Skip to content

King of Gods 1110

King Of Gods

บทที่ 1110 เทพแท้จริงเทียนฝา

ชั่วขณะนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์ที่อยู่ภายในร่างเทพไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป

ผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้น พอลงมือก็นำอาวุธเทพชั้นรองออกมาวางเขตแดนไว้รอบร่างเทพ

เขตแดนที่ก่อขึ้นจากอาวุธเทพชั้นรอง ต่อให้เป็นครึ่งเทพอยากจะฝ่าออกไปก็ต้องใช้เวลาชั่วขณะหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชาเซียนและเซียนอื่นๆ

“คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงต้องมาตรวจค้นมิติเก็บของของพวกเราด้วย?”

“เขากล้าขังพวกเราทั้งหมดไว้ที่นี่เชียวรึ!”

ภายในร่างเทพ เซียนและราชาเซียนมากมายคำรามอย่างฉุนเฉียว

ตรงเขตรอบนอกของร่างเทพแห่งหนึ่ง ใบหน้าของมังกรวารีล้างโลกาลึกล้ำดุจน้ำนิ่ง

“ในยามนี้คิดจะหนีก็หนีไม่ได้แล้ว!”

เสียงกล่าวโทษของป๋ายหลินดังขึ้นในกายของมังกรวารีล้างโลกา

มังกรวารีล้างโลกาเป็นผู้ร่วมมือที่แข็งแกร่งก็จริง แต่เขาถือดีมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ฟังคำพูดของป๋ายหลิน

“คิดไม่ถึงเลยว่าเทพแท้จริงของดินแดนเทพรกร้างจะมาที่นี่ ท่าทางร่างเทพนี้ในยามมีชีวิตอยู่จะไม่ธรรมดา ต้องมีความลับมากมายซ่อนเอาไว้อยู่แน่!”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างสงสัย

“ป๋ายหลิน ต่อไปจะทำยังไงดี!”

มังกรวารีล้างโลกาถามขึ้น

ในยามนี้เขาก็ถูกขังเอาไว้ในเขตแดนที่เทพแท้จริงปลดปล่อยออกมา ประสาทสัมผัสเทพของเทพแท้จริงเมื่อครู่กวาดไปยังร่างเทพแล้วครั้งหนึ่ง แต่อาจเป็นเพราะคนมากเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตตัวตนของมังกรวารีล้างโลกา

หากมังกรวารีล้างโลกาบุ่มบ่ามโจมตีเขตแดน ก็จะเป็นการเปิดเผยตนเองต่อหน้าคนทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงตอนนั้น เทพแท้จริงผู้นี้อาจจะลงมือสังหารเขาก็เป็นได้

ดังนั้นมังกรวารีล้างโลกาจึงฝากความหวังไว้ที่ป๋ายหลิน หวังว่าจะยังพอมีวิธี

“รอ!” ป๋ายหลินพูดออกมาง่ายๆ หนึ่งคำ

……

อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงนิ่งอยู่ที่เดิม เพียงแค่มองไปยังชายเกราะมังกรดำทองผู้นั้น เขาก็รู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่อาจต้านทานได้

“คนผู้นี้คิดจะสังหารข้า บางทีอาจเพียงแค่คิด แค่เพียงชั่วขณะเดียว…”

จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน

เขาไม่มีทางนำมิติเก็บของให้ผู้แข็งแกร่งผู้นี้ตรวจดูเด็ดขาด

เช่นนี้แล้ว จ้าวเฟิงจะมิเหลือเพียงความตายหรือ?

