Skip to content

King of Gods 1321

King Of Gods

บทที่ 1321 พบคุณชายห่ายอีกครั้ง

หลังจากเขาชั้นนอกมาแล้ว จ้าวเฟิงก็มาถึงยังเขตแลกเปลี่ยนอิสระของเขามารทมิฬ

ขนาดเนื้อที่เขตแลกเปลี่ยนของขั้วอำนาจห้าดาวแทบจะเท่ากับพื้นที่ของขั้วอำนาจสี่ดาว ราวกับอาณาจักรเล็กๆ อาณาจักรหนึ่ง

เขตพื้นที่แลกเปลี่ยนนี้คือเขตแลกเปลี่ยนของลูกศิษย์เขามารทมิฬโดยเฉพาะ ไม่แบ่งแยกความแตกต่างชั้นนอกชั้นใน ดังนั้นจำนวนคนเข้าออกจึงมากมายนัก

“ข้าคุ้นเคยที่นี่เป็นอย่างดี สหายจ้าวต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย!”

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นยิ้มพูดขึ้น

จ้าวหุยมาที่นี่เพื่อสืบข่าวสักหน่อย แต่ตอนนี้เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นคอยตาม ทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก ดังนั้นจ้าวหุยจึงดูๆ ไปอย่างนั้น ทำความคุ้นเคยสักหน่อย รอให้มีเวลาค่อยมาอีก

แต่ว่าตลอดทางที่เดินมา จ้าวเฟิงกลับต้องอัศจรรย์ใจเมื่อพบว่าในพื้นที่แลกเปลี่ยนของเขามารทมิฬมักจะเจออุปกรณ์เล็กๆ และเครื่องมือบางอย่างที่แฝงไว้ด้วยวิทยาการของเผ่าความลับสวรรค์

‘บางทีอาจจะสืบเรื่องบางอย่างได้จากที่นี่!’ จ้าวหุยแอบจำเอาไว้ในใจ

ที่ซ่อนตัวแมวขโมยน้อยห่างจากเขามารทมิฬไม่นับว่าไกลนัก และเขามารทมิฬเองก็เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจห้าดาวของเขตพยับฟ้า ขั้วอำนาจเองก็มีคนหลากหลายปะปนกันไป จะต้องสืบข่าวขั้วอำนาจลึกลับที่พวกเทพโบราณเสวียนหมัวอยู่เจอแน่นอน

“สหายพั่วอวิ๋น ข้าไปยอดเขาหลักก่อน ดูว่าผู้นำระดับสูงของเจ้าและข้าทั้งสองฝั่งคุยกันเป็นอย่างไรบ้าง…”

จ้าวหุยขอตัวลา มุ่งหน้าไปยังยอดเขาหลักของเขามารทมิฬ

“เจ้าเด็กนี่ กับอีแค่เทพแท้จริงขั้นสาม อยู่ในเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างมากก็เป็นแค่ลูกศิษย์ในเผ่าเท่านั้น แต่กลับสามารถเข้าออกยอดเขาหลักเขามารทมิฬได้อย่างอิสระ!”

หลังจากจ้าวหุยไปแล้ว เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นสบถด่าเสียงต่ำ

ยอดเขาหลักของเขามารทมิฬเป็นสถานที่ที่ลูกศิษย์คนสำคัญเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าออกได้ ส่วนเขาไม่มีสิทธิ์ แต่จ้าวหุยศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณกลับเข้าออกสถานที่สำคัญของเขามารทมิฬ นี่ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก และริษยาเล็กน้อย

ครั้นไปจากที่นี่แล้ว จ้าวหุยมุ่งไปยังยอดเขาหลักของเขามารทมิฬทันที

แต่ทว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ตำหนักหลัก จ้าวหุยก็เห็นผู้นำระดับสูงของทั้งสองขั้วอำนาจบินออกมาพร้อมกัน

“คนรุ่นหลังในเขามารทมิฬของข้า ได้ยินมานานแล้วว่าอัจฉริยะเผ่าพันธุ์วิญญาณมีกำลังรบแข็งแกร่ง ครั้งนี้ก็ให้เขากับศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณประลองแลกเปลี่ยนสักครั้งก็แล้วกัน!”

