บทที่ 1245 พบหยวนหลงอีกครั้ง
จ้าวหงอี้ก็คือบุรุษหนุ่มผิวเขียวที่โดนจ้าวเฟิงโจมตีจนพ่ายเมื่อหลายวันก่อน
ลูกพี่ลูกน้องของเขาคือผู้มากความสามารถฝั่งศิษย์ในเผ่า ทะลวงผ่านขั้นเทพแท้จริงได้นานแล้ว ในตอนนี้คือเทพแท้จริงขั้นสี่
“เจ้าพูดเรื่องมากมายเช่นนี้กับข้าเพื่ออะไรกัน?” จ้าวเฟิงฟังแล้วจึงถามตรงๆ
พานฮ่าวผู้เป็นศิษย์ในเผ่าจงใจเข้าหาตนเองก่อน หนำซ้ำยังพูดโน้มน้าวอะไรอีกมากมาย จ้าวเฟิงไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“ก็เจ้าน่ะเป็นอัจฉริยะปฐมเทพ แต่กลับยอมเป็นศิษย์รับใช้เพื่อจ้าวหยูเฟย ข้าละนับถือวิธีการของเจ้ามากนัก เจ้าคงจะชมชอบจ้าวหยูเฟยจากใจจริง!”
พานฮ่าวเอ่ยอย่างขึงขัง
“อีกอย่าง เจ้าล่วงเกินจ้าวหลานอี้ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของจ้าวหงอี้แล้ว บรรดาศิษย์ในเผ่า ข้าและจ้าวหลานอี้อยู่คนละฝั่งกัน ที่ข้ามาก็เพื่อดูว่าพอมีหวังที่เจ้าจะกลายเป็นคนฝั่งเดียวกับพวกเราหรือไม่!”
พานฮ่าวบอกเจตนาที่สองของเขา
การแข่งขันระหว่างศิษย์ในเผ่าดุเดือดมาก เพราะเกี่ยวข้องไปถึงโอกาสที่พวกเขาจะเลื่อนขึ้นเป็นศิษย์หลัก
พลังและศักยภาพของจ้าวเฟิงสามารถเป็นศิษย์ในเผ่าได้ ก่อนหน้านั้นพานฮ่าวต้องชักจูงจ้าวเฟิงให้มาเป็นพวกของตนเอง
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ดูแล้วที่พานฮ่าวมาหาเขานั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่เขาเองก็คร้านจะไปสนใจการแข่งขันระหว่างศิษย์ในเผ่าของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“เช่นนั้นเจ้าล่ะ? ไม่ใช่ผู้ร้องขอความรักจากจ้าวหยูเฟยหรอกหรือ?”
จ้าวเฟิงถามอย่างประหลาดใจ
“น่าจะใช่กระมัง!” พานฮ่าวคิดครู่หนึ่งถึงตอบ
หญิงงามผู้มากความสามารถใครเล่าจะไม่รัก เพียงแต่พานฮ่าวรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ได้รับความสนใจจากจ้าวหยูเฟย จึงไม่อยากเข้าไปข้องแวะกับเรื่องนี้ แต่บิดาของเขากลับเอาแต่เร่งให้เขาตามเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟย พร่ำบ่นเรื่องพรหมลิขิต เล่าว่าคนนั้นคนนี้ต่างพูดว่าจ้าวหยูเฟยอาจจะถูกใจลูกชายตนขึ้นมา
พานฮ่าวอับจนหนทาง ทำได้เพียงทำทีว่าเป็นผู้ที่หมายตาจ้าวหยูเฟย
“พานฮ่าว เจ้าเป็นศิษย์ในเผ่า ช่วยส่งข้าส่งจดหมายให้จ้าวหยูเฟยที!”
จู่ๆ จ้าวเฟิงก็นึกอะไรออก รีบเอ่ยในทันที
“ขออภัยด้วย ข้าเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักในหมู่ศิษย์ในเผ่า จ้าวหยูเฟยไม่มีทางพบข้าแน่!”
พานฮ่าวหัวเราะ
เมื่อครู่เขาพูดไปมากมายขนาดนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะยังไม่ยอมตัดใจ
จ้าวเฟิงก้มหน้า ดูท่าเขาจะประเมินตำแหน่งของจ้าวหยูเฟยในเผ่าพันธุ์วิญญาณต่ำเกินไปแล้ว
“ด้วยสถานะของข้าในตอนนี้ ไม่แน่ว่าอีกหลายสิบปีข้างหน้าก็ยังยากจะเจอหน้าจ้าวหยูเฟยสักครั้ง แต่ว่า…”
พานฮ่าวหัวเราะน้อยๆ กระตุ้นความอยากรู้ของจ้าวเฟิงขึ้นอีก
“แต่ว่าอะไร?” จ้าวเฟิงใจเต้น เหมือนพานฮ่าวมีความคิดอะไร
“แต่ช่วงนี้ศิษย์หลักส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณจะจัดงานพบปะชุมนุม เชิญศิษย์หลักและศิษย์ในเผ่าไปจำนวนมาก…”
พานฮ่าวยิ้มเอ่ย
จ้าวเฟิงรู้ว่าในเหล่าศิษย์หลักต้องมีจ้าวหยูเฟยแน่
“พี่พานพาข้าไปที!”
