Skip to content

King of Gods 1382

King Of Gods

บทที่ 1382 ชิ้นส่วนลึกลับ

เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษเป็นเผ่าพันธุ์ต้องห้ามลำดับที่สิบในหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ และเป็นต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์หนอนแมลงในจักรวาลนี้ ถูกเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษของหนอนแมลงนับหมื่น!

หากพูดแค่เรื่องกำลังรบ เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษด้อยกว่าเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาซึ่งจัดอยู่ในลำดับที่เก้า แต่หากพูดถึงความน่ากลัวและพลานุภาพ ย่อมเหนือกว่าเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาแน่นอน

กองทัพแมลงกลุ่มหนึ่ง เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษที่แท้จริงจะมี ‘นางพญา’ เพียงตัวเดียวเท่านั้น

ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษของหนอนแมลง มันขยายลูกหลานแมลงออกไปนับไม่ถ้วน ลูกหลานเหล่านี้มีสายเลือดที่เบาบางยิ่งนัก ถึงจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษที่แท้จริง แต่กลับครอบครองความสามารถประเภทต่างๆ

มีลูกหลานบางส่วนที่สามารถกลืนกินธาตุทอง จะถล่มกลุ่มอาคารหลังหนึ่งก็ง่ายดายอย่างยิ่ง

มีบางส่วนที่กลืนกินน้ำแข็งและไฟ บ้างแข็งแกร่งจนทำลายไม่ได้ บ้างก็เล็กจ้อยเกินจะเปรียบ จนไม่อาจมองออกได้ด้วยตาเปล่า ยังมีบางส่วนที่สามารถกลืนกินวิญญาณได้

ลูกหลานบางส่วนที่เรียกว่า ‘ตัวอ่อนแมลง’ เกาะกลุ่มรวมตัวกันจนกลายเป็นกองทัพแมลงที่น่ากลัว

ในทะเลแมลงด้านหน้าจะต้องมีเผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษตัวหนึ่ง และยังเป็นนางพญาในตำนานด้วย

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ตัวอ่อนแมลงนับไม่ถ้วนรวมตัวกันกลายเป็นคลื่นแมลงที่น่ากลัว ตรงเข้าไปหาคนเผ่าเทพยักษ์

แมลงน้อยพวกนี้มีสีดำสนิททั้งร่าง บนเปลือกมีลวดลายประหลาด ปากเป็นทรงกลมและมีฟันจำนวนมากอัดแน่นอยู่ภายใน มองไปแล้วทั้งน่ารังเกียจทั้งน่ากลัว

“รีบไปเร็ว เผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษเห็นเผ่าพันธ์อื่นๆ เป็นศัตรูทั้งสิ้น!”

เทพโบราณหวาไฉ่รีบเอ่ยออกมา

เขตดาราชาดเคยมีข่าวลือมาว่า ในตอนที่ ‘จอมเทพ’ ผู้หนึ่งสำรวจซากปรักหักพัง ได้ไปล่วงเกินเผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษอย่างไม่ได้ตั้งใจ

จากนั้นฝูงแมลงก็ไล่ล่าสังหาร ‘จอมเทพ’ ผู้นั้นเป็นเวลากว่าพันปี จนสุดท้ายก็กลืนกินคนผู้นั้นได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนจึงเตรียมจะแยกย้ายไปทันที และเป็นไปตามที่คาด ในตอนที่มวลแมลงเหล่านั้นเห็นทุกคน จิตสังหารก็กระจายออกมา

วู้ม วู้ม! ตอนนี้เอง ใจกลางของฝูงแมลงมีระลอกวิญญาณสาดออกมา

จากนั้นพวกมันจึงกระจายตัวออกเป็นสองกลุ่ม ส่วนหนึ่งเดินทางนำไปก่อน อีกส่วนไปสังหารพวกเผ่าเทพยักษ์