ผู้อาวุโสหน้าผีในกลุ่มผู้นำระดับสูงของเขามารทมิฬยิ้มพูดขึ้น

“ที่ไหนกัน ลำพังแค่กำลังรบ ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณสู้ศิษย์เขามารทมิฬไม่ได้อยู่แล้ว!”

สตรีชราผมเงินฝ่ายเผ่าพันธุ์วิญญาณเอ่ยเรียบๆ

หากไม่ใช่เพราะผู้นำระดับสูงเขามารทมิฬร้องขอแล้วร้องขออีก นางไม่มีทางเห็นด้วยกับการประลองแลกเปลี่ยนครั้งนี้เด็ดขาด เพราะเทพโบราณสี่คนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณที่มาในครั้งนี้ ไม่ใช่เทพโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่า

“ศิษย์ขั้นเทพโบราณของเผ่าพันธุ์วิญญาณที่มาครั้งนี้แค่รับภารกิจนี้พอดีเท่านั้น ทุกท่านแห่งเขามารทมิฬอย่าได้จริงจังไปเลย!”

เทพโบราณฝูหลิงพูดขึ้นทันที เอ่ยกดศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายให้ต่ำลง

‘ท่าทางขั้วอำนาจทั้งสองจะไม่ได้เป็นมิตรกันนัก’ จ้าวหุยแอบพูดในใจ

การมาของเขาดึงดูดความสนใจของเทพโบราณทั้งหลายตั้งนานแล้ว แต่แค่เทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่ง ผู้นำระดับสูงขั้นเทพโบราณจึงไม่ได้สนใจอะไร

จ้าวหุยตามอยู่ข้างหลังกลุ่มอย่างเงียบๆ ดูว่าตกลงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“จ้าวเฟิง การประลองแลกเปลี่ยนฝีมือครั้งนี้ หากเผ่าพันธุ์วิญญาณสู้ไม่ได้ เจ้าจะลงมือได้หรือไม่?”

เทพโบราณฝูหลิงส่งกระแสจิตถาม พลังของจ้าวเฟิงเห็นเป็นที่ประจักษ์ดีบนการต่อสู้ของสองเผ่า การประลองแลกเปลี่ยนฝีมือของสองขั้วอำนาจ เขามารทมิฬน่าจะได้เปรียบ

แต่หากเขามารทมิฬไม่รู้หนักรู้เบา ส่งอัจฉริยะที่แข็งแกร่งในขั้วอำนาจมาหยามหมิ่นศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณ เทพโบราณฝูหลิงหวังว่าจ้าวเฟิงจะลงมือกู้สถานการณ์

“เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่ได้เป็นมิตรกับเขามารทมิฬหรอกรึ? ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้?” จ้าวเฟิงไม่ตอบ กลับถามขึ้น

“ไม่ว่าขั้วอำนาจใดก็ไม่ได้สมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งอย่างสิ้นเชิง เช่นขั้วอำนาจเขามารทมิฬประเภทนี้ยิ่งโดดเด่น…” เทพโบราณฝูหลิงไม่ได้ปกปิด ค่อยๆ อธิบายกับจ้าวเฟิง

ที่แท้แล้ว ส่วนในของเขามารทมิฬต่อสู้กันดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของเขามารทมิฬมีสองกลุ่ม และกลุ่มที่เป็นมิตรกับเผ่าพันธุ์วิญญาณมีเพียงหนึ่งในนั้น ผู้อาวุโสเถาก็คือตัวแทนของกลุ่มนี้

ส่วนตัวแทนอีกกลุ่มหนึ่งก็คือผู้อาวุโสหน้าผีนั่นเอง

สองกลุ่มต่างต่อสู้ซึ่งกันและกัน พยายามช่วงชิงอำนาจสูงสุดเขามารทมิฬ

กลุ่มผู้อาวุโสเถาแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่ต้องการและยกระดับพลังผ่านการค้าขายกับเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ในขณะเดียวกัน อีกกลุ่มหนึ่งจะต้องคิดหาวิธีขัดขวาง พยายามทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่ง แต่ก็จะไม่ทำให้เกินเหตุ มิฉะนั้นจะล่วงเกินเผ่าพันธุ์วิญญาณเกินไป ผลกระทบจะยิ่งแย่กว่าเดิม

“หรือก็คือฝ่ายผู้อาวุโสหน้าผีคิดอยากใช้วิธีนี้หยามหมิ่นเผ่าพันธุ์วิญญาณ ให้เผ่าเราค่อยๆ สูญเสียความรู้สึกดีๆ กับเขามารทมิฬไป…”

จ้าวเฟิงเข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าเขายังไม่มีแผนที่จะปรากฏตัวลงมือ

ที่นี่คือขั้วอำนาจห้าดาวของเขตพยับฟ้า หากฐานะของจ้าวเฟิงเปิดเผยออกมา

เมื่อตัวอยู่ในเขตพยับฟ้า ขั้วอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเทพโบราณเสวียนหมัวก็จะสืบหาได้ในทันที ถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่ภารกิจรับแมวขโมยตัวน้อยจะล้มเหลว จ้าวเฟิงเองก็อาจจะมีอันตรายด้วย

ไม่นานนัก ผู้นำระดับสูงของขั้วอำนาจทั้งสองฝั่งก็มาถึงยังมิติแยกเดี่ยวแห่งหนึ่ง

ในมิติมีภูเขาตั้งเรียงราย สูงชันน่าหวาดกลัว

“เป็นที่นี่ก็แล้วกัน ไม่มีการแบ่งแยกอาณาเขตต่อสู้ ไม่มีปราการค่ายกลป้องกัน ต่อสู้สำแดงพลังได้อย่างเต็มที่!”

ผู้อาวุโสหน้าผียิ้มพูด“ไม่รู้ว่าศิษย์เขามารทมิฬคนใดจะออกมาประลองแลกเปลี่ยน?”

สตรีชราผมเงินเอ่ยปากถาม

อัจฉริยะที่มีชื่อในเขามารทมิฬ นางล้วนได้ยินชื่อมาหมดแล้ว

วู้ม ครืน! ในตอนนี้เอง ข้างกายของทุกคนเกิดคลื่นมิติขึ้นบางๆ

จากนั้นชายหนุ่มรูปงามที่ดูชั่วร้าย ในดวงตามีแสงประกายดาวก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่

“เป็นเขา?” สีหน้าจ้าวหุยตะลึงไปเล็กน้อย

ชายหนุ่มที่มาเยือนก็คือคุณชายห่ายที่เคยต่อสู้กับจ้าวเฟิงครั้งหนึ่งที่งานชุมนุมเนตรเทพเจ้า ถึงแม้จ้าวเฟิงจะรู้ว่าเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นอยู่ที่นี่ คุณชายห่ายก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะมีโอกาสได้พบกันอีก

“คารวะผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณ…”

คุณชายห่ายทำความเคารพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ที่แท้เป็นคุณชายห่ายที่ครอบครองเนตรดาริกานี่เอง!”

สตรีชราผมเงินเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง

แน่นอน ไม่ใช่เพราะพลังของคุณชายห่ายสูงส่งอะไร แต่เป็นเพราะเนตรที่พิเศษของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ใกล้เคียงทายาทแปดเนตรเทพเจ้ามากทีเดียว

สรุปแล้ว คุณชายห่ายไม่ใช่ศิษย์ขั้นเทพโบราณที่เก่งกาจที่สุดของเขามารทมิฬ แต่ก็เกือบแล้ว

“จินคุน เจ้าขึ้นไป!” สตรีชราผมเงินเรียกชื่อ

ในศิษย์ขั้นเทพโบราณของเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งสี่คน มีเพียงจินคุนเท่านั้นที่มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ

สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณสามารถข่มพลังสายเลือดดวงตาของคุณชายห่ายได้

“ขอรับ!” จินคุนก้าวออกมาทันที

คุณชายห่ายคนนี้เขาก็เคยได้ยินชื่อมา แต่พลังน่าจะไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก หากครั้งนี้เขาสู้ชนะคุณชายห่าย ก็จะชิงเกียรติยศศักดิ์ศรีมาให้เผ่าพันธุ์วิญญาณได้ หลังจากกลับไปยังเผ่าแล้วจะต้องมีคะแนนคุณูปการอย่างแน่นอน

“ได้โปรดชี้แนะด้วย!” คุณชายห่ายยิ้มชั่วร้าย จากไปไกลอย่างรวดเร็ว

จินคุนรีบพุ่งออกไปทันที ทั้งสองบินออกไปได้ไม่ไกลเท่าใดนักก็ลงมือ

“ดาราเคลื่อนย้าย!”

