Skip to content

King of Gods 1261

King Of Gods

บทที่ 1261 โด่งดังไปทั่วเขตเทพสวรรค์

ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดเบื้องล่างพลันรู้สึกถึงแรงกดดันพลังที่ยากจะขัดขืน ร่างกายและกระดูกเหมือนถูกบดแหลกละเอียด ความคิดจิตวิญญาณของพวกเขาถูกโจมตีจากความหวาดกลัวจนแทบจะฝืนต่อไปไม่ไหว! และแรงกดดันที่จ้าวเฟิงได้รับก็ไม่น้อยไปกว่าผู้อื่นเลย

หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาแข็งแกร่ง วิญญาณควบแน่น รวมกับมีการปกป้องจากเนตรเทพเจ้า เกรงว่าตอนนี้เขาคงศิโรราบอยู่เบื้องหน้าครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนนี้ไปแล้ว

“ใช่แล้ว ข้าต้องการคิดสักสองสามวัน!”

ประโยคหนึ่งเล็ดลอดออกจากไรฟันของจ้าวเฟิงอย่างยากลำบาก

เพียงพูดออกไป ใจของทุกคนเย็นยะเยือก ศิษย์ทั้งหมดที่นั่นสบถด่าจ้าวเฟิงในใจไม่รู้กี่รอบ

บนท้องฟ้า ผู้อาวุโสเทพโบราณทั้งหลายเหงื่อซึมทั่วหน้าผาก

จ้าวเฟิงปฏิเสธครึ่งก้าวสู่จอมเทพซึ่งๆ หน้า กระทั่งอยู่ภายใต้การกดดันจากครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็ยังคงปฏิเสธ ต่อให้พวกเขาเป็นผู้อาวุโสขั้นเทพโบราณก็ไม่กล้าทำเช่นนี้

ตอนนี้เอง กลิ่นอายที่กดดันในฟ้าดินกลุ่มนั้นหายไปทันใด

“ให้เวลาเจ้าสามวัน หลังจากนั้นข้าจะปิดด่านฝึกตน!”

ผู้อาวุโสสามทิ้งไว้ประโยคหนึ่งก็หายตัวไป

เขารู้ จริงๆ จ้าวเฟิงปฏิเสธเขาแล้ว แต่เขาก็จะไม่ทำอะไรจ้าวเฟิงเพราะเหตุนี้

ต้องรู้ว่า จ้าวเฟิงทะลวงถึงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ทันที ขอเพียงแค่เผ่าพันธุ์วิญญาณยอมฝึกฝนบ่มเพาะ ในวันข้างหน้าจะเป็นจอมเทพก็ไม่มีปัญหาใดเลย

จอมเทพ คือผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดในดินแดนเทพรกร้างแล้ว

กระทั่งว่าจ้าวเฟิงยังพอมีโอกาสที่จะไปถึงจุดสุดยอดที่สุดของดินแดนเทพรกร้าง…ราชาเทพ!

แต่ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสามเผ่าพันธุ์วิญญาณขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ

เขาถูกจ้าวเฟิงปฏิเสธก็ค่อนข้างจะเสียหน้าจริงๆ ดังนั้นเขาจึงบอกว่าตนเองยุ่งมาก และให้เวลาจ้าวเฟิงสามวันเท่านั้น หากไม่คว้าเอาไว้ก็จะพลาดโอกาสนี้ไป

ประโยคนี้ทำให้ฐานะของผู้อาวุโสสามยกสูงขึ้นอีก ทำให้ความกระอักกระอ่วนที่เขาถูกจ้าวเฟิงปฏิเสธส่วนใหญ่ถูกขจัดไปได้อย่างหลักแหลม

ผู้อาวุโสสามจากไป เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งบนและล่างทั้งหมดโล่งอกทันที บางคนกระทั่งเข่าอ่อนทรุดไปบนพื้น สายตาที่ทุกคนมองมายังจ้าวเฟิงซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

