Skip to content

King of Gods 1230

King Of Gods

บทที่ 1230 ยึดครองสำเร็จ

คนมากกว่าแปดส่วนในโถงลับต่างพุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิง กระทั่งกลุ่มอื่นในตำหนักห้าสีแห่งนี้ยังถูกดึงดูดมาที่นี่

“สหายจ้าว…” ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ตอนนี้จ้าวเฟิงกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมาก ต่อให้เป็นเขาก็ยังหวั่นเกรงอยู่บ้าง

“อย่าผลีผลาม!” หญิงชราผมฟ้าของเผ่าหมอกสวรรค์เอ่ยขึ้นทันที

กลุ่มเล็กๆ อย่างพวกเขาจะไปช่วยจ้าวเฟิง ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเอง

ถ้าหากทุกคนแย่งชิงสมบัติด้วยกัน สุดท้ายก็ยากจะได้ครอบครองสมบัติอยู่ดี

เหมือนกันกับเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ แถวนั้นก็มีกลุ่มที่พลังค่อนข้างอ่อนแอบางส่วนเลือกจะหยุดกำลังพลรอดู

“สังหาร!” ผู้แข็งแกร่งเกือบสามสิบคนกรูเข้ามาพร้อมกัน พลานุภาพมหาศาลทำให้พวกจ้าวเฟิงทั้งสามถูกจำกัดพลัง ยากจะขยับเขยื้อนได้

“ทำอย่างไรกันดี…” มังกรวารีล้างโลการ้อนรน

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จ้าวเฟิงจะเรียกเขาออกมา แล้วต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้

ปฐมเทพและเทพที่แท้จริงเกือบสามสิบคน อีกทั้งแต่ละคนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีเทพแท้จริงขั้นห้าอยู่ในนั้นถึงห้าคน ต่อให้มังกรวารีล้างโลกามีสายเลือดที่ทรงพลังก็ต้านทานทุกคนตรงนั้นเอาไว้ไม่ไหว ถึงขนาดอาจต้องตายที่นี่ด้วยซ้ำ

“ข้าเอง!”

จ้าวหวังออกตัวก่อน

ความคิดของเขาเชื่อมโยงกับจ้าวเฟิง ระหว่างคนทั้งสองแทบไม่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกันมากมายนัก

วูบ!

จู่ๆ ในมือจ้าวหวังก็ปรากฏไม้เท้าดำน่าสะพรึงที่โอบล้อมด้วยหมอกควันพลังมรณะ หลังโคจรพลังดวงตามรณะ สื่อสารกับไม้เท้าคำสาป จ้าวหวังก็ปักมันลงบนพื้นทันใด

“คำสาปมรณะ!” ดวงตามรณะของจ้าวหวางโคจรอย่างบ้าคลั่ง พลังวิญญาณและเจตจำนงดวงตามหาศาลทะลักเข้าไปในไม้เท้าคำสาปมรณะ

ครืน วูบ วูบ! ในไม้เท้าคำสาปมรณะมีหมอกดำแห่งความตายที่หนาวเหน็บเป็นกลุ่มก้อนแผ่ขยาย กระจายตัวออกรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว ในหมอกทมิฬแฝงด้วยพลังมรณะที่สูงส่งลึกล้ำเกินจะเปรียบ ทำให้ทุกสิ่งมุ่งไปสู่ความตาย

ระดับขั้นของไม้เท้าคำสาปมรณะเหมือนชุดคลุมมิติ อีกทั้งอาวุธเทพที่โจมตีชิ้นนี้เหมาะสมกับจ้าวหวังอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะเพิ่มระดับเสวียนอ้าวมรณะได้ ยังสามารถเพิ่มพลังของเนตรมรณะได้ด้วย หนำซ้ำการโจมตีที่ปลดปล่อยออกจากไม้เท้าคำสาปมรณะยังมีพลังคำสาปที่ลึกล้ำกว่า

“พลังมรณะแกร่งนัก!”

“นั่นคือเนตรมรณะ!”

ยอดฝีมือที่บุกเข้ามาโจมตีรอบบริเวณร้องเสียงหลงทันที

เนตรมรณะเป็นประเภทรุกโจมตีที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในบรรดาทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งแปด พลังมรณะเป็นพลังที่สรรพชีวิตหวาดกลัว

และยามนี้ จ้าวหวังใช้เนตรมรณะเป็นรองและใช้ไม้เท้าคำสาปมรณะเป็นหลัก สำแดงเคล็ดวิชาต้องห้ามของตัวไม้เท้าเอง

พลังชั่วร้ายน่าสะพรึงกลุ่มนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว สั่นสะท้านไม่หยุด

“นี่…นี่คืออาวุธเทพอะไรกัน?”

ปฐมเทพผู้หนึ่งที่บุกเข้าไปไวจนเกินไปพลันชะงักฝีเท้าไป ร้องเสียงแหลมอย่างตกใจ

เขาถูกคำสาปพันรัดร่างเอาไว้ ร่างกายถูกความตายกลืนกิน แก่ชราลงอย่างรวดเร็ว

“อาวุธเทพชิ้นนี้ หรือว่าจะเป็น ‘ไม้เท้าคำสาปมรณะ’?”

หญิงชราร่างผอมแห้งติดกระดูกที่บนศีรษะมีเขาสั้นขดเป็นเกลียวสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นปฐมเทพหรือเทพแท้จริงในขั้วอำนาจใหญ่ จึงต้องมีใครรู้ประวัติความเป็นมาของไม้เท้าคำสาปมรณะในมือจ้าวหวัง

มังกรวารีล้างโลกาคำรามขึ้นฟ้า อ้าปากพ่นเพลิงมังกรทมิฬช่วยจ้าวหวัง จัดการทั่วทั้งโถงลับ

คนทั้งสองปลดปล่อยการโจมตีที่แกร่งที่สุด ทำให้ผู้แข็งแกร่งยี่สิบกว่าคนที่ล้อมโจมตีพวกเขาชะงักฝีเท้า

“สังหารคนผู้นี้ อาวุธเทพของเขาอย่างน้อยสุดก็เป็นอาวุธเทพระดับสูง!”

เดิมทีทุกคนโจมตีสังหารจ้าวเฟิงเพียงเพื่อจะได้ครอบครองสมบัติที่จ้าวเฟิงกำลังยึดครอง แต่ตอนนี้จ้าวหวังลงมือโดยใช้อาวุธเทพทรงพลัง จึงได้รับความสนใจจากทุกคนเช่นเดียวกัน

บึ้ม ตูม!

ความร่วมมือระหว่างมังกรวารีล้างโลกาและจ้าวหวังทำให้พลังโจมตีทรงอานุภาพนัก แต่ศัตรูทุกคนร่วมมือกันต้านรับ การโจมตีจึงสลายไปอย่างรวดเร็ว

การโจมตีของมังกรวารีล้างโลกาและจ้าวหวังล้วนเป็นท่าไม้ตายที่สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก ไม่สามารถสำแดงติดต่อกันได้

“ฝ่ามือทลายเหมันต์!”

“แสงพิฆาตวายุอัสนี!”

……

หลังจากผู้แข็งแกร่งเกือบสามสิบคนทำลายการโจมตีของจ้าวหวังและมังกรวารีล้างโลกาได้ก็รุกโจมตีทันที

“ฮึ ขวัญกล้าเทียมฟ้าเสียจริง กล้าคิดจะฮุบสมบัติต่อหน้าข้า!”

ปฐมเทพจื่อเฟิงหัวเราะเสียงเย็น

“ราตรีมายา!”

เมื่อโคจรพลังเทพ เขากลายร่างเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งตรงไปหาจ้าวเฟิง

“ความลับของเจ้าหนุ่มคนนี้มีมากเหลือเกิน มีผู้ช่วยที่อยู่ในสิบลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ แถมยังมีพวกที่ครอบครองเนตรมรณะ อาวุธเทพมรณะ…”

แววตาปฐมเทพกุยอีลึกล้ำเกินหยั่ง ตื่นเต้นยิ่งนัก

“โจมตีหนึ่งเดียว!”

ปฐมเทพกุยอีโคจรเสวียนอ้าวห้าธาตุ เกาะกลุ่มกันเป็นฝ่ามือรวมศูนย์ห้าสี บดขยี้ไปทางพวกจ้าวเฟิง

“นายท่าน!” มังกรวารีล้างโลกาตัวสั่นเทิ้ม ตะโกนอย่างร้อนรน

เขาไม่อยากจะต้านกำลังอีกแล้ว จึงได้แต่ฝากความหวังไว้ที่จ้าวเฟิง

“ฮึ!” จ้าวเฟิงที่นั่งบนเบาะรองนั่งแค่นเสียงหยัน

โครม ครืน ครืน! เพียงเสียงขึ้นจมูกนี้ ก็ทำให้ตำหนักผลึกห้าสีทั้งหลังสั่นไหวทันที

ในตำหนักผลึกห้าสีปกคลุมไปด้วยพลังเสวียนอ้าวห้าธาตุจำนวนมหาศาล พวกมันมารวมกันรอบตัวพวกจ้าวเฟิง กลายเป็นหมอกแสงห้าสีกลุ่มหนึ่ง

ตอนนี้จ้าวเฟิงไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาจัดแจงพลังในตำหนักผลึกทันที

จ้าวเฟิงกำลังยึดครองใจกลางตำหนัก ไม่อาจแบ่งจิตใจไปมาก หนำซ้ำด้วยระดับพลังของตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมและใช้พลังกลุ่มนี้ได้ ดังนั้นในตอนนี้ จ้าวเฟิงจึงทำได้เพียงรวบรวมพลังกลุ่มนี้ให้โอบล้อมพวกเขาจนกลายเป็นเกราะป้องกันชั้นหนึ่ง

ตูม บึ้ม! การโจมตีแสงสีตระการตามากมายพุ่งโจมตีรอบจ้าวเฟิงและพวก แต่เมื่อปะทะกับหมอกแสงห้าสีก็เจออุปสรรคครั้งใหญ่

พลังเสวียนอ้าวห้าธาตุอยู่ในระดับที่สูงจนเกินไป เพียงแต่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ ไม่ต้องโจมตีหรือป้องกันก็กลายเป็นอุปสรรคขนานใหญ่แล้ว

“คนผู้นี้กลับสามารถโยกย้ายพลังในตำหนักผลึกห้าสีได้!”

“เขาต้องกำลังยึดครองสิ่งของที่ใจกลางของตำหนักแห่งนี้แน่!”

เมื่อกลุ่มคนเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งเดือดดาล หน้าหูแดงไปตามๆ กัน

ตำหนักผลึกห้าสีหลังนี้สร้างขึ้นจากผลึกเสวียนอ้าวระดับสูงนับไม่ถ้วน เทพแท้จริงกับปฐมเทพจำนวนหลายสิบยังไม่สามารถทำลายได้แม้เพียงนิด หนำซ้ำภายในตำหนักยังมีสมบัติล้ำค่ามากมาย รวมถึงกลยุทธ์การต่อสู้ชั้นยอด

มูลค่าของตำหนักหลังนี้มากพอทำให้ไม่ว่าใครก็ตามบ้าคลั่ง ขนาดขั้วอำนาจห้าดาวยังต้องตาร้อน ขอแค่ยึดครองใจกลางตำหนักหลังนี้ได้ ก็จะได้ครอบครองทุกสิ่ง!

“ที่แท้เจ้าหนุ่มผู้นี้กำลังยึดครองใจกลางตำหนัก!”

ใบหน้าปฐมเทพจื่อเฟิงอึ้งตะลึง ก่อนจะระบายยิ้มบ้าคลั่งออกมา

“คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้โอกาสเช่นนี้มา แต่เสียดาย!”

ปฐมเทพเทียนเสวี่ยตกตะลึงอย่างมาก แล้วจึงส่ายหน้า

ขั้วอำนาจที่นางอยู่ย่อมต้องการช่วงชิงใจกลางของตำหนักผลึกห้าสีแน่ ในความคิดนาง จ้าวเฟิงไม่มีทางรักษาของพวกนี้หรือแม้แต่ชีวิตตนเองด้วยซ้ำ

“สังหาร รีบขวางเขาเอาไว้!” เทพแท้จริงกับปฐมเทพทั้งหมดลงมือ

ส่วนทางเข้าโถงลับแห่งนั้นก็ยิ่งมีผู้แข็งแกร่งและกลุ่มต่างๆ มารวมตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนนี้ จำนวนคนที่ล้อมพวกจ้าวเฟิงทั้งสามก็มีกว่าหกสิบแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ถูกเลือกมากฝีมือหรือขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งในงานประลองยุทธ์ผาเก่า

ตูม! ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมา โจมตีหมอกห้าสีรอบตัวจ้าวเฟิงไม่หยุด

“หากทำลายพลังชั้นนี้จนแตกกระจายได้ พวกเขาจะต้องตายแน่นอน!”

ปฐมเทพจื่อเฟิงตะโกนกร้าว

“บุกโจมตีเข้าไป อย่าปล่อยให้เขายึดครองใจกลางตำหนักได้สำเร็จ!”

ผู้ถูกเลือกปฐมเทพคนหนึ่งตะโกน

ครืน วูบ วูบ!

การโจมตีที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้กระแทกลงบนหมอกแสงรอบตัวจ้าวเฟิงไม่หยุด

หลังจากการโจมตีทุกระลอก หมอกห้าสีจะลดจำนวนลงส่วนหนึ่ง อ่อนแสงลงอีกหลายส่วน ตัวของพวกจ้าวเฟิงทั้งสามจึงปรากฏแก่สายตาของฝูงชนอย่างรวดเร็ว

“ทุกคนร่วมกันโจมตีไปที่จุดเดียว โจมตีเจ้าเด็กผมทองคนนั้น!”

ดวงตาปฐมเทพจื่อเฟิงจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง ระบายยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะสั่งเสียงดังทันที

“ใช่ ขอแค่ทำลายหมอกแสงห้าสีที่ปกคลุมเจ้าคนผมทองได้ก็พอแล้ว!”

คนอื่นๆ ต่างเห็นด้วยกับคำชี้แนะของปฐมเทพจื่อเฟิง

ตูม! ในเวลาเดียวกัน ปฐมเทพจื่อเฟิงกระตุ้นพลังสายเลือด ร่างของเขาค่อยๆ กลายเป็นกายวิญาณประหลาดสีม่วงเข้มกลุ่มหนึ่ง

“มายารัตติกาลม่วง!”

ปฐมเทพจื่อเฟิงกลายร่างเป็นเงามายาเปล่งประกายแวววับนับไม่ถ้วน ทะยานไปหาหมอกแสงห้าสีเบื้องหน้าจ้าวเฟิง

ตูม ตูม ตูม! เงามายาสีม่วงแต่ละเส้นสายตกกระทบลงบนจุดเดียวบนหมอก

ขณะเดียวกัน การโจมตีของผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็กระทบลงบนจุดนั้นด้วย

หมอกแสงห้าสีเบื้องหน้าจ้าวเฟิงยิ่งเบาบางลงเรื่อยๆ จึงเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้นทุกที จนถึงช่วงเวลาหนึ่ง หมอกแสงห้าสีพื้นที่เล็กๆ ตรงหน้าจ้าวเฟิงสลายตัวไปจนหมด

“ดีมาก!”

เทพแท้จริงขั้นห้าแห่งตำหนักรัตติกาลม่วงกล่าวเสียงดัง ฟาดฝ่ามือลงไปบนพื้นที่ที่หมอกสลายตัว

ตูม! เงาฝ่ามือสีม่วงเข้มขนาดยักษ์สายหนึ่งทะลวงผ่านรอยโหว่ตรงไปหาจ้าวเฟิง

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้ลงมือโจมตีที่เหลืออยู่มีสีหน้ายินดี แต่ทันใดนั้นเอง รอบตัวจ้าวเฟิงปรากฏเงามิติลึกลับ

พลังโจมตีของเทพแท้จริงขั้นห้าเหมือนถูกย้ายไปอีกมิติหนึ่ง พลังอ่อนแอลงเป็นลำดับ

จนสุดท้าย ฝ่ามือสีอ่อนฟาดลงไปบนร่างจ้าวเฟิง แต่ก็ไม่เกิดผลกระทบอะไรขึ้น

“นี่…เรื่องอะไรกัน?”

ผู้ที่รุกโจมตีมากมายเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ต่างชะงักไปทันที

“ชุดคลุมบนร่างเขาคงจะเป็น ‘ชุดคลุมมิติ’ กระมัง!”

แววตาเทพแท้จริงขั้นห้าฝ่ายตำหนักรัตติกาลม่วงหนักอึ้งเล็กน้อย

ตอนที่จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมนี้ เขาก็สงสัยแล้วว่าอาจจะเป็นชุดคลุมมิติ แต่จ้าวเฟิงเป็นแค่ปฐมเพทเท่านั้น ไม่มีขั้วอำนาจใดหนุนหลัง เหตุใดจึงมีชุดคลุมมิติได้ บวกกับการที่จ้าวเฟิงไม่เคยสำแดงพลังของชุดคลุมมิติมาก่อน เขาจึงคิดว่าชุดที่จ้าวเฟิงคลุมคงจะเป็นชุดคลุมมิติเลียนแบบ

จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ เกรงว่านี่คงเป็นชุดคลุมมิติจริงๆ

“เจ้านี่มีความลับอีกเท่าไหร่กันแน่!”

สีหน้าปฐมเทพจื่อเฟิงเคร่งขรึมเกินจะเปรียบ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจทีหลังไม่น้อย ตอนจ้าวเฟิงเพิ่งจะเข้ามาในตำหนักผลึกห้าสีน่าจะสังหารเขาไปเสีย

“เจ้าคนนี้เป็น ‘คลังสมบัติ’ ปล่อยไปไม่ได้!”

กลุ่มคนรอบตัวต่างถูกชุดคลุมมิติของจ้าวเฟิงปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง กรูเข้ามาอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิม

โครม บึ้ม! หมอกแสงห้าสีด้านหน้าจ้าวเฟิงสลายตัวไปเกือบหมด

ต่อให้จ้าวเฟิงคลุม ‘ชุดคลุมมิติ’ ก็ไม่สามารถต้านการโจมตีจากคนจำนวนมากเช่นนี้!

จ้าวเฟิงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่ในเวลานี้ จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ผุดลุกขึ้น

วู้ม วู้ม! ใต้ตำหนัก กลุ่มแสงห้าสีขนาดประมาณกำปั้นเด็กทารกทอแสงเรืองรอง จากนั้นลอยขึ้นมาปรากฏเบื้องหน้าจ้าวเฟิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version