บทที่ 1212 อุปสรรคระหว่างทาง

ณ อ่าวทะเลคราม อาณาเขตในปกครองของเผ่าหยกทอง ภายในอ่าวมีดินแดนเกาะน้อยใหญ่เกือบสิบแห่ง เกาะเทียนอวี่เป็นเกาะหนึ่งในนั้น

วันหนึ่ง ค่ายกลส่งข้ามโบราณของขั้วอำนาจสี่ดาวแห่งหนึ่งในอ่าวทะเลครามเปล่งแสงสว่าง เมื่อประกายแสงนี้หายไป ชายหนุ่มผมทองผู้หนึ่งก็ปราฏกายขึ้น

รอบๆ ค่ายกลส่งข้ามมีองครักษ์เฝ้ายามเกราะเขียวสองคน พลังฝึกตนแตะขั้นครึ่งเทพ

พวกเขาไม่เพียงแต่เฝ้าค่ายกลส่งข้าม แต่ยังเข้าใจด้านค่ายกล มีหน้าที่รับผิดชอบคอยกระตุ้นค่ายกลส่งข้าม

“แสดงตัวมา!”

องครักษ์เกราะเขียวคนหนึ่งในนั้นปรายตามองจ้าวเฟิง ตะเบ็งเสียงออกมา

“ข้าเป็นคนของเจ้าเกาะเทียนอวี่!” จ้าวเฟิงเอ่ย

อ่าวทะเลครามเป็นพื้นที่ในอาณัติของเผ่าหยกทอง และจ้าวเฟิงเป็นคนสังหารซีเฟิง ยั่วโทสะปฐมเทพตี้หลิน และยังเคยสังหารเทพแท้จริงจำนวนมากของเผ่าหยกทองด้วย ถึงกระทั่งในตอนที่สมบัติปรากฏขึ้น จ้าวเฟิงยังชี้แนะให้มังกรวารีล้างโลกาไปแย่งชิงจากเผ่าหยกทอง

สามารถพูดได้ว่า คนของเผ่าหยกทองเกลียดชังจ้าวเฟิงเข้ากระดูกดำ

แต่เกรงว่าเผ่าหยกทองคงไม่มีทางคิดเลยว่าจ้าวเฟิงจะมาอยู่ในพื้นที่ปกครองของตน

พรึ่บ! จ้าวเฟิงหยิบเอาป้ายคำสั่งสีขาวแผ่นหนึ่งออกมา

ป้ายคำสั่งนี้จ้าวเฟิงได้มาจากมิติเก็บของของพี่น้องเจ้าเกาะเทียนอวี่ทั้งสาม เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเทียนอวี่ ใช้ในบริเวณอ่าวทะเลคราม

หลังจากแสดงตนแล้ว จ้าวเฟิงก็เตรียมตัวเดินทางต่อ

“ช้าก่อน ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ ‘สำนักภูติเหล็ก’ แห่งเกาะฟ้าคราม ต้องจ่ายผลึกเซียนระดับต่ำยี่สิบชิ้นมาก่อนถึงจะออกจากที่นี่ได้!”

องครักษ์เกราะเขียวคนเมื่อครู่ขวางจ้าวเฟิงเอาไว้

จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย

ผลึกเซียนระดับต่ำยี่สิบชิ้น สำหรับครึ่งเทพทั่วไปไม่ถือว่าล้ำค่ามาก แต่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย

แต่ถ้าหากคนที่เดินทางมามีพลังในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง คงจะไม่มีผลึกเซียนระดับต่ำถึงยี่สิบชิ้นด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงพอคาดเดาได้ว่าไม่มีกฎเกณฑ์นี้ตั้งแต่แรก คนพวกนี้แค่อาศัยอำนาจและพลังรังแกคนที่อ่อนแอกว่า

มีการข่มเหงรังแกและเอาเปรียบกันเกิดขึ้นในทุกแห่งทั่วดินแดนเทพรกร้าง

“ไสหัวไป!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น ปลดปล่อยแรงกดดันแก่นแท้ศาสตร์อัสนีที่น่ากลัวออกมา

โครม แซ่ด แซ่ด!

รอบตัวจ้าวเฟิงปรากฏเขตแดนสายฟ้าอัสนีห้าสีขึ้น ปลดปล่อยแก่นแท้พลังอัสนีศักดิ์สิทธิ์ที่เขย่าใต้หล้าออกมารอบทิศ

ตุ้บ! ทันใดนั้นเอง องครักษ์เกราะเขียวสองคนทรุดลงกับพื้นทันที

แน่นอนว่าจ้าวเฟิงควบคุมไม่ให้เกินเลยจนเกินไป เขาแค่ต้องการเขย่าขวัญสองคนนี้เท่านั้น

“โปรดระงับโทสะด้วย พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ สำนักภูติเหล็กไม่ได้มีกฎนี้แต่อย่างใด!”

ชายหนุ่มเกราะเขียวสองคนกลับคำพูดในทันใด

จากเมื่อครู่ พวกเขาก็ตัดสินได้ว่าขอบเขตพลังของของจ้าวเฟิงอย่างน้อยน่าจะอยู่เหนือปฐมเทพขั้นหนึ่ง

ปฐมเทพขั้นหนึ่ง หมายถึงปฐมเทพที่มีพลังของเทพแท้จริงขั้นหนึ่ง

แต่ปฐมเทพเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกียรติยศ สถานะปฐมเทพขั้นที่หนึ่งผู้หนึ่งจะอยู่เหนือเทพแท้จริงขั้นหนึ่งไปไกล หนำซ้ำยิ่งเป็นปฐมเทพในระดับสูงเท่าไหร่ เกียรติยศก็ยิ่งเกรียงไกรเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นปฐมเทพทุนเทียนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภาซึ่งเป็นปฐมเทพขั้นสี่ เขาสามารถพิสูจน์ตำแหน่งเทพได้ขั้นสี่โดยตรง ความสำเร็จขั้นต่ำสุดในภายหน้าก็คงจะเป็นเทพโบราณในขั้นเก้า

แต่ก็มีเทพแท้จริงขั้นสี่บางส่วน ที่แม้แต่จะทะลวงเป็นเทพโบราณก็ยังทำไม่ได้

จ้าวเฟิงสลัดแรงกดดันทิ้งแล้วจากไปทันที

“เผ่าหยกทองไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่อ่าวทะเลคราม จึงไม่ได้ตามหาข้าอย่างจริงจังเท่าไหร่นัก!”

จ้าวเฟิงกระจ่างแจ้งในใจ

ถ้าหากเผ่าหยกทองรู้ว่าเขาอยู่ที่อ่าวทะเลครามคงมีคำสั่งออกมาแน่ ตอนที่จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะโดนขั้วอำนาจที่นี่ล้อมจับไปแล้ว

ทว่าคนที่อยากจะสังหารจ้าวเฟิงไม่ได้มีแค่เผ่าหยกทองเท่านั้น

ตอนนั้นที่เข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ มีเพียงเขตผาเก่า เขตเนินสุริยา เขตชะตาสวรรค์ ส่วนขั้วอำนาจบางส่วนที่จ้าวเฟิงเจอในอดีตนั้นอยู่ในเขตผาเก่าทั้งสิ้น

“ขอแค่เดินทางออกจากเขตผาเก่าได้ ข้าก็จะปลอดภัย!”

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เขตผาเก่ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งเหมือนอย่างอ่าวทะเลคราม ทั้งเขตผาเก่า น่าจะมีสักสามสิบกว่าแห่งขึ้นไปเป็นอย่างน้อย

จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าเกาะเทียนอวี่ที่จ้าวเฟิงอยู่ก่อนนี้มีขนาดเล็กจ้อยเพียงไหน

“ขั้วอำนาจสี่ดาวของเกาะเทียนอวี่จะควบคุมค่ายกลส่งข้ามขนาดเล็กเท่านั้น ส่วนขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปจะควบคุมค่ายกลส่งข้ามขนาดใหญ่ ระยะทางที่ข้ามไปได้ก็จะไกลขึ้นหน่อย…”

ก่อนที่จ้าวเฟิงจะออกเดินทาง เขาสอบถามเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจนเรียบร้อย

พูดได้ว่าหากจ้าวเฟิงคำนึงถึงความปลอดภัย ก็สามารถใช้ค่ายกลขนาดเล็กของขั้วอำนาจสี่ดาวได้ หากต้องการจะเดินทางออกจากเขตผาเก่า ต้องใช้ค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง หรืออาจต้องเป็นขั้วอำนาจห้าดาว จะสามารถประหยัดเวลาได้มากกว่าห้าเท่าขึ้นไป

