บทที่ 1323 จ้าวหุยโดนลักพาตัว
จ้าวหุยทำได้ดีมาก ผู้นำระดับสูงเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณชมเปาะกันไม่ขาด
ในฐานะที่เป็นแพทย์ ทั้งยังมีเนตรสังสารวัฏแห่งชีวิต เชี่ยวชาญด้านการหลบหลีก ความชำนาญในวิชาดวงตายังลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
หากไม่ได้ยินมาว่าเทพโบราณฝูหลิงถูกใจจ้าวเฟิง พวกเขาอาจจะรับไว้เป็นศิษย์
ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณหลายคนที่เหลือค่อนข้างริษยา โดยเฉพาะจินคุนที่กลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก
พวกเขาที่เป็นศิษย์ขั้นเทพโบราณ ในตอนนี้กลับสู้เทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่งไม่ได้
อีกทั้งความสามารถที่จ้าวหุยแสดงออกมาก็แข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ ในอนาคตไม่แน่ว่าอาจจะโดดเด่นเหมือนจ้าวเฟิงก็เป็นได้
“อัจฉริยะเผ่าพันธุ์วิญญาณแข็งแกร่งจริงๆ การประลองแลกเปลี่ยนในวันนี้สิ้นสุดลงแค่นี้…” ผู้อาวุโสเถาเอ่ยเสียงดัง
เขากลัวเสียจริงๆ ว่าผู้อาวุโสหน้าผีจะไม่ยอมรามือ และร้องขอให้ประลองกันต่อ
ภายใต้การจัดการของเขามารทมิฬ หลังจากนั้นเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายก็เข้าพักในสถานที่ชั้นยอดที่ไอสรรค์ฟ้าดินเต็มเปี่ยม
ภารกิจสำคัญของเผ่าพันธุ์วิญญาณในครั้งนี้คือทำการค้ากับเขามารทมิฬ อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาเดือนสองเดือนจึงจะจัดการเสร็จ
……
พื้นที่ชายขอบของขั้วอำนาจเขามารทมิฬคือสถานที่ต้องห้ามอันตรายชื่อว่าหุบเหวหนาวยะเยือก
ที่นี่มีพายุน้ำแข็งโหมกระหน่ำตลอดปี ยึดครองโดยเทพปีศาจที่แข็งแกร่งประเภทเหมันต์จำนวนมาก หากเทพแท้จริงขั้นสองขั้นสามทั่วไปเข้าไปข้างในคงไม่มีชีวิตรอดมาแน่นอน
อีกทั้งหุบเหวหนาวยะเยือกลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ยิ่งลึกเข้าไปข้างในยิ่งหนาวเหน็บ ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นสี่ก็ไม่มีทางทานทนได้ แต่ในผนังด้านหนึ่งในจุดลึกของหุบเหวหนาวยะเยือก กลับมีอีกโลกหนึ่งแอบซ่อนอยู่
“เอ๋? คนเขามารทมิฬ!”
เงาสูงใหญ่ที่บนหัวมีเขาวัวสีดำทองหยิบป้ายส่งข่าวออกมา
“ข่าวของจ้าวเฟิง?”
หลังจากอ่านข้อมูลแล้ว ชายเขาทองคนนั้นรีบสำแดงเคล็ดวิชาลับติดต่อกับคนอื่นทันที
ไม่นานนักร่างเงาสีดำมาถึงยังที่นี่
“เทพโบราณหนิวโม๋ (ปีศาจวัว) เป็นข่าวอะไรรึ?”
ผู้ที่มาถึงคือเทพโบราณเสวียนหมัวนั่นเอง
“ในขบวนค้าขายของเผ่าพันธุ์วิญญาณและเขามารทมิฬ เผ่าพันธุ์วิญญาณมีเทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่งที่คล้ายว่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจ้าวเฟิง!”
เทพโบราณหนิวโม๋ตอบไปตามจริง
เทพโบราณเสวียนหมัวตกเข้าสู่ภวังค์ความคิด
สำหรับรายละเอียดเหตุการณ์ของภารกิจครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับจ้าวเฟิง พวกเขาไม่ได้รายงานเบื้องบนไปตามจริง แต่อาศัยอำนาจของตนรวบรวมรายงานข่าวของจ้าวเฟิง เพราะพวกเขายังมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง คิดอยากได้ของล้ำค่าทั้งหลายในมือจ้าวเฟิง ยกตัวอย่างเช่นอาวุธเทพระดับสุดยอดอย่างชุดคลุมมิติ
“ส่งคนไปจับตามองเอาไว้ มีโอกาสก็ลงมือทันที!”
เทพโบราณเสวียนหมัวใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่แล้วจึงพูดออกมา
เทพแท้จริงขั้นสามนั่นอยู่กับเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณ พวกเขาจะลงมือบุ่มบ่ามไม่ได้
“เทพโบราณเสวียนหมัว หากความลับของจ้าวเฟิงดึงความสนใจจากเบื้องบนได้ ต่อให้มีการปกป้องจากเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณ พวกเราก็ชิงตัวเทพแท้จริงขั้นสามนั่นมาได้!”
เทพโบราณหนิวโม๋มองไปยังเทพโบราณเสวียนหมัวด้วยแววตาที่มีความหมายลึกซึ้ง
ภารกิจครั้งที่แล้วของพวกเทพโบราณเสวียนหมัวสำเร็จลงได้ไม่ดีเท่าใด แต่พวกเขากลับโชคดีมากที่จับแมวความลับสวรรค์เอาไว้ได้ตัวหนึ่ง และได้รับรางวัลมหาศาลเสียด้วย
แต่เทพโบราณหนิวโม๋ค้นพบว่าสายเลือดดวงตาของพวกเทพโบราณเสวียนหมัวอ่อนแอลงอย่างผิดปกติ พวกเขาใช้คะแนนคุณูปการมหาศาลเพื่อแลกกับของล้ำค่าสำหรับฟื้นฟูสายเลือดดวงตา
และพวกเขากลับมาที่นี่ได้ไม่นาน ก็ให้หน่วยข่าวกรองตรวจสอบรายงานข่าวของจ้าวเฟิงอย่างละเอียด
ดังนั้นเทพโบราณหนิวโม๋ทายว่าเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำเป็นแน่
“ได้ ข้ารู้แล้ว!” เทพโบราณเสวียนหมัวรับคำ ก่อนจะจากไป
หากสามารถลักพาตัวจ้าวหุยมาได้สำเร็จ เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาจัดการ มิฉะนั้นเขาก็จะรายงานเรื่องของจ้าวเฟิงไปยังเบื้องบน
……
ฟากเขามารทมิฬ
จ้าวเฟิงและจ้าวหุยเข้าไปฝึกฝนในชุดคลุมมิติ
“ไม้วงปี!”
จ้าวเฟิงหยิบท่อนไม้โบราณทรงกลมขึ้นมาท่อนหนึ่ง สิ่งนี้ก็ได้มาจากเศษซากปรักหักพังของเผ่าความลับสวรรค์เช่นกัน
ไม้วงปีคือของล้ำค่าสำหรับฝึกฝนที่แฝงไว้ด้วยพลังเสวียนอ้าวเวลา ในขณะเดียวกันก็เป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่เอาไว้ทำอาวุธเทพประเภทมิติ
ในชุดคลุมมิติ สิบวันจะเท่ากับหนึ่งวันของโลกภายนอก ไม่นานนัก พลังในไม้วงปีท่อนนี้ก็ถูกจ้าวเฟิงใช้จนหมดเกลี้ยง
“เสวียนอ้าวเวลาถึงขั้นสี่แล้ว!” จ้าวเฟิงเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี
เสวียนอ้าวเวลาเป็นเสวียนอ้าวชนิดที่จ้าวเฟิงควบคุมได้ยากที่สุดในเสวียนอ้าวทั้งหมด
“แค่เพียงเสวียนอ้าวเวลาไปถึงขั้นห้า ข้ากระทั่งว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงพลังของเวลาในมิติแห่งนี้ ทำให้เวลาฝึกฝนมากขึ้นอีก!”
ตอนนี้ในชุดคลุมมิติสิบวันจะเท่ากับโลกภายนอกหนึ่งวัน ถึงตอนนั้นบางทีอาจเป็นยี่สิบวันเท่ากับโลกภายนอกหนึ่งวัน นี่ขึ้นอยู่กับการใช้เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิง
แต่เสวียนอ้าวเวลายากที่จะบรรลุยิ่งนัก เสวียนอ้าวอื่นๆ ของจ้าวเฟิงถึงขั้นหกไปตั้งนานแล้ว มีเพียงแค่เสวียนอ้าวเวลาเท่านั้น ต่อให้มีของล้ำค่าไว้ฝึกฝนที่สุดยอดก็ยากที่จะพัฒนาได้
“ควรจะออกไปสืบข่าวได้แล้ว!” จ้าวเฟิงพูดเสียงเบา
จากนั้นจ้าวหุยก็ไปจากมิติในชุดคลุม
เขตพื้นที่แลกเปลี่ยนของเขามารทมิฬคือสถานที่ที่จัดไว้ให้ลูกศิษย์เขามารทมิฬทำการแลกเปลี่ยนกัน ข่าวกรองก็เป็นการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยม
แต่ทว่าเพิ่งมาถึงที่นี่ จ้าวเฟิงก็สังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติ
“มีคนสะกดรอยตาม!”
ถึงแม้จ้าวเฟิงจะซ่อนอยู่ในมิติเก็บของ แต่สามารถใช้วิญญาณของจ้าวหุยรับรู้สถานการณ์รอบด้านได้ หลังจากที่พบว่ามีคนสะกดรอยตาม จ้าวเฟิงก็สัมผัสรับรู้อย่างจับจ้อง จดจำระดับพลังฝึกตนและรูปร่างหน้าตาของคนสองคนนั้นเอาไว้
“เขามารทมิฬไยจึงส่งคนมาจับตามองจ้าวหุย?”
จ้าวเฟิงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
หรือเพราะในการประลองแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ จ้าวหุยเอาชนะเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นได้?
ต่อให้เขามารทมิฬจะโง่งมเพียงใดก็คงไม่จับตามองจ้าวหุยด้วยเรื่องนี้ นอกจากนั้น จ้าวหุยอยู่ในพื้นที่เขามารทมิฬ พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร มิฉะนั้นจะเป็นความรับผิดชอบของเขามารทมิฬ
แต่ถูกคนจับตามอง อย่างไรก็ทำให้ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก
อีกหลายวันต่อมา จ้าวหุยออกห่างจากยอดเขาหลักเมื่อใด ไม่นานเท่าใดสองคนนี้ก็จะสะกดรอยตามไป
สองคนนี้ไม่กล้าทำเกินไป เพียงแต่วนเวียนไปมารอบๆ ยอดเขาหลัก มิฉะนั้นหากถูกผู้นำระดับสูงฝ่ายเผ่าพันธุ์วิญญาณจับได้ก็จบกัน
‘สองคนนี้พุ่งเป้ามาที่จ้าวหุยเท่านั้น ข้าจะดูสิว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่!’
จ้าวเฟิงแอบพูดในใจ
จากการสืบสังเกตช่วงนี้ จ้าวเฟิงพบว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ถูกสะกดรอยตาม ส่วนเผ่าพันธุ์วิญญาณคนอื่นๆ ที่เหลือนั้นปลอดภัยไร้กังวล
เขาอยากรู้มากว่าเหตุใดจ้าวหุยจึงถูกสะกดรอยตาม
วันนี้ จ้าวหุยออกจากพื้นที่เขามารทมิฬ ทั้งยังบินไปยังที่ที่คนบางตา ยังไม่ทันจะบินไปได้ไกล คนทั้งสองที่สะกดรอยตามมาก็ย่นระยะห่างเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ใครกัน?” จ้าวหุยหันหลังไปกลับตะโกนเสียงดังทันที
ร่างเงาสีดำทั้งสองมาพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ บินมายังจ้าวหุยอย่างเร็วรี่
คนทั้งสองล้วนเป็นเทพแท้จริงขั้นสี่ อีกทั้งแข็งแกร่งทรงพลัง อีกทั้งท่าทางเหมือนจะเตรียมตัวเอาไว้นานแล้วด้วย
ฟุ่บ ฟุ่บ!
ทั้งสองต่างสังเวยธงค่ายกลผืนหนึ่งออกมา เพลิงมารดำทะมึนบนธงทะลักออกมาทันทีและแผ่ลุกลามไปรอบด้าน ปิดกั้นทั่วบริเวณหมื่นลี้ไว้อย่างสมบูรณ์
“เช่นนี้แล้ว ต่อให้เจ้าเชี่ยวชาญด้านการหลบหนีก็หนีไม่พ้นกระมัง!”
ชายรูปร่างสูงใหญ่หนึ่งในนั้นพูดเสียงต่ำ
“พี่ใหญ่ รีบลงมือเร็ว จะได้ไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น!”
ชายรูปร่างค่อนข้างเตี้ยอีกคนหนึ่งตะโกน จากนั้นลงมือทันที
“แค่จับข้าเท่านั้นรึ?” จ้าวหุยเกิดความสงสัยในใจ
หากสองคนนี้มาเพื่อสังหารเขา จ้าวเฟิงก็จะลงมือจับพวกเขาไปสืบวิญญาณเสียแต่สองคนนี้กลับมาเพื่อจับตัวเขา
“พวกเจ้าบังอาจนัก กล้าลงมือกับศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณงั้นรึ!”
จ้าวหุยตวาดเสียงดัง ก่อนสำแดงเคล็ดวิชาลับโบยบินหลบหลีกการโจมตีของชายตัวเตี้ย
“ข้าคือลูกศิษย์ของเทพโบราณฝูหลิง หากเขารู้ละก็ พวกเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
จ้าวหุยข่มขู่สองคนนี้ไม่หยุด แต่พวกเขากลับไม่ตอบรับใดๆ กลับมาทั้งสิ้น
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
จ้าวหุยโคจรเนตรสังสารวัฏ สำแดงวิชาดวงตาโจมตีคนหนึ่งในนั้น
ทว่าคนคนนี้เตรียมการป้องกันไว้นานแล้ว เขาสังเวยอาวุธเทพป้องกันระดับกลางมาป้องกันพลังจากวิชาดวงตาเอาไว้ ไม่นานนักจ้าวหุยก็เกิดอาการพลังเทพอ่อนแรง
“หัตถ์มารสะบั้น!” ชายสูงใหญ่คนนั้นซัดเสาแสงเย็นเยือกดำทะมึนต้นหนึ่งออกมาโจมตีถูกจ้าวหุย
ในขณะเดียวกัน อีกคนหนึ่งก็เข้าใกล้จ้าวหุยอย่างรวดเร็ว หยิบเอาแส้หนามยาวสีทองรัดพันธนาการจ้าวหุยเอาไว้
แส้หนามทองนี้เคลือบพิษเอาไว้ สามารถทำให้ร่างของจ้าวหุยชาได้ ในขณะเดียวกันก็ดูดพลังเทพในกายของเขาออกไป
จ้าวหุยจึงโดนคนทั้งสองจับได้เช่นนี้
“ไปเร็ว!” หลังจากจับจ้าวหุยได้แล้ว คนทั้งสองก็ไม่ได้กลับไปยังเขามารทมิฬ แต่มุ่งหน้าบินไปอีกทิศหนึ่ง
“หึ พาข้าไปพบคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้าเถอะ!”
จ้าวเฟิงที่อยู่ในชุดคลุมมิติหัวเราะเสียงต่ำ
หลังจากนั้นสามวัน เบื้องหน้าสองคนนี้ก็มีอีกสองคนปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองคนนี้ล้วนมีพลังฝึกตนขั้นเทพโบราณ หนึ่งในนั้นก็คือคุณชายห่าย
“คุณชายห่าย ทำไมท่านต้องจับตัวข้า?” จ้าวหุยคำราม
“หึ เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว ต่อให้เจ้าเอาชนะเทพแท้จริงพั่วอวิ๋นได้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของข้า!”
คุณชายห่ายแค่นเสียงต่ำ นำจ้าวหุยเข้าไปในมิติเก็บของ แล้วจึงจากไปพร้อมกับเทพโบราณอีกคนหนึ่ง
ในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงตกอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด
เมื่อครู่เขาเกือบจะปรากฏตัวออกไป เตรียมจับเทพโบราณสองคนนี้ไว้แล้วค่อยว่ากัน แต่คำพูดของคุณชายห่ายทำให้เขาหยุดลงมือ
เหมือนว่าคนที่ต้องการจัดการจ้าวหุยจะเป็นคนอื่น อีกทั้งฐานะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สามารถใช้ให้คุณชายห่ายเป็นลูกมือได้
“หรือว่า…”
จ้าวเฟิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ในตาฉายประกายวาบผ่าน
ฟุ่บ! เหรียญทองแดงโบราณเหรียญหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา บนนั้นส่องประกายแสงดาวสุกสว่าง
“เป็นทิศนี้!” สีหน้าของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเล็กน้อย
ในตอนนี้ ทิศที่พวกคุณชายห่ายบินไปกับทิศที่เหรียญทองแดงโบราณชี้นำเป็นทิศทางเดียวกัน
“ฐานะของข้าจะถูกเปิดเผยไม่ได้!” จ้าวเฟิงมั่นใจแน่ชัด
หากฐานะที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผยออกไป เมื่อครู่คุณชายห่ายก็จะไม่พูดเช่นนั้น หรือก็คือจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคือจ้าวหุย!
แต่ว่าเช่นนี้ก็ดี จ้าวหุยเป็นเพียงแค่เทพแท้จริงขั้นสาม ความระแวดระวังของอีกฝ่ายน่าจะต่ำมาก เป็นประโยชน์ต่อการแฝงตัวเข้าไปของจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก
“ถึงแม้จะยังรวบรวมข่าวสารมาได้ไม่มากพอ แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่พลิกแพลงไปตามสถานการณ์แล้ว!”
ต่อมา จ้าวเฟิงแบ่งความคิดบางส่วนไปควบคุมวิญญาณของจ้าวหุย สังเกตสถานการณ์ของโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความคิดอีกส่วนหนึ่งนำมาตั้งมั่นฝึกฝน ยกระดับพลัง เพื่อรับมือกับอันตรายในอนาคตที่ต้องเผชิญต่อจากนี้
ในชุดคลุมมิติ ผ่านไปนานครึ่งปีแล้ว
‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ก็พัฒนาไปอีกหลายส่วน พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงถึงขั้นเจ็ดสุดยอด!
สำหรับเคล็ดวิชาหลายวิชาที่สอดคล้องกับ ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ดีแล้ว
ณ โลกภายนอก พวกคุณชายห่ายทั้งสองมาถึงใกล้ๆ กับหุบเขาเย็นยะเยือก
พวกเขาเข้าไปในที่ลับตาแห่งหนึ่ง ค่ายกลเลือนรางเบื้องหน้าพวกเขาพลันสลายไป เผยให้เห็นค่ายกลส่งข้าม
เมื่อเปิดค่ายกลส่งข้าม มองเห็นร่างของจ้าวหุยหายวับไปแล้ว พวกคุณชายห่ายทั้งสองคนจึงจากที่นี่ไปอย่างระมัดระวังยิ่ง
ส่วนจ้าวหุยมาถึงในมิติที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง รอบมิติมีเงาร่างคนหลายเงา คนหนึ่งในนั้นยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
“เทพโบราณเสวียนหมัว!” จ้าวเฟิงที่อยู่ในชุดคลุมมิติร้องตกใจ
ส่วนจ้าวหุยที่อยู่โลกภายนอกนั้นแสดงท่าทางตะลึงพรึงเพริด สีหน้าตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก