บทที่ 1280 ชัยชนะแรก
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ตามที่ข้ารู้มา เผ่าเปลวทองฝั่งนั้นผู้ที่ตรงกับเงื่อนไขมีเพียงเทพโบราณจินนู่ และเขาก็ไม่ใช่คู่มือของข้า!”
เทพโบราณปิงหยวนยิ้มมั่นใจ
เขาเคยพบปะกับเทพโบราณจินนู่หลายครั้ง พลังของอีกฝ่ายด้อยกว่าเขา
ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณพยักหน้าเล็กน้อย ตามความเข้าใจของเขา สถานการณ์ที่แท้จริงเป็นดั่งที่เทพโบราณปิงหยวนกล่าวมา แต่การต่อสู้เดิมพันครั้งนี้ ที่จริงเป็นเผ่าเปลวทองที่ยกขึ้นมาเอง รวมถึงข้อจำกัดเรื่องอายุสองร้อยปีนั่นด้วย ดังนั้นผู้นำระดับสูงเผ่าพันธุ์วิญญาณจึงยังคงไม่วางใจ ต่อให้โดยผิวเผินแล้วเผ่าพันธุ์วิญญาณจะได้เปรียบในด้านนี้ แต่ผู้อาวุโสก็ไม่หย่อนยานแม้แต่น้อย คัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถอย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยพวกเขายกระดับพลังขึ้นระดับหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ
การแจกจ่ายวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณก่อนเวลายังมีเหตุผลบางส่วน นั่นคือการต่อสู้เดิมพันของสองเผ่า ต่อมา ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณยังเปิดเผยข้อมูลอื่นของการต่อสู้เดิมพันออกมา
ระหว่างสองเผ่าต่างส่งคนสิบคนออกมา ท้าประลองซึ่งกันและกัน
หากในตอนที่การต่อสู้จบลง เผ่าพันธุ์วิญญาณเหลือหนึ่งคน เช่นนั้นจะได้สายแร่ผลึกเพลิงวิญญาณไปหกส่วน เผ่าเปลวทองสี่ส่วน หากเผ่าพันธุ์วิญญาณเหลือสามคนก็จะได้สายแร่เจ็ดส่วน เผ่าเปลวทองได้ไปสามส่วน
ถ้าเผ่าพันธุ์วิญญาณเหลือห้าคน เผ่าเปลวทองก็จะไม่มีทางได้อะไรไปเลย
กฎนี้เป็นกฎที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตวางเอาไว้ เหตุผลย่อมเป็นความหวังว่าจะทำให้ทั้งสองเผ่าได้รับสายแร่ไปบ้าง หลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งและสถานการณ์ที่จะเลวร้ายลงของสองเผ่า
“ตอนนี้ข้าจะบอกถึงลำดับการต่อสู้ของพวกเจ้า ถึงตอนนั้นหากเจอกับสถานการณ์พิเศษยังสามารถสับเปลี่ยนได้ด้วย!”
ผู้อาวุโสบอกลำดับรายชื่อที่กำหนดเอาไว้นานแล้วกับทุกคน
ศึกแรก ดีที่สุดต้องเอาชนะมาให้ได้ และสมาชิกที่ออกไปสู้จะต้องเป็นคนของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ดังนั้นเทพแท้จริงหลงหยวนจึงรับไปอย่างเต็มใจ
อันดับที่สองคือสตรีเผ่าอื่นคนหนึ่ง จ้าวเฟิงไม่รู้จัก
อันดับสามคือเทพโบราณปิงหยวน
ส่วนจ้าวเฟิงคืออันดับที่ห้า
สรุปแล้ว ผู้อาวุโสจัดวางคนทั้งหลายที่พลังแข็งแกร่งที่สุดให้อยู่ในตำแหน่งทั้งสิบ
ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันการพ่ายแพ้ติดต่อกันและกระทบต่อกำลังใจ
“ต่อไปพวกเจ้ามีข้อสงสัยอะไรก็ถามข้าได้ รวมถึงเรื่องการฝึกฝน…” ผู้อาวุโสสี่มองไปยังคนทั้งสิบเบื้องหน้าพลางพูดต่อไป
ผู้อาวุโสสี่คือเทพโบราณชั้นยอดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ปกติถึงอยากเจอก็ไม่อาจได้เจอ แต่ในตอนนี้ คนทั้งหมดมีโอกาสขอคำชี้แนะจากผู้แข็งแกร่งเทพโบราณคนนี้
“ผู้อาวุโส ‘วิชาธุลีอัสนีสวรรค์’ ที่ข้าฝึกฝน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่อาจทะลวงขั้นที่แปดได้…”
ชายหนุ่มผิวดำเมื่อมคนหนึ่งแย่งถามขึ้นก่อน
เส้นทางการฝึกฝนมักจะเต็มไปด้วยความไม่รู้มากมาย ทุกครั้งที่ถึงระดับสูงระดับหนึ่งก็จะเผชิญกับปัญหาที่ยิ่งมากขึ้น แม้กระทั่งเทพโบราณปิงหยวนที่อยู่ที่นี่ก็ยังรอโอกาสให้ผู้อาวุโสไขปัญหาให้เขา
จ้าวเฟิงเดินมาถึงข้างๆ ก่อนนั่งขัดสมาธิลง
ตอนนี้เขายังไม่มีวิชา พลังฝึกตนหยุดอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้า ดังนั้นจึงไม่มีข้อสงสัยหรือข้อติดขัดอะไรมากมาย ถึงต่อให้มี เขาก็จะไปถามผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตในห้วงฝันบรรพกาลโดยตรง
เมื่อหลับตาทั้งสอง ในหัวของจ้าวเฟิงก็มีเคล็ดวิชากับกลยุทธ์มากมายปรากฏขึ้นในหัว พวกนี้ล้วนเป็นเคล็ดวิชาที่เขาใช้ตาซ้ายดูการต่อสู้ของคนอื่นและอนุมานออกมาตอนการต่อสู้ชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ
กลยุทธ์การโจมตีของจ้าวเฟิงเองแทบจะล้าสมัยแล้ว
ตอนนี้เขากำลังลองฝึกฝนเคล็ดวิชาวิชาสองวิชาในนั้น หรือปรับปรุงกลยุทธ์ที่ตนเองชำนาญโดยอ้างอิงจากกลยุทธ์ระดับสูงพวกนี้
หลายวันหลังจากนั้น ภูเขาไฟมหึมาสองลูกปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน คนทั้งหมดบนเรือศึกต่างมายังด้านหน้าสุด แววตาตื่นเต้นเล็กน้อ เห็นเพียงภูเขาไฟมหึมาสองลูกยังคงพ่นไอเพลิงร้อนระอุ ระหว่างกลางภูเขาไฟสองลูกมีเวทีประลองที่กว้างยาวหลายพันลี้ รอบเวทีประลองยังมีเวทีดูการต่อสู้อีกห้าเวที
ในตอนที่เผ่าพันธุ์วิญญาณมาถึง คนบนหนึ่งในเวทีต่อสู้กวาดสายตามองพร้อมๆ กัน เจตนาไม่เป็นมิตรในดวงตาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาก็คือคนของเผ่าเปลวทองนั่นเอง
เวทีดูการต่อสู้ข้างเผ่าเปลวทองมีคนค่อนข้างน้อย แต่ตำแหน่งของพวกเขากลับสูงที่สุดที่นี่ พวกเขาคือขั้วอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต!
เวทีดูการต่อสู้ที่เหลือทั้งสองเป็นของสองขั้วอำนาจห้าดาวอีกสองแห่งของเขตเทพสวรรค์ เทวาพฤกษาสมุทรและพันธมิตรสะท้านภพ นอกจากนั้น ผู้ชมการต่อสู้จากขั้วอำนาจเล็กๆ ของเขตเทพสวรรค์ที่เหลือ ก็เลือกนั่งในพื้นที่ด้านนอกตามสบาย
“ในที่สุดก็มาเสียที ข้ายังนึกว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณจะคืนสายแร่ผลึกเพลิงวิญญาณให้เผ่าเปลวทองเสียอีก!”
