วงฝันบรรพกาล รวมกับพลังลอกเลียนแบบของดวงตาซ้าย จ้าวเฟิงจึงไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรในช่วงระยะนี้

“ข้ารู้!” หนานกงเซิ่งใบหน้าเย็นชา กลับไปยังที่อยู่ของตน

“หยูเฟย ทางที่ดีเจ้ากลับไปยังค่ายทหารของตระกูลตวนมู่เสียเถอะ!”

จ้าวเฟิงพูดเสนอแนะ

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงไม่คิดเข้าออกสนามรบบ่อยๆ และองค์ชายสิบสามก็ตายไปแล้ว จ้าวหยูเฟยไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาหมั้นหมายอีก

“ข้าอยากอยู่ข้างกายพี่เฟิง!”

สายตาของจ้าวหยูเฟยเด็ดเดี่ยว นางกลัวว่าจากกันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะได้เจอจ้าวเฟิงอีก

“ข้าก็จะอยู่ที่นี่!” ตวนมู่ชิงยิ้มเอ่ยขึ้น

ถึงแม้พลังตวนมู่ชิงจะไม่สู้จ้าวหยูเฟย แต่เซียนสองคนอยู่ด้วยกัน แน่นอนว่ายิ่งปลอดภัยกว่า

“เช่นนั้นก็ดี หากเกิดอะไรขึ้นให้มาบอกข้าก่อน!”

จ้าวเฟิงมองหยูเฟย พูดขึ้นอย่างอบอุ่น

หลังจากกลับมายังที่พักแล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มเข้าสู่สภาวะฝึกฝน

เมื่อโคจร ‘หมื่นห้วงความคิดเซียน’ จ้าวเฟิงแบ่งหนึ่งใจใช้หลากหลาย

ความคิดส่วนที่หนึ่ง หลั่งไหลมาสร้างความเสถียรให้วายุอัสนีธาตุดินขั้นที่เก้า จ้าวเฟิงในตอนนี้ต้องการยกระดับขอบเขตอย่างเร่งด่วน แต่วายุอัสนีธาตุดินเพิ่งจะถึงระดับต่ำ หากไม่เสถียรกว่านี้จะมีผลต่อการฝึกฝนและการทะลวงขอบเขตในภายภาคหน้า

ความคิดส่วนที่สอง เข้าฝึกกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หก จ้าวเฟิงกินทรัพยากรบรรพกาลที่ล้ำค่ามากมาย เตรียมทะลวงขั้นที่หกให้ไปถึงระดับต่ำ

ความคิดส่วนสุดท้าย ใช้เพื่อดูดซับพลังอัสนีเทวะของกะโหลกครึ่งเซียนในมิติตาซ้าย

พลังอัสนีเทวะไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มพลังให้วิชาดวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิง ในขณะเดียวกันยังหลอมฝึกพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงได้อีกด้วย

พรึ่บ พรึ่บ! ขณะเดียวกัน ‘หญ้ารวมจิตหลอมวิญญาณ’ หลายต้นปรากฏอยู่ในมือของจ้าวเฟิง พลังจิตวิญญาณมืดมิดเย็นเยือกไหลเข้ามาในวิญญาณของจ้าวเฟิง

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงยิ่งให้ความสำคัญกับการยกระดับพลังวิญญาณ

ทรัพยากรด้านแก่นแท้ชีวิต จ้าวเฟิงมีอย่างมากมาย ขอเพียงยกระดับพลังวิญญาณขึ้นได้ จ้าวเฟิงก็สามารถทดลองใช้ลูกทรงกลมสีทองลึกลับลอกเลียนแบบของที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้

เวลาว่างจากการฝึกฝน จ้าวเฟิงก็เข้าไปยังห้วงฝันบรรพกาลบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อมอบทรัพยากรที่ใช้ยกระดับพลังของเสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลาย

หลังจากนั้นสองเดือน

สมาชิกตำหนักไท่หวงมาถึงยังสนามรบ หลักๆ แล้วมารวมตัวที่มณฑลหลิง หนึ่งในนั้น ผู้นำระดับสูงของวังลอยฟ้าและขั้วอำนาจสามดาวสุดยอดอื่นๆ ก็มาด้วยเช่นกัน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ขั้วอำนาจชั้นยอดบางแห่งเช่นลัทธิเมืองมืดและวังเวหามารมารวมตัวกัน ก่อเป็นสถานการณ์ประจันหน้ากับมนุษย์

ในมณฑลหลิง การสู้รบระดับกลางและล่างค่อยๆ เคลื่อนย้ายไปมณฑลหลานและมณฑลซวงข้างๆ เพราะทุกคนล้วนรู้ว่าที่นี่ใกล้จะเกิดสงครามสะเทือนฟ้าดินแล้ว