แต่ค่ายกลส่งข้ามขนาดใหญ่พวกนี้อยู่ในการควบคุมของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง สี่ดาวระดับสุดยอด และห้าดาว

หนึ่ง ขั้วอำนาจที่จ้าวเฟิงมีปัญหาด้วยมีจำนวนมาก จึงจำต้องระแวดระวัง

สอง จ้าวเฟิงไม่มีฐานะตำแหน่งใดๆ จึงไม่มีทางใช้ค่ายกลส่งข้ามเหล่านี้ได้เลย

อย่างเช่นเมื่อครู่ จ้าวเฟิงเพียงแค่เดินทางจากเกาะเทียนอวี่ไปยังเกาะใหญ่อีกแห่งหนึ่ง องครักษ์ของที่นี่ยังบังคับให้จ้าวเฟิงแสดงตน มิฉะนั้นคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้

“เดินทางออกจากอ่าวทะเลครามก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

ป้ายคำสั่งของเกาะเทียนอวี่ใช้ได้แค่ในอ่าวทะเลครามเท่านั้น ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงต้องออกจากอ่าวทะเลครามก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

สิบกว่าวันต่อมา จ้าวเฟิงยืนอยู่บนค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่งในหอโบราณ

“จะเดินทางออกจากอ่าวทะเลครามแล้ว!” จ้าวเฟิงพึมพำ

เมื่อเดินทางโดยค่ายกลส่งข้ามแห่งนี้แล้ว จ้าวเฟิงจะออกจากอาณาเขตในปกครองของอ่าวทะเลครามได้โดยสมบูรณ์ แต่ในเวลานี้เอง ค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่งข้างจ้าวเฟิงก็เปล่งประกายวิบวับสีขาว

พรึ่บ! เงาคนทั้งสามปรากฏขึ้นภายในนั้น

เป็นบุรุษหนุ่มสวมเสื้อแพรสองคน ผู้อาวุโสชุดทองคนหนึ่ง

“เป็นเจ้า!”

บุรุษหนุ่มคนหนึ่งในนั้นมองจ้าวเฟิงด้วยทีท่าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

เวลาเพียงชั่วครู่ บุรุษผู้นี้ก็มีทีท่ากราดเกรี้ยว ไอสังหารลุกโชนขึ้นในแววตา

คนผู้นี้ก็คือปฐมเทพตี้หลิน

แน่นอนว่าจ้าวเฟิงเองก็ชะงักไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่กำลังจะเดินทางออกจากพื้นที่ของอ่าวทะเลคราม จะต้องมาเจอกับปฐมเทพตี้หลิน ทว่าตอนที่ปฐมเทพตี้หลินได้สติขึ้นมา จ้าวเฟิงก็เดินทางจากไปอย่างราบรื่นแล้ว

“ปฐมเทพตี้หลิน เป็นอะไรไป?”

บุรุษหนุ่มหน้าคมสันและดูแข็งแรงอีกคนถาม

“ตอนที่อยู่ในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ ชายคนเมื่อครู่มุ่งเล่นงานเผ่าหยกทองตลอด ถึงกระทั่งเคยขโมยทรัพยากรของเผ่าหยกทองด้วยซ้ำ!”

ปฐมเทพตี้หลินสาธยายความผิดของจ้าวเฟิง

สุดท้ายแล้วในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ การเก็บเกี่ยวของเผ่าหยกทองไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเมื่อเทียบกับขั้วอำนาจอื่นๆ เมื่อเรื่องจบเทพแท้จริงเทียนหวาถึงกับเดินทางมากล่าวโทษเขาด้วยตนเอง

เพราะปฐมเทพตี้หลิน ตอนที่เผ่าหยกทองจัดการจ้าวเฟิง พวกเขาสูญเสียเทพแท้จริงขั้นสามไปสองคน และหลังจากนั้นกลุ่มของจ้าวเฟิงยังจงใจทำร้ายเผ่าหยกทองด้วย

“พวกเรารีบตามไปเร็ว จะปล่อยคนผู้นี้ไปไม่ได้!”

ปฐมเทพตี้หลินเอ่ยออกมาทันที

จากนั้นคนทั้งสามจึงกระโดดไปในค่ายกลส่งข้ามที่เพิ่งส่งจ้าวเฟิงจากไป

“คนผู้นี้เป็นใคร? เหตุใดถึงอยู่ในพื้นที่เผ่าหยกทองของข้าได้?”

บุรุษร่างกำยำผู้นั้นเอ่ยอย่างฉงน

ตามคำของปฐมเทพตี้หลิน จ้าวเฟิงเป็นศัตรูกับเผ่าหยกทอง แต่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ของเผ่าหยกทองตัวคนเดียว นี่ไม่แปลกหรอกหรือ?

ต้องรู้เอาไว้ว่า ทั่วอ่าวทะเลครามมีเพียงเผ่าหยกทองเท่านั้นที่เชื่อมบรรจบกับพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้

“คือ…” ปฐมเทพตี้หลินชะงักไป

เหตุใดจ้าวเฟิงจึงปรากฏตัวขึ้นที่อาณาเขตของเผ่าหยกทองได้?

เมื่อครู่เขามองเห็นจ้าวเฟิงโดยไม่ทันตั้งตัว ในหัวสับสนงงงวย ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย

“จับคนผู้นี้เอาไว้ก็รู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรือ สมบัติบนร่างคนผู้นี้ก็มีไม่น้อยด้วย พลังของเทพแท้จริงตี้ไห่ (พิภพสมุทร) น่าจะจับคนผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย!”

ปฐมเทพตี้หลินเอ่ยกับผู้อาวุโสที่ข้างๆ

“หืม?” เดิมผู้อาวุโสผู้นี้ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงแค่ปฐมเทพผู้หนึ่งเท่านั้น

แต่ความนัยที่แฝงในคำพูดของปฐมเทพตี้หลินชัดเจนยิ่ง จะจับเจ้าคนนี้ต้องให้เขาเป็นคนลงมือ ดังนั้นเทพแท้จริงตี้ไห่จึงตื่นตะลึงอยู่บ้าง

“กระตุ้นค่ายกลส่งข้าม!”

ปฐมเทพตี้หลินตะโกนบอกองครักษ์ข้างๆ

“ขอรับ ขอรับ!”

องครักษ์ผู้นั้นรีบวางผลึกเซียนระดับต่ำจำนวนมากลงไป จากนั้นกุลีกุจอกระตุ้นค่ายกล

สามคนตรงหน้าเป็นคนของเผ่าหยกทอง เป็นผู้ปกครองอ่าวทะเลคราม ไหนเลยเขาจะกล้าชักช้า

พรึ่บ! เผ่าหยกทองสามคนรีบไล่ตามจ้าวเฟิงไป

ขณะที่พวกเขาปรากฏกายขึ้นที่ค่ายกลส่งข้ามอีกแห่ง

คนทั้งสามพุ่งทะยานขึ้นฟ้าทันที แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของจ้าวเฟิง

“หนีไปเร็วเสียจริง!” ปฐมเทพตี้หลินแค่นเสียงเย็น

“ชายผมทองคนที่ออกมาจากตรงนี้เมื่อครู่ เขาไปทางไหน?”

ปฐมเทพตี้หลินถามองครักษ์ที่เฝ้าค่ายกลโบราณ

“ทิศตะวันออก!” องครักษ์เพิ่งจะพูดจบ เทพแท้จริงตี้ไห่ก็นำอีกสองคนกลายร่างเป็นแสงสีทองเข้ม หายตัวไปตรงขอบฟ้า

หลังจากบินไปครู่หนึ่ง เทพแท้จริงตี้ไห่จึงหยุดลง

“จับระลอกพลังอะไรไม่ได้เลย เหมือนจะเดินทางมาผิดทิศ!”

เทพแท้จริงตี้ไห่ขมวดคิ้วมุ่น

ถ้าหากจ้าวเฟิงรีบร้อนหนีไปจริง ย่อมต้องใช้เคล็ดวิชาโบยบินที่แกร่งกล้า ดังนั้นจะต้องมีกลิ่นอายพลังบางส่วนหลงเหลืออยู่ในอากาศ

แต่ตลอดทางที่ผ่านมา เทพแท้จริงตี้ไห่ไม่เจอความผิดปกติแต่อย่างใด

ทว่าองครักษ์ที่นั่นไม่มีทางโกหกพวกเขา

“ปล่อยให้มันหนีไปจนได้!” ปฐมเทพตี้หลินกำมือสองข้างแน่น เอ่ยเสียงต่ำลอดไรฟัน

“เรารีบเดินทางต่อเถอะ พวกเจ้าไม่ได้มาเที่ยวเล่นกัน!”

เทพแท้จริงขั้นห้าเอ่ยกับปฐมเทพตี้หลินและบุรุษหนุ่มอีกคนหนึ่ง

“อืม!” ทั้งสองคนผงกศีรษะ ท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย

พวกเขาออกมาข้างนอกครั้งนี้ก็มีภารกิจที่ต้องปฏิบัติ

สวบ! สวบ! สวบ! จากนั้นคนทั้งสามเดินทางจากไปทันที

ต่อจากนั้นสักพักใหญ่ เกิดเงาทับซ้อนในอากาศขึ้นตรงบริเวณซึ่งเผ่าหยกทองสามคนจากไปเมื่อครู่

ฟิ้ว! ร่างจ้าวเฟิงค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอกับปฐมเทพตี้หลิน!”

จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

ยามกำลังจะออกจากอาณาเขตของขั้วอำนาจเผ่าหยกทองยังเจอกับปฐมเทพตี้หลิน ดวงเขาไม่ดีเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะเขาสามารถเคลื่อนย้ายมิติในชั่วพริบตาและมีชุดคลุมมิติ ไม่แน่ว่าอาจจะตายด้วยเงื้อมมือเผ่าหยกทองไปแล้วจริงๆ

พรึ่บ! จ้าวเฟิงเก็บชุดคลุมมิติเข้าไปในมิติเก็บของ

ระดับขั้นของชุดคลุมมิติเทียบเท่าได้กับไม้เท้าคำสาปมรณะที่เป็นอาวุธเทพระดับสุดยอด ไม่อาจเปิดเผยโดยง่าย มิฉะนั้นจะกลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดหายนะ

“ทำได้เพียงเปลี่ยนทิศทางเท่านั้น!”

จ้าวเฟิงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางชั่วคราว

หลังจากเดินทางเป็นระยะเวลาหลายเดือน จนที่สุดแล้วจ้าวเฟิงก็เดินทางมาถึงขั้วอำนาจสี่ดาวแห่งหนึ่ง

“ไม่มีพลัง เดินทางลำบากเหลือเกิน!” จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

มังกรวารีล้างโลกาพูดไว้ก่อนนี้แล้วว่า หากจ้าวเฟิงอยากตามหาจ้าวหยูเฟยต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นพันปี จนถึงวันนี้เขาเชื่อแล้ว

ด้วยความสามารถในตอนนี้ของจ้าวเฟิง จะข้ามเขตพื้นที่ยังยากลำบากอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงตอนที่ยังเป็นเพียงเทวาเร้นลับชั้นสูงในที่ผ่านมาเลย

จ้าวเฟิงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ โดยอาศัยค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาว

วันนี้ จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นในหอโบราณสีทองแห่งหนึ่ง

ในวินาทีที่ปรากฏตัวนั้น จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงระลอกเสวียนอ้าวที่สะเทือนฟ้ากระเทือนดิน

โครม ตูม! เสียงระเบิดน่าพรั่นพรึงดังกึกก้องที่ข้างหูเขาไม่หยุด

เมื่อทอดสายตาออกไป ฟ้าไกลลิบถูกปกคลุมไปด้วยอัสนี เหมันต์ เพลิง และวายุ

“นี่คือศึกใหญ่ของขั้วอำนาจหรือ?” จ้าวเฟิงพอจะเดาออกเล็กน้อย

การรบระหว่างขั้วอำนาจในดินแดนเทพรกร้างต่างจากที่ดินแดนทวีปมาก ถึงอยู่ไกลออกไปกว่าหลายล้านลี้ จ้าวเฟิงก็ยังสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ที่น่ากลัว

สวบ สวบ สวบ~

กลุ่มคนในชุดเกราะสีน้ำตาลพุ่งตรงมายังขั้วอำนาจที่จ้าวเฟิงอยู่

“สังหารทุกคนที่นี่ให้หมด!” คนที่เป็นผู้นำถ่ายทอดคำสั่งทันที