Skip to content

King of Gods 1322

King Of Gods

บทที่ 1322 จ้าวหุย ปะทะ เทพแท้จริงพั่วอวิ๋น

“นี่…” เทพโบราณฝูงหลิงเผยสีหน้าตกตะลึง

เมื่อจ้าวหุยไม่รับปากตอนนี้ผู้อาวุโสหน้าผีพูดว่าส่งเทพแท้จริงขั้นสามออกมาสู้ด้วย เขากลับตอบรับ

หรือก็คือจ้าวเฟิงจะให้ร่างแยกร่างนี้ออกสู้เพื่อเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่คนที่เทพโบราณฝูงหลิงเชื่อมั่นคือตัวจ้าวเฟิงเอง ไม่ใช่ร่างแยกที่มีเพียงพลังฝึกตนขั้นสามธรรมดาๆ

“ไอ้เด็กนี่ เจ้าว่าอะไรนะ?”

ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือหลายคนตะโกนเสียงต่ำทันใด

สำหรับพวกเขา จ้าวหุยไม่มีโอกาสชนะใดๆ ทั้งสิ้น

ในเมื่อพวกเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณ จากที่สังเกตก็มองออกได้ว่าจ้าวหุยพลังไม่แข็งแกร่ง

ผู้นำระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่สบอารมณ์เช่นกัน ศิษย์ในเผ่าคนนี้หลงตัวเองเกินไปแล้ว

“ดี ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นผู้ที่อาจหาญจริงแท้!”

ผู้อาวุโสหน้าผีหัวเราะลั่น จากนั้นก็หยิบป้ายส่งข่าวขึ้นมา

เงื่อนไขการประลองแลกเปลี่ยนฝีมือครั้งนี้คือเทพแท้จริงขั้นสาม และเขาก็มีคนอยู่ในใจนานแล้ว

การต่อสู้ของเทพโบราณขั้นเจ็ดเขาก็ไว้หน้าให้เผ่าพันธุ์วิญญาณแล้ว ไม่ได้ส่งเทพโบราณขั้นเจ็ดที่สุดยอดที่สุดไป

แต่การต่อสู้เทพแท้จริงขั้นสาม สำหรับเขาแล้วผลกระทบไม่ได้มาก ดังนั้นเขาส่งลูกศิษย์ขั้นสุดยอดออกไปโจมตีจ้าวหุยให้ยับก็ไม่เป็นอะไร

“หึ!”

จินคุนเดินก้มหน้ากลับมาที่นี่ มองไปยังจ้าวหุยพร้อมแค่นเสียงเหยียดหยาม

เขามารทมิฬเห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวไว้ ไม่มีทางให้เผ่าพันธุ์วิญญาณได้รับชัยชนะ แต่เจ้าเด็กนี้กลับยังออกสู้อย่างหลงตัวเอง

ไม่นานเท่าใดนัก ร่างสีทองปรากฏขึ้นที่มิติแยกเป็นเอกเทศแห่งนี้

“ผู้อาวุโสมีประสงค์อันใด!” ใบหน้าของเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นฉายแววตื่นเต้น

ผู้นำระดับสูงขั้นเทพโบราณของเขามารทมิฬเรียกเขามาจะต้องมีเรื่องสำคัญแน่ หากทำให้ลุล่วงได้ดี วันข้างหน้าเขาจะต้องผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วในเขามารทมิฬแน่นอน

“เจ้าไปประลองฝีมือกับศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณ ถือโอกาสฝึกฝนพลังของเจ้าสักหน่อย!”

ผู้อาวุโสหน้าผีเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นครอบครองเนตรดับสูญ เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในเหล่าเทพแท้จริงขั้นสามแน่นอน

จ้าวหุยเผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นคู่มือได้ที่ไหนกัน

“ขอรับ ไม่ทราบว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณท่านใดจะประลองแลกเปลี่ยนกับข้าน้อย…”

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นยิ้มอย่างมั่นใจ

“เป็นข้า!” จ้าวหุยก้าวออกมาทันที

“เป็น…สหายจ้าวรึ!” เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นตะลึง ก่อนจะยิ้มพูดขึ้น

ผู้นำระดับสูงทั้งสองฝั่งสายตาไหววูบ สองคนนี้เหมือนว่าจะรู้จักกัน

“เมื่อครู่ข้าพบกับสหายจ้าวพอดี จึงพาเขาเยี่ยมชมเขามารทมิฬ!”

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นอธิบายก่อน และพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ว่าสหายจ้าวไม่ใช่แพทย์หรอกรึ?”

ก่อนหน้านี้เขาใช้คุนอวิ๋นบีบบังคับ จ้าวหุยยังไม่ออกมือ ตอนนี้ไยจึงเป็นตัวแทนเผ่าพันธุ์วิญญาณออกสู้ หรือฐานะแพทย์ผู้รักษาจะเป็นเรื่องหลอกลวง?

“แพทย์!” ได้ยินคำนี้ สมาชิกทั้งสองฝั่งล้วนตกตะลึง

ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณและลูกศิษย์เกือบสบถด่าออกมา เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นแพทย์ก็กล้าลงสนามสู้ ช่างไม่รู้จักกลัวตายเสียเลย

“มีประสบการณ์ด้านการต่อสู้บ้างเล็กน้อย เอาชนะเจ้าไม่น่าจะใช่ปัญหา!”

สีหน้าของจ้าวหุยไปเปลี่ยน พูดอย่างราบเรียบ เพียงพูดเช่นนี้ออกไป ฝั่งเขามารทมิฬเกือบจะหัวเราะออกมาแล้วเชียว

คนเขามารทมิฬล้วนรู้ดีถึงพลังของเทพแท้จริงพั่วอวิ๋น แพทย์ขั้นเดียวกันคนหนึ่งกลับพูดว่าเอาชนะเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นได้ ช่างเป็นเรื่องน่าหัวเราะยิ่งนัก

คนเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งโกรธทั้งอายกับความหน้าหนาไร้ยางอายของจ้าวหุย แต่ว่าจ้าวหุยรับคำท้าแล้ว พวกเขาจะหักห้ามก็ใช่ที

“เชิญ!” จ้าวหุยโคจรพลังเสวียนอ้าวแห่งลม กระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว

“นี่มัน…”

แต่ว่าสิ่งที่เกินความคาดคิดของทุกคนคือเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นหยุดอยู่ที่เดิม ราวกับพะว้าพะวงอย่างไรอย่างนั้น

“เทพแท้จริงพั่วอวิ๋น เป็นอะไรไป?” ผู้อาวุโสหน้าผีแค่นเสียงเบาๆ

เป็นถึงทายาทเนตรดับสูญ เผชิญหน้ากับแพทย์คนหนึ่งกลับกลัวหัวหด ช่างขายขี้หน้าเสียจริง

“ผู้อาวุโส นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฉันท์มิตร จะจำกัดได้หรือไม่ว่าห้ามใช้อาวุธเทพหรืออุปกรณ์ช่วยเหลือ…”

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นพูดออกมาอย่างกระดากอาย

แต่เขาจะไม่พูดก็ไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาเห็นกับตาว่าจ้าวหุยมอบอาวุธเทพระดับกลางสามชิ้นให้กับคุนอวิ๋น ใครจะไปรู้ว่าในมือของจ้าวหุยยังมีอาวุธเทพหรืออุปกรณ์ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าหรือไม่

สีหน้าของผู้อาวุโสหน้าผีเคร่งเครียด คำพูดของเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นทำให้เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่คิดถึงว่าเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นเคยสัมผัสกับจ้าวหุยมาก่อน ร้องขอเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลพิเศษอะไรเป็นแน่

“ข้ารู้สึกว่าไม่อาศัยพลังภายนอกจะยิ่งสามารถแสดงระดับของตนได้ เผ่าพันธุ์วิญญาณทุกท่านคิดเช่นไร?”

ผู้อาวุโสหน้าผีฉีกยิ้ม

ถึงจะรู้สึกแปลกพิกล แต่ผู้นำระดับสูงฝ่ายเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“ดี สหายจ้าว ให้ข้าได้สัมผัสพลังของท่านสักหน่อยเถอะ!”

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นมีสีหน้าตะลึง รีบพุ่งออกไปทันที

ในเหล่าเทพแท้จริงขั้นสาม เขาไม่เคยเจอคู่มือมาก่อนเลย เนตรดับสูญของเขามีการโจมตีแข็งแกร่งทรงพลังอย่างยิ่ง หากไม่ใช้อาวุธเทพ สำหรับเขาแล้วจะยิ่งได้เปรียบ

วู้ม! ดวงตาทั้งสองของเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นตลบอบอวลไปด้วยแสงสีทองเจิดจ้า แผ่กระจายกลิ่นอายเสวียนอ้าวที่ทำลายล้างทุกสิ่งออกมา

“เนตรดับสูญ!” คนเผ่าพันธุ์วิญญาณร้องอย่างตกตะลึงทันที

พวกเขายิ่งเพิ่มความไม่สบอารมณ์ขึ้นอีก คิดไม่ถึงว่าการประลองแลกเปลี่ยนฝีมือครั้งนี้ เขามารทมิฬจะส่งกระทั่งทายาทเนตรเทพเจ้าออกมา อีกทั้งพลังการทำลายล้างของเนตรดับสูญรุนแรงที่สุด อาวุธเทพประเภทโจมตีสำหรับเขาแล้วจะมีหรือไม่มีก็ได้

“ลำแสงทำลายล้าง!” เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นตะโกนขึ้น ดวงตาสาดเสาแสงเจิดจ้าสีทองออกมาทันใด

ฟิ้ว! ด้านหลังของจ้าวหุยก่อปีกวายุสีฟ้าอ่อนขึ้นมาคู่หนึ่ง เงาร่างล่องลอยไร้รูปร่างอยู่ในคลื่นเสวียนอ้าวมิติ

“เอ๋ ท่าร่างของเจ้าเด็กนี่ล้ำลึกอย่างยิ่ง!” ผู้อาวุโสชุดดำอุทานออกมาเบาๆ

ถึงจะพูดว่าเนตรดับสูญแข็งแกร่งทรงพลังยิ่งนัก แต่ท่าร่างของจ้าวหุยลึกล้ำ รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง หลบหลีกการโจมตีมากมายของเขาไปได้

“ทำเพียงแค่วิ่งหนีเท่านั้น จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร!” จินคุนแค่นเสียงเย็น

ถึงแม้เขาจะไม่สบอารมณ์กับจ้าวหุย แต่คำวิพากย์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องจริง แพทย์ส่วนมากไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ แต่ฝึกฝนความสามารถในการหลีกหนี

แต่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ใช้การโจมตีคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้มาตัดสินแพ้ชนะ จ้าวหุยที่ไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ จะเอาชนะเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นได้อย่างไรกัน?

‘บัดซบ ท่าร่างของเจ้าเด็กนี่สูงส่งมาก แต่ว่า…เขาเป็นแพทย์คนหนึ่งจริงๆ!’

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นแค่นเสียงหยัน จากนั้นก็ยิ้มชั่วร้าย

สำหรับคนที่ทำได้แค่เพียงวิ่งหนี เขาไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย แค่เพียงทำการโจมตีไปเรื่อยๆ ทำให้คู่ต่อสู้เผยช่องโหว่ แล้วโจมตีให้เขาพ่ายแพ้ในชั่วพริบตาสุดท้ายก็ได้แล้ว

“ดับสูญคลั่ง!” ดวงตาของเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นส่งเส้นแสงสีทองเล็กละเอียดทะลุผ่านไปในฟ้าดินรอบด้าน

ฟิ้ว ฟิ้ว! จ้าวหุยโคจรเสวียนอ้าววายุและมิติ ทะลวงผ่านไปในฟ้าดินอย่างมีชีวิตชีวา หลบเส้นแสงสีทองทั้งหมดได้อย่างเฉียดฉิว

ท่าร่างและปฏิกิริยาตอบโต้นี้ทำให้เทพโบราณทั้งสองฝั่งต่างตกใจเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือตอนนี้เป็นจ้าวเฟิงกำลังควบคุมจ้าวหุยอยู่ ทั้งยังเคลื่อนย้ายพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งบางส่วนมาด้วย

ระหว่างจ้าวเฟิงและร่างแยก วิญญาณรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมกับจ้าวเฟิงหลบอยู่ในมิติเก็บของ พลังที่ถ่ายมาทั้งเบาบางและเลือนราง ต่อให้เป็นเทพโบราณชั้นยอดก็ยากที่จะสังเกตเจอ

พลังการรับรู้ของจ้าวหุยเพิ่มขึ้นมาก แน่นอนว่าย่อมสามารถหลบการโจมตีพวกนี้ได้

“เปลี่ยนเป็นข้าโจมตีบ้างล่ะ!” จ้าวหุยยิ้มมุมปากบางๆ

“เจ้า?” เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นอดหัวเราะเยาะไม่ได้

สำหรับเขา จ้าวหุยก็คือแพทย์ที่ฝึกฝนแต่วิชาหลบหลีก ความสามารด้านการต่อสู้และกลวิธีโจมตีไม่แข็งแกร่งแน่นอน