ไยดินแดนทวีปจึงมีผู้แข็งแกร่งที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ปรากฏขึ้น อีกทั้งดูจากท่าทางของเขาแล้ว ไม่มีทีท่าเกรงกลัวผู้แข็งแกร่งของทั้งสองราชวงศ์เลย

จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่า ช่วงสำคัญสุดท้ายที่เขาจะไปจากร่างเทพจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

เหมียว เหมียว! แมวขโมยตัวน้อยพูดอะไรขึ้นที่ข้างหูจ้าวเฟิง

“เจ้าจะบอกว่าอยู่กับครึ่งเทพในราชวงศ์ค่อนข้างปลอดภัยงั้นรึ?”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย

เขาเข้าใจความหมายของแมวขโมยน้อยอย่างรวดเร็ว

ผู้แข็งแกร่งคนนี้เหิมเกริม คิดจะตรวจค้นมิติเก็บของของผู้แข็งแกร่งทั้งหมด แม้กระทั่งครึ่งเทพก็ไม่เว้น

ครึ่งเทพคนไหนก็เหมือนกับจ้าวเฟิง ในมิติเก็บของจะต้องมีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้ ครึ่งเทพในราชวงศ์จะต้องขัดขืนผู้แข็งแกร่งลึกลับนั่นแน่นอน

จ้าวเฟิงเล็กจ้อยถึงเพียงนี้ เพียงแค่หลบอยู่ข้างหลังครึ่งเทพของราชวงศ์ต้าเฉียน ร้องขอการปกป้องก็พอแล้ว

ฟิ้ว!

จ้าวเฟิงสำแดงวิชาปีกอัสนีโบยบิน พุ่งไปยังตำแหน่งที่ครึ่งเทพหลงหวงอยู่ทันที

เมื่อครู่ครึ่งเทพหลงหวงส่งกระแสจิตออกมา ดังนั้นตำแหน่งของเขาจึงถูกพบ

ระหว่างที่โบยบินไป จ้าวเฟิงพบว่าผู้แข็งแกร่งใกล้ๆ บางคนก็มุ่งหน้าไปรวมตัวกับขั้วอำนาจตำหนักไท่หวงเช่นกัน

ในยามนี้ พลังของร่างเทพทุกส่วนไหลออกไปประมาณหนึ่งแล้ว ผิวของร่างเทพก็ยิ่งเสียหายหนัก พลังของทุกคนไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป ประสาทสัมผัสวิญญาณก็ทะลุผ่านกำแพงผลึกได้อย่าง่ายดาย

“หนานกงเซิ่ง?”

จ้าวเฟิงเจอร่างที่คุ้นเคย

“จ้าวเฟิง รีบไปฟากตำหนักไท่หวงเร็ว!”

หนานกงเซิ่งพูดออกมาทันที

“ผู้แข็งแกร่งที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวนั่นเป็นใครมาจากไหนกัน?”

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าหนานกงเซิ่งเหมือนรู้อะไรมาบ้าง

“นั่นคือขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพรกร้าง แหวกกำแพงมิติ บุกเบิกเส้นทาง ให้เทพแท้จริงผู้นี้มายังที่นี่ ”

หนานกงเซิ่งส่งกระแสจิตบอกข้อมูลนี้กับจ้าวเฟิง

“ดินแดนเทพรกร้าง เทพแท้จริง!”

จ้าวเฟิงได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็ตื่นตะลึงขึ้นทันใด หยุดค้างกลางอากาศชั่วขณะ

เป็นเทพแท้จริงของดินแดนเทพรกร้างนี่เอง มิน่าเล่าจึงได้ลำพองถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งครึ่งเทพหลงหวงของราชวงศ์ต้าเฉียนก็ยังไม่อยู่ในสายตา

แต่หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลพวกนี้แล้ว จ้าวเฟิงกลับยิ่งกังวล

อีกด้านหนึ่ง ชายเกราะมังกรดำทองก็เข้ามาในเขตแดน ลอยลงมาที่ส่วนเท้าของร่างเทพ

“มอบมิติเก็บของมาเสียดีๆ!”

ใบหน้าชายเกราะมังกรเรียบนิ่ง

ผู้แข็งแกร่งบางคนใกล้ๆ เขาถูกกดันจนขยับไม่ได้ คิดจะหนียิ่งเป็นไปไม่ได้

ชายเกราะมังกรดำทองเห็นคนเหล่านี้ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ จึงสะบัดมือออก เสวียนอ้าวกฎเกณฑ์อันแข็งแกร่งสายหนึ่งก่อขึ้นเป็นมือยักษ์ลวดลายสีดำ จับเซียนสองคนนั้นเอาไว้

“ปล่อยข้า!”

“เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เซียนทั้งสองดิ้นรนสุดชีวิต แต่กระทั่งพลังศักดิ์สิทธิ์แค่เพียงเศษเสี้ยวก็ไม่อาจโคจรได้

ประสาทสัมผัสเทพของชายเกราะมังกรดำทองเข้าไปยังโลกส่วนตัวมิติเก็บของของทั้งสองทันที

หลังจากที่ตรวจค้นทุกซอกทุกมุมแล้ว ชายเกราะมังกรดำทองก็โยนเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นทั้งสองลงทันที

“โง่เง่า กลัวว่าข้าจะเอาขยะในมิติเก็บของของพวกเจ้าไปอย่างนั้นรึ?”

ชายเกราะมังกรดำทองหัวเราะอย่างเหยียดหยาม

“ใต้เท้า นี่คือมิติส่วนตัวของข้า!”

ผู้แข็งแกร่งที่เหลือบางคนแถวนั้นเห็นชายเกราะมังกรแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แข็งแกร่งกว่ากระทั่งครึ่งเทพในความทรงจำของพวกเขา จึงมอบมิติเก็บของออกไปแต่โดยดี

“ท่านเป็นใครกัน? พวกเราเป็นคนของวังเวหามารแห่งราชวงศ์จันทราทมิฬ ท่านทำเช่นนี้มันไม่ค่อยเหมาะกระมัง!”

จากที่ไกลๆ ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ผู้หนึ่งเอ่ยทันใด

ข้างๆ เขายังมีราชาเซียนหนึ่งคนและเซียนอีกสามคน

เป็นเพราะเหตุนี้เอง ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์วังเวหามารผู้นี้จึงรวบรวมความกล้าถามออกไป

ชายเกราะมังกรดำทองเงยหน้าขึ้นน้อยๆ มองไปยังราชาเซียนคนนี้

“เจ้าคู่ควรพูดกับข้าอย่างนั้นรึ?”

ชายเกราะมังกรดำทองขมวดคิ้ว

ครืน!

พลังวิญญาณที่ไร้รูปร่างกระตุ้นพลังฟ้าดิน แล้วพุ่งทะลวงไปในกายของราชาเซียนผู้นี้ทันใด

ฉัวะ!

ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ยังไม่ทันได้ตอบโต้ วิญญาณก็ดับสลาย ร่างล้มคว่ำไปบนพื้น

“ราชาเซียนจิ่วโม๋!”

ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์อีกผู้หนึ่งข้างๆ ตัวสั่นเทิ้ม ส่งเสียงสั่นเครือ

เพียงแค่ชั่วขณะก็สังหารราชาเซียนได้ง่ายดายเพียงนี้ คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?

เซียนที่เหลือยิ่งตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง วิญญาณและร่างกายของพวกเขาเหมือนแข็งตัว ไม่อาจขยับได้

ฟิ้ว!

ราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์ผู้นั้นรีบถอยไปในทันใด

“ไปรวมตัวกับผู้อาวุโสครึ่งเทพพั่วเมี่ย!”

เซียนผู้นี้ได้แต่ฝากความหวังไว้ยังผู้อาวุโสสูงสุดและครึ่งเทพคนอื่นของราชวงศ์จันทราทมิฬ

“ไปเร็ว!”

เซียนที่อยู่ห่างจากชายเกราะมังกรดำทองในระยะหนึ่งก็หนีไปด้านหลังเช่นกัน

“ฮ่าๆ โง่เง่า พวกเจ้าไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น!”

ชายเกราะมังกรดำทองหัวเราะเยียบเย็น

เขาไม่ใส่ใจเซียนกับราชาเซียนที่หนีไปพวกนั้น ตรวจมิติเก็บของของคนอื่นรอบๆ อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

ตำแหน่งหน้าอกร่างเทพ

ครึ่งเทพพั่วเมี่ยมีสีหน้าอัดอั้นเป็นที่สุด

“ท่านสังหารราชาเซียนของวังเวหารมารเช่นนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่กระมัง!”