ในหมู่สมาชิกเผ่าเปลวทอง ผู้อาวุโสที่เสียงดุจระฆังมีร่างกายเป็นสีทองเข้ม บางส่วนมีลวดลายเปลวเพลิงสีดำหลายเส้นแผ่กระจาย
“ผู้อาวุโสจินช่างล้อเล่นเก่งเสียจริง สายแร่ผลึกเพลิงวิญญาณก็ไม่ใช่ของเผ่าเปลวทองมาโดยตลอดอยู่แล้ว!” ผู้อาวุโสสี่หัวเราะเสียงต่ำ
เพิ่งจะพบหน้ากัน ผู้นำของทั้งสองเผ่าก็ปะทะกันแล้ว น้ำเสียงของผู้อาวุโสทั้งสองถึงแม้จะเรียบนิ่ง แต่ความหมายหาเรื่องในคำพูดชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
คนของเทวาพฤกษาสมุทรและพันธมิตรสะท้านภพต่างหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร
ความขัดแย้งของเผ่าพันธุ์วิญญาณและเผ่าเปลวทองก็ไม่ใช่เพิ่งมีแค่วันสองวัน หากไม่ใช่เพราะมีการควบคุมจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เกรงว่าคงเปิดศึกไปแล้ว
“ท่านทั้งสองอย่าได้วู่วาม ทุกอย่างให้ใช้ผลของการต่อสู้มาเป็นตัวตัดสิน!”
ในเวลานี้ คนดำเนินการของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเอ่ยปากไกล่เกลี่ย สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ใครก็ตามที่นั่นล้วนรักษาความยำเกรงเอาไว้
“เป็นเขา?” จ้าวเฟิงมองไปยังเวทีดูการต่อสู้ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต คนที่พูดก็คืออาจารย์ของเซี่ยโหวอู่ ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวคนนั้น
ในตอนนั้นที่เขาไปแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต คนที่ได้ข้องเกี่ยวกันมากที่สุดก็คือผู้อาวุโสคนนี้
นอกจากผู้อาวุโสคนนี้แล้ว จ้าวเฟิงยังเห็นปฐมเทพก้วนหลง เซี่ยโหวอู่ และหลิวข่าย
ในขณะเดียวกัน สามสี่คนนี้ก็มองจ้าวเฟิงพร้อมๆ กัน จากมุมอื่นๆ ทุกคนต่างก็สังเกตสมาชิกที่เข้าร่วมต่อสู้ของเผ่าพันธุ์วิญญาณเช่นกัน
“เผ่าพันธุ์วิญญาณและเผ่าเปลวทองต่างมีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณ แต่เทพโบราณปิงหยวนน่าจะแข็งแกร่งกว่านิดหน่อย!”
“ดูนั่นเร็ว ชายหนุ่มผมสีเงินดุจความฝันคนนั้นก็คือจ้าวเฟิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตเทพสวรรค์ช่วงก่อนหน้านี้!”
“ตาและเส้นผมของเขาช่างแปลกเสียจริง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายเลือดที่พิเศษหรือเปล่า…”
สายตาของทุกคนเหมือนจะวนเวียนอยู่ที่เทพโบราณปิงหยวน จ้าวเฟิง และเทพแท้จริงหลงหยวนสามคน
เทพโบราณปิงหยวนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณเพียงหนึ่งเดียว เป็นไพ่ใบสำคัญของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
เทพแท้จริงหลงหยวนพลังฝึกตนขั้นหกสุดยอด กลิ่นอายเกือบจะใกล้ถึงเทพโบราณ ชื่อเสียงขจรขยายนานแล้ว
ส่วนจ้าวเฟิงนั้นคือชื่อเสียงล้วนๆ ล้ำหน้าคนทั้งสองอยู่เล็กน้อยๆ แต่คนทั้งหลายที่นี่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน
“เป็นพลังฝึกตนขั้นหกจริง ไม่รู้ว่าทะลวงถึงขั้นหกได้เลยหรือเผ่าพันธุ์วิญญาณปล่อยข่าว…” ในเผ่าเปลวทอง เสียงสงสัยที่ค่อนข้างกังวานดังขึ้น
ทะลวงถึงเทพแท้จริงขั้นหกก็น่าพรั่นพรึงเกินไปจริงๆ ต่อให้เป็นอัจฉริยะแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจทำได้ ดังนั้นคนส่วนมากเลยยังคงมีทีท่าสงสัย
“จ้าวเฟิง!” สายตาของผู้อาวุโสเผ่าเปลวทองก็หยุดอยู่ที่ร่างของจ้าวเฟิงชั่วขณะหนึ่งเช่นเดียวกัน
ช่วงก่อนหน้านี้ เผ่าเปลวทองส่งเทพโบราณคนหนึ่งไปสังหารจ้าวเฟิง แต่หลังจากนั้น เทพโบราณเผ่าเปลวทองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
สมาชิกที่ติดตามเทพโบราณคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เพราะพวกเขาก็ไม่เห็นสถานการณ์การต่อสู้ของชายแขนขาดและจ้าวเฟิง แต่ตราประทับวิญญาณที่ชายแขนขาดทิ้งไว้ที่เผ่าเปลวทองก็ยังไม่หายไป นี่พิสูจน์ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้กลับมายังเผ่าเปลวทอง นี่ทำให้ผู้นำระดับสูงของเผ่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ฟุ่บ ฟุ่บ! คนเผ่าพันธุ์วิญญาณกระโดดออกมาจากเรือศึก ลอยลงมายังเวทีดูการต่อสู้ที่เป็นของพวกเขา
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ การต่อสู้ครั้งนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณจะต้องชนะแน่นอน ถึงตอนนั้นเผ่าเปลวทองก็จะไม่มีหน้ากำเริบเสิบสานได้อีกต่อไป!”
เทพโบราณปิงหยวนมายังข้างกายผู้อาวุโสสี่ เอ่ยเสียงต่ำทุ้มด้วย คำพูดของเขาถึงแม้จะเบา แต่คนของเผ่าเปลวทองก็ล้วนได้ยิน นอกจากผู้นำระดับสูงและผู้แข็งแกร่งอีกจำนวนน้อย สีหน้าของคนที่เหลือฝ่ายเผ่าเปลวทองเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเผยแววโกรธเคืองออกมา
“เทพโบราณปิงหยวน ท่านก็ยังชอบคุยโวเช่นเดิมนะ!”
เทพโบราณจินนู่ที่ทั้งร่างสวมชุดขาวตัวเหยียดตรงหัวเราะเสียงเย็น
“ในเมื่อทุกท่านของเผ่าพันธุ์วิญญาณมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มให้เร็วหน่อยเถอะ!”
ผู้อาวุโสจินของเผ่าเปลวทองไม่สนใจคำพูดของเทพโบราณปิงหยวน
คำพูดนี้เพียงเอ่ยออกไป ที่แห่งนั้นก็ดังเซ็งแซ่ไปทั่วทันที เห็นได้ชัดว่าสนใจการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นต่อมามาก
การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะได้เห็นพลังของคนอายุน้อยรุ่นเดียวกันของขั้วอำนาจห้าดาวทั้งสอง ผลของการต่อสู้เดิมพันก็เป็นการประกาศว่าขั้วอำนาจที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งสอง ตกลงแล้วเป็นใครที่แข็งแกร่ง เป็นใครที่อ่อนแอ ตัดสินรูปแบบอนาคตของเขตเทพสวรรค์ได้รางๆ
“การต่อสู้เดิมพันของสองเผ่าเริ่มขึ้นได้ สุดท้ายจะตัดสินการปันส่วนสายแร่ผลึกเพลิงวิญญาณจากจำนวนคนที่เหลืออยู่!”
ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวเอ่ยเสียงสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน เสี้ยวขณะต่อมา รอบด้านเวทีประลองทั้งหมดฮือฮากันทันที
ฟิ้ว เทพแท้จริงหลงหยวนเผ่าพันธุ์วิญญาณขั้นไปบนเวทีก่อน
จากคำกำชับของผู้อาวุโส เทพแท้จริงหลงหยวนจะต้องท้าประลองผู้แข็งแกร่งขั้นหกสุดยอด อีกทั้งยังต้องเอาชนะเขาให้ได้ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น จึงจะปลุกใจเผ่าพันธุ์วิญญาณได้!
เมื่อสังเกตอยู่ชั่วขณะ เทพแท้จริงหลงหยวนชี้ไปยังชายหนุ่มชุดทองคนหนึ่งฝั่งเผ่าเปลวทอง
ฟุ่บ! ชายหนุ่มชุดทองเผ่าเปลวทองสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีประลอง ไม่พูดอะไรให้มากความ ทั้งสองคนลงมือทันที
เคร้ง เคร้ง ตูม! สองคนเพียงแค่เริ่มสู้ ก็ใช้อาวุธเทพของตนกันแล้ว
สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณชำนาญการป้องกัน และเทพแท้จริงหลงหยวนก็ชำนาญในด้านกลวิชาโจมตีเป็นอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มชุดทองเผ่าเปลวทองนั้นคือผู้ฝึกกาย การโจมตีและการป้องกันทัดเทียมกัน แต่ด้านการป้องกันของเผ่าเปลวทองยังคงสู้คุณสมบัติพิเศษสายเลือดของเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่ได้
“ทัณฑ์ลักษณ์มังกร!”
เทพแท้จริงหลงหยวนสะบัดกระบี่ยาวในมือ ฟาดฟันคมคลื่นผลึกน้ำแข็งพลังมหาศาลสายหนึ่งออกมา
ชายหนุ่มชุดทองเผ่าเปลวทองสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย รีบกระตุ้นเคล็ดวิชาลับป้องกันทันที ทั่วร่างเปล่งแสงสีทองระยิบระยับ แปลงเป็นภูเขายักษ์เพลิงทองลูกหนึ่งป้องกันไว้สุดพลัง
“ศึกแรก หากไม่มีอะไรผิดพลาด เทพแท้จริงหลงหยวนชนะแน่นอน!”
สังเกตอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสสี่เผ่าพันธุ์วิญญาณยิ้มเล็กน้อย
“ท่าทางศึกแรกคงแพ้แล้ว!” ฝั่งเผ่าเปลวทอง ชายหนุ่มร่างสีทองเข้มส่ายหัวอย่างจนปัญญา
“แบบนี้ไม่ดีรึ? ให้เผ่าพันธุ์วิญญาณดีใจไปก่อน เช่นนี้จึงจะส่งผลกระทบต่อพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น!”
เทพโบราณจินนู่ยิ้มพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอแค่ถึงตอนนั้นเจ้าอย่าได้ลงมือหนักจนทำให้ข้าไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีก็พอ!”
เทพโบราณจินนู่มองไปยังชายหนุ่มผิวสีทองเข้มคนนั้นพร้อมพูดล้อเล่น
ในตอนนี้เอง บนเวที เทพแท้จริงหลงหยวนกระตุ้นสายเลือดสุดพลัง กวัดแกว่งกระบี่ยาว ฟันคมแสงผลึกน้ำแข็งนับไม่ถ้วนออกมา ทั่วทั้งเวทีประลองปกคลุมไปด้วยประกายแวววาวสีขาวหนาหนักเป็นชั้นๆ
ครืน บึ้ม! ชายหนุ่มชุดทองคนนั้นโดนโจมตีลอยไป
“รอบที่หนึ่ง เผ่าพันธุ์วิญญาณชนะ!” ผู้อาวุโสใบหน้าแห้งเหี่ยวของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตประกาศ
ข้างล่างเวทีฮือฮา
“รอบแรกเป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณชนะ และเทพโบราณปิงหยวนของเผ่าพันธุ์วิญญาณเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าเทพโบราณจินนู่ของเผ่าเปลวทอง ดูท่าแล้วการต่อสู้ครั้งนี้น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณที่ชนะ!”
“นั่นก็ไม่แน่ สิบคนออกสู้ กลยุทธ์สำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากเผ่าเปลวทองให้สามสี่คนตัดกำลังเทพโบราณปิงหยวน เช่นนั้นเทพโบราณจินนู่เผ่าเปลวทองก็อาจจะเอาชนะเทพโบราณปิงหยวน พลิกสถานการณ์ต่อสู้ได้!”
ผู้ชมการต่อสู้ทั้งหลายรอบเวทีแสดงข้อคิดเห็นของตนออกมา
รอบที่หนึ่ง เผ่าพันธุ์วิญญาณชนะ
ก่อนรอบที่สองจะเริ่มขึ้น สตรีเผ่าเปลวทองที่รูปร่างร้อนแรงมีส่วนโค้งเว้าทรงเสน่ห์ขึ้นมาบนเวทีประลอง