“เขาจะเอาคืนแล้วรึ?” ผู้อาวุโสชุดดำเผ่าพันธุ์วิญญาณอดตกใจไม่ได้

เขายังคิดว่าจ้าวหุยจะหลบและหนีไปตลอด สุดท้ายค่อยขอยอมแพ้ ก็ไม่นับว่าแพ้ได้น่าอนาถเท่าใดนัก คิดไม่ถึงว่าจ้าวหุยจะรู้จักโจมตีเอาคืน

เพียงแต่ไม่รู้ว่าความสามารถการโจมตีของจ้าวหุยจะแข็งแกร่งทรงพลังหรือไม่

วู้ม! ในตอนนี้เอง ตาขวาของจ้าวหุยพลันขมุกขมัวอย่างยิ่ง ดุจนรกยามเย็นย่ำ เส้นวงกลมสีดำบนนั้นโคจรขึ้น เดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏ

“เนตรสังสารวัฏ!” เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นร้องออกมาอย่างตกใจ อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจ้าวหุยจะเป็นทายาทแปดเนตรเทพเจ้าเช่นกัน อีกทั้งเนตรสังสารวัฏในทายาทแปดเนตรเทพเจ้าถูกขนานนามว่า ‘เนตรอมตะ’ จัดการยากเป็นที่สุด

สมาชิกคนอื่นๆ ทั้งสองฝั่งก็ตื่นตะลึงเป็นที่สุดเช่นกัน

“กลวิชาที่เด็กนี่ปิดบังไว้ล้ำลึกถึงเพียงนี้เชียวรึ แม้กระทั่งข้าก็จับไม่ได้!”

สตรีชราผมเงินมองจ้าวหุยด้วยสายตาลุ่มลึก

นางไม่รู้ว่าสายเลือดเนตรสังสารวัฏนี้จ้าวเฟิงใช้ ‘วิชาสะกดดวงตา’ กับ ‘วิชาอำพรางดวงตา’ เก็บซ่อนมันลงไป

นอกเสียจากสตรีชราผมเงินจะเป็นทายาทแปดเนตรเทพเจ้า มิฉะนั้นก็ยากที่จะรับรู้ได้

‘ร่างแยกมีเนตรสังสารวัฏงั้นรึ!’

เทพโบราณฝูงหลิงแอบตกตะลึงในใจ มิน่าเล่าจ้าวเฟิงจึงได้ทิ้งร่างแยกที่อ่อนแอนี้ไว้

“แต่ว่าเหมือนว่าจะมีเนตรสังสารวัฏแค่ข้างเดียว!”

หลังจากที่ตกตะลึงแล้ว แววตาผู้อาวุโสหน้าผีก็คร่ำเคร่งขึ้น

“มีเพียงเนตรสังสารวัฏแค่ข้างเดียว?” คนอื่นที่นั่นก็เผยสีหน้าสงสัยเช่นกัน

ใครๆ ต่างก็รู้ เนตรสังสารวัฏแบ่งเป็นสังสารวัฏแห่งชีวิตและสังสารวัฏแห่งความตาย สังสารวัฏแห่งความตายมีร่างที่เป็นอมตะ และยังเพิ่มกายวัฏสงสารเข้าไปอีก

ส่วนสังสารวัฏแห่งชีวิตนั้นกลับพิเศษยิ่งกว่า สามารถพูดได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร แต่ในบางครั้งก็มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าดวงตาข้างนี้ของจ้าวหุยคือสังสารวัฏแห่งชีวิต

และสังสารวัฏแห่งชีวิตไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ ในสนามต่อสู้!

ทุกคนค่อนข้างจะพูดไม่ออก แต่เดิมพวกเขายังครุ่นคิดถึงผลแพ้ชนะของการต่อสู้ครั้งนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกจ้าวหุยปั่นหัวเสียแล้ว เนตรสังสารวัฏแห่งชีวิตอยู่ในการต่อสู้ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

“ฮ่าๆ เจ้าวางแผนใช้ตาข้างนี้โจมตีข้ารึ?” เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นโล่งอก หัวเราะชั่วร้าย

“เจ้าทายถูกแล้ว!”