ครึ่งเทพพั่วเมี่ยสะกดกลั้นความแค้นเคืองในใจ ถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นเยือก

“เอ๋? เนตรดับสูญ?”

ชายเกราะมังกรดำทองมองมายังครึ่งเทพพั่วเมี่ยชั่วครู่หนึ่ง

“ขัดคำสั่งของข้าล้วนต้องตาย!”

ทันใดนั้น ชายเกราะมังกรดำทองใบหน้าเย็นชา ทั่วทั้งร่างปลดปล่อยอำนาจสวรรค์สูงสุดที่มหาศาลออกมา กฎเกณฑ์ฟ้าดินทั้งหมดสั่นสะท้าน ท้องฟ้าบิดเบี้ยว

“ไว้ชีวิตด้วย!”

“ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย!”

ผู้แข็งแกร่งเซียนทั้งหลายรอบชายเกราะมังกร กายใจและวิญญาณถูกกดดันเอาไว้แน่นหนา เหมือนว่าจะแตกสลายแล้วเต็มที พร้อมกับคุกเข่าลงไปกับพื้น

ประโยคนี้ของชายเกราะมังกรดำทองส่งเข้าไปยังชั้นวิญญาณของทุกคน

จิตใจของผู้แข็งแกร่งทุกคนของสองราชวงศ์หล่นวูบ แม้กระทั่งครึ่งเทพหลงหวงและครึ่งเทพโยวหลง ใบหน้าก็ล้วนดูแย่เป็นที่สุด

“ท่านกำลังท้าทายราชวงศ์จันทราทมิฬรึ?”

ครึ่งเทพโยวหลงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ครึ่งเทพโยวหลงรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของชายผู้นี้ แต่ว่าชายลึกลับจะสามารถต้านทานครึ่งเทพทั้งหมดของราชวงศ์ได้รึ?

สายตาของครึ่งเทพหลงหวงและครึ่งเทพโยวหลงจ้องเขม็งไปยังชายเกราะมังกรดำทองผู้นั้น เห็นอีกฝ่ายนิ่งไม่มีปฏิกิริยาราวกับไม่ได้ยิน

“เรียกผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของราชวงศ์ต้าเฉียนมา!”

“เรียกราชาเซียนและครึ่งเทพทั้งหมดของราชวงศ์จันทราทมิฬมานี่!”

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสองราชวงศ์ออกคำสั่งทันที

ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่อยู่ทุกตำแหน่งของร่างเทพตอบรับ จากนั้นรวมตัวตรงไปยังหน้าอกร่างเทพ

“หนานกงเซิ่ง เขามีทางรับมือครึ่งเทพมากมายเช่นนี้รึ?”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง

“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง!”

หนานกงเซิ่งขึ้นเสียง

ทั้งสองไม่เคยเห็นเทพแท้จริงจริงๆ ตามหลักแล้ว ต่อให้คนผู้นี้เป็นเทพแท้จริงของดินแดนเทพรกร้างมาเยือน ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของครึ่งเทพมากมายเช่นนี้ได้

“พี่เฟิง!”

ในยามนี้เอง จ้าวหยูเฟยมาถึงที่นี่

“หยูเฟย!”

จ้าวเฟิงมองประเมินจ้าวหยูเฟย สีหน้าตกตะลึง

จ้าวหยูเฟยในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ผลึกม่วงทั่วทั้งร่างของนางใสกระจ่างดุจเซียนหยก แผ่กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่สูงส่ง ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเหนี่ยวนำไอสวรรค์ฟ้าดินรอบด้าน ท่าทางนางคงพบโอกาสที่ไม่เลวเลยในกะโหลกร่างเทพ

การมาเยือนของจ้าวหยูเฟยดึงดูดผู้แข็งแกร่งราชวงศ์ต้าเฉียนคนอื่นๆ ทั่วทุกทิศ แต่ยามนี้ ทุกคนสนใจชายเกราะมังกรดำทองยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“ทำขอบเขตพลังให้มั่นคงก่อน!”