ก่อนอื่น แต่เดิมจ้าวเฟิงเป็นเป้าหมายที่ทุกคนล้วนขับไสไล่ส่ง แต่ว่าจ้าวเฟิงกลับไปถึงเทพขั้นหกได้ในรวดเดียว กลายเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทำให้พวกเขาค่อนข้างริษยา

ต่อมา จ้าวเฟิงเอาชนะเทพแท้จริงขั้นหกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่ง และแอบรู้สึกนับถืออยู่เล็กน้อย แต่สุดท้าย จ้าวเฟิงกลับล่วงเกินผู้อาวุโสสามเผ่าพันธุ์วิญญาณ…

เรื่องราวมากมายเช่นนี้ทำให้ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรกับจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงก็ถอนใจยาวเช่นกัน

ถึงแม้เขาคิดเอาไว้แล้วว่าผู้อาวุโสสามจะไม่ทำอะไรเขา แต่แรงกดดันสะเทือนฟ้าดินกลุ่มนั้น เขาต้านทานไม่ค่อยไหว

เขายังกลัวว่าหากเวลานานไป ผู้อาวุโสสามอาจจะมองตื้นลึกหนาบางของเขาออก

“พี่เฟิง!” เวลานี้ ร่างสีม่วงอรชรลอยมายังข้างกายจ้าวเฟิง

คนคนนี้ก็คือจ้าวหยูเฟย สาวงามอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณนั่นเอง

จ้าวหยูเฟยไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่ส่งยิ้มที่ชวนหลงใหลให้ สายตาอ่อนโยนดุจสายน้ำจ้องไปยังจ้าวเฟิง ราวกับไม่ว่าจ้าวเฟิงทำอะไร นางก็จะไม่ไปซักถาม

ท่าทีของจ้าวหยูเฟยทำให้ใจของจ้าวเฟิงอบอุ่น

ในเมื่อที่นี่คือเผ่าพันธุ์วิญญาณ เป็นที่ที่จ้าวหยูเฟยอยู่มาหลายสิบปี ส่วนเมื่อครู่ตนกลับปฏิเสธผู้อาวุโสสาม เรียกว่าต่อต้านเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ว่าได้

คนทั้งหมดรอบด้านเห็นเทพธิดาในใจตนใกล้ชิดกับชายคนอื่นเพียงนั้น ความรู้สึกจึงประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด

จากที่ไกลๆ ปฐมเทพลั่วอวี่และเว่ยชิงอิ๋งมองจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟย ในใจเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ในตอนนั้น พวกนางใช้จ้าวเฟิงเป็นเครื่องมือเยาะเย้ยจ้าวหยูเฟย แต่วันนี้จ้าวเฟิงกลายเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าพันธุ์วิญญาณ พวกนางคิดอยากคบค้าด้วยก็ทำไม่ได้แล้ว

ฟุ่บ! เทพโบราณฝูหลิงลอยต่ำลงมา

“จ้าวเฟิง ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกัน!”

เทพโบราณฝูหลิงอมยิ้มพูด

“หลายปีนี้จ้าวหยูเฟยอยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ ต้องขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ดูแล!”

จ้าวเฟิงทำความเคารพอย่างนอบน้อม

เทพโบราณฝูหลิงก็คือคนเผ่าพันธุ์วิญญาณที่มายังดินแดนทวีปแล้วพาจ้าวหยูเฟยไปในตอนนั้น จ้าวเฟิงจะลืมได้อย่างไร

“จ้าวเฟิง ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์หลักของเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว เจ้าย้ายมาอยู่ข้างกายจ้าวหยูเฟยเป็นเช่นไร?”