คุณชายห่ายสำแดงเคล็ดวิชาลับโบยบินอย่างได้ใจ ทั่วร่างหุ้มล้อมไปด้วยหมอกแห่งดวงดาวขมุกขมัว เคลื่อนที่ไปในฟ้าดินแห่งนี้อย่างรวดเร็ว

“เร็วยิ่งนัก แต่ข้าไม่จำเป็นต้องไปไล่โจมตีเขาเลย!”

จินคุนยืนอยู่ที่เดิม แสงหยกขาวสว่างลอยขึ้นบนร่าง เห็นได้ชัดว่าฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกกายที่ล้ำลึก สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณเดิมก็ชำนาญด้านการป้องกันอยู่แล้ว เมื่อรวมกับเคล็ดวิชาฝึกกายของจินคุน เทพโบราณทั่วไปก็ทำร้ายเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นเขาจึงกล้ายืนรออยู่ที่เดิม รอคุณชายห่ายโจมตีมาเอง

“ดาราระเบิด!”

คุณชายห่ายโคจรเนตรดาริกา ส่งแสงดาวระยิบระยับออกมาสายหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน ธนูยาวรูปร่างคล้ายจันทร์เสี้ยวคันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

ธนูคันนี้อยู่ถึงระดับสูง อีกทั้งยังเหมาะกับเสวียนอ้าวดาราของเขาเป็นอย่างมากด้วย สามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างทรงพลังนัก

ครืน ตูม บึ้ม! ชั่วพริบตานั้น ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น ขุนเขาพสุธาทลาย

“ถึงแม้คุณชายห่ายจะชำนาญด้านความเร็ว การโจมตีรวดเร็วรุนแรง แต่ ‘กายหยกวิญญาณเทพ’ ของจินคุนเหมือนจะก้าวหน้าไปยิ่งกว่า พอรวมกับสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว การป้องกันจะแข็งแกร่งแน่นหนา!”

เทพโบราณชุดดำฝ่ายเผ่าพันธุ์วิญญาณเผยสีหน้าชื่นชม พลังของจินคุนแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่พวกเขารู้ไม่น้อย

“คุนชายไห่ของเขามารทมิฬก็เป็นอัจฉริยะมากความสามารถเช่นกัน ใช้เสวียนอ้าวดาราได้ถึงขั้นนี้แล้ว…”

ถึงแม้พลังของจินคุนจะเกินกว่าที่คิดไว้ แต่คุณชายห่ายก็ดูแคลนไม่ได้เลย การประลองแลกเปลี่ยนฝีมือครั้งนี้ แพ้ชนะน่าจะครึ่งๆ ชนะแน่นอนว่าดี แต่หากแพ้ก็ไม่ถึงกับน่าอนาถนัก

“ที่ไหนกัน เผ่าพันธุ์วิญญาณสมกับเป็นสายเลือดยี่สิบอันดับแรกบนรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ควบคุมเนตรดาริกาของคุณชายห่ายได้จนถึงขั้นนี้…”

ถึงผู้อาวุโสหน้าผีจะพูดเช่นนี้ แต่กลับไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย

“พลังของคุณชายห่ายแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้แล้ว!”

สายตาของจ้าวหุยคร่ำเคร่ง

จ้าวเฟิงเคยประมือกับคุณชายห่าย ในตอนนั้นจ้าวเฟิงสำแดงวิชาดวงตามิติถึงเอาชนะอีกฝ่ายได้ คุณชายห่ายยามนี้แข็งแกร่งกว่าในตอนนั้นแล้ว อีกทั้งความสามารถที่เขาแสดงออกมาในการต่อสู้ก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เหมือนว่ากำลังรอโอกาสอยู่

เป็นไปตามคาด ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ จินคุนก็ค่อยๆ รู้สึกเหนื่อยล้า

เสวียนอ้าวดาราเดิมก็เป็นพลังเสวียนอ้าวที่มีการโจมตี ระเบิด และความเร็วพร้อมสรรพอยู่แล้ว ทรงพลังกว่าเสวียนอ้าวทั่วไปมากนัก

สีหน้าของผู้นำระดับสูงเผ่าพันธุ์วิญญาณค่อยๆ ย่ำแย่ลง

“ดาราทลายผืนดิน!” เสี้ยวขณะหนึ่ง จู่ๆ คุณชายห่ายก็โคจรวิชาดวงตาดาราที่แข็งแกร่งขึ้น

