บทที่ 1381 เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษ
ยามนี้ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนที่กำลังต่อสู้รบกันมีสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าพลังฝึกตนของทุกคนฝั่งเผ่าเทพยักษ์จะเพิ่มขึ้นราวติดปีกเช่นนี้ บวกกับเหตุผลอื่นๆ อย่างเช่นหอหยั่งรู้ หรือการบาดเจ็บของเทพโบราณหานอวี้เป็นต้น
ตอนนี้ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนร่วมมือกัน ยังถูกพวกเผ่าเทพยักษ์ขวางเอาไว้หากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คนที่แพ้ต้องเป็นฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลแน่ แต่ทันใดนั้น ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนได้สารพร้อมกัน “พวกเรามาแล้ว!”
คนที่เอ่ยก็คือ อวี่เหิง
ถึงแม้อวี่เหิงจะเป็นแค่เทพโบราณขั้นเก้า แต่ถึงตอนนี้เขากลับมีภาพจำยากหยั่งถึงอยู่ในใจคนตำหนักวิญญาณบรรพกาล
ด้วยพลังฝึกตน อายุ พรสวรรค์ และฝีมือของอวี่เหิง ในภายหน้าต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพได้อย่างสบายๆแน่นอน
ดังนั้นทุกคนในตำหนักวิญญาณบรรพกาลจึงเคารพยำเกรงอวี่เหิงอย่างมาก
เมื่อเทพโบราณอวี้ห่ายและเทพโบราณหานอวี้รู้เช่นนี้แล้ว สีหน้าก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
กลุ่มอวี่เหิงสามารถเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามกลุ่ม
ยามนี้อวี่เหิงและเทพโบราณเมี่ยหลิวไล่ตามมา มีครึ่งก้าวสู่จอมเทพสามคนร่วมมือกัน ถึงซินอู๋เหินจะหยิบยืมพลังในระดับจอมเทพมาก็แก้ไขสถานการณ์ไม่ได้แล้ว
แต่สิ่งที่ทั้งสองยังไม่รู้ก็คือ ในตอนนี้จ้าวเฟิงและคนของเผ่าเทพยักษ์รู้เรื่องทั้งหมดนี้นานแล้ว และรู้ชัดเจนถึงขั้นว่าอวี่เหิงอยู่ไกลเท่าไหร่
“รีบหนีเร็ว มิฉะนั้นคงโดนจับกันหมดในคราวเดียวแน่…”
จ้าวเฟิงส่งเสียงบอก แต่คิดจะหนีให้สำเร็จก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น จากนั้นจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินจึงหารือแผนรับมือ
“ได้ ให้ข้าบีบพวกนั้นก่อน!” ซินอู๋เหินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
ครืน! เขากระตุ้นสายเลือดทั้งหมด ร่างกายใหญ่พันจั้งเปล่งแสงขาวเป็นประกาย ประดุจเป็นเทพชั้นสูง พลังฟ้าดินจำนวนมหาศาลรอบกายเขารวมตัวเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นสำนึกรู้ที่สูงส่งกลุ่มหนึ่ง
“ไม่ดีแล้ว ซินอู๋เหินกระตุ้นพลังสายเลือดสุดแรง ต้องสำแดงเคล็ดวิชาต้องห้ามอะไรแน่!” เทพโบราณอวี้ห่ายร้องเตือนทันที
“วางใจเถอะ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ทันทีที่อวี่เหิงและเทพโบราณเมี่ยหลิวมาถึงทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว!”
ถึงแม้เทพโบราณหานอวี้จะพูดแบบนี้ แต่นางก็ยังคงรู้สึกระแวง จนถอยไประยะหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“ฝ่ามือเทพยักษ์ถล่มฟ้า!” ซินอู๋เหินตะโกนกร้าว พลังมหาศาลที่เขาสะสมไว้ตรงไปรวมตัวกันเหนือศีรษะ
บนขอบฟ้าจึงปรากฏมือค้ำฟ้าใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งขึ้นอย่างช้าๆ บดบังทั้งผืนฟ้า ทำให้ฟ้าดินทั้งหมดยิ่งมืดสลัวกว่าเดิม
“แข็งแกร่งเหลือเกิน…” เทพโบราณอวี้ห่ายพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักอึ้ง
ถ้าหากถูกฝ่ามือนั้นเข้า เขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง และจะทำให้รากฐานเสียหายอย่างมาก
โครม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เห็นเพียงฝ่ามือแวววาวขนาดมหึมา บดขยี้ลงมาจากความสูงเป็นหมื่นจั้ง
วินาทีนั้น ลมพายุรอบบริเวณพัดกระหน่ำ แรงกดดันที่น่ากลัวตกลงบนตำแหน่งใต้ฝ่ามือนั้น ชั่ววินาทีที่ฝ่ามือฟาดลงมา เผ่าเทพยักษ์และมังกรวารีล้างโลกาก็ถอยร่นไปทันที
“ถอยก่อนชั่วคราว อย่างไรพวกมันก็ต้องตายอยู่ดี!”