“แย่ล่ะ ตกเป็นเป้าหมายพวกมันแล้ว!” สีหน้าเทพโบราณพั่วเยวี่ยตื่นตระหนก

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ทะเลแมลงที่น่ากลัวแน่นขนัด ไอสังหารแผ่พวยพุ่ง พวกมันพุ่งไปหาคนเผ่าเทพยักษ์

“ฝ่ามือบุปผาทำลายล้าง!” เทพโบราณหวาไฉ่ฟาดฝ่ามือออกมาทันใด

โครม! ฝ่ามือแสงพายุสายหนึ่งหมุนเข้าไปในฝูงแมลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็สลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“ขั้นพลังของแมลงแต่ละตัวไม่สูงมากนัก แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับมีพลังที่น่าอัศจรรย์!”

จ้าวเฟิงใช้ดวงตาซ้ายสำรวจเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างละเอียด

ส่วนมากแมลงเหล่านี้มีพลังฝึกตนเทียบเท่าเทพแท้จริงขั้นหนึ่งถึงขั้นสี่ แต่กลับสามารถต้านการโจมตีจากเทพโบราณขั้นเก้าของพวกเขาได้

นี่ก็เป็นเพราะพลังป้องกันของแมลงเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างมาก หนำซ้ำขนาดตัวเล็กจ้อย ดังนั้นอาการบาดเจ็บก็น้อยลงตามไปด้วย

พลานุภาพฝ่ามือของเทพโบราณหวาไฉ่ มีแมลงหลายร้อยตัวเป็นอย่างน้อยร่วมกันรับแรงปะทะไว้ ดังนั้นจึงสามารถต้านเอาไว้ได้ ต่อให้มีบางตัวที่บาดเจ็บหรือตายไป ก็ยังส่งผลเล็กน้อยนักต่อทั้งฝูงแมลง

‘สิบลำดับแรกของเผ่าพันธุ์โบราณ ไม่ธรรมดาจริงๆ!’ จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

เมี้ยว เมี้ยว!

ยามนี้เอง เจ้าแมวขโมยน้อยก็กระโจนออกจากมิติเก็บของ ก่อนส่งเสียงร้องใส่พวกแมลง ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายของพวกมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายสังหารที่ยุ่งเหยิงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เมื่อสัมผัสอย่างละเอียดจะพบว่ากลิ่นอายสายเลือดที่เจ้าแมวขโมยแผ่ออกมา คล้ายคลึงกับกลิ่นอายจากเหล่าแมลงอย่างยิ่ง

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ชั่วขณะนั้น ทะเลแมลงที่โจมตีพวกเผ่าเทพยักษ์ก็หยุดการเคลื่อนไหว พวกมันดูสับสน

ส่วนแมลงอีกกลุ่มที่เพิ่งเดินทางไปไกลๆ ก็หยุดชะงักลง

ไม่นานนัก ในมวลแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนก็มีแมลงขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นเล็กน้อยตัวหนึ่งปรากฏออกมา บนหลังของมันมีริ้วลายสีทองม่วง

ในวินาทีที่แมลงริ้วทองม่วงปรากฏตัวขึ้น เลือดในร่างคนฝั่งเผ่าเทพยักษ์ที่แข็งแกร่งยังสั่นไหว รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่เก่าแก่และไม่มีสิ้นสุด

เหมือนนางพญาแมลงตัวเล็กจ้อยเป็นดั่งภูเขายักษ์เก่าแก่

จ้าวเฟิงสังเกตว่า ในพลังดั้งเดิมของดวงตาเทพเจ้าปรากฏระลอกน้ำเล็กน้อย จึงลอบตื่นตระหนกน้อยๆ

‘นางพญาแมลง!’ พวกเผ่าเทพยักษ์ตกตะลึงในใจเช่นกัน

แมลงริ้วทองม่วงตัวนี้ถึงจะถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ตั๊กแตนพิษ ส่วนแมลงอื่นๆ พวกนี้เป็นทายาท และบริวารของมันทั้งสิ้น

เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยสื่อสารกับนางพญาแมลง

มันกำลังอธิบายว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรู และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีเจตนาร้าย และยังสอบถามว่าที่นางพญาแมลงรีบร้อนหนีไปเป็นเพราะเหตุใด

ทะเลแมลงพบเจอพวกจ้าวเฟิง ตามหลักการแล้วควรร่วมมือสังหารกันทั้งกลุ่ม แต่พวกมันกลับแบ่งออกเป็นสองฝั่ง นางพญาแมลงนำอีกกลุ่มหนึ่งไปที่อื่นจะต้องมีเหตุผลอะไรในนั้นแน่นางพญาแมลงตัวนั้นส่งเสียงต่ำแสบหู

จากนั้นทะเลแมลงที่เดิมทีไล่ล่าพวกจ้าวเฟิงก็กระจายตัวกันทันที

มวลแมลงที่น่ากลัวพวกนั้นบินออกไปไกลลิบ

“นี่…สหายแมว เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไร ฝูงแมลงพวกนั้นถึงไม่โจมตีพวกเรา?”

เทพโบราณพั่วเยวี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ และยังนับถือเจ้าแมวขโมยน้อยมากด้วย

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยโบกไม้โบกมือบอกคนอื่นๆ ความหมายก็คือทะเลแมลงกำลังเดินทางไปที่แหล่งสมบัติของมิติแห่งนี้

เมื่อเจ้าแมวเอ่ยออกมา ทุกคนก็มีสีหน้าตกใจ

ด้วยพลังของฝูงแมลงพวกนั้น ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนยังทำได้แค่หลีกหนีไป แล้วสมบัติที่ดึงดูดใจแมลงพวกนี้ได้จะธรรมดาได้อย่างไร?

แต่เห็นได้ชัดว่าแมลงพวกนี้ไม่เป็นมิตรกับทุกคน หากพวกเขาติดตามไป ไม่แน่ว่าอาจไปยั่วโทสะอีกฝ่ายเข้า หนำซ้ำเมื่อพวกเขาติดตามไป ไม่ใช่เท่ากับเป็นการแย่งชิงสมบัติกับฝูงแมลงหรอกหรือ

เป็นศัตรูกับฝูงแมลงที่น่ากลัวเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่ง และเมื่อเรื่องจบลงยังต้องโดนไล่ล่าสังหารอย่างไม่จบไม่สิ้นอีกด้วย

เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยยังทำท่าทางให้ทุกคนดูอีก ความหมายของมันก็คือนางพญาแมลงในฝูงแมลงมีพลังไม่ได้สูงมากนัก ประมาณขั้นเก้าสุดยอดเท่านั้น

ด้วยพลังฝึกตนของซินอู๋เหิน ความสามารถในการมองไกลของดวงตาเทพเจ้าจากจ้าวเฟิง ต่อให้ติดตามไป ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เห็นอยู่ดี พอถึงตอนนั้นค่อยแก้ปัญหาตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆ

เมื่อเอ่ยจบ เจ้าแมวจึงลอบส่งเสียงบอกจ้าวเฟิง ความหมายประมาณว่าถ้าจ้าวเฟิงไม่ไปจะต้องเสียใจภายหลังแน่

“เช่นนั้นพวกเราลองไปดูแล้วกัน ถ้าอันตรายจนเกินไปก็ค่อยถอยกลับ!”

จ้าวเฟิงแนะนำ

หลังจากปรึกษาหารือกันอยู่ชั่วครู่ พวกเผ่าเทพยักษ์ก็เห็นด้วย

พวกเขาต่างอยากเห็นว่า แหล่งสมบัติที่มีมูลค่ามากพอให้กองทัพแมลงเห็นความสำคัญขนาดนี้จะเป็นสถานที่อย่างไรกันแน่

พรึ่บ…

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนจึงตามรอยที่ฝูงแมลงทิ้งเอาไว้และตามหลังพวกมันไป

ไม่นานนัก ทุกคนก็มองเห็นเงาของเหล่าแมลง แต่ทุกคนรักษาระยะห่างกับพวกมันไว้ช่วงหนึ่ง จึงไม่โดนจับได้

“จู่ๆ แรงกดข่มจากเสวียนอ้าวเวลาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก!”