จ้าวเฟิงเปลี่ยนสีหน้า รีบเอ่ยออกมา
“ข้าว่าทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าไปเลย งานชุมนุมครั้งนี้ที่จริงแล้วจัดขึ้นโดยยึดปฐมเทพลั่วอวี่และจ้าวหยูเฟยเป็นหลัก พวกนางเป็นถึงหญิงงามของเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งสอง คนหมายตาพวกนางจะมากันแทบหมด…”
พานฮ่าวโน้มน้าว ชื่อเสียงตอนนี้ของจ้าวเฟิงโด่งดังไปทั่วศิษย์ในเผ่า ถ้าหากจ้าวเฟิงไปจริงๆ จะต้องถูกเพ่งเล็งแน่นอน
จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่แววตากลับจ้องพานฮ่าวเขม็ง
“เจ้าจะไปจริงๆ หรือ?”
จ้าวเฟิงไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมนี้ ต่อให้พานฮ่าวไม่บอกจ้าวเฟิง งานใหญ่ขนาดนี้พอถึงเวลาเขาก็ต้องรู้เอง หนำซ้ำคนบ้าคลั่งอย่างจ้าวเฟิงน่าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ข้าจะพาเจ้าไปด้วย แต่พอถึงตอนนั้นอย่าทำผลีผลามก็แล้วกัน!”
พานฮ่าวกำชับจ้าวเฟิง
พาจ้าวเฟิงไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย ขอแค่เขาไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ไม่มีปัญหา จากนั้น พานฮ่าวพูดคุยกับจ้าวเฟิงเกี่ยวกับรายละเอียดของงานชุมนุมครั้งนี้
ตกค่ำ พานฮ่าวจึงออกจากที่พักของจ้าวเฟิง
“ใช่แล้ว เจ้าวางใจได้ จ้าวหลานอี้กำลังปิดด่าน ช่วงนี้คงจะมาหาเรื่องเจ้าไม่ได้ อาศัยเวลาช่วงนี้ใช้ทรัพยากรฝึกของศิษย์นอกเผ่าเพิ่มพลังขึ้นเถอะ!”
พานฮ่าวเอ่ยกำชับก่อนจะจากไป
เขามองออกว่าจ้าวเฟิงเก็บงำพลังเอาไว้ลึกยิ่ง พลังไม่น่าจะธรรมดา มาเป็นฝั่งเดียวกับพวกเขาได้ แต่จ้าวหลานอี้เป็นถึงเทพแท้จริงขั้นสี่ จ้าวเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นพานฮ่าวจึงจงใจเตือนอีกฝ่าย
หลังจากพานฮ่าวจากไปแล้ว จ้าวเฟิงจึงเริ่มปิดด่านฝึกตน
เมื่อกลายเป็นศิษย์นอกเผ่าแล้ว ตอนที่จ้าวเฟิงปิดด่าน คนอื่นจะมารบกวนตามอำเภอใจไม่ได้ ส่วนประสาทสัมผัสเทพยิ่งมาลอบสืบไม่ได้
หนึ่งเดือนต่อมา จ้าวเฟิงถึงออกจากตำหนัก
ศิษย์นอกเผ่าไม่ต้องทำความสะอาด แต่ทุกเดือนจะต้องรับภารกิจเล็กๆ และจะได้รับผลตอบแทนกับคุณูปการตามระดับความยากของภารกิจ
ในโถงภารกิจจะมีภารกิจใหม่ๆ เข้ามามากมายทุกวัน ระดับความยากจะเริ่มตั้งแต่ครึ่งเทพไปจนถึงเทพโบราณขั้นเจ็ด โดยจะแบ่งอย่างชัดเจนให้ศิษย์ทุกคนในเผ่าเลือกทำ
ภารกิจที่นี่ไม่เพียงแต่ส่งผลช่วยเพิ่มประสบการณ์จริง ยังได้รับของรางวัลตอบแทนและคุณูปการด้วย
ในเวลานี้เอง ฟ้าดินไกลออกไปมีระลอกพลังเทพที่รุนแรงกลุ่มหนึ่งตรงมา
ศิษย์ทั้งหมดรอบโถงภารกิจมองไปอย่างอดไม่ได้
“นั่นคือ?” สายตาของจ้าวเฟิงจ้องไปยังที่ไกลๆ เห็นเพียงกลุ่มคนสามคนนั่งอสูรมีปีกที่โบยบินด้วยความเร็วสูงตรงดิ่งมาทางโถงภารกิจ
ในเผ่าพันธุ์วิญญาณมีกฎ ศิษย์ทั่วไปไม่สามารถนั่งพาหนะประเภทโบยบินในเผ่าพันธุ์วิญญาณได้
“นั่นคือศิษย์หลักในเผ่าพันธุ์วิญญาณ!” คนผู้หนึ่งพลันร้องอย่างตื่นตะลึง
สองในสามคนที่นั่งอยู่ด้านบนนั้นมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“โดดเด่นเสียจริง!”