เทพโบราณฝูหลิงหน้าเปื้อนยิ้ม

“ท่านอาจารย์!” ใบหน้างามของจ้าวหยูเฟยพลันแดงเรื่อราวลูกผิงกั๋วสุก

ตอนนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณมีแต่จะรั้งจ้าวเฟิงเอาไว้เต็มกำลังเท่านั้น ไม่มีทั้งกีดกันพวกเขาทั้งสองเด็ดขาด…

“ก็ดี!” จ้าวเฟิงพยักหน้าอย่างเรียบนิ่ง

จากนั้นก็ตามเทพโบราณฝูงหลิงและจ้าวหยูเฟยมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ของศิษย์หลัก

ศิษย์รอบนอกก็ค่อยๆ สลายตัวกันไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้สลักอยู่ในหัวของพวกเขาจนลบออกไปไม่ได้

ฟุ่บ! ยามนี้ ชายหนุ่มชุดสีทองพร้อมด้วยพลังดุจคลื่นปั่นป่วนมาถึงยังที่นี่

“จินเวย เกิดอะไรขึ้น?”

รูปร่างหน้าตาของชายชุดทองคล้ายกับจินเวยอยู่หลายส่วน แต่ระหว่างคิ้วมีความเฉียบคมเพิ่มมา

“พี่ใหญ่ ท่านเพิ่งจะมาถึงเอาตอนนี้ พลาดเรื่องสนุกๆ ไปแล้ว…”

จากนั้นจินเวยถึงเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้าให้จินคุนพี่ใหญ่ของเขาฟัง

พี่ใหญ่ของเขามีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ เป็นอัจฉริยะสุดยอดรุ่นโตกว่า ตอนนี้คือผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณ

“เทพแท้จริงขั้นหก!” สีหน้าของจินคุนตระหนกตกใจ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“นี่เป็นเรื่องจริงนะ แม้แต่ผู้อาวุโสสามยังออกมารับเขาไว้เป็นศิษย์ด้วยตัวเองเลย…”

จินเวยรู้ดี พี่ใหญ่ของเขาคนนี้ยโสหยิ่งทะนง ได้ยินว่าคนนอกเผ่าคนหนึ่งทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ ย่อมไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน

“หึ เด็กนั่นกล้าปฏิเสธผู้อาวุโสสามงั้นรึ!” จินคุนแค่นเสียงเย็น ไม่ค่อยจะสบอารมณ์

“มันพลาดโอกาสดีไปแล้วจริงๆ หากอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสสาม ทั่วทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่มีใครกล้าไปแหย่มันแน่ แต่มันกลับปฏิเสธผู้อาวุโสสาม!”

จินเวยพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

“หากมีโอกาส ข้าจะต้องวัดพลังกับคนคนนี้เสียหน่อย!” นัยน์ตาของจินคุนฉายแววคมปลาบ

ในตอนนั้น อาจารย์ผู้ก่อตั้งของจินคุนแนะนำเขาให้กับผู้อาวุโสสาม หวังว่าผู้อาวุโสสามจะรับเป็นศิษย์ แต่ผู้อาวุโสสามมองเขาเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นก็ปฏิเสธ

แต่วันนี้ ผู้อาวุโสสามกลับออกโรงมารับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์ด้วยตนเอง ถึงแม้สุดท้ายจ้าวเฟิงจะปฏิเสธไป แต่ใจของจินคุนก็ยังคงแค้นเคืองนัก

……

ครั้นมาถึงยังที่อยู่ใหม่ของตนเอง จ้าวเฟิงปิดด่านช่วงหนึ่งทันที เพิ่งจะทะลวงถึงเทพโบราณได้ ขอบเขตพลังยังไม่มั่นคงนัก ต้องใช้เวลาอีกนานทำให้เสถียร รวมกับที่เขาผ่านการต่อสู้มามากมาย ก็บรรลุไปได้บ้างเล็กน้อย

“ดูจากข้างนอกข้าคือเทพแท้จริงขั้นหก แต่ความจริงข้าเป็นเทพโบราณแล้ว นี่ก็เป็นไพ่ตายรักษาชีวิตของข้าใบหนึ่ง!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงสงบนิ่ง

ต่อให้เขาอยู่ในขั้วอำนาจห้าดาว ได้รับการปกป้องจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่พรสวรรค์และศักยภาพที่เขาสำแดงออกมาก็ช่างน่าตกใจนัก เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญกับภัยอันตรายที่ยากจะคาดเดา

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงยังคงทุ่มพัฒนามังกรวารีล้างโลกา

“นายท่าน ข้าใกล้จะฟื้นฟูพลังขั้นสุดยอดได้แล้ว!”

มังกรวารีล้างโลกาพูดอย่างนอบน้อม

เขาฝึกฝนอยู่ในชุดคลุมมิติมาโดยตลอด ไม่รู้เรื่องของโลกภายนอกทั้งสิ้น แต่จ้าวเฟิงแค่เข้ามาก็แผ่กลิ่นอายเทพโบราณ ทำเอาเขาตกใจแทบขวัญเสีย จากนั้น เขาก็รู้ว่าจ้าวเฟิงทะลวงขั้นถึงเทพโบราณได้เลย ดังนั้นจึงนอบน้อมต่อจ้าวเฟิง

“อืม!” จ้าวเฟิงพยักหน้า มายังสถานที่ฝึกฝนประจำของตน

ในขณะเดียวกับที่มังกรวารีล้างโลกาฟื้นฟูพลังก็ฝึกฝนอยู่ด้วย ดังนั้นหากเขาฟื้นฟูถึงระดับสุดยอดได้ พลังจะต้องแข็งแกร่งกว่าในตอนแรกอย่างแน่นอน นอกจากนั้นก็ไม่รู้ว่ามังกรวารีล้างโลกาได้ทรัพยากรล้ำค่าอะไรมาจากจ้าววั่น สายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรวารีล้างโลกาของเขาเข้มข้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย

แน่นอน นี่คือสิ่งที่จ้าวเฟิงอยากจะเห็น

หากมังกรวารีล้างโลกาตามฝีเท้าเขาไม่ทัน เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงมองไปยังไข่สีเทาที่กำลังฟักตัวใบหนึ่ง

“ข้าถูกเจ้าแมวขโมยนี่หลอกเอาแล้ว!” จ้าวเฟิงอับจนคำพูด

ในตอนนั้นแมวขโมยน้อยพูดว่าจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์

แต่ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์จำเป็นต้องกลายเป็นไข่รึ? ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ต้องใช้เวลานานถึงเพียงนี้เลย?

ตอนนี้จ้าวเฟิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขาแค่อยากเห็นแมวขโมยน้อยที่ออกมาจากไข่ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อหลับตาทั้งสองข้าง จ้าวเฟิงก็เข้าสู่สภาวะฝึกฝน

……

เผ่าพันธุ์วิญญาณปรากฏอัจฉริยะชั้นยอดที่ทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ทันทีคนหนึ่ง

ข่าวนี้แพร่สะพัดไปในเขตเทพสวรรค์ชั่วพริบตา ก่อให้เกิดความฮือฮายกใหญ่

ทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ทันที นี่เป็นเรื่องในตำนานที่ไม่มีทางพิสูจน์ได้ คิดไม่ถึงว่าในวันนี้จะเกิดขึ้นแล้ว แน่นอน คนส่วนมากก็ยังตกอยู่ในความสงสัย ในเมื่อไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะเชื่อเรื่องที่เกินคาดขนาดนี้ได้

ผ่านไปไม่กี่วัน ขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดหลายแห่งที่อยู่ใกล้กับเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ส่งคนมาเยี่ยมเยือน แต่พอดีกับที่จ้าวเฟิงกำลังปิดด่านฝึกตน