เทพโบราณพั่วเยวี่ยเปิดปากเอ่ย

คนอื่นในกลุ่มก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ จึงผงกศีรษะ

การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในฉับพลันแบบนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าด้านหน้ามีความลับอะไรแน่ๆ

ไม่นานเท่าไหร่นัก

“พวกมันหยุดชะงักไป!”

จ้าวเฟิงพลันเอ่ยขึ้น

ตอนนี้ครรลองสายตาของจ้าวเฟิงมองเห็นได้ไกลที่สุดก็แค่ฝูงแมลงเท่านั้น ส่วนด้านหน้าพวกมันจะมีอะไร เขาเห็นไม่ถนัดนัก

“พวกเราเดินไปทางอื่นเถอะ หากทำแบบนั้นจะสามารถเข้าใกล้สมบัติ และยังไม่ถูกพวกแมลงจับได้ด้วย!”

จ้าวเฟิงแนะนำคนอื่น

จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มบินไปทางซ้ายมือและเข้าไปใกล้ช้าๆ ไม่นานนัก ซากสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก็ปรากฏเบื้องหน้าทุกคน นั่นเป็นป้อมปราการเก่าแก่สีเทา ด้านบนมีลวดลายลี้ลับ ป้อมปราการนี้ทั้งเก่าแก่และผ่านกาลเวลามานาน ทั้งหลังสาดซัดพลังเสวียนอ้าวเวลาออกมา

“นี่ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์!” สีหน้าทุกคนตื่นตะลึง

ก่อนนี้ สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่พวกเขาเคยเห็นมาเป็นของเผ่าความลับสวรรค์แทบทั้งสิ้น ดังนั้นในตอนแรกที่เห็นสิ่งปลูกสร้างแบบอื่นถึงแปลกใจอย่างมาก

เมื่อนึกอย่างละเอียดแล้ว ตลอดทางที่ผ่านมาพวกเขาก็เห็นซากปรักหักพังจำนวนมากที่ไม่ใช่ของเผ่าความลับสวรรค์ แต่คล้ายคลึงกับป้อมปราการสีเทานี้

“ถึงป้อมปราการเก่านี้จะไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างจากเผ่าความลับสวรรค์ แต่ก็ไม่ธรรมดามาก เหมือนจะเป็นรูปแบบของเผ่าพันธุ์อื่นที่แข็งแกร่ง!”

ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงทุ้ม

ในยุคบรรพกาล เผ่าพันธุ์แข็งแกร่งผิดธรรมดาจำนวนมากล้วนแต่มีรูปแบบของสิ่งปลูกสร้างและอารยธรรมของตนเอง

เมื่อเข้าไปใกล้หลายก้าวแล้ว ทุกคนก็สังเกตเห็นว่ารอบๆ ป้อมปราการสีเทามีทรัพยากรนับไม่ถ้วน โดยส่วนมากในนั้นจะมีทรัพยากรเพื่อฝึกเสวียนอ้าวเวลาเป็นหลัก และทรัพยากรล้ำค่าที่ป้อมปราการสีเทายิ่งล้ำค่าและมีอายุยาวนาน

ทุกคนยิ่งเจอ ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ อีกสามท่อน นอกจากนี้ยังมีสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในระดับเดียวกับหน่อไม้แสงจันทร์ด้วย

“สมบัติของล้ำค่ามากมายอะไรขนาดนี้!”