จ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง ขอบเขตพลังยังไม่มั่นคง และยังไม่คุ้นชินกับพลัง

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงหามุมหนึ่ง แล้วเริ่มปิดด่าน

ถึงแม้ว่าเขาจะเผชิญกับวิกฤตอันยิ่งใหญ่ แต่พลังของเขาอ่อนแอเกินไป ไม่ก่อประโยชน์ใดทั้งสิ้น

ไม่สู้อาศัยเวลานี้ยกระดับและทำให้พลังมั่นคง ใช้ปกป้องตัวเองในวิกฤตที่จะเกิดขึ้นให้สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้

ความคิดของจ้าวเฟิงมายังในมนตราอากาศ

“ทรัพย์สมบัติของครึ่งเทพไม่เลวเลย!”

จ้าวเฟิงเริ่มจัดการทรัพยากรที่ได้มาจากในมิติเก็บของของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง

ถึงแม้เวลาส่วนใหญ่ของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งจะไล่สังหารจ้าวเฟิง

แต่ในตอนแรกที่เขามาถึงร่างเทพ จะต้องเจอโอกาสยิ่งใหญ่เป็นแน่ จากนั้นยังเกิดการแย่งชิงกับคุนอวิ๋นอีก

นอกจากนั้น แต่เดิมทรัพย์สมบัติของครึ่งเทพจวี้เหมิ่งก็น่าตกใจมากอยู่แล้ว ผลึกเซียนระดับล่างร้อยกว่าชิ้น สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงปีติยินดีก็คือ เขายังค้นพบผลึกเซียนสองชิ้น ถึงแม้พลังเทพของหนึ่งในนั้นถูกใช้ไปแล้วก็ตาม

“ ‘วิชาแปลงเทพ’ ”

จ้าวเฟิงพบเคล็ดวิชาลับเล่มหนึ่งในกล่องไม้

จากนั้นเขาก็เริ่มเปิดอ่านเนื้อหาด้านใน

“เป็นเคล็ดวิชาที่สามารถนำพลังเทพจากโลกภายนอกมาผสมผสานฝึกกับพลังของตน!”

จ้าวเฟิงยินดีเกินบรรยาย

ในยามนี้เขามีอาวุธเทพชิ้นหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ขับเคลื่อนพลังของอาวุธเทพ ‘วิชาแปลงเทพ’ เล่มนี้จัดการความกลัดกลุ้มของจ้าวเฟิงได้พอดี

แต่ว่า ‘วิชาแปลงเทพ’ ก็มีข้อเสียเป็นอย่างมาก

‘วิชาแปลงเทพ’ ถึงแม้จะสามารถทำให้จ้าวเฟิงได้ครอบครองพลังเทพก่อน แต่หลังจากที่จ้าวเฟิงทะลวงถึงตำแหน่งเทพแล้ว กลับต้องใช้เวลามากในการขับพลังเทพกลุ่มนี้ออกไป หรือผสานเข้ากับพลังเทพใหม่ของตน

ในร่างเทพยามนี้เอง

ชายเกราะมังกรดำทองพบว่าผู้แข็งแกร่งของทั้งสองราชวงศ์เหมือนจะมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ต้องการร่วมมือกันต้านทานเขา

“ช่างเป็นการกระทำที่โง่เง่าอะไรเช่นนี้ กล้าขัดขืนพลังของตำหนักวิญญาณบรรพกาล!”

ชายเกราะมังกรดำทองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็แค่นเสียงเย็นทันใด

“เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้า ‘เทพแท้จริงเทียนฝา’ ไม่ปรานีก็แล้วกัน!”

เทพแท้จริงเทียนฝาหัวเราะอย่างเหยียดหยามเมื่อเห็นการกระทำอันโง่งมของทั้งสองราชวงศ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version