Skip to content

King of Gods 1232

King Of Gods

บทที่ 1232 เขตผาเก่าสั่นสะเทือน

ถึงเทพโบราณจะเร่งรุดเดินทางมา แต่จ้าวเฟิงกลับยังคงหนีรอดไปได้ ไม่รู้ว่าเขาหนีไปที่ไหน

แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือจ้าวเฟิงไม่ได้ออกไปจากเขตผาเก่า ต่อให้เป็นค่ายกลส่งข้ามที่ส่งได้ระยะไกลที่สุดในเขตผาเก่า ก็ไม่มีทางส่งออกไปยังพื้นที่นอกเขตนี้ได้โดยตรง

“พวกเราไปกันเถอะ!”

ในใจปฐมเทพเทียนเสวี่ยรู้สึกสับสน

ชายหนุ่มผู้มองหน้านางและส่ายศีรษะที่หอไข่มุกสมุทร เขาคือผู้แข็งแกร่งที่ฝีมือโดดเด่นและเอาชนะทุกในงานประลองยุทธ์ผาเก่า ต่อมาเขายังเอาชนะปฐมเทพหลินกวงได้ที่มิติลี้ลับขนาดเล็ก ยึดครองใจกลางตำหนักผลึกห้าสี และยังสามารถหนีรอดปลอดภัยจากเทพโบราณ

อีกอย่างผู้แข็งแกร่งที่ถูกจ้าวเฟิงกักตัวเอาไว้มีจำนวนมากถึงเจ็ดแปดสิบคน ในนั้นยังรวมไปถึงปฐมเทพจื่อเฟิงแห่งตำหนักรัตติกาลม่วง ปฐมเทพกุยอีในลำดับสิบสองของรายชื่อผู้ถูกเลือก และยังมีปฐมเทพกับผู้ถูกเลือกของขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งอื่นๆ จำนวนมากอีกด้วย

เรียกได้ว่าจ้าวเฟิงได้เขย่าขวัญทั้งเขตผาเก่า!

ไม่นานนัก ทั้งเขตผาเก่าก็ถูกรื้นค้นทุกซอกทุกมุมเพียงเพื่อหาตัวจ้าวเฟิง

“เจ้าเด็กนั่นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

คนไม่น้อยเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก่อนจะรีบจากไป

ถึงตำหนักผลึกห้าสีจะถูกจ้าวเฟิงเอาไปด้วย แต่ยังมีที่อื่นที่ยังมีสมบัติล้ำค่าและผลึกเสวียนอ้าวจำนวนมาก

“หวังว่าสหายจ้าวจะรีบหนีไปจากเขตผาเก่าได้โดยเร็ว!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงกังวลใจ

อย่างไรเสีย ทุกการกระทำของจ้าวเฟิงก็ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าคุมขังแม้กระทั่งอัจฉริยะของขั้วอำนาจห้าดาว

พลังของขั้วอำนาจห้าดาวมากพอที่จะสะเทือนทั้งเขตผาเก่า ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเฟิงยังกักสมาชิกของขั้วอำนาจน้อยใหญ่หลายสิบแห่งด้วย

“ไปเถอะ เรื่องนี้เผ่าหมอกสวรรค์ทำอะไรไม่ได้!”

หญิงชราของเผ่าหมอกสวรรค์ทอดถอนใจ

กว่าจะได้เจอหน่ออ่อนดีๆ สักคน แต่กลับก่อเรื่องขนาดนี้ เผ่าหมอกสวรรค์อยากจะช่วยแต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ จากนั้นกลุ่มคนที่รวมตัวกันต่างสลายตัวออกไป

……

เค้าโครงค่ายกลทอแสงห้าสีเป็นประกาย ก่อนที่ร่างจ้าวเฟิงจะปรากฏขึ้นช้าๆ

วูบ วูบ!

ในทุกครั้งที่ใช้ค่ายกลไปแล้ว ลวดลายค่ายกลใต้เท้าจ้าวเฟิงก็จะหายไป รอบตัวเขามืดมิด ไม่ไกลนักล้วนแต่เป็นก้อนหินพื้นดิน

“ที่นี่คือใต้ดิน?”

ประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงกวาดผ่าน ถึงแน่ใจสถานที่ที่ตนเองอยู่

เวลานั้นเขายังเจอสายแร่ผลึกเทพชั้นรองสายหนึ่งใต้ดินด้วย

“ดูไปแล้วจอมเทพห้าธาตุก็ทำอะไรอย่างระมัดระวังเหมือนกัน!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตกใจ

ตอนที่ยึดครองใจกลางตำหนักห้าสี จ้าวเฟิงก็ค่อยๆ สัมผัสได้ถึงค่ายกลใต้ตำหนัก

เมื่อยึดครองใจกลางตำหนักได้โดยสิ้นเชิงแล้ว ก็รู้ประโยชน์ของลวดลายค่ายกลทันที หากไม่ใช่เพราะรู้ประโยชน์ของค่ายกลส่งข้าม จ้าวเฟิงคงจะไม่กักคนพวกนั้นเอาไว้ในตำหนักผลึกห้าสี และเมื่อเจอกับเทพโบราณของหอดารา บางทีอาจเอาใจกลางตำหนักผลึกห้าสีที่ยึดครองได้ออกมา

“จอมเทพห้าธาตุน่าจะเตรียมค่ายกลแห่งนี้ให้ตัวเอง”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

ด้านล่างของที่ฝึกตนมีค่ายกลส่งข้าม แปลว่าต่อให้มีศัตรูมาเขาก็จะสามารถหนีไปก่อนได้ อีกอย่าง อีกฝั่งหนึ่งของค่ายกลส่งข้ามตั้งอยู่บนสายแร่เส้นหนึ่ง รับรองได้ว่าค่ายกลจะสามารถส่งข้ามได้อย่างราบรื่น

พรึ่บ! จ้าวเฟิงสำแดงดำดินทะลวงผ่านไป

อาณาเขตนี้คือป่าไม้รกทึบชุ่มชื้น เป็นดั่งมหาสมุทรสีเขียวไกลสุดลูกหูลูกตา แน่นอนว่าท่ามกลางต้นไม้สูงชะลูดเสียดฟ้ามีอันตรายมากมายซุกซ่อนอยู่ แม้กระทั่งบนชั้นเมฆยังมีเงาขยับวูบวาบออกมาเป็นบางครั้ง

จ้าวเฟิงทะลวงชั้นเมฆ สัตว์อสูรมีปีกส่วนหนึ่งที่หวาดกลัวบินหนีไปหมด

หลังจากที่โคจรการมองเห็นของดวงตาซ้ายจนถึงขีดสุด ทัศนวิสัยของจ้าวเฟิงจึงมองออกไปได้ไกลหลายแสนลี้ หลังจากสำรวจไปสักพักแล้ว จ้าวเฟิงจึงยืนยันตำแหน่งของตนเองได้

“ดีจริง ค่ายกลส่งข้ามนี้น่าจะช่วยย่นระยะทางได้หนึ่งปีเป็นอย่างน้อย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างยินดี

ระยะทางที่เขาเดินทางผ่านมาเป็นเส้นทางในการเดินทางไปเขตเทพสวรรค์พอดี อีกทั้งระยะทางที่ส่งข้ามไปนั้นไกลยิ่ง ข้ามขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดแห่งหนึ่งไปทันที

โชคดีที่จ้าวเฟิงได้แผนที่จากปฐมเทพเจี้ยนเฟิง มิฉะนั้นคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ไหน

พรึ่บ! ในมือจ้าวเฟิงปรากฏแสงผลึกห้าสีกลุ่มหนึ่ง กลุ่มแสงนี้ปกคลุมตำหนักห้าสีหลังหนึ่งเอาไว้

ตำหนักเชื่อมโยงกับวิญญาณของจ้าวเฟิง ถึงเขาไม่เดินเข้าไป ก็ยังสัมผัสได้ถึงระลอกพลังที่เคลื่อนไหวไม่หยุดอยู่ภายใน และเสียงร้องตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว

“บัดซบ เกิดอะไรขึ้นข้างนอกกันแน่?”

“หลังจากเจ้าขนทองผู้นั้นออกไปแล้วก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก หรือว่าพวกเราจะต้องโดนขังไว้ที่นี่ไปตลอด?”