ดวงตาศิษย์หญิงผู้หนึ่งทอประกายแวววับ มองบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หน้าสุดของพาหนะ
บุรุษคนนั้นมีรูปโฉมที่ทำให้สตรีต้องอิจฉา บวกกับร่างกายของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลาสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้แววตาของเขากลับจับจ้องที่ร่างจ้าวเฟิง
“เป็นเขา!” บุรุษหนุ่มที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนร้องลั่นพร้อมจ้าวเฟิง
“หยวนหลง เจ้ารู้จักศิษย์นอกเผ่าผู้นี้หรือ?”
สตรีใบหน้าผุดผาดข้างกายหยวนหลงถามอย่างสงสัย
“เหอะๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาที่นี่ด้วย!”
หยวนหลงหัวเราะร่วนอย่างอดไม่ได้
ก่อนนี้ตอนที่เขาติดตามอาจารย์ไปดินแดนทวีปเพื่อพาตัวจ้าวหยูเฟยมาที่นี่ เขาดูแคลนจ้าวเฟิงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงอาศัยความสามารถของตนเดินทางมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณได้ หนำซ้ำยังกลายเป็นศิษย์นอกเผ่า พิสูจน์ให้เห็นว่าจ้าวเฟิงไม่ได้โง่เง่าเท่าไหร่นัก
ทุกคนรอบโถงภารกิจตื่นตกใจ
คนส่วนมากในบรรดาพวกเขาต่างรู้จักจ้าวเฟิงว่าคือปฐมเทพที่ยอมเป็นศิษย์รับใช้เพื่อจ้าวหยูเฟย แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ จ้าวเฟิงกลับรู้จักกับหยวนหลงผู้เป็นศิษย์หลักและอัจฉริยะที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์วิญญาณด้วย
“แต่เจ้าในตอนนี้ยิ่งไม่คู่ควรกับศิษย์น้องหยูเฟย!”
หยวนหลงเอ่ยเสียงเรียบ ไม่สนใจจ้าวเฟิง เดินตรงเข้าไปในโถงภารกิจ
ส่วนกลุ่มคนรอบบริเวณตกตะลึง ดูไปแล้วเรื่องที่จ้าวเฟิงตามเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟยไม่น่าจะใช่เรื่องที่เกิดขึ้นวันสองวันนี้
“เจ้าคนนี้น่าจะเริ่มไล่ตามจ้าวหยูเฟยนานแล้ว”
“ไม่รู้จักประมาณตนจริงๆ ริอยากหมายปองดอกฟ้า!”
ศิษย์บางส่วนรอบบริเวณต่างวิจารณ์
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ หยวนหลงและอีกสองคนรับผลตอบแทนแล้วจึงออกจากห้องโถงไป
หยวนหลงปรายตามองจ้าวเฟิงอย่างนิ่งเฉยยิ่ง ก่อนจะจากไปทันที
สตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณผู้มีใบหน้าผุดผาดมองจ้าวเฟิง เดินมาข้างตัวเขาขณะจะยิ้มก็ไม่เชิง
“อีกสองสามวันจะมีงานชุมนุม ถึงตอนนั้นเจ้าต้องมาด้วยนะ!”
สตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณเดินเข้าไปใกล้และส่งกระแสจิตบอกเขา
“หืม?” จ้าวเฟิงได้กลิ่นกายหอมของสตรี ของชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
ในขณะที่สตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณส่งเสียงบอก ก็ลอบยัดจดหมายเชิญใส่ในมือเขา
จ้าวเฟิงกำบัตรเชิญนี้ไว้ด้วยใบหน้าตกใจ มองส่งสตรีเผ่าพันธุ์วิญญาณจนลับสายตา