จ้าวหุยโคจรตาขวา พลังที่ผสมปนเปกันกลุ่มหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เนตรแห่งชีวิตถึงแม้จะไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้มากนัก แต่จะดีจะร้ายก็เป็นสายเลือดดวงตาพิเศษ หากใช้มันในการกระตุ้นการโจมตีของวิชาดวงตา ต้องแข็งแกร่งกว่าพลังดวงตาทั่วไปบ้างแน่นอน

และในยามนี้เอง จ้าวเฟิงก็แอบถ่ายทอดพลังดวงตามาให้อีก พลังของวิชาดวงตานี้จึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

“แย่แล้ว!” เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตราย

เขาคิดไม่ถึงว่าแพทย์คนหนึ่งจะโจมตีวิชาดวงตาได้ทรงพลังเช่นนี้

“ดาราทลายผืนดิน!”

วิชาดวงตาที่ก่อตัวที่ตาซ้ายของจ้าวหุยพลันสำแดง

ตัวจ้าวหุยเองมีเสวียนอ้าวลม น้ำ ไม้ และมิติ ดาราทลายผืนดินที่สำแดงก็มีพลังอยู่หลายส่วน

การโจมตีของเคล็ดวิชานี้ทะลุผ่านวัตถุและวิญญาณ และเนตรดับสูญเดิมก็ไม่ชำนาญด้านการป้องกันอยู่แล้ว

เทพแท้จริงพั่วอวิ๋นไม่อาจหลบหลีกได้ โดนพลังเสวียนอ้าวที่ผสมปนเปกันกลุ่มหนึ่งโจมตีทันที และพ่ายแพ้ลงภายใต้การพุ่งโจมตีจากพลังที่บ้าคลั่ง

“ดาราทลายผืนดิน!”

คุณชายห่ายที่จุดดูการต่อสู้พลันสั่นสะท้าน

ถึงแม้วิชาที่จ้าวหุยแสดงออกมาจะไม่ใช่ดาราทลายผืนดินของจริง แต่นี่คือไม้ตายขึ้นชื่อของคุณชายห่าย เขาคุ้นเคยกับวิชาดวงตานี้เป็นที่สุด

“เผ่าพันธุ์วิญญาณ จ้าวเฟิง!”

สีหน้าของคุณชายห่ายเคร่งเครียดลงเล็กน้อย

เขาไม่เคยไปเผ่าพันธุ์วิญญาณมาก่อน เพียงแต่เคยใช้เคล็ดวิชาดวงตานี้เป็นของเดิมพันในงานชุมนุมเนตรเทพเจ้า ก่อนจะแพ้ให้กับจ้าวเฟิง

“ชนะแล้ว?” คนเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหมดไม่ค่อยกล้าเชื่อ

สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป จ้าวหุยที่สำแดงสังสารวัฏแห่งชีวิตใช้วิชาดวงตากระบวนท่าเดียวเอาชนะเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นในทันที

เนตรสังสารวัฏแห่งชีวิตเพิ่มพลังได้เพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ตัวตัดสินผลชนะก็ยังเป็นวิชาดวงตาที่แข็งแกร่งล้ำลึกของจ้าวหุย

“เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นที่เสือซ่อนมังกรเร้นจริงๆ ด้วย”

ผู้อาวุโสเถาฝ่ายเขามารทมิฬยิ้มพูดขึ้น

แน่นอนว่าเขาหวังให้ครั้งนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณชนะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สองขั้วอำนาจผิดใจกันจนตึงเครียด แต่สีหน้าของผู้อาวุโสหน้าผีกลับย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง จ้องเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นและจ้าวหุยคล้ายจะถลกหนังกินสดๆ

ในตอนนี้เอง ในหัวของผู้อาวุโสหน้าผีก็มีกระแสเสียงดังขึ้น “ผู้อาวุโส วิชาดวงตาที่จ้าวหุยสำแดงออกมาเมื่อครู่ คือดาราทลายผืนดินของข้า แต่เผ่าพันธุ์วิญญาณที่ครอบครองเคล็ดวิชาลับดวงตาน่าจะมีเพียงจ้าวเฟิงเท่านั้น จ้าวหุยและจ้าวเฟิงน่ากลัวว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นอย่างยิ่ง!”

ผู้ที่ส่งกระแสเสียงคือคุณชายห่ายนั่นเอง

“ ‘หอมารสวรรค์’ กำลังสืบหาเบาะแสข้อมูลของจ้าวเฟิง เจ้านำเรื่องนี้ไปบอกพวกเขา!”

ผู้อาวุโสหน้าผีจ้องจ้าวหุยด้วยแววตาเย็นยะเยือก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version