ดังนั้นผู้มาเยี่ยมเยือนเล่านั้นล้วนไม่ได้พบกับจ้าวเฟิงตัวจริง

สำหรับเรื่องนี้ บางคนกลับคิดว่าอัจฉริยะที่ทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้เลยเป็นเรื่องที่เผ่าพันธุ์วิญญาณสร้างขึ้น

จุดประสงค์แน่นอนว่าเพื่อสยบเผ่าเปลวทอง

เขตเทพสวรรค์ เผ่าเปลวทอง

ลึกไปใต้ดิน ในโถงลับที่มีแสงเพลิงร้อนระอุลอยเอ่อแห่งหนึ่ง

ผู้นำระดับสูงของเผ่าเปลวทองรวมตัวกันที่โถง

แต่บรรยากาศที่นั่นกลับกดดันเป็นอย่างยิ่ง คนทั้งหมดไม่กล้าทำเสียงดัง สายตาล้วนจับจ้องไปยังเบื้องหน้า ที่นั่นมีผู้อาวุโสผู้คุมกฎที่ร่างดุจเหล็กกล้า เปลวเพลิงลุกท่วมทั่วร่าง พลังฝึกตนสูงถึงขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ

“บอกสถานการณ์มา!” จู่ๆ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพของเผ่าเปลวทองก็ส่งเสียง

“จากรายงานของสายสืบเผ่าพันธุ์วิญญาณ มีคนคนหนึ่งชื่อจ้าวเฟิงทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ทันทีจริงๆ!”

ด้านล่าง ชายวัยกลางคนพูดเสียงต่ำ

คำพูดนี้เพียงออกไป ที่แห่งนั้นก็เดือดพล่าน แม้กระทั่งผู้อาวุโสครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนนั้นใบหน้าก็เคร่งเครียด

“จะเก็บเจ้านี่ไว้ไม่ได้!”

“จะต้องกำจัดทิ้ง มิฉะนั้นเผ่าเปลวทองไม่มีวันสงบสุข!”

สีหน้าผู้นำระดับสูงบางคนฉายแววเหี้ยมเกรียม

“ทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้เลย คนนอกเผ่า?”

ผู้อาวุโสครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนนั้นถามเสียงเบา

“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าเข้าเผ่าพันธุ์วิญญาณด้วยฐานะศิษย์รับใช้เพื่อเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟย…”

ชายวัยกลางคนคนนั้นพูดเรื่องที่ตัวเองรู้ทั้งหมดออกไป

“จับตามอง เจ้า ‘จ้าวเฟิง’ นี่ให้ดี ใช้แผนเอาผลประโยชน์หลอกล่อและดึงเป็นพวก หากเขาปฏิเสธสังหารทันที!” ครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนนั้นพูดเรียบๆ

……

ในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น

“ต้องหาเคล็ดวิชาใหม่แล้ว มิฉะนั้นความก้าวหน้าของการฝึกฝนจะช้าเกินไป!”

จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ และ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ที่เขาฝึกก่อนหน้านี้สมบูรณ์ไปนานแล้ว ไม่อาจฝึกฝนต่อไปได้อีก

“นายท่านไม่ต้องกังวล เผ่าพันธุ์วิญญาณคือขั้วอำนาจห้าดาว ท่านในตอนนี้เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ท่านสนใจเคล็ดวิชาอะไร พวกเขาต้องเอามามอบให้แน่!” มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างนอบน้อม

จ้าวเฟิงพยักหน้า เตรียมจากที่นี่ไปเผ่าพันธุ์วิญญาณเพื่อหาเคล็ดวิชาที่เหมาะสม

แต่ในยามนี้เอง ส่วนลึกของวิญญาณเขาก็ส่งข่าวเร่งด่วนมา

“จ้าววั่นเกิดเรื่องแล้ว!” จ้าวเฟิงเผยสีหน้าตื่นตกใจ ความคิดสัมผัสไปยังลูกทรงกลมสีเงินมายาในมิติเนตรเทพเจ้าทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version