ดวงตาเทพโบราณพั่วเยวี่ยและเทพโบราณหวาไฉ่ส่องประกายวาววับ

ทรัพยากรที่นี่รวมๆ กัน อาจจะล้ำค่ายิ่งกว่าทรัพยากรทั้งหมดที่พวกเขาเคยช่วงชิงมาก่อนหน้านี้

“แหล่งสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกยึดครอง!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ

ในมิติแห่งนี้ สถานที่ที่มีไอสวรรค์มากมายหรือเต็มไปด้วยทรัพยากร จะถูกเผ่าพันธุ์หรืออสูรที่แข็งแกร่งยิ่งยึดครองเอาไว้

เจ้าของภายในป้อมปราการเก่าประหลาดหลังนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่ทำให้ฝูงแมลงหวาดกลัวอย่างมากแน่ เมื่อนึกถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงก็ประหลาดใจมากว่าในป้อมปราการเก่าหลังนั้นมีอะไรกันแน่

คนที่เหลือก็ประหลาดใจเหมือนกัน

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฝูงแมลงด้านหน้าซากป้อมปราการเก่าพลันส่งเสียงแหลมแสบหู จากนั้นพวกมันก็รวมกลุ่มกันหมุนตลบเข้าไปทางป้อมปราการเก่า

วู้ม!

ในตอนนั้นเอง ภายในซากป้อมปราการเก่ามีระลอกแสงสีขาวชั้นหนึ่งกระจายตัวปกคลุมทั้งฟ้าดินไว้

พริบตานั้น การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในโลกทั้งใบก็เชื่องช้าเกินจะเปรียบ

การรุกโจมตีของฝูงแมลงก็เชื่องช้าลง

ทางฟากจ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังเสวียนอ้าวเวลาที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ

“ใครแผ่พลังเวลากลุ่มนี้ออกมากันแน่?” เทพโบราณหวาไฉ่ถามเสียงต่ำ

พวกเขายังตัดสินไม่ได้ว่าพลังเสวียนอ้าวเวลากลุ่มนี้อยู่ในระดับไหนกันแน่

“เกือบขั้นเก้าแล้ว!” จ้าวเฟิงพึมพำ

เสวียนอ้าวเวลาเป็นหนึ่งในเสวียนอ้าวที่ฝึกยากเย็นอย่างยิ่ง แต่เสวียนอ้าวเวลาที่แผ่กระจายออกมากลุ่มนี้กลับไปแตะขั้นเก้าแล้ว!

ตอนนี้เอง แสงสีขาวหลายเส้นพุ่งออกมาจากในป้อมปราการเก่า

เปรี๊ยะ! แสงเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากในนั้น ทุกคนที่นี่รวมไปถึงแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน ต่างจ้องกลุ่มแสงที่โอบล้อมด้วยแสงลี้ลับ

จ้าวเฟิงโคจรดวงตาเทพเจ้าทันที มองทะลุไปจนมองเห็นสิ่งของในกลุ่มแสงได้อย่างชัดเจน

“มันคือ…เศษเสี้ยวชิ้นหนึ่ง?”

จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนนี้เขานึกถึงเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง หรือไม่ก็อสูรเก่าแก่ที่แปลกประหลาด แต่อย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเศษเสี้ยวชิ้นหนึ่งเหมือนเศษกระจก

แต่เพียงแค่เศษเสี้ยวชิ้นหนึ่ง ก็ทำให้ทั้งฝูงแมลงตั้งกระบวนทัพเตรียมตัว

เศษชิ้นส่วนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?

“ฮ่าๆ พวกเจ้ามาอีกแล้ว แต่ว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะไม่ได้อะไรกลับไป!

เสียงของมิติที่เก่าแก่ยาวนานแว่วมาจากในเศษชิ้นส่วนนั้นเสียงแหลมชวนเขย่าขวัญดังมาจากเหล่าแมลง

ทันใดนั้นเอง แมลงทั้งหมดได้รับคำสั่งของนางพญาแมลง เริ่ม ‘จัดกระบวนทัพ’ ไม่นานก็กลายเป็นของทรงกลมขนาดใหญ่ ดูไปแล้วเหมือนรังแมลง

ฟิ้ว! แมลงทั้งหมดร่วมแรงร่วมใจต้านทานพลังเวลาที่สาดซัดออกมาจากเศษชิ้นส่วนนั้น

รังแมลงพุ่งไปด้านหน้าทันใด เร็วกว่าก่อนนี้สองเท่าตัว ตอนนี้ก็บีบเข้าใกล้ป้อมปราการเก่าสีเทาแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version