เทพโบราณหานอวี้รีบส่งกระแสจิตบอก จากนั้นทั้งสองจึงถอยร่นไประยะหนึ่ง และในเวลานี้เอง ฝ่ามือยักษ์สีขาววาววับก็กดลงมา
โครม ตู้ม ตู้ม! พื้นดินแหลกเป็นเสี่ยงในทันที พลังสูงส่งที่น่ากลัวสาดกระจายออกทั่วบริเวณ
ในเวลาเดียวกัน บริเวณชั้นบนสุดของหอหยั่งรู้พลันปรากฏรูโหว่ทรงเหลี่ยมขึ้น
พรึ่บ! พรึ่บ! จ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโจนออกมาทันใด
แล้วจึงหนีออกจากที่นี่พร้อมกับพวกเผ่าเทพยักษ์
“แย่ล่ะ พวกมันหนีไปแล้ว!” เทพโบราณหานอวี้ร้องเสียงหลง
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?” เทพโบราณอวี้ห่ายชะงักไปโดยพลัน
ตามหลักเหตุผลแล้ว เผ่าเทพยักษ์เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่พวกเขากลับจะหนีอย่างกะทันหัน
“รีบตามเร็ว!” เทพโบราณหานอวี้ร้องตะโกน
ทั้งสองคนเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ย่อมเร็วกว่าพวกเผ่าวิญญาณบรรพกาลอยู่แล้ว
ในเวลานี้เอง เทพโบราณเมี่ยหลิวและอวี่เหิงก็เร่งรุดมาถึงที่นี่
“หนีไปแล้ว!” เทพโบราณเมี่ยหลิวเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดระแวง และเตรียมจะไล่ตามไป
แต่ในทันใดนั้น อวี่เหิงร้องขึ้นทั้งสีหน้าตึงเครียด “ไม่ต้องตาม รีบถอยเร็ว!”
สีหน้าท่าทางของอวี่เหิงค่อนข้างตื่นตัว นี่เป็นครั้งแรกที่คนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลเห็นอวี่เหิงมีท่าทางเช่นนี้
“นี่…” เทพโบราณอวี้ห่ายไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ถึงแม้ว่าพวกซินอู๋เหินจะหนีไปแล้ว แต่พวกเขาก็ไล่ตามทันได้ นี่เป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้ชดใช้ความผิด แต่เวลานี้อวี่เหิงกลับไม่ให้พวกเขาไล่ตามไป ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุ แต่จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายกลุ่มหนึ่ง พร้อมกันนั้นพวกเขาก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งของอวี่เหิงเช่นกัน
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
เทพโบราณหานอวี้และเทพโบราณอวี้ห่ายรีบบินไปหาอวี่เหิง
ในวินาทีที่พวกเขาถอยหนี ก็มองเห็นคลื่นพลังที่แข็งแกร่งลอยออกมาจากด้านในหอหยั่งรู้
“ไม่ได้การแล้ว!” คนทั้งสองหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกได้ว่าอันตรายที่ว่านั้นรุนแรงและรวดเร็วขึ้นทันใด
บึ้ม! หอหยั่งรู้ระเบิดออก และถูกแสงเทพทำลายล้างไร้ที่สิ้นสุดกลืนกินไป
พลังต้องห้ามระดับนั้น ถึงจะเป็นเทพโบราณขั้นเก้าก็ยังต้องสูญสลายเป็นเถ้า
ที่ตั้งของหอหยั่งรู้เกิดเป็นหลุมใหญ่
อั่ก! เทพโบราณหานอวี้หนีไปค่อนข้างช้า เมื่อโดนระลอกการโจมตีที่เหลือจึงกระอักเลือดออกมากลางอากาศ
‘ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้านี่…’ เทพโบราณอวี้ห่ายยังหวาดกลัวในใจ
เมื่อครู่หากไม่ได้อวี่เหิงเตือนไว้ทันท่วงที เกรงว่าพวกเขาสองคนคงตายไปแล้ว
ในเวลานี้ เทพโบราณมู่อวี้กลับมาที่นี่ด้วยใบหน้าสำนึกผิด เมื่อครู่เขาโดนโจมตีจากเผ่าเทพยักษ์จนหนีไป
“ไม่เสียทีที่เป็นเแมวความลับสวรรค์!” อวี่เหิงเอ่ยเสียงเบา
ในสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากของเผ่าความลับสวรรค์ อาคารส่วนที่ค่อนข้างสำคัญล้วนมีขั้นตอนทำลายตัวเอง
สิ่งนี้มีเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูล ข่าวสาร หรือความลับตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
พวกอวี่เหิงทั้งสามปรากฏตัวข้างเทพโบราณอวี้ห่ายและเทพโบราณหานอวี้ จากนั้นจึงตะโกนออกมา “ไป!”