วันหนึ่ง สองราชวงศ์เกิดสงครามขนาดเล็กเพื่อหยั่งเชิงขึ้นที่มณฑลหลิง

สมาชิกต่อสู้ถึงแม้จะน้อย แต่แทบจะเป็นกำลังรบขั้นจักรพรรดิไร้เทียมทานและขั้นเซียนทั้งนั้น ซ้ำยังมีราชาเซียนเป็นผู้นำ

สุดท้าย สงครามหยั่งเชิงขนาดเล็กในครั้งนี้ ฝั่งมนุษย์ได้เปรียบเล็กน้อย โจมตีต่างเผ่าพันธุ์จนแตกพ่ายไป

ในมนตราอากาศ จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตนโดยตลอด แต่เขาได้รับข้อมูลจากการสื่อสารกับเฒ่าประหลาดสวีที่อยู่ที่สนามรบมณฑลหลิงผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ

“คิดไม่ถึงเลยว่าสงครามจะขยายจนน่าหวาดหวั่นเช่นนี้!”

จ้าวเฟิงถอนหายใจเล็กน้อย

ในสงครามหยั่งเชิงของมณฑลหลิง พลังต่ำที่สุดแทบจะเป็นจักรพรรดิชั้นยอด สมาชิกเหล่านี้แทบรวมเอาขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์เอาไว้

ในหอควันสมุทร จักรพรรดิหลายคนและเฒ่าประหลาดสวีก็อยู่ในสนามรบมณฑลหลิง

แน่นอน สมาชิกที่เข้าร่วมรบของทั้งสองราชวงศ์รวมกันก็ไม่ถึงร้อย ถึงอย่างไรระดับของสงครามก็สูงเกินไป

หลังจากนั้นสามเดือน จ้าวเฟิงสิ้นสุดการปิดด่าน ในช่วงนี้สนามรบมณฑลหลิงเหมือนจะมีสงครามขนาดเล็กอีกหลายครั้ง

“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกก็ไปถึงระดับต่ำแล้ว!”

ระดับขั้นชีวิตของจ้าวเฟิงยกระดับสูงขึ้นอีกหนึ่งขั้นเล็ก

พรึ่บ! เสี้ยวขณะต่อมา จ้าวเฟิงเข้ามาในห้วงฝันบรรพกาล

“เป้าหมายคือเจ้าแห่งป่า วานรสายฟ้านภาเพลิง!”

จ้าวเฟิงบัญชา

จากนั้น จ้าวเฟิงก็นำวัวคลั่งพสุธาทลายและเสืออัคคีปีกทองโจมตีไปยังพื้นที่ต้องห้ามใจกลางป่า

ครืน ครืน!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนในทันใด วานรสายฟ้านภาเพลิงสีแดงเพลิงตัวหนึ่งมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง แรงกดดันจากแก่นแท้พลังที่ราวกับผู้ทรงอำนาจพลันแผ่กระจายมา

โฮก ครืน!

ฝูงเสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลายโกลาหลวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่าสายเลือดวานรสายฟ้านภาเพลิงสูงกว่ามาก มีพลังสยบกับพวกมันอย่างแน่นอน

จ้าวเฟิงเร่งโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ต้านทานแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวของวานรสายฟ้านภาเพลิง

“พลังของวานรสายฟ้านภาเพลิงตัวนี้ถึงขั้นราชาเซียนแล้ว!”

หลังสัมผัสราชาเซียนมามากมาย จ้าวเฟิงสามารถประเมินพลังของวานรสายฟ้านภาเพลิงได้

แต่ทว่า จ้าวเฟิงมีฝูงสัตว์อสูรบรรพกาลที่แข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัววานรสายฟ้านภาเพลิงที่มีพลังราชาเซียนแม้แต่น้อย หากจ้าวเฟิงนำเผ่าพันธุ์บรรพกาลของที่นี่ไปไว้โลกภายนอกได้ ราชาเซียนเสี้ยวเทียนในตอนนั้นคงไม่กล้าไล่สังหารจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ อย่างแน่นอน

“นี่คืออาณาเขตของข้า พวกเจ้ารนหาที่ตาย!”

วานรสายฟ้านภาเพลิงส่งพลังจิตวิญญาณออกมา

“วานรสายฟ้านภาเพลิง มาเป็นทาสของข้าเสียดีๆ เช่นนี้เจ้าถึงจะรักษาชีวิตของเจ้าไว้ได้!”

จ้าวเฟิงยิ้มอย่างมั่นใจ

“มนุษย์ชั้นต่ำ กล้าจับเผ่าพันธุ์สายเลือดบรรพกาลเป็นทาสรับใช้!”

วานรสายฟ้านภาเพลิงตวาดอย่างเคืองแค้นทันใด

เพียงแค่แวบเดียว มันก็มองออกว่าสัตว์อสูรข้างกายจ้าวเฟิงล้วนถูกเขาจับเป็นทาสรับใช้ อีกทั้งสามารถวิเคราะห์ได้ว่าในร่างของจ้าวเฟิงไม่มีสายเลือดบรรพกาล

“บุก!” จ้าวเฟิงบัญชา

ทันใดนั้น เสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลายแบ่งเป็นสองกลุ่ม แยกกันโจมตีจากข้างล่างและบนฟ้า

“ตายไปให้หมด!”

เผชิญหน้ากับพลานุภาพมากมายเพียงนี้ วานรสายฟ้านภาเพลิงไม่ลังเล กระตุ้นพลังสายเลือดทันที

วู้ม ครืน! ทั่วร่างของวานรสายฟ้านภาเพลิงมีไฟรุนแรงโหมไหม้ ในขณะเดียวกัน หมัดทั้งสอง ดวงตา และในปากของมันพ่นอัสนีสีฟ้าอ่อนออกมา

ครืน ตึง!

หมัดอัสนีมหึมาจากวานรสายฟ้านภาเพลิงโจมตีมาพร้อมเพลิงสีชาดที่ล้นทะลัก ก่อเป็นเสาเพลิงอัสนีขนาดใหญ่ ทรงพลังเหนือสิ่งอื่นใด

“เป็นพลังที่แข็งแกร่งนัก!”

จ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน

ดีที่ฝูงสัตว์อสูรของเขาล้วนถูกควบคุมโดยความคิดของจ้าวเฟิง ดังนั้นยามที่วานรสายฟ้านภาเพลิงโจมตี จ้าวเฟิงจับสังเกตได้ จึงสามารถคาดเดาล่วงหน้า และควบคุมสัตว์อสูรห้วงฝันบรรพกาลให้หลบหลีกขอบเขตโจมตีได้อย่างรวดเร็ว

ครืน ฟู่ ฟู่!

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ สำแดงวิชาปีกอัสนีโบยบินเข้าร่วมในการต่อสู้นี้ด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพียงนี้ จ้าวเฟิงลงมืออย่างสุดกำลัง ไม่สงวนพลังเอาไว้แม้แต่น้อย

จ้าวเฟิงปลดปล่อยขอบเขตแก่นแท้อัสนีและเงาโลกมิติส่วนตัวออกมาในชั่วพริบตา การโจมตีทุกครั้งล้วนทุ่มสุดกำลัง ผสานพลังทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน

ฟิ้ว ครืน!

วัวคลั่งพสุธาทลายพุ่งผ่านไปด้านล่างของวานรสายฟ้านภาเพลิง ส่วนเสืออัคคีปีกทองบินสูงอยู่ในท้องฟ้า ใช้ปีกและกรงเล็บโจมตี

จ้าวเฟิงและฝูงสัตว์อสูรสองกลุ่มเข้าคู่กันได้ดี ลดกำลังวานรสายฟ้านภาเพลิงไม่หยุด

“วิญญาณม่วงพิศวง!”

จ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาลวงตาวิญญาณออกเป็นครั้งคราว ถึงแม้จะได้ผลน้อยมาก แต่สามารถทำให้วานรสายฟ้านภาเพลิงเสียสมาธิ จ้าวเฟิงก็พอใจแล้ว

สู้กันชั่วขณะ ภายใต้การร่วมมือโจมตีของจ้าวเฟิงและสัตว์อสูรสองฝูง

วานรสายฟ้านภาเพลิงก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“เจ้ามนุษย์ชั่วช้า!”

พลังสายเลือดของวานรสายฟ้านภาเพลิงค่อยๆ ลดลง

ครืน บึ้ม! วานรสายฟ้านภาเพลิงพลันกระโดดขึ้น แปลงเป็นแสงอัสนีสีแดงชาดบินทะยานไปไกล

วานรอัสนนีนภาเพลิงทิ้งอาณาเขตหนีไปทันที เพราะรู้ว่าศึกนี้มันแพ้แน่แล้ว หากอยู่ที่นี่ต่อไปอาจกลายเป็นทาสของจ้าวเฟิงเป็นเหมือนวัวคลั่งพสุธาทลายและเสืออัคคีปีกทองพวกนั้น

“ตาม!” จ้าวเฟิงจะปล่อยให้กำลังรบที่แข็งแกร่งเช่นนี้หนีไปได้อย่างไร

ต่อให้จับเป็นทาสล้มเหลว ฆ่าวานรสายฟ้านภาเพลิงลง เลือดเนื้อของมันก็เป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าหาอะไรเปรียบไม่ได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version