Skip to content

King of Gods 1260

King Of Gods

บทที่ 1260 ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ

ครืน บึ้ม เขตพลังค่ายกลบนเวทีประลองแหลกละเอียด ร่างของเซี่ยโหวอู่ลอยไปไกลหลายลี้ทันที

สามารถชกเซี่ยโหวอู่ลอยกระเด็นในหมัดเดียว พลังของจ้าวเฟิงหมัดนั้นอย่างน้อยก็ใกล้เคียงเทพโบราณ!

“จะ…เจ้าเด็กนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!” ศิษย์หลักจำนวนไม่น้อยกลืนน้ำลาย ในใจเกิดความหวาดกลัว หากหมัดนั้นชกมาบนร่างพวกเขา ตายอย่างไร้ทางรอดแน่นอน

“แม้กระทั่งเซี่ยโหวอู่ก็ยังแพ้!” สีหน้าของจางอวี่ถงยิ่งดำคล้ำ

ศิษย์ที่เหลือยากที่จะเก็บซ่อนความตื่นเต้นในใจ พากันร้องลั่น

ในเมื่อจ้าวเฟิงก็นับว่าเป็นคนของเผ่าพันธุ์วิญญาณเช่นกัน และเขาเอาชนะอัจฉริยะแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตได้ ก็เท่ากับเผ่าพันธุ์วิญญาณได้หน้า

“หยูเฟย เขาช่างสุดยอดจริง หมัดเดียวชกเซี่ยโหวอู่ลอยไปเลย…”

ข่งเตี๋ยร้องตื่นเต้นเสียงแหลม จ้าวหยูเฟยที่อยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย

บนเวทีประลอง จ้าวเฟิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาสำแดงวิชาดวงตาในการต่อสู้หลังจากที่ตาซ้ายแปรสภาพ

เขารู้สึกว่าความสามารถของตาซ้ายยกระดับขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วิชาดวงตาทุกอย่างที่เคยใช้ ปล่อยออกมาได้อย่างง่ายดาย สิ้นเปลืองพลังลดลงมาก แม้กระทั่งเนตรเทพแยกส่วนและเนตรเทพลอกแบบก็ล้วนปลดปล่อยออกมาได้อย่างสบายๆ อีกทั้งผลลัพธ์ยังเกินคาดอีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่นเนตรเทพลอกแบบเมื่อครู่ ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อนก็สามารถแยกส่วนได้ทันที สุดท้ายก็ทำลาย ‘สวรรค์แหลกลาญ’ ไพ่ตายสุดยอดของเซี่ยโหวอู่ลง ทำให้เขาไม่อาจสำแดงพลังที่แท้จริงของกระบวนท่านี้ได้

ส่วนเนตรเทพลอกแบบ จ้าวเฟิงนั้นใช้ได้อย่างคล่องแคล่วขึ้น

แต่ก่อน อย่างมากเขาทำได้แค่เพียงลอกเลียนแบบกระบวนท่าของคู่ต่อสู้ ตอนนี้แทบจะลอกเลียนแบบสิ่งใดก็ตามทุกที่ทุกเวลา เช่นเมื่อครู่ จ้าวเฟิงลอกแบบพลังชีวิตที่เซี่ยโหวอู่ปลดปล่อยออกมาทันที แล้วเอามาใช้เป็นของตัวเอง

‘ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ด้วย!’ จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ

การแปรสภาพของเนตรเทพเจ้าครั้งนี้เปลี่ยนแปลงได้อย่างอัศจรรย์ ส่วนยังมีความสามารถอื่นหรือไม่ จ้าวเฟิงยังไม่ได้ขุดค้นออกมา

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตสองคนมายังข้างกายเซี่ยโหวอู่

“ศิษย์พี่เซี่ยโหว!” สีหน้าของลูกศิษย์ทั้งสองค่อนข้างลนลานและลำบากใจ

“ไม่เป็นไร!” เซี่ยโหวอู่ลุกยืนขึ้น โคจรเนตรชีวิต รักษาบาดแผลบนร่างของตนในชั่วพริบตา

“สายเลือดดวงตาของเขา…น่าจะถึงขั้น ‘เนตรปฐมเทพ’!”

เซี่ยโหวอู่ร้องตกใจเสียงเบา

สายเลือดดวงตาทั่วไปจะทำให้เนตรชีวิตของเขาไร้ศักยภาพได้อย่างไร อีกทั้งจ้าวเฟิงใช้สายเลือดดวงตาถึงเอาชนะเขาได้

“เป็นไปไม่ได้ ศิษย์พี่เซี่ยโหว นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตอีกคนหนึ่งปฏิเสธทันควัน

ดินแดนเทพรกร้างมีแปดเนตรเทพเจ้า รองจากแปดเนตรเทพเจ้าก็คือทายาทเนตรเทพเจ้า

ทายาทสายเลือดของแปดเนตรเทพเจ้าก็มีขีดจำกัดในการพัฒนา ขีดจำกัดนี้ก็คือ ‘เนตรปฐมเทพ’

ขั้นกว่าของเนตรปฐมเทพ ก็คือเนตรเทพเจ้า!

แต่หากคิดอยากเป็นเนตรเทพเจ้า จะต้องสังหารผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าเสียก่อน ดังนั้นจึงบอกว่าขีดจำกัดของทายาทสายเลือดแปดเนตรเทพเจ้าก็คือ ‘เนตรปฐมเทพ’

“เด็กนี่ไม่ใช่ทายาทแปดเนตรเทพเจ้า ตาของเขาจะถึงขั้นเนตรปฐมเทพได้อย่างไร!” อย่างไรศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็ไม่อาจเชื่อได้

“ตาของเขาไม่เพียงแค่ถึงขั้นเนตรปฐมเทพเท่านั้น ข้ารู้สึกแม้กระทั่งในตาของเขามีเศษเสี้ยวกลิ่นอายเนตรเทพ…”

เซี่ยโหวอู่พูดเสียงต่ำทุ้ม ประโยคนี้จึงมีเพียงแค่ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตอีกสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

“เป็นไปไม่ได้!” ทั้งสองส่งเสียงขึ้นทันใด

“พวกเราไป!” เซี่ยโหวอู่ตะโกนเสียงต่ำ พาอีกสองคนที่เหลือจากไปทันใด

บนท้องฟ้า สีหน้าของเทพโบราณทั้งหลายตื่นเต้นเป็นที่สุด

“ขั้นเนตรปฐมเทพรึ?” สายตาผู้อาวุโสสี่ของเผ่าพันธุ์วิญญาณฉายแววครุ่นคิด

การแบ่งขั้นนี้เขาก็เคยได้ยินมาเช่นกัน แต่สามารถมาถึงขั้นนี้ได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งแปดถึงจะถูก

เขาไม่ใช่ทายาทเนตรเทพเจ้า ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ดังนั้นก็คิดถึงเหตุผลไม่ออกเช่นกัน

“เขาทะลวงถึงเทพขั้นหกได้ เหตุผลบางส่วนก็อาจเป็นเพราะดวงตาขั้นเนตรปฐมเทพ!” ผู้อาวุโสสี่พูดคาดเดา

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จ้าวเฟิงทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ทันที แสดงให้เห็นว่าในภายภาคหน้ามีโอกาสไปถึงจอมเทพที่เหนือกว่าเทพแท้จริงทั้งเก้าขั้นเป็นอย่างมาก

อัจฉริยะเช่นนี้จะต้องรั้งไว้ในเผ่าพันธุ์วิญญาณ ฝึกฝนบ่มเพาะเต็มกำลัง

ในขณะที่ผู้อาวุโสสี่เตรียมปรากฏกาย จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทำให้เขารู้สึกกดดัน

เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือก็สัมผัสอะไรได้เช่นกัน สายตาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังที่ไกลๆ

เห็นเพียงผู้อาวุโสผมขาวระยิบระยับยาวลากพื้นก้าวมาอย่างเนิบช้า

ทุกที่ที่เขาผ่านเงียบสงัด มีเพียงแค่ประกายแสงเลือนรางนับไม่ถ้วนวิบวับอยู่ตลอด แม้กระทั่งฟ้าดินก็ยังชวนให้รู้สึกว่าไม่จริง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณเบื้องล่างพลันสัมผัสได้ว่าขอบฟ้าไกลมีคลื่นพลังที่น่ากลัวทะลักมา จากการเข้าใกล้มาของพลังกลิ่นอายกลุ่มนั้น พวกเขารู้สึกว่าพลังทั้งหมดของตนถูกสะกดเอาไว้ ไม่อาจโคจรได้แม้เพียงเล็กน้อย

เสี้ยวขณะนี้ พวกเขาราวกับกลายเป็นคนธรรมดา!

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองไปยังที่ไกลๆ ทันใด เพ่งไปยังร่างของผู้อาวุโสคนนั้น

ในยามที่เขาเห็นผู้อาวุโสคนนี้ พลังเทพทั่วร่างสั่นอย่างรุนแรง ชั้นดวงวิญญาณก็กดดันอยู่ขณะหนึ่ง ราวกับจะศิโรราบให้

‘น่ากลัวจริงๆ คนคนนี้เป็นใครกัน?’

ในใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง

ฟุ่บ ฟุ่บ… ผู้อาวุโสผมขาวระยิบระยับคนนั้นยังไม่ทันมาถึง เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายก็กระโดดออกมาจากชั้นเมฆ

“ผู้อาวุโสสาม!” “คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสสามจะออกจากปิดด่านแล้ว!”

เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดรวมถึงผู้อาวุโสสี่ ในยามที่มองมผู้อาวุโสสามคนนี้ ใบหน้าล้วนฉายแววเคารพยำเกรง

ตำแหน่งอำนาจของผู้อาวุโสสาม ถึงแม้จะสูงกว่าผู้อาวุโสสี่แค่ขั้นเล็กๆ แต่พลังของเขากลับสูงถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพ เป็นบุคคลที่มีความหวังว่าจะเป็นจอมเทพ

“ขอต้อนรับผู้อาวุโสสาม!”

ได้ยินคำของผู้นำระดับสูงขั้นเทพโบราณ ลูกศิษย์เบื้องล่างก็รู้ถึงฐานะของผู้อาวุโสคนนี้ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตนจะได้เห็นบุคคลที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้

ส่วนศิษย์หลักจำนวนไม่น้อยเคยได้ยินเรื่องราวของผู้อาวุโสสามแห่งเผ่าพันธุ์วิญญาณ ก็ยิ่งนอบน้อมเป็นที่สุด

“คิดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสสามเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ยังมา!”

ศิษย์หลักเผ่าพันธุ์วิญญาณบางส่วนกระสับกระส่าย พวกเขารู้ว่าผู้อาวุโสสามปรากฏกายครั้งนี้ก็เพื่อจ้าวเฟิง ดังนั้นถึงกังวล!

“ทุกอย่างที่นี่ ข้ารู้ทั้งหมด!”

ผู้อาวุโสสามเอ่ยเนิบช้า เสียงที่เรียบนิ่งอย่างยิ่งดังไปทั่วทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณ ลึกลงไปในใจของทุกคน

อภินิหารระดับนี้ทำให้คนทุกคนในเผ่าพันธุ์วิญญาณที่ได้ยินประโยคนี้เกิดความเคารพจากใจ

ผู้อาวุโสสี่ไม่พูดอะไร ในเมื่อผู้อาวุโสสามออกมาแล้ว เช่นนั้นทุกอย่างก็ต้องฟังคำบัญชาของเขา

รอบนอกเผ่าพันธุ์วิญญาณ เทพโบราณเยี่ยหลงที่ซ่อนอยู่มิติถูกบีบออกมาก่อนกระอักเลือดสดๆ

“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ!” เทพโบราณเยี่ยหลงกดเลือดลมที่พุ่งพล่านลงไป จากนั้นเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาจากไปทันที

เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งบนและล่างเงียบงันไร้เสียง ทั้งหมดราวกับตกอยู่ในสภาพแข็งตัว มีเพียงแค่รอบกายของผู้อาวุโสสาม ฟ้าดินส่องประกายวาววับไม่หยุด

“เจ้าก็คือจ้าวเฟิง” สายตาของผู้อาวุโสสามเผ่าพันธุ์วิญญาณพลันหยุดอยู่ที่จ้าวเฟิง

“ใช่!” สายตาของจ้าวเฟิงมองตรงไปยังผู้อาวุโสสามแห่งเผ่าพันธุ์วิญญาณ

เสี้ยวขณะนั้น เขารู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งผืนฟ้าถล่มลงมา ความกดดันที่ไม่มีอะไรเทียบได้พุ่งมายังเขา กระทั่งว่าสายตาของผู้อาวุโสสามก็เหมือนกับตาซ้ายของตน สามารถมองทะลุได้ทุกสิ่ง มองทะลุความลับทุกอย่างในกายของจ้าวเฟิง

ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเต้นตุบๆ ขณะแผ่ความร้อน

หมอกแสงมายาดุจความฝันกลุ่มหนึ่งตลบออกมาจากมิติเนตรเทพเจ้า แทรกซึมเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง

ตอนนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าความกดดันกลิ่นอายที่ตนได้รับหายไปกว่าครึ่งทันที และความรู้สึกที่เหมือนถูกมองทะลุไปทั้งร่างก็หายไปเช่นกัน

บนท้องฟ้า คิ้วของผู้อาวุโสสามเผ่าพันธุ์วิญญาณเลิกขึ้นเล็กน้อย

“ยินดีเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่?” ผู้อาวุโสสามเผยรอยยิ้มบาง

คิ้วของผู้อาวุโสสี่ขยับเล็กน้อย ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร

“รับเป็นศิษย์อีกแล้วรึ!”

“ผู้อาวุโสสามครึ่งก้าวสู่จอมเทพมารับเป็นศิษย์ด้วยตนเอง!”

ในใจของศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดพุ่งพล่าน

ก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงปฏิเสธที่จะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเทพโบราณทั่วไป และในตอนนี้ ผู้อาวุโสสามขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพออกหน้าจะรับเขาเป็นศิษย์ด้วยตนเอง!

ศิษย์หลักจำนวนไม่น้อย จู่ๆ ก็รู้สึกเกรงกลัวจ้าวเฟิงขึ้นเล็กน้อย

หากจ้าวเฟิงกลายเป็นศิษย์ของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ในวันหน้ามิกลายเป็นคนโปรดในเผ่าพันธุ์วิญญาณเลยรึ อยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่เหนือคนทั้งปวง ต่อให้เป็นลูกศิษย์สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่กล้าล่วงเกินใดๆ

ได้ยินประโยคนี้ จ้าวเฟิงเกิดคลื่นขึ้นในใจ แต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

“ก่อนหน้านี้ข้ายังเป็นศิษย์นอกเผ่าทั่วไปคนหนึ่ง เป็นเป้าหยามหมิ่นของศิษย์นอกเผ่า ศิษย์ในเผ่า หรือศิษย์หลักในเผ่าทั้งหลาย แม้กระทั่งผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ล้วนแต่บีบให้ข้าไป…”

จ้าวเฟิงพูดช้าๆ

คำพูดนี้เพียงออกไป เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งบนและล่างทุกคน ในใจตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แต่ละคนเบิ่งตาอ้าปากค้าง

“เจ้าเด็กนั่นเป็นอะไรไป?” ศิษย์หลักไม่น้อยร้องอย่างตกใจ

“เจ้าเด็กนี่จะทำอะไร?”

เทพโบราณชุดคลุมดำสีหน้าแตกตื่น ในใจค่อนข้างร้อนรน

สายตาของผู้อาวุโสสามเผ่าพันธุ์วิญญาณกะพริบวูบไหว จ้องจ้าวเฟิงอย่างละเอียด

“ตอนนี้ผู้อาวุโสสามจะรับข้าเป็นศิษย์ ความแตกต่างก่อนหลังมากเกินไป ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนไม่จริง ได้โปรดให้ข้าใจเย็นลง แล้วคิดพิจารณาสักช่วงหนึ่ง”

จ้าวเฟิงพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

ในตอนนั้นเผ่าพันธุ์วิญญาณทำกับเขาเช่นนั้น แทบจะทุกคนล้วนยืนตรงข้ามกับเขา คิดอยากจะขับไล่ออกจากเผ่าและทำร้ายเขา

ยามนี้ตนสำแดงพรสวรรค์อันน่าตกใจที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาถึงได้คิดชักชวนตน อยากให้ตนทำงานเพื่อเผ่าพันธุ์วิญญาณ นี่มันจะง่ายเกินไปหน่อยกระมัง!

นอกจากนั้น ตนทะลวงถึงเทพโบราณได้เลยทันที ขั้นจอมเทพเหนือเทพแท้จริงเก้าขั้นนั่นน่าจะไม่ลำบากอะไร หากนำเรื่องนี้ประกาศออกไป ไม่รู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกมากน้อยเท่าใดที่จะแก่งแย่งช่วงชิง คิดอยากรับเขาเป็นศิษย์ แต่ตอนนี้ เผ่าพันธุ์วิญญาณส่งแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพออกมาเท่านั้น

พูดตามจริง จ้าวเฟิงรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่คู่ควรที่จะเป็นอาจารย์ของเขา!

จ้าวเฟิงเพียงพูดประโยคนี้ออกมา ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดรวมทั้งเทพโบราณราวกับกลายเป็นหิน ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่

ถึงแม้จ้าวเฟิงพูดว่าคิดช่วงหนึ่ง แต่ทุกคนล้วนรู้ว่า เขาปฏิเสธ!

ปฏิเสธที่จะเป็นลูกศิษย์ของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ!

เสี้ยวขณะนี้ คนไม่รู้ต่อเท่าไหร่คิดอยากกระโจนไปสบถด่าจ้าวเฟิงให้ตายนัก ปฏิเสธความหวังดีของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ สมองของเขาคิดอะไรอยู่?

“เจ้าอยากจะคิดพิจารณาช่วงหนึ่ง?” สายตาของผู้อาวุโสจับจ้อง ถามขึ้นทันควัน

บนท้องฟ้า ประกายระยิบระยับเลือนรางนับไม่ถ้วนถาโถมบ้าคลั่ง กลิ่นอายมหาศาลที่ผนึกฟ้าดินกดอัดมาเบื้องหน้าดุจคลื่นยักษ์

ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดเบื้องล่างพลันรู้สึกถึงแรงกดดันพลังที่ยากจะขัดขืน ร่างกายและกระดูกเหมือนถูกบดแหลกละเอียด ความคิดจิตวิญญาณของพวกเขาถูกโจมตีจากความหวาดกลัวจนแทบจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version