คุณชายห่ายราวกับดวงดาวมหึมาที่ใกล้จะดับสลาย บดอัดตรงไปยังจินคุน ความเร็วแบบนั้นทำให้คนไม่ทันได้ตั้งตัว

ครืน บึ้ม! พลังดวงดาวที่น่าพรั่นพรึงจำนวนมหาศาลโจมตีไปยังพลังเทพป้องกันเบื้องหน้าจินคุน

“เป็นพลังที่แข็งแกร่งนัก!” จินคุนรู้สึกถึงความอันตราย รีบสำแดงเคล็ดวิชาลับสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณเพื่อลดอาการบาดเจ็บทันที

“ฮ่าๆ แพ้ไปเสียเถอะ!” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังจินคุน

คุณชายห่ายโคจรเนตรดาริกาผสานเข้าไปในธนูจันทร์เสี้ยวในมือ จากนั้นยิงธนูแสงที่ราวกับดาวตกระยิบระยับออกมาทำลายชั้นการป้องกันทั้งหมด และยิงโดนจินคุน

ครืน บึ้ม!

ร่างของจินคุนกระแทกลงอย่างรุนแรงจนพื้นดินเป็นหลุมลึกใหญ่มโหฬาร

“เห็นทีจะเป็นดังที่เทพโบราณฝูหลิงกล่าว ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณที่มาในครั้งนี้เป็นแค่สองสามคนที่เลือกมาอย่างลวกๆ เท่านั้น!”

ผู้อาวุโสหน้าผีค่อนข้างได้ใจ

ผู้นำระดับสูงฝ่ายเผ่าพันธุ์วิญญาณมีสีหน้าเคร่งเครียด จินคุนแพ้อย่างรวดเร็ว ส่วนคุณชายห่ายก็เหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร นี่คือการต่อสู้ที่กำราบได้อย่างราบรื่นโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้น หากผู้ที่แพ้ไม่ใช่ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณก็ยังพูดง่ายหน่อย

“จ้าวเฟิง!” เทพโบราณฝูงหลิงอดมองไปยังจ้าวหุยไม่ได้ หวังว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้น

จ้าวเฟิงมีสายเลือดดวงตาที่ล้ำลึก เอาชนะคุณชายห่ายไม่น่าจะยากอะไร

“เอ๋? หรือชายหนุ่มที่เทพโบราณฝูหลิงให้ความสำคัญคนนี้ต่างหากถึงจะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง?”

ผู้อาวุโสหน้าผีเผยยิ้มชั่วร้าย สายตาหยุดอยู่ที่จ้าวหุย

“ไม่เช่นนั้น ลูกศิษย์ขั้นสามคนหนึ่งของเขามารทมิฬมาสู้กับอัจฉริยะน้อยจากเผ่าพันธุ์วิญญาณผู้นี้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันสักหน่อยเป็นเช่นไร?”

ผู้อาวุโสหน้าผีถามขึ้นอย่างถากถาง

ผู้นำระดับสูงฝั่งเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่รับคำ จ้าวหุยเป็นเพียงแค่ศิษย์นอกเผ่าที่ไร้ชื่อเสียงเท่านั้น หากเขามารทมิฬส่งเทพแท้จริงขั้นสามมา จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในบรรดาขั้นสามแน่

จ้าวหุยจะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่ที่ผิดคาดคือจ้าวหุยที่พูดน้อยมาโดยตลอดกลับเอ่ยปากขึ้นเอง

“เช่นนั้นผู้เยาว์ก็ขอแสดงฝีมือแล้ว!” จ้าวหุยยิ้มพูด ตอบรับคำท้าประลอง

เมื่อครู่เขาเพิ่งกำลังกลุ้มใจว่าจะปฏิเสธคำร้องขอของเทพโบราณฝูหลิงเช่นไร ในเมื่ออีกฝ่ายก็ดีกับตนไม่เลว

ผู้อาวุโสหน้าผีกลับจะส่งเทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่งออกมาสู้กับเขา

เช่นนี้แล้ว จ้าวเฟิงไม่ต้องปฏิเสธเทพโบราณฝูหลิง ทั้งยังสามารถลงมือได้ในสถานการณ์ที่ต้องปกปิดฐานะ ไยเขาจะไม่ยินดีเล่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version