“แต่ว่าร่องรอยของพวกมัน…” ใบหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายฉายแววสงสัย
เพราะการขัดขวางจากซินอู๋เหิน การทำลายตัวเองของหอหยั่งรู้ พวกจ้าวเฟิงจึงหนีออกจากอาณาเขตการรับรู้ของแก้วผลึกไปแล้ว
“ในเมื่อมองเห็นพวกมันแล้ว ข้าก็คาดเดาเส้นทางได้คร่าวๆ!”
อวี่เหิงเอ่ยเสียงเรียบ
ทันทีที่เอ่ยออกมาเช่นนี้ คนที่เหลือต่างก็วางใจ อีกอย่าง ตอนนี้ทั้งสามกลุ่มมารวมตัวกันแล้ว!
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสามคน บวกกับเทพโบราณมู่อวี้ อวี่เหิง เทพโบราณขั้นเก้าสองคน และยังมีขั้นแปดสุดยอดอีกผู้หนึ่ง
ถ้าหากเจอพวกซินอู๋เหินอีกครั้ง พวกนั้นจะหนีรอดไปได้หรือ?
ถึงจะเป็นเทพโบราณอวี้ห่ายที่ล้มเหลวติดต่อกันถึงสองครั้ง ก็ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้แน่
“เทพโบราณอวี้ห่าย เจ้าล้มเหลวอีกแล้ว!”
เทพโบราณเมี่ยหลิวเอ่ยเยาะเย้ย
เทพโบราณอวี้ห่ายทำได้เพียงนิ่งเฉย ไม่สนใจอีกฝ่าย
พรึ่บ… ต่อมา คนตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็เริ่มเดินทางอีกครั้งภายใต้การนำของอวี่เหิง
“เล่าการต่อสู้ก่อนนี้มาอีกรอบ!” อวี่เหิงเอ่ยเสียงเรียบ
เงาข้ามมิติของเขาเมื่อครู่ถูกทำลายจนแตกกระจาย จึงไม่รู้สถานการณ์การต่อสู้แม้แต่น้อย
“เรื่องเป็นแบบนี้…” เทพโบราณอวี้ห่ายเริ่มอธิบาย
……
หลังจากพวกจ้าวเฟิงออกจากหอหยั่งรู้แล้วก็หนีไปอย่างรวดเร็ว
“สหายแมวขโมย เจ้านี่เก่งกาจจริงๆ ด้วย!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยหัวเราะพลางเอ่ย
“แค่ไม่รู้ว่าคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลโดนระเบิดตายไปแล้วหรือยัง!”
เทพโบราณหวาไฉ่พูดกลั้วหัวเราะ
สำหรับเรื่องนี้ ทุกคนเองก็ยากจะตัดสิน
“ถึงจะระเบิดตายไปคนสองคน พวกมันก็ยังคงไม่ปล่อยเราอยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้ก็คือหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!” จ้าวเฟิงเอ่ยแนะนำ
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีอุปกรณ์ที่รับรู้ได้ถึงตำแหน่งของพวกเขา จึงตามหาได้ค่อนข้างสะดวก
หลังจากสามวันผ่านไป ทุกคนจึงค่อยๆ ผ่อนความเร็วลง
ในวันหนึ่ง พวกเขาหนีลงไปใต้ดินเพื่อหยุดพักชั่วคราว ทุกคนรักษาบาดแผล ฟื้นฟูพลังที่ใช้ และยังพูดคุยกันไปด้วย
“ต่อไปพวกเราจะจัดการอย่างไร?” เทพโบราณพั่วเยวี่ยถามก่อน
“ตามหาเทพโบราณเฉิงอวิ๋นเถอะ ดูว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ถ้าหากเป็นไปได้ก็เอาไปด้วย บางทีอาจมีวิธีจัดการร่างดวงจิตในร่างเขา!”
ซินอู๋เหินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย
อย่างไรเสีย เทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็เป็นคนจากเผ่าเทพยักษ์ และพลังของเขามองข้ามไม่ได้ ถ้าหากเอาเขากลับไปด้วย ไม่แน่ว่าจอมเทพอาจช่วยให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ ความคิดนี้ได้รับการเห็นด้วยจากคนอื่นที่เหลือในทันที
เมื่อหยิบป้ายส่งข่าวออกมาส่งข้อความ ซินอู๋เหินก็พอจะรู้ทิศทางคร่าวๆ
“ทางนี้!” จากนั้นทุกคนปรับเปลี่ยนทิศเล็กน้อยและเดินทางต่อ
เดินทางไปได้ไม่นาน
“สิ่งปลูกสร้างเผ่าความลับสวรรค์น้อยลงแล้ว!”