คนเกือบแปดสิบคนที่อยู่รวมกัน โจมตีประตูบานหนึ่งของตำหนักไม่หยุด แต่ตำหนักผลึกห้าสีไม่เสียหายแม้แต่น้อยจากการโจมตีของพวกเขา ทันใดนั้น ด้านหลังพวกเขาปรากฏเงาร่างคนผมทองขึ้น

“เจ้าหนุ่มขนทอง ปล่อยข้าได้แล้ว มิฉะนั้นตำหนักรัตติกาลม่วงจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

ปฐมเทพจื่อเฟิงตะโกนเสียงกร้าวทันที

“เจ้าขังพวกเราเอาไว้ก็เท่ากับยั่วโทสะขั้วอำนาจที่หนุนหลังพวกเราทั้งหมด เจ้าคิดให้ดีๆ แล้วกัน!”

ปฐมเทพรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งข่มขู่

“ตอนนี้พวกเราออกมาจากพื้นที่ลับแห่งนั้นแล้ว!”

จ้าวเฟิงพูดพลางยิ้ม

ทันใดนั้นเอง รอบตัวตำหนักค่อยๆ โปร่งแสงจนคนทั้งหมดมองเห็นทิวทัศน์ภายนอก

“ที่นี่คือที่ไหน?” “เหตุใดเจ้าจึงเดินทางออกจากมิติลับโดยปลอดภัยได้?”

ทั้งตำหนักห้าสีเกิดเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นอีกครั้ง

ในพื้นที่ลับมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนสำรวจอยู่ พวกเขาปล่อยให้จ้าวเฟิงหอบสมบัติระดับนี้หนีออกมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไรกัน ถึงขนาดเทพแท้จริงกับเทพโบราณที่ทรงพลังของขั้วอำนาจใหญ่บางแห่งก็เดินทางมาถึงแล้ว

ตามหลักเหตุผล ต่อให้จ้าวเฟิงมีปีกก็ยากจะหนีได้พ้น!

“ที่นี่คือป่าโบราณเขียวขจี อยู่ในพื้นที่เขาทงเหวิน!”

ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงคนหนึ่งซึ่งขั้วอำนาจอยู่แถบนี้จำได้

“บอกพวกเจ้าให้ก็ได้ ใต้ตำหนักแห่งนี้มีค่ายกลส่งข้ามซ่อนไว้ เมื่อข้ายึดครองใจกลางตำหนักได้แล้วก็กระตุ้นค่ายกลหนีไปได้ตลอดเวลา!”

จ้าวเฟิงอธิบายกับทุกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“บัดซบ รีบปล่อยพวกข้าไป!”

“เจ้ามันบ้า จะเอาอย่างไรกับพวกข้ากันแน่?”

หลังจากคนจำนวนไม่น้อยรู้ที่มาที่ไปแล้ว ก็สูญเสียการควบคุมไปในทันที ต่างพุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิง

การโจมตีของปฐมเทพและเทพแท้จริงจำนวนหลายสิบคน รุนแรงมากพอจะถล่มขั้วอำนาจสี่ดาวให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่จ้าวเฟิงกลับนิ่งสงบ ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

ฟิ้ว! ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงขยับ พลังเสวียนอ้าวในตำหนักห้าสีเกาะกลุ่มรวมกัน หมุนวนรอบตัวเขา ต้านทานการโจมตีของทุกคนเอาไว้

“ถ้าพวกเจ้าอยากจะออกไปก็เป็นทาสรับใช้ข้าเสีย ไม่เช่นนั้นก็ติดอยู่ในนี้แล้วกัน!”

จ้าวเฟิงพูดทิ้งท้ายแล้วจากไป

คนพวกนี้โจมตีจ้าวเฟิงในตอนแรกที่เพิ่งเข้ามา จ้าวเฟิงไม่มีทางจะเห็นใจแน่

หนำซ้ำขอแค่จ้าวเฟิงไม่ส่งมอบตำหนักผลึกห้าสี ถึงจะปล่อยคนพวกนี้ไป ก็ยังคงโดนไล่ล่าสังหารจากขั้วอำนาจใหญ่อยู่ดี ดังนั้นจึงกักตัวพวกเขาเอาไว้เสีย

เผื่อว่าในระหว่างทางโดนไล่ล่าจากขั้วอำนาจใด ยังพอจะใช้คนเป็นตัวประกันได้

อีกทั้งคนพวกนี้เป็นอัจฉริยะขั้นปฐมเทพเสียเป็นส่วนใหญ่ อนาคตของพวกเขารุ่งโรจน์กว้างไกล หากพวกเขายอมเป็นทาสรับใช้ของจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงก็ยินดีจะรับไว้และปล่อยพวกเขาให้มีชีวิตรอด

ฟิ้ว! สตรีสวมชุดเขียวที่คลุมผ้าคลุมสีขาวผู้หนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากหมอกสีทองเลือนราง

“ที่นี่คือที่ไหน?”

หานหนิงเอ๋อร์มองรอบตัวอย่างตื่นกลัว

ในตอนที่จ้าวเฟิงไปสำรวจสถานที่ปิดด่านฝึกตนของจอมเทพห้าธาตุ ได้ย้ายหานหนิงเอ๋อร์เข้าไปในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา ดังนั้นนางจึงไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ ของโลกภายนอก

แต่หากหานหนิงเอ๋อร์ล่วงรู้ว่าในตอนนี้นางไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับการตามจับจากหอมังกรเหลือง แต่ยังโดนไล่ล่าจากขั้วอำนาจสี่ดาว สี่ดาวครึ่ง สี่ดาวระดับสุดยอด และห้าดาวจำนวนมากของเขตผาเก่า ไม่รู้นางจะเสียใจภายหลังหรือไม่ที่ติดตามจ้าวเฟิง

“นี่คือพื้นที่ของเขาทงเหวิน เจ้าอาจจะไม่รู้จัก สรุปคือพวกเราอยู่ใกล้เขตเทพสวรรค์เข้าไปทุกที!”

จ้าวเฟิงไม่คิดจะอธิบายเรื่องสถานที่ฝึกตนของจอมเทพห้าธาตุให้หานหนิงเอ๋อร์ฟัง

ทั้งสองคนรีบเร่งเดินทางทันที

“ต้องรีบหนีออกจากเขตผาเก่าถึงจะปลอดภัย” ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววเคร่งขรึม

ถึงแม้เขาจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าตนเองปลอดภัยแล้วจริงๆ

ในตอนนี้เรื่องที่จ้าวเฟิงได้สมบัติมาครอบครองและยังกักตัวอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากเอาไว้ยังไม่ได้แแพร่กระจายออกไป ดังนั้น ตอนนี้จ้าวเฟิงจึงยังพอจะหยิบยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจบางส่วน ต่อให้เส้นทางถูกเปิดเผยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ในทันทีที่เรื่องเขาเบญจดาราแพร่กระจายออกไป เกรงว่าขั้วอำนาจมากกว่าครึ่งของเขตผาเก่าคงจะไล่ตามจับจ้าวเฟิง ถึงตอนนั้นถึงจ้าวเฟิงจำเป็นต้องระมัดระวัง จะไปโผล่ที่ไหนตามอำเภอใจไม่ได้

เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไป และเป็นไปอย่างที่คาด เวลาไม่เกินสิบวันเรื่องของเขาเบญจดาราก็แพร่สะพัดไปถึงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง

หนึ่งเดือนต่อมา ขั้วอำนาจทั้งเขตผาเก่าแทบจะรู้เรื่องนี้กันหมด

ตำหนักรัตติกาลม่วงหนึ่งในสามขั้วอำนาจห้าดาวของเขตผาเก่าเกรี้ยวกราดยิ่งกว่า สั่งให้ขั้วอำนาจใต้อาณัติในพื้นที่ทั้งหมดไล่ตามจับจ้าวเฟิงทันที

จะต้องรู้ว่า ปฐมเทพจื่อเฟิงอยู่ในลำดับที่สี่ของรายชื่อปฐมเทพ เป็นผู้ถูกเลือกที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักรัตติกาลม่วง เป็นความหวังในอนาคตของพวกเขา แต่ตอนนี้ปฐมเทพจื่อเฟิงกลับถูกคนไม่มีชื่อเสียงเรียงนามจับตัวไป

แน่นอนว่าตำหนักรัตติกาลม่วงอยากจับจ้าวเฟิงก็เพราะตำหนักผลึกห้าสีด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ครอบครองสมบัติชิ้นนั้น ตำหนักรัตติกาลม่วงจะสามารถบ่มเพราะผู้ถูกเลือกแบบปฐมเทพจื่อเฟิงออกมาได้อีกหลายคน

……

ในคุ้งน้ำแห่งหนึ่ง จ้าวเฟิงกำลังจะใช้ค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง แต่กลับพบว่าฝ่ายตรงข้ามจงใจยื้อเวลา

‘ดูไปแล้ว เรื่องประกาศจับข้าคงมาถึงที่นี่แล้ว!’

จ้าวเฟิงกระจ่างในใจ

พรึ่บ! จ้าวเฟิงใช้ปีกแสงอัสนีทองหนีไป

อย่างไรเสีย ในขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งก็มีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณดูแลอยู่ ทันทีที่โดนเทพโบราณหมายตาก็จบกัน

หลังจากหนีออกมาได้หลายหมื่นลี้ จ้าวเฟิงถึงผ่อนความเร็วลง

และตอนนี้หานหนิงเอ๋อร์เองก็พอจะรู้เรื่องนี้แล้ว

เรื่องมาถึงตอนนี้ นางยังไม่ค่อยกล้าจะเชื่อเลยว่า ตอนที่ตนเองเข้าไปในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาของจ้าวเฟิง เขาจะกล้าทำเรื่องที่สะเทือนฟ้าดินแบบนี้

“ตอนนี้พวกเรามาถึงพื้นที่ชายแดนของเขตผาเก่าแล้ว ไม่นานนักก็จะออกจากที่นี่ได้ แต่นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญเช่นกัน!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างจริงจัง

ต่อไปเขาจะไม่อาจยืมใช้ค่ายกลส่งข้ามติดต่อกันได้อีก ทำได้เพียงพยายามเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่มีคน

……

ค่ายกลโบราณในขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งหนึ่งพลันเปล่งแสงขึ้น

ฟิ้ว! ชายวัยกลางคนผิวดำสนิท เนื้อตัวมีลายพร้อยสีม่วงประหลาด ค่อยๆ ปรากฏกายขึ้น

เมื่อประสาทสัมผัสเทพกระจายออกไป เขาก็ได้ยินข้อมูลข่าวสารบางส่วนอย่างรวดเร็ว

“จ้าวเฟิง?” ชายวัยกลางคนพึมพำเสียงเบา

จ้าวเฟิงเองก็มีชื่อเสียงเล็กน้อยในพื้นที่ลึกลับโบราณรกร้าง เขาเคยประมือกับเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า เคยร่วมมือกับเผ่าหมอกสวรรค์และขั้วอำนาจบางส่วนบุกโจมตีรังหงส์ ในตอนนี้ยังสร้างเรื่องใหญ่แบบนี้ ชื่อของเขาย่อมโดนสืบจนรู้กัน

ส่วนชายวัยกลางคนผู้นี้คือ ‘เทพโบราณเฮยเทียน’ ผู้เดินทางมาที่เขตผาเก่าเพื่อแย่งชิงตราเทพบรรพกาลคืน ช่วงก่อนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงของตราเทพบรรพกาลโดยบังเอิญ จึงยืนยันทิศทางในการติดตามได้อีกครั้ง

“คิดไม่ถึงเลยว่าเขตผาเก่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น อัจฉริยะของขั้วอำนาจหลายสิบกลุ่มถูกเจ้าหนุ่มคนเดียวจับเอาไว้!”

เทพโบราณเฮยเทียนหัวเราะอย่างอดไม่ได้

จากนั้นเขาจึงจดจำรูปพรรณสัณฐานและจุดเด่นของจ้าวเฟิงเอาไว้

สมบัติที่จ้าวเฟิงได้มาล้ำค่ามากเกินไป หากเขาบังเอิญเจออีกฝ่าย ก็ไม่ถือสาอะไรถ้าต้องจัดการจ้าวเฟิงแล้วฮุบเอาสมบัติมาเป็นของตนเอง

แน่นอน เทพโบราณเฮยเทียนยังไม่รู้ว่าเป้าหมายที่ตนต้องตามหาก็คือจ้าวเฟิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version