เทพโบราณหวาไฉ่เอ่ยออกมาทันใด
คนอื่นๆ เองก็สังเกตเห็นจุดนี้
“แรงกดดันจากเสวียนอ้าวเวลาเพิ่มขึ้น!” จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้น
การเพิ่มขึ้นของแรงกดดันจากเสวียนอ้าวเวลาเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นตามลำดับ คนทั่วไปจึงยากจะรู้สึกได้ แต่ระดับเสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงไปถึงขั้นหก สูงสุดในบรรดาทุกคนที่นี่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสัมผัสได้
“เป็นเช่นนี้จริงๆ!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยตื่นตะลึง
เมื่อเปรียบกับที่ตั้งของหอหยั่งรู้ก่อนหน้า การกดข่มของเสวียนอ้าวเวลาที่นี่แข็งแกร่งกว่า และเมื่อเดินทางไปอีกสักพัก ทุกคนแทบไม่ค่อยเห็นสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์ แต่เห็นซากปรักหักพังมากกว่า
ทันใดนั้น ในซากปรักหักพังด้านหน้ามีแสงสีขาวสาดซัดระลอกประหลาดออกมา
“หืม? นั่นคือ?” ทุกคนเดินเข้าไปใกล้อย่างอดไม่ได้
ยิ่งเข้าไปใกล้ แรงกดดันจากเสวียนอ้าวเวลาก็ยิ่งรุนแรง
ในตอนที่เข้าใกล้กลุ่มแสงสีขาวมายามาก ทุกคนจึงมองเห็นชัดเจนในที่สุด
นั่นคือแผ่นหินสีเทาขาวขนาดยักษ์ ด้านบนสลักอักษรที่ทุกคนไม่รู้จัก ตัวอักษรเปล่งแสงประกายสีขาวอ่อน แผ่ระลอกเสวียนอ้าวเวลาที่ไร้รูปร่างออกมา
“เพียงแค่อักษรตัวเดียวก็มีเสวียนอ้าวเวลาที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้!”
เทพโบราณหวาไฉ่ตกใจเล็กน้อย
อีกทั้งจากแผ่นหินนี้และสิ่งของผุพังชิ้นอื่นๆ ทำให้ตัดสินได้ว่านี่ไม่ใช่สถานที่ของเผ่าความลับสวรรค์
ซินอู๋เหินเก็บแผ่นหินสีเทาเข้าไปในมิติเก็บของ ทุกคนจึงออกเดินทางต่อ
เดินหน้าไปไม่นานนัก จู่ๆ พื้นดินก็รกร้างว่างเปล่า แทบไร้ต้นไม้ใบหญ้า แต่แรงกดดันของเสวียนอ้าวเวลายังคงเพิ่มขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ด้านหน้ายังมีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย พอมาที่นี่กลับว่างเปล่ารกร้าง?”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยถามด้วยความประหลาดใจ
โครม! ตูม! ในเวลานี้เอง เสียงถี่รัวเล็กๆ ดังมาจากที่ไกลๆ
สีหน้าทุกคนชาวาบ ระแวดระวังมากขึ้น
ไม่นานนัก หมอกทมิฬผืนใหญ่ลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงที่ทำให้จิตใจว้าวุ่นยิ่งดังชัดเจนมากขึ้น
“ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่หมอกดำ…” สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตะลึง
นั่นไม่ใช่กลุ่มของสีดำ แต่เป็นแมลงสีดำรูปร่างคล้ายกันนับไม่ถ้วน
แมลงแต่ละตัวมีขนาดแค่กำปั้นเด็กทารก พวกมันอัดแน่นอยู่ด้วยกัน มีจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกที่ที่ผ่านไป ไอสวรรค์ในฟ้าดินและพลังชีวิตจะกระจายหายไป
“อะไรกัน? แมลง!” กลุ่มเผ่าเทพยักษ์มีสีหน้าตกใจ
หมอกทมิฬลอยเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจน
“มากมายขนาดนี้!” สีหน้าจ้าวเฟิงฉายแววตะลึงอีกครั้ง
แมลงนับไม่ถ้วนเป็นประหนึ่งทะเลแมลง และแมลงเกือบทุกตัวมีพลังเทียบเท่ากับเทพแท้จริง
ถึงแม้ว่าเทพแท้จริงจะเป็นเหมือนมดปลวกในสายตาของเทพโบราณ แต่เมื่อมดปลวกมีจำนวนมากพอ จะล้มช้างก็ยังได้
“หรือว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ลำดับสิบในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ…”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยตะลึงตาค้าง
“เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษ!” สีหน้าซินอู